ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 10 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 191 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
121 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. .... | นร 05 | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. .... ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒
ตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไรของหน่วยงานของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๔๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อปรับปรุงมาตรการในการควบคุมดูแลเรื่องการเรี่ยไรของทางราชการ
ป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเพื่อให้ความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
โดยตัดผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจากองค์ประกอบของคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
122 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... | มท. | 11/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทองผาภูมิ
จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลท่าขนุน
อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท
ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การค้าชายแดน การบริการ
และรักษาสภาพแวดล้อมของชุมชน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) การใช้ประโยชน์ที่ดินต้องไม่ขัดต่อการจัดสรรที่ดินภายใต้พระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ
พ.ศ. ๒๕๑๑
และเพื่อกำหนดพื้นที่การใช้ประโยชน์เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(๒)
ขอแก้ไขถ้อยคำในรายการประกอบแผนผังกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่ได้จำแนกประเภทท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว
ข้อ ๑๐.๑๐ จากเดิม “หมวดการทางทองผาภูมิ” แก้ไขเป็น “หมวดทางหลวงทองผาภูมิ” (๓)
ควรคำนึงถึงกฎ ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และการกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้
นั้น หากพบว่ามีการส่งมอบพื้นที่กลับคืนกรมป่าไม้ในภายหลัง
เห็นควรพิจารณากำหนดประเภทที่ดินให้เป็นที่ดินประเภทอนุรักษ์ป่าไม้
(สีเขียวอ่อนมีเส้นทแยงสีขาว) (๔)
การพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และ (๕)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อรักษาพื้นที่เกษตรกรรมและสภาพแวดล้อม
รวมถึงพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีของชุมชนให้ดำรงอยู่อย่างยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
123 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ (รองศาสตราจารย์พันธุ์ทิพย์ สายสุนทร) | นร.01 | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
รองศาสตราจารย์พันธุ์ทิพย์ สายสุนทร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
(ด้านการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน) ในคณะกรรมการการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๔ เมษายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
124 | การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ | นร. | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติกำชับให้กระทรวงการคลัง
คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระมัดระวังในการเก็บรักษาข้อมูลอย่างรอบคอบ
รัดกุม รวมทั้งให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ และ ๒๘ กุมภาพันธ์
๒๕๖๖ อย่างเคร่งครัด
โดยไม่ให้เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแก่สาธารณชน
หรือนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการตามอำนาจหน้าที่อย่างเด็ดขาด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
125 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีฉบับใหม่ | สกพอ. | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและสำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลี
และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
ฉบับใหม่ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เป็นกรอบความร่วมมือในการส่งเสริมความสัมพันธ์ในด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมระหว่างไทยและเกาหลีใต้
โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของไทย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยบันทึกความเข้าใจฯ
ได้รับการลงนามและมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ และมีอายุ ๓ ปี
(สิ้นสุดผลบังคับใช้วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕)
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรมุ่งเน้นส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาในมิติต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ผลักดันให้เกิดการลงทุนพัฒนาในระบบนิเวศทางธุรกิจและอุตสาหกรรม (Ecosystems) ของไทย
ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
สำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลี และหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนของทั้งสองประเทศสามารถแสวงหาโอกาสต้นแบบการพัฒนาที่เหมาะสมเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันและแบ่งปันข้อมูล
ตลอดจนเทคโนโลยีที่ทันสมัยภายใต้กรอบความร่วมมือฉบับนี้ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
126 | นายกรัฐมนตรีลากิจในวันที่ 31 มีนาคม 2566 วันที่ 3 เมษายน 2566 และวันที่ 4 เมษายน 2566 | นร.05 | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งว่า
นายกรัฐมนตรีได้ลากิจในวันศุกร์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๑๓.๐๐ น. เป็นต้นไป
วันจันทร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. และในวันอังคารที่ ๔
เมษายน ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น.-๑๔.๐๐ น.
ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดทำหนังสือเวียนแจ้งให้รัฐมนตรีทุกท่านทราบแล้ว
ทั้งนี้ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการลาของข้าราชการ พ.ศ. ๒๕๕๕ ข้อ ๔๑
กำหนดให้การลาทุกประเภทของนายกรัฐมนตรีให้อยู่ในดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี
แลแจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
127 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ครั้งที่ 2 | นร.11 สศช | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒ ซึ่งประกอบด้วย (๑)
ร่างขอบเขตการดำเนินงานของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
และ (๒)
ร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒ และเห็นชอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเร่งรัดการขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ครั้งที่ ๒
และเข้าร่วมการประชุมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรีดังกล่าว
พร้อมทั้งร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกอาเซียนให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
โดยไม่มีการลงนาม โดยร่างขอบเขตการดำเนินงานฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อติดตาม เร่งรัด
แลกเปลี่ยน และให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคอาเซียน
ส่วนร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของรัฐมนตรีด้านการวางแผนแห่งชาติของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ต้องการส่งเสริมและเน้นย้ำเรื่องความร่วมมือเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
128 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. 2023 | นร.14 | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างปฏิญญาเวียงจันทน์
ค.ศ. ๒๐๒๓ โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายของประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงในการมุ่งเน้นการดำเนินการตามพันธกรณี
ของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรี (นายประวิตร วงษ์สุวรรณ) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเสนอการปรับแก้ไขถ้อยคำในร่างปฏิญญาเวียงจันทน์
ค.ศ. ๒๐๒๓ ตามข้อคิดเห็นของกรมสนธิสัญญาและกฎหมายในการประชุมรัฐมนตรีในกรณีที่มีความจำเป็น
และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง
ครั้งที่ ๔ เป็นผู้รับรองปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. ๒๐๒๓ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาเวียงจันทน์ ค.ศ. ๒๐๒๓
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
129 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ. 2566 (ครบ 3 ปี 6 เดือน) | ดศ. | 04/04/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล
พ.ศ. ๒๕๖๖ (ครบ ๓ ปี ๖ เดือน)
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) สรุปผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ ๑)
ประชาชนร้อยละ ๘๗.๖ มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลหรือผลงานของรัฐบาล
โดยส่วนใหญ่ติดตามผ่านช่องทางโทรทัศน์ ๒) ประชาชนร้อยละ ๔๑.๑
มีความพึงพอใจมาก-มากที่สุด ต่อการบริหารงานของรัฐบาล
๓) โครงการ/มาตรการของรัฐบาลที่ประชาชนมีความพึงพอใจระดับมาก-มากที่สุด เช่น
โครงการคนละครึ่ง ร้อยละ ๖๓.๑ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ร้อยละ ๖๒.๓ และมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ ร้อยละ ๔๐.๗ ๔) ประชาชนร้อยละ ๓๒.๙
มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ๕) เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งงด่วน
เช่น ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค ลดค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา ลดราคาน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ แก้ปัญหาด้านการเกษตรและเพิ่มมาตรการ/สวัสดิการ/เงินช่วยเหลือเยียวยา ๖) ประชาชนร้อยละ ๒๐.๓
ประสบปัญหาการถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยพบว่า
ถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือความเป็นส่วนตัว
สูญเสียเงินจากข้อความ/อีเมลหลอกลวง/การเข้าเว็บไซต์ปลอม
และสูญเสียเงินจาการถูกโจรกรรมขอมูลบัตรเครดิต และ ๗)
เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการสนับสนุนให้ประชาชนปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัล เช่น
จัดหา FIWI ฟรี ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
และจัดหาอินเทอร์เน็ตให้ประชาชนในราคาถูก และ (๒) ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ ๑)
ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลผ่านช่องทางที่หลากหลาย
๒) ควรสร้างความรู้ ความเข้าใจ ส่งเสริม และสนับสนุนให้ประชาชนรู้เท่าทัน
และสามารถป้องกันการถูกหลอกลวงจากสื่อสังคมออนไลน์ ๓)
ควรจัดหาอินเทอร์เน็ตฟรีให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และ ๔)
ควรให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาความต้องการของประชาชนในแต่ละกลุ่มและพื้นที่
ผ่านนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เช่น การขยายระยะเวลามาตรการลดค่าน้ำ-ค่าไฟ
และจัดหาตลาดรองรับพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งการส่งเสริมให้เกิดการจ้างงาน
สร้างอาชีพให้กับประชาชน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
130 | รายงานผลการพิจารณาในภาพรวมต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติกับสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย | สม. | 28/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติกับสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงแรงงานได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยมีผลสรุปในภาพรวมว่า
ข้อเสนอในระยะสั้นกระทรวงแรงงานได้สำรวจความต้องการแรงงานข้ามชาติของผู้ประกอบการ
และได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปรับลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตแล้ว
โดยที่ประชุมเห็นว่า หากมีการปรับลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานจะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการกองทุนเพื่อบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
ควรให้คงค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานในอัตราเดิม
รวมทั้งได้ปรับลดมาตรการการนำเข้าแรงงานต่างด้าวตาม MOU ให้มีความสะดวกและรวดเร็ว
โดยให้เพิ่มช่องทางการเดินทางระหว่างประเทศทางอากาศ และเห็นชอบในหลักการปรับลดค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา
(VISA) จาก ๒,๐๐๐ บาท เหลือ ๕๐๐ บาท
นอกจากนี้
กระทรวงแรงงานได้แก้ไขปัญหาการนำเข้าแรงงานต่างด้าวให้มีกระบวนการขั้นตอนที่สะดวกและรวดเร็วตามมาตรฐานสากล
ส่วนข้อเสนอแนะในระยะยาวกระทรวงแรงงานได้ร่วมลงนามใน MOU กับประเทศคู่ภาคี
(กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าแรงงานผิดกฎหมาย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
131 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการผูกขาดทางการแข่งขันอันเนื่องมาจากนโยบายการสนับสนุนสินค้าที่ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย | ปช. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีการผูกขาดทางการแข่งขันอันเนื่องมาจากนโยบายการสนับสนุนสินค้าที่ขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย
ได้แก่ (๑) เห็นควรให้สำนักงบประมาณร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำบัญชีนวัตกรรมไทยพิจารณากำหนดแนวทางป้องกันไม่ให้สินค้าในบัญชีนวัตกรรมเกิดการผูกขาด
หรือมีประเด็นความเสี่ยงต่อการเอื้อประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ
และ (๒) เห็นควรให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติพิจารณาดำเนินการทบทวนการกำหนดสัดส่วนการใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศและเป็นกิจการของคนไทยไว้ในหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยให้ชัดเจน
โดยควรกำหนดให้มีการใช้วัสดุที่ผลิตในประเทศและเป็นกิจการของคนไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ
๕๐ และทบทวนกระบวนการรับขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทย
ในกลุ่มผลิตภัณฑ์นวัตกรรมประเภทที่มีการซื้อหรือนำเข้าวัสดุบางส่วนจากต่างประเทศ
เพื่อประกอบเป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมไทย
โดยตรวจสอบวัสดุที่นำเข้าให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงบประมาณให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติด้วย ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามข้อเสนอแนะข้างต้นในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
และให้ดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
132 | โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ชุดที่ 1 | พน. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนอุบลรัตน์
ชุดที่ ๑ ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๘๖๓.๔๐ ล้านบาท แบ่งเป็นเงินตราต่างประเทศ ๔๘๔.๘๐
ล้านบาท และเงินบาท ๓๗๘.๖๐ ล้านบาท และหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ
ให้ถือว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้รับอนุมัติงบประมาณเพื่อการลงทุนตามแผนการประมาณการเบิกจ่ายประจำปี
๒๕๖๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ที่
นร ๐๗๑๕/๑๑๕๗๐ ลงวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๕) สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ธนาคารแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงงาน
(หนังสือคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ที่ สกพ ๕๕๐๑/๐๐๘๒ ลงวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕)
เช่น ให้การไฟฟ้าเร่งดำเนินโครงการลงทุนภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยที่สนับสนุนให้ประเทศไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาดให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) เป้าหมายที่ ๗ สร้างหลักประกันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ที่ยั่งยืนในราคาที่ย่อมเยา
รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนและสถาบันการเงินที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงการที่มีการดำเนินงานภายใต้กรอบแนวคิดความยั่งยืน
หรือ ESG (Environment, Social และ Governance) พิจารณากำหนดมาตรการกำกับ ติดตาม การปฏิบัติตามรายงานประมวลหลักการปฏิบัติ
(Code of Practice : CoP)
และรายงานเกี่ยวกับการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย
(Environment & Safety Assessment : ESA) อย่างเคร่งครัด ศึกษาความเหมาะสมในการใช้ประโยชน์จากการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่
(BESS)
เพื่อรองรับแนวทางการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าที่มุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนภายในประเทศ
จัดลำดับความสำคัญและปรับแผนการลงทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้เร็วขึ้นจากที่กำหนดไว้ตามแผน
PDP๒๐๑๘ REV.๑
พร้อมทั้งพิจารณาปรับเพิ่มกำลังการผลิตโดยคำนึงการใช้ระบบและอุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
133 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมง และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน รอบปีการประมง 2566-2567 พ.ศ. .... | กษ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมง
และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน รอบปีการประมง ๒๕๖๖-๒๕๖๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมงและยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้านแก่ผู้ขอรับใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน
ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับ จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๘
เพื่อเป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจแก่ผู้ขอรับใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง
และประโยชน์ที่จะได้รับเกี่ยวกับการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
134 | โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2566 | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปีการผลิต ๒๕๖๖
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย
และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อรองรับต้นทุนในการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรเมื่อประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรมีการหารือเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของกรอบวงเงินในการดำเนินการ
ควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ และควรพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
135 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการด้านอาหารของประเทศไทย ระยะที่ 1 พ.ศ. (2566-2570) | สธ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ
(ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการด้านอาหารของประเทศไทย ระยะที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
พร้อมทั้งนำแผนเข้าระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (Electronic
Monitoring and Evaluation System of National Strategy and Country Reform :
eMENSCR) เพื่อติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการสำคัญต่าง ๆ
ตามแผนต่อไป โดยร่างแผนปฏิบัติการด้านอาหาร ระยะที่ ๑ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแผนชี้นำการขับเคลื่อนการดำเนินงานและเป็นกรอบในการบริหารจัดการจัดสรรทรัพยากร
และกำกับติดตามประเมินผลสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเพื่อบูรณาการนโยบายและแผนแต่ละระดับที่เกี่ยวข้อง
มุ่งสู่การแก้ไขปัญหาได้ตรงตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ประกอบด้วย ๖ เป้าหมาย เช่น
จำนวนคนขาดแคลนอาหารลดลง และมีกลไกประสานงานกลางและบูรณาการการดำเนินงาน ๑๘
ตัวชี้วัด เช่น ภายในปี ๒๕๗๐ ทุกจังหวัดจะมีรายงานผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษสูง
และจะมีโครงการสำคัญภายใต้แผนเข้าสู่ระบบ eMENSCR จำนวน
๑๐โครงการ และ ๔ ยุทธศาสตร์ เช่น ยุทธศาสตร์ที่ ๑ ด้านความมั่นคงอาหาร
และยุทธศาสตร์ที่ ๒ ด้านคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหาร โดยมีตัวอย่างโครงการ เช่น
โครงการจัดสรรที่ดินทำกินให้เกษตรกรรายย่อยและผู้ด้อยโอกาส
และโครงการขยายผลโครงการ Green Industry (GI) เพื่อยกระดับผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ตามที่คณะกรรมการอาหารแห่งชาติเสนอ
และให้คณะกรรมการอาหารแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายใต้ร่างแผนปฏิบัติการดังกล่าว
เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร
หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ในโอกาสแรกก่อน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
136 | ร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2565 - 2567 และร่างแผนปฏิบัติการด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2566 - 2570 รวม 2 ฉบับ | นร.08 | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗
และตารางประสานสอดคล้องแสดงแนวทางดำเนินงานและความเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์/แผนหลักที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และเสนอรัฐสภาเพื่อทราบต่อไป ๒.
เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
รวมทั้งเป็นกรอบในการจัดทำโครงการ กิจกรรม และงบประมาณรองรับในการขับเคลื่อนงานตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้
พ.ศ. ๒๕๕๓ ๔.
กรณีที่นโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗
สิ้นสุดห้วงเวลาบังคับใช้ และแนวทางนโยบายดังกล่าวยังสอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการตามมาตรา ๔ วรรคหนึ่งและวรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๕.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมที่เห็นควรปรับวัตถุประสงค์และเป้าหมายให้สอดคล้องกับร่างนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) และชื่อแผนของกระทรวงยุติธรรมให้เป็นปัจจุบัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๖.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักงาน
ก.พ. เช่น ควรให้ความสำคัญกับการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชามาใช้เป็นกรอบในการแก้ไขปัญหา
ควรดำเนินการตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติความเชื่อของประชาชนในพื้นที่
ควรยึดหลักความเท่าเทียมโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา
ลดความหวาดกลัวในชุมชนเดียวกัน เพื่อสร้างแรงกดดันให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้รับความร่วมมือจากประชาชน
และเมื่อร่างนโยบายการบริหารฯ และร่างแผนปฏิบัติการฯ ได้ประกาศใช้แล้ว
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อให้ทันต่อสภาวการณ์
รวมทั้งควรพัฒนาขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่รัฐให้มีความรู้ ความเข้าใจ
และทักษะที่จำเป็น เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ นำไปใช้เป็นต้นแบบต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
137 | ร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน
วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐ เพื่อเปิดโอกาสให้บุคคลนำอาวุธปืนที่ยังไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายนำอาวุธปืนมาขอรับใบอนุญาตตามกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนด
หรือนำอาวุธปืนที่ไม่อาจออกใบอนุญาตได้ตามกฎหมายมาส่งมอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องรับโทษ
รวมทั้งเพื่อจัดเก็บอัตลักษณ์และรายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืน
อันจะส่งผลให้ปริมาณอาวุธปืนที่ไม่ถูกกฎหมายลดน้อยลง สามารถตรวจสอบได้
สามารถควบคุมตรวจสอบ กำกับและติดตาม การมีและใช้อาวุธปืนเหล่านี้ได้
ตลอดจนป้องกันการนำอาวุธปืนไปใช้ก่ออาชญากรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาประเด็นตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา และรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
ที่เห็นว่า “หน่วยงานทหารที่ใกล้ที่สุด” ควรระบุให้ชัดเจน
เนื่องจากหน่วยงานทหารบางหน่วยไม่มีความพร้อมทางด้านอาคาร สถานที่ และกำลังพล ในการดำเนินการกำกับดูแลเก็บรักษาอาวุธปืนดังกล่าว
รวมถึงควรพิจารณานำเทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนปืนและปรับปรุงฐานข้อมูลให้ทันสมัยตลอดเวลา
ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น
การนำอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตมาขึ้นทะเบียนควรมีการตรวจสอบหลักเกณฑ์มาตรฐานและประวัติอาชญากรรมของอาวุธปืนก่อนและการจัดเก็บข้อมูลอาวุธปืนควรดำเนินการจัดเก็บตั้งแต่ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนหรือการขอใบอนุญาต
ควรมีการกำหนดรายละเอียด วิธีการ และหลักเกณฑ์ต่าง ๆ อย่างชัดเจน
ไว้ในกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง
ควรกำหนดมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการให้ความร่วมมือกับทางราชการ
รวมถึงมาตรการป้องกันมิให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์จากการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
138 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... | กษ. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ตั้งแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๗
เพื่อเป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจให้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องและผลประโยชน์ที่จะได้รับให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมถึงการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสม
เพื่อให้กลุ่มผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
สามารถดำรงและฟื้นตัวได้ในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน โดยการให้คำปรึกษาและให้ความรู้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
139 | แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566-2570 ฉบับทบทวน แผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ. 2566-2570 | นร.11 สศช | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติแผนพัฒนาจังหวัด ๗๖ จังหวัด
และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐ ฉบับทบทวน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำความเห็นและข้อเสนอแนะไปปรับปรุงแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในระยะต่อไป ๑.๒ อนุมัติแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของจังหวัด ๗๖ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ๑๘ กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย (๑)
เห็นควรสนับสนุนในกรอบวงเงิน (Y๑)
จำนวน ๑,๓๔๖ โครงการ งบประมาณ ๒๙,๓๑๔,๕๑๐,๙๐๐ บาท (๒)
เห็นควรสนับสนุนเกินกรอบวงเงิน (Y๒) จำนวน
๔๐๑ โครงการ งบประมาณ ๑๒,๕๘๘,๙๕๐,๗๕๐ บาท รวมทั้งสิ้น ๑,๗๔๗ โครงการ งบประมาณรวม
๔๑,๙๐๓,๔๖๑,๖๕๐ บาท ๑.๓ อนุมัติข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ.
๒๕๖๖-๒๕๗๐ รวมจำนวน ๓๖๔ โครงการ ทั้งนี้ ขอให้สำนักงบประมาณให้ความสำคัญและพิจารณาสนับสนุนงบประมาณโครงการที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาคเป็นลำดับแรก
เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม
สอดคล้องตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
และมอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปดำเนินการประสานสำนักงบประมาณ
เพื่อดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นว่า ในการขับเคลื่อนแผนงานโครงการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดต้องสามารถตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน และพิจารณาตามลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน อีกทั้งควรมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณ สำหรับข้อเสนอโครงการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ควรให้ความสำคัญและสนับสนุนงบประมาณโครงการที่มีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาภาคสูงอย่างมีระบบและครอบคลุม สอดคล้องกับศักยภาพและพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
140 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองนครศรีธรรมราช | ศป. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติให้สำนักงานศาลปกครองเปลี่ยนแปลงรายการเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ จากรายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองนครศรีธรรมราช
จำนน ๑๘๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นรายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองนครศรีธรรมราช
บริเวณศูนย์ราชการรองนาสาร อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน ๔๒๙,๔๔๙,๐๐๐
บาท
และอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปครองนครศรีธรรมราช
จำนวน ๓,๐๒๖,๒๐๐ บาท
ไปสมทบในรายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองนครศรีธรรมราชได้
โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙-พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน
๑๓๘,๒๔๖,๙๐๐ บาท
ที่ได้รับอนุมัติเงินจัดสรรและเป็นเงินคงเหลืออยู่ในบัญชีของสำนักงานศาลปกครองแล้ว
และเงินสมทบของสำนักงานศาลปกครอง จำนวน ๔,๙๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือจำนวน
๒๘๖,๓๐๒,๑๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๖๙
โดยขอให้สำนักงานศาลปกครองจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นที่ต้องใช้ในแต่ละปีต่อไป ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙-พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙-พ.ศ. ๒๕๖๙
๒.
ให้สำนักงานศาลปกครองรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรเร่งดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จและถือปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ ของทางราชการ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัดด้วย
|