ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 10 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 191 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
161 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ จำนวน 3 ฉบับ | รง. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการ ๑.๑ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างงานในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) ๑.๒ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ และค่าทดแทนกรณีการตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ๑.๓ ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ
(กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19) จำนวน
๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจในบางเรื่องให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
เช่น กำหนดให้ลูกจ้างมีวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี
กำหนดเพิ่มจำนวนวันลาเพื่อคลอดบุตร
กำหนดสิทธิได้รับค่าทดแทนกรณีถึงแก่ความตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงานในปีที่จะเกษียณอายุ
เป็นต้น
รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าวโดยเทียบเคียงกับหลักเกณฑ์
เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนดไว้ในมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.
๒๕๔๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐประกอบการพิจารณาด้วย
และการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการหรือประโยชน์อื่นใดของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมควรคำนึงถึงความจำเป็นและเหมาะสม
ตลอดจนสถานะทางการเงิน และผลการดำเนินงานของแต่ละรัฐวิสาหกิจ
รวมทั้งกำหนดมาตรการเพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงประกาศในเรื่องนี้
เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณในระยะยาวต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
162 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางด้วน แขวงบางหว้า แขวงบางจาก แขวงคูหาสวรรค์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ แขวงบางขุนเทียน แขวงบางค้อ แขวงจอมทอง แขวงบางมด เขตจอมทอง แขวงท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน แขวงบางมด แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ และแขวงบางปะกอก แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงบางด้วน แขวงบางหว้า แขวงบางจาก แขวงคูหาสวรรค์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ
เขตภาษีเจริญ แขวงบางขุนเทียน แขวงบางค้อ แขวงจอมทอง แขวงบางมด เขตจอมทอง
แขวงท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน แขวงบางมด แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ
และแขวงบางปะกอก แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงบางด้วน
แขวงบางหว้า แขวงบางจาก แขวงคูหาสวรรค์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ
แขวงบางขุนเทียน แขวงบางค้อ แขวงจอมทอง
แขวงบางมด เขตจอมทอง แขวงท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน แขวงบางมด แขวงทุ่งครุ
เขตทุ่งครุ และแขวงบางปะกอก แขวงราษฎร์บูรณะ เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร
เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่ที่มีสิทธิเข้าไปสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน
เพื่อสร้างและขยายทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนเพชรเกษมกับถนนสุขสวัสดิ์
และสายเชื่อมระหว่างสายเชื่อมดังกล่าวกับถนนกาญจนาภิเษก ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
163 | โครงการการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง 2 ให้มีศักยภาพเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก (M1) และมีมาตรฐานโรงพยาบาลคู่สัญญาของประกันสังคม | สกพอ. | 21/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติโครงการการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง
๒ ให้มีศักยภาพเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก (M1) และมีมาตรฐานโรงพยาบาลคู่สัญญาของประกันสังคม
ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กระทรวงสาธารณสุข
คณะกรรมการคัดเลือกตามข้อ ๑๒ ของประกาศคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง
หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขและกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และกระทรวงสาธารณสุขหน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำแนวทางหรือรายละเอียดการดำเนินโครงการฯ
ในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจนและครบถ้วน เช่น
การลงทุนเพิ่มเติมในช่วงระยะเวลาที่ดำเนินโครงการฯ พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ไปดำเนินการเป็นลำดับแรก และดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนได้รับเป็นสำคัญ ควรประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการตั้งแต่เริ่มต้นโดยเฉพาะประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการคัดเลือกตามข้อ ๑๒
ของประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง
หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน
พ.ศ. ๒๕๖๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พิจารณาความเหมาะสมของสมมติฐานด้านรายได้ของโครงการการยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง
๒ ให้มีศักยภาพเป็นโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็ก (M1) และมีมาตรฐาน โรงพยาบาลคู่สัญญาของประกันสังคม และการกำหนดช่องทางการจัดหาแหล่งรายได้ของโรงพยาบาลปลวกแดง
๒ ที่หลากหลายเพิ่มเติม โดยเฉพาะในช่วง ๑๐ ปีแรก เพื่อกระจายความเสี่ยงของโครงการฯ
ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
164 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เรื่อง การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พ.ศ. .... | กก. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ
เรื่อง
การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางอากาศ
ช่องทางบกและช่องทางน้ำ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง)
ดำเนินการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการตรวจลงตราและกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่ออกตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒
โดยกำหนดให้ใช้หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นเอกสารประกอบการอนุญาตเข้าเมืองและผู้ตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมเพื่อประกอบการพิจารณาอนุญาตเข้าเมือง ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น
ควรมีการพิจารณาประสิทธิภาพการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามร่างประกาศฯ เป็นระยะ
โดยคำนึงถึงภาระของภาคเอกชน การบริหารจัดการ และความสะดวกของผู้เดินทาง
พร้อมจัดทำรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามและทบทวนปรับแนวทางได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทย ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
รวมทั้งให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานด้วย ควรมีการกำหนดแนวทางและแผนการใช้จ่ายประโยชน์จากค่าธรรมเนียมให้มีความชัดเจน
เพื่อให้การใช้เงินค่าธรรมเนียมเกิดประโยชน์ต่อภาคการท่องเที่ยวสูงสุด
ควรเตรียมความพร้อมและดำเนินการทดสอบระบบการรับชำระเงินค่าธรรมเนียมและการเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
165 | ผลการพิจารณาญัตติ เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ และปัญหาแชร์ลูกโซ่ ของสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
166 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ | ทส. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
167 | ขออนุมัติปรับระยะเวลาและแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 4 จากปี พ.ศ. 2564-2567 เป็นปี พ.ศ. 2566-2569 | ศธ. | 14/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการปรับระยะเวลาและแผนการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
(สควค.) ระยะที่ ๔ จากปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗ เป็นปี พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙ ในประเด็นสำคัญต่าง ๆ
ดังต่อไปนี้ (๑) อนุมัติการปรับลดจำนวนทุนการผลิตครู สควค. ๒ ประเภท ได้แก่
ทุนประเภทที่ ๑ ทุนระดับปริญญาตรี-โท จำนวนปีละไม่เกิน ๑๐๐ ทุน ระยะเวลารับทุน ๖
ปี รวมระยะเวลาดำเนินการ ๑๐ ปี ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๖-๒๕๗๕ และทุนประเภทที่ ๒ ทุนระดับปริญญาโท
จำนวนปีละไม่เกิน ๑๐๐ ทุน ระยะเวลารับทุน ๒ ปี รวมระยะเวลาดำเนินการ ๖ ปี
ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๖-๒๕๗๑ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
เร่งรัดการดำเนินโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์
(สควค.) ระยะที่ ๔ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อส่งเสริมให้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นไปอย่างเหมาะสม
สอดคล้องกับความต้องการกำลังคนในการพัฒนาประเทศต่อไป ทั้งนี้
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ในประเด็นเรื่องงบประมาณ
ขอให้มีการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ขั้นตอน และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
ควรมีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
เนื่องด้วยเป็นการดำเนินโครงการในระยะที่ ๔
โดยอาจพิจารณาผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียนจากผลทดสอบโปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากลของนักเรียนในสถานศึกษาที่มีบัณฑิตจากโครงการ
สควค. เป็นผู้สอน และผลการทดสอบวิชาความถนัดทางวิชาการและวิชาชีพ (PAT) อาทิ ความถนัดทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
และวิศวกรรมศาสตร์
รวมทั้งมีการพัฒนาแนวทางการติดตามความก้าวหน้าทางอาชีพของผู้สำเร็จการศึกษารายบุคคล
อาทิ ข้อมูลการประกอบอาชีพ ข้อมูลงานวิจัยและการสร้างนวัตกรรม
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพัฒนานโยบาย หลักสูตร
และวิธีการดำเนินโครงการให้มีประสิทธิภาพ
ควรพัฒนาทักษะครูที่ได้รับการบรรจุเข้ารับราชการแล้วอย่างต่อเนื่อง
ทั้งด้านการพัฒนาทักษะเดิม และการเพิ่มเติมทักษะใหม่ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
168 | ร่างจดหมายสนับสนุนการดำเนินงานของธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
169 | (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2566 - 2570) | ยธ. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
170 | การขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่ได้มอบหมายให้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติพิจารณา | มท. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบมอบหมายให้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีจำนวน
๕ มติ ได้แก่ นโยบายการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดิน
การพิจารณาถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อนำไปจัดให้แก่ประชาชน
การควบคุมการจัดที่ดินขอหน่วยงานที่ดำเนินการจัดที่ดิน
การพิจารณากำกับนโนบายที่ดินแห่งชาติ
และการจำแนกที่ดินออกจากป่าไม้ถาวรซึ่งอยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ
จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดที่ดิน
แต่จะเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมาตรา ๑๐ (๑) และ
(๔) แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการกรณีที่ดินของรัฐที่อยู่ในความครอบครอง
หรือใช้ประโยชน์ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
หรือที่ได้อนุญาต/อนุมัติให้เอกชนเข้าทำประโยชน์หรือได้รับสัมปทาน
เมื่อส่วนราชการหน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะใช้ที่ดินเสื่อมสภาพ
หรือหมดอายุการอนุญาต/อนุมัติให้เข้าทำประโยชน์หรือหมดอายุสัมปทานที่ให้แก่เอกชน
แล้วแต่กรณี
สมควรที่หน่วยงานเจ้าของที่ดินดังกล่าวจะได้พิจารณาดำเนินการเพื่อส่งมอบที่ดินนั้น
ๆ ให้แก่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเพื่อพิจารณาใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาที่ดินของประชาชน
ตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
171 | การขออนุมัติเพิ่มจำนวนการรับนิสิตโครงการเพชรในตม | กอรมน. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเพิ่มจำนวนการรับนิสิตโครงการเพชรในตม
จากเดิมปีละ ๔๕ คน เพิ่มเป็นปีละ ๑๖๑ คน โดยรับจาก ๗๓ จังหวัด (ยกเว้น
กรุงเทพมหานคร) จังหวัดละ ๒ คน รวมเป็น ๑๔๖ คน และในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอในจังหวัดสงขลา
จำนวนเท่าเดิม ๑๕ คน รวมรับนิสิตโครงการเพชรในตมปีละ ๑๖๑ คน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เป็นต้นไป
รวมทั้งบรรจุบัณฑิต จำนวน ๑๖๑ คน เป็นข้าราชการครู ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(สพฐ.) ในโรงเรียนพื้นที่ภูมิลำเนาของนิสิตโครงการเพชรในตม หรือหมู่บ้านใกล้เคียง
โดยไม่ต้องสอบแข่งขันเป็นกรณีพิเศษ และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินโครงการเพชรในตมในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ และปีต่อ ๆ ไป
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ)
ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความั่นคงแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการกำหนดคุณสมบัติเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเพชรในตม
ควรดำเนินการอย่างเป็นธรรม โปร่งใส และตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการดังกล่าว
สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ควรพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖
และ/เหลือใช้จ่ายจากงบประมาณที่เหลือจ่ายจาการดำเนินการที่บรรลุตามวัตถุประสงค์
และ/หรือรายการที่หมดความจำเป็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ความสำคัญกับกระบวนการคัดเลือกผู้เข้าร่วมโครงการด้วยความเป็นธรรม
ควรมีการวิเคราะห์เหตุผลความจำเป็นของการขยายการรับนิสิตและการขยายพื้นที่การดำเนินงานเพิ่มให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการเพชรในตมให้ชัดเจนและต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบรรจุบัณฑิตของโครงการในโรงเรียนพื้นที่ภูมิลำเนา
ความยั่งยืนของการเป็นข้าราชการครูของบัณฑิตและพัฒนาด้านการเรียนรู้ของนักเรียน
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการดำเนินโครงการในระยะต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
172 | แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) | ทส. | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก
ระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ
ต่อไป ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๗๓ ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๑๗
เมษายน ๒๕๖๒ รับทราบ เพื่อเป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศและเป็นแนวทางการบูรณาการการดำเนินงานการจัดการขยะพลาสติกของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการระยะที่
๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๕) รวมทั้งยกระดับการจัดการขยะให้ดียิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ควรได้รับการสนับสนุนงบประมาณองค์ความรู้ด้านวิชาการและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เพื่อสร้างความรู้ความข้าใจและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ควรเร่งดำเนินการโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในทุกมิติ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง
และปลายทาง
รวมถึงการสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์ขยะพลาสติกทั้งในปัจจุบันและอนาคต
การกำหนดให้มีการยกร่างกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์
ตลอดจนร่างอนุบัญญัติและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจะต้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒
รวมทั้งจะต้องพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกันด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ในระยะต่อไป
หากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีแผนระดับที่ ๓ ที่ต้องเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของการเสนอแผนระดับที่ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔
ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) วันที่ ๓
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติสู่การปฏิบัติ) วันที่ ๑๕
ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ ที่เป็นแผนปฏิบัติการด้าน...
เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) และวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๖๔ (เรื่อง
คู่มือแนวทางการจัดทำแผนระดับที่ ๓ และการเสนอแผนระดับที่ ๓
ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน... ต่อคณะรัฐมนตรี) ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
173 | ขออนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2570 | นร.52 | 07/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ทั้งนี้
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าให้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามระบบและมีความต่อเนื่อง
ให้ความสำคัญกับการสื่อสารและการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเจตนารมณ์ของโครงการฯ
ให้กลุ่มเป้าหมายทราบอย่างชัดเจน พิจารณาปรับแผนงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
หรือโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ
ตามระเบียบว่าด้วยการโอนงบประมาณรายจ่ายบูรณาการและงบประมาณรายจ่ายบุคลากรระหว่างหน่วยรับงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๗๐
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้บูรณาการการดำเนินงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงวัฒนธรรม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวมมีความเหมาะสม คุ้มค่า
เป็นไปตามความลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อลดความซ้ำซ้อน
เกิดความเสมอภาค และไม่เป็นภาระงบประมาณเกินจำเป็น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
174 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. .... ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
175 | ขอถอนร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 | ปปง. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินถอนร่างกฎกระทรวง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่เสนอได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
176 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ | กษ. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์
จากเดิมสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ตามปริมาณงานที่ยังเหลือ และตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมการข้าว)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรพัฒนาช่องทางการขายข้าวอินทรีย์ เช่น การค้าออนไลน์
เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง
ตลอดจนพัฒนาการตลาดและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัย
ให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ควรให้มีการกำกับติดตามประเมินผลความสำเร็จการดำเนินงานของโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โปร่งใส
บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรอย่างนั่งยืนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทาง/มาตรการในการดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากข้าวอินทรีย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัยทั้งในและต่างประเทศ
รวมทั้งพัฒนาช่องทางการตลาดของข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ให้ขยายเพิ่มมากขึ้น
เพื่อเป็นการส่งเสริมศักยภาพของข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเกษตรกรด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
177 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 2/2565 | นร.11 สศช | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
178 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ครั้งที่ 14 และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน (JDS) ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 5 ระหว่างไทยกับมาเลเซีย | กต. | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
179 | ผลการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 14 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (The 14th IMT-GT Summit) | นร.11 สศช | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
180 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายชูเกียรติ พงศ์ศิริวรรณ) | นร.04 | 31/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายชูเกียรติ
พงศ์ศิริวรรณ เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายธนกร วังบุญคงชนะ)
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|