ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 812 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 16221 - 16240 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
16221 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ) (จำนวน 5 ราย 1. นายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ ฯลฯ) | กต | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. นายปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ๒. นายดำรง ใคร่ครวญ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางนันทนา ศิวะเกื้อ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา เครือรัฐออสเตรเลีย ๔. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ๕. นายเกริกพันธุ์ ฤกษ์จำนง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16222 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ (จำนวน 3 คน 1. นายสุพล ศรีพันธุ์ ฯลฯ) | มท | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารกองทุนจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่ จำนวน ๓ คน ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกวาระหนึ่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุพล ศรีพันธุ์ ๒. นายสมบัติ ทวีผลจรูญ ๓. นายวีระพงษ์ บุญญานุสนธิ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16223 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) (นางอาทิตยา สุธาธรรม) | ดศ | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอาทิตยา สุธาธรรม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16224 | การแก้ไของค์ประกอบผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ | นร08 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแก้ไของค์ประกอบผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๒๙/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ เรื่อง การแต่งตั้งผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๔ คน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกองค์ประกอบผู้แทนพิเศษของรัฐบาลฯ (๑) พลเอก อุดมเดช สีตบุตร หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๒) พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองหัวหน้าหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๑๑) นายพรชาต บุนนาค ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๑๓) นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และเลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ๒. ให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน (๑) พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ หัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๒) พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รองหัวหน้าหัวหน้าผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๑๑) นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล (๑๓) นายพรชาต บุนนาค ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และเลขานุการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16225 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ มอบหมายเป็นหลักการให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้รักษาราชการแทน ตามลำดับ ดังนี้ ๑.๑ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ๑.๒ พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง ๑.๓ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ๑.๔ นายวิษณุ เครืองาม ๑.๕ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้นจะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16226 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | รง | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการมอบหมายผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในกรณีที่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามลำดับ และให้ครอบคลุมถึงกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานด้วย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16227 | หลักในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี | นร | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่ทรงมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ ตามประกาศลงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ จึงกำหนดหลักการในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี ดังนี้
๑. น้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่พระราชทานในโอกาสที่รัฐมนตรีดังกล่าวเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ๒. ยึดหลักความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และตรวจสอบได้ ๓. สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประชาชนกับรัฐบาล โดยให้ชี้แจงในเรื่องต่าง ๆ ที่ประชาชนมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจ รวมทั้งชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินงานและเผยแพร่ผลงานในความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง ๔. ให้ความสำคัญกับการปฏิรูปการดำเนินงานในเชิงบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกกระทรวงภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และลงพื้นที่เพื่อติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบ โดยยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16228 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม รวม 3 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระยอง (ฉบับ ที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับเมืองรวมจังหวัดระยอง พ.ศ. 2560)] | มท | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการเพิ่มประเภทโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. ๒๕๕๖) ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕) ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินและสัญลักษณ์สีแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดิน และควรพิจารณาการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีดุลยภาพ รวมทั้งพิจารณาการใช้ที่ดินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยดำเนินการควบคู่กับการวางผังการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีดุลยภาพ เช่น มีสัดส่วนของที่ว่างและพื้นที่สีเขียวที่เหมาะสม และควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16229 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงานพิจารณากำหนดมาตรการการส่งเสริมการลงทุนให้แก่ภาคเอกชนในการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัยสำหรับแรงงานต่างด้าวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งนี้ ในการจัดหาพื้นที่เพื่อการดังกล่าว ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้คำนึงถึงประเด็นด้านความมั่นคงด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการจัดหาพันธุ์สัตว์หรือน้ำเชื้อปศุสัตว์ เช่น โค กระบือ ที่มีคุณภาพให้แก่เกษตรกร เพื่อเร่งการผลิตปศุสัตว์ให้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ให้กำหนดเป้าหมายของการดำเนินการในแต่ละปีให้ชัดเจนด้วย ๑.๓ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนแก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลต่าง ๆ เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) ให้ถูกต้อง ทั่วถึง โดยจะต้องชี้แจง เน้นย้ำให้ทราบถึงข้อควรระวังและปัจจัยเสี่ยงในการลงทุนเงินสกุลดังกล่าวให้ชัดเจนด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนและประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและมีการพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงแรงงาน (กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) พิจารณาจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานชั่วคราวในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดต่าง ๆ หรือศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานเคลื่อนที่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้แรงงานหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านนิคมอุตสาหกรรม และมีความสนใจเข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ๒.๒ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการกำกับให้สถาบันอาชีวศึกษาทุกจังหวัดทั่วประเทศจัดหลักสูตรการฝึกอบรมวิชาชีพและช่างฝีมือในสาขาต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการแรงงานในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งให้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อสร้างเครือข่ายและต่อยอดการพัฒนาฝีมือในอนาคตต่อไปด้วย นั้น ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการให้ครอบคลุมถึงการกำหนดหลักสูตรการศึกษาอบรมของสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ด้วย ๓. ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารและการขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายโรงแรมและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันเพื่อกำกับดูแลให้การประกอบธุรกิจโรงแรมหรือเกสต์เฮาส์เป็นไปอย่างถูกต้อง คล่องตัวและสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ดังกล่าวประการใด ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงภาระทางภาษีที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสมด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการประสานงานกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านก่อนที่จะดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคณะกรรมการดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินการมีความสอดคล้อง เชื่อมโยง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับแนวทางการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้น ให้ทุกกระทรวงแต่งตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นภายในสำนักงานปลัดกระทรวงเพื่อทำหน้าที่ประสานงานเชื่อมโยงกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้าน ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมข้อมูลดังกล่าวทั้งหมดแล้วนำเสนอนายกรัฐมนตรีภายใน ๑๕ วัน ๔.๒ ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการสร้างการรับรู้แก่ประชาชนในเรื่องต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดทำภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) เพื่อให้เข้าใจง่าย ตามนัยข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และได้มีการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงเพื่อทำหน้าที่สร้างการรับรู้ภารกิจและผลการดำเนินการของแต่ละกระทรวง รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์งานของรัฐบาล นั้น เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจผลงานของรัฐบาลที่มีข้อมูลจำนวนมากได้อย่างถูกต้องและเข้าใจง่าย จึงให้ดำเนินการดังนี้ ๔.๒.๑ ให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี บูรณาการการจัดทำข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ดังกล่าว โดยให้นำเสนอ (๑) ข้อมูลในภาพรวมที่มีเนื้อหาสั้น กระชับ เข้าใจได้ง่าย โดยจัดทำในลักษณะเป็นภาพหรือกราฟิกเพื่อการสื่อสาร (Infographics) ที่มีรูปแบบทันสมัยและดึงดูดความสนใจ (๒) ข้อมูลที่เป็นรายละเอียดแต่ละเรื่อง ให้นำเผยแพร่ต่อสาธารณชนในสถานที่ที่มีประชาชนเป็นจำนวนมาก เช่น ศูนย์การค้า สถานีรถไฟฟ้า ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติทราบด้วย ๔.๒.๒ ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติทบทวนการนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานและแผนการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้นำผลการดำเนินงานของโฆษกกระทรวงและโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีตามข้อ ๔.๒.๑ มาประมวลด้วย ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับผลงานของรัฐบาล และให้คณะรัฐมนตรีได้รับทราบการดำเนินงานด้านประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๕. ให้ทุกส่วนราชการพิจารณากำหนดการดำเนินการ/กิจกรรม ตามความเหมาะสมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน เช่น การอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ การลดภาระรายจ่ายในเรื่องต่าง ๆ ของประชาชน โดยอาจพิจารณานำแนวทางการดำเนินการในปีที่ผ่านมามาเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ๖. ให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาคัดเลือกบทเพลงที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ไทย เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นเพลงในการนำเสนอในเวทีหรือการจัดนิทรรศการระดับนานาชาติ ทั้งที่จัดในประเทศไทยและต่างประเทศเพื่อแสดงความเป็นไทย ๗. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการโดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) กำกับให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการรายงานความคืบหน้าในการจัดทำแผนก่อสร้างสถานที่จอดรถใต้ดินและการพิจารณาความเป็นไปได้ในการให้เอกชนร่วมลงทุน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน นั้น ให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) เร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการดังกล่าวแล้วรายงานความคืบหน้าต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน ๑ เดือน ๘. ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบปัญหาจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ตามแผนเผชิญเหตุที่ได้กำหนดไว้ โดยให้ระดมกำลังเครื่องจักรกล รถผลิตน้ำดื่ม รถไฟฟ้า รถสุขา และเรือท้องแบนเพื่อให้บริการประชาชนในการสัญจร ตลอดจนเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังลงสู่ทะเลโดยเร็ว รวมทั้งให้พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการเพื่อลดพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในระยะต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดเตรียมแผนการตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาจากอุทกภัยดังกล่าวและเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16230 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม รวม 3 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี (ฉบับ ที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. 2555)] | มท | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวม รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการเพิ่มประเภทโรงงานในร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. ๒๕๕๖) ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระยอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดระยอง พ.ศ. ๒๕๖๐) ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕) ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินและสัญลักษณ์สีแสดงการใช้ประโยชน์ที่ดิน และควรพิจารณาการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทอนุรักษ์ชนบทและเกษตรกรรมควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีดุลยภาพ รวมทั้งพิจารณาการใช้ที่ดินเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก โดยดำเนินการควบคู่กับการวางผังการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างมีดุลยภาพ เช่น มีสัดส่วนของที่ว่างและพื้นที่สีเขียวที่เหมาะสม และควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองสนับสนุนให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นกำกับดูแลและอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผังเมืองอย่างเข้มงวด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16231 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ - หมู่เกาะพะงัน) | ทส | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ - หมู่เกาะพะงัน) มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า เช่น พันธุ์ไม้ ของป่า สัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ที่สวยงามบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ ๔๓.๐๓๒๐ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๒๖,๘๙๕ ไร่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16232 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 51/2560 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | สลธ.คสช. | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16233 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 52/2560 เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง | สลธ.คสช. | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๕๒/๒๕๖๐ เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่ง ลงวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ให้นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน และให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ โดยให้เป็นหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมในสำนักนายกรัฐมนตรี และอยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ๒. ให้นายทองเปลว กองจันทร์ พ้นจากตำแหน่งรองอธิบดีกรมชลประทาน และให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16234 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560) | อื่นๆ | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ซึ่งระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๖๘/๒๕๖๐ ในวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๖๙/๒๕๖๐ ในวันศุกร์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16235 | แนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ | มท | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีเงินสะสม ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ จำนวน ๓๑๘,๓๔๒.๖๘ ล้านบาท เมื่อกันเงินสำรองจ่ายกรณีเกิดสาธารณภัย สำรองงบบุคลากร และเงินที่จะต้องทดรองจ่ายให้แก่ประชาชนก่อนได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล เช่น เบี้ยยังชีพ ฯลฯ และรายการที่ก่อหนี้ผูกพันไว้แต่ยังไม่ได้จ่าย จำนวน ๑๖๗,๓๘๘.๓๔ ล้านบาท แล้ว คงเหลือเงินสะสมที่สามารถนำมาใช้จ่ายได้ จำนวน ๑๕๐,๙๕๔.๓๔ ล้านบาท ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดแนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมของ อปท. เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนี้ ๑.๑ โครงการที่ดำเนินการจะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่เป็นการใช้จ่ายในกิจกรรมที่ไม่เกิดประโยชน์หรือฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น ๑.๒ อปท. จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข การใช้จ่ายเงินสะสม ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยจะต้องคำนึงถึงสถานะทางการคลัง เสถียรภาพทางการเงินการคลังในระยะยาว ๑.๓ อปท. จะต้องสำรองเงินสะสมจำนวนหนึ่งไว้ก่อนโดยเฉพาะเงินสำรองจ่ายกรณีเกิดสาธารณภัย เงินสำรองไว้สำหรับรายจ่ายประจำ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร เงินที่ต้องสำรองจ่ายก่อนที่จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (ค่าเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ/ผู้พิการ ฯลฯ) เงินสะสมที่มีภาระผูกพันแล้ว เป็นต้น หลังจากนั้นจึงจะนำเงินสะสมที่เหลือไปใช้จ่ายได้ ๑.๔ โครงการหรือกิจการที่จะดำเนินการต้องอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อปท. ในด้านการบริการชุมชนและสังคม กิจการที่เป็นการเพิ่มพูนรายได้ของ อปท. หรือกิจการที่จัดทำขึ้นเพื่อบำบัดความเดือดร้อนของประชาชนโดยถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ ข้อ ๘๙ ๑.๕ ให้ อปท. นำเงินสะสมไปใช้จ่ายตามอำนาจหน้าที่เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นและการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้ความสำคัญกับโครงการ เช่น ด้านโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร การจัดการขยะมูลฝอย การรักษาความสะอาดในท้องถิ่น เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับกระทรวงการคลังกรณีขอยกเว้นการดำเนินการด้านการพัสดุที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ อปท. ดำเนินการให้ถูกต้องเหมาะสมต่อไป โดยควรกำหนดให้ อปท. สามารถเร่งรัดก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายเงินได้ภายในระยะเวลา ๔ เดือน นับแต่ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณากำหนดแนวทางการใช้จ่ายเงินสะสมของ อปท. ตามกรอบวงเงินสะสมที่สามารถใช้จ่ายได้โดยไม่รวมเงินสำรองต่าง ๆ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้ความสำคัญกับโครงการที่สามารถพัฒนาท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง รวมทั้งสามารถตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่และการดำเนินนโยบายสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาล เช่น การก่อสร้างและซ่อมแซมถนนโดยใช้ยางพาราเป็นส่วนประกอบ เป็นต้น ๔. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับไปหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดสรรงบประมาณเพื่อการดำเนินภารกิจต่าง ๆ ของ อปท. โดยคำนึงถึงสัดส่วนการจัดสรรรายได้ให้แก่ อปท. อย่างเหมาะสม รวมทั้งพิจารณากำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงินสะสมของ อปท. เช่น การลงทุนร่วมระหว่างรัฐบาลและ อปท. (Matching Fund) ตามมาตรการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจและสังคมภายในท้องถิ่น การจัดสรรงบประมาณสำหรับการซ่อมบำรุงถนนในท้องถิ่นและสำหรับการสร้างถนนในพื้นที่ของ อปท. และระหว่าง อปท. ด้วยกันเอง ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการถ่ายโอนภารกิจ เช่น ภาระค่าไฟฟ้าที่ติดตั้งบริเวณถนนที่รับโอนมาจากกรมทางหลวงชนบท เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16236 | ขออนุมัติกรอบอัตรากำลังพนักงานมหาวิทยาลัยเพิ่มเติมของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปีงบประมาณ 2561 - 2564 | ศธ | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติกรอบอัตรากำลังพนักงานมหาวิทยาลัยเพิ่มเติมของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ สายวิชาการ จำนวน ๒๗๑ อัตรา สายสนับสนุน จำนวน ๑๐๓ อัตรา รวม ๓๗๔ อัตรา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาดังกล่าวมาดำเนินการ สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการศึกษา และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขให้สถาบันอุดมศึกษาที่ขอรับการจัดสรรอัตรากำลังเพิ่มเติมจะต้องไม่มีอัตรากำลังว่างที่ไม่มีคนครองเกินหนึ่งปีเหลืออยู่ และกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติงานในพื้นที่สำหรับการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุแต่งตั้งในอัตราที่ได้รับการจัดสรรเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการบรรจุแล้วขอย้ายออกจากพื้นที่ในภายหลัง รวมทั้งให้นำข้อสังเกตของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ เกี่ยวกับการกำหนดเงื่อนไขในการคัดเลือกบรรจุบุคลากรสายวิชาการ ไปดำเนินการเพื่อให้เกิดความเสมอภาคและได้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงไปปฏิบัติงานในสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ป้องกันปัญหาการร้องเรียนเกี่ยวกับความโปร่งใสและความเป็นธรรมในการคัดเลือกในภายหลัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดสวัสดิการที่เหมาะสม รวมทั้งกำหนดมาตรการดูแลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบุคลากรของสถาบันอุดมศึกษาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีผู้มาปฏิบัติงานในพื้นที่เต็มตามอัตราที่กำหนด โดยเฉพาะในสาขาที่ขาดแคลนและมีความต้องการที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศในระยะยาว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16237 | โครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ | ศธ | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ ระยะที่ ๓ เป็นการต่อยอดให้นักเรียนซึ่งได้รับทุนการศึกษาในโครงการสานฝันการกีฬาสู่ระบบการศึกษาจังหวัดชายแดนใต้ ระยะที่ ๑ และ ๒ ที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-กีฬา และแผนการเรียนศิลป์ภาษา-กีฬา ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จำนวน ๑๒ โรงเรียน นักเรียนจำนวน ๒,๕๑๙ คน ให้ได้รับทุนการศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ของสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และอาชีวศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) แผนการดำเนินงานใน ๕ ปีการศึกษา (ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๕) โดยเริ่มต้นและสิ้นสุดโครงการฯ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๙ งบประมาณดำเนินโครงการฯ ๕๕๑,๖๗๗,๕๐๐ บาท โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้ สกอ. ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเป็นทุนการศึกษา จำนวน ๖๔ ทุน วงเงิน ๑,๗๖๐,๐๐๐ บาท และ สอศ. ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเป็นทุนการศึกษา จำนวน ๒๗ ทุน วงเงิน ๗๔๒,๕๐๐ บาท รวมจำนวน ๙๑ ทุน วงเงินทั้งสิ้น ๒,๕๐๒,๕๐๐ บาท ส่วนทุนการศึกษาที่เหลืออยู่อีก จำนวน ๒,๔๒๘ ทุน ให้ทั้งสองหน่วยงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการฯ จำนวน ๑๙,๒๑๓,๐๐๐ บาท จะพิจารณาตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละปีงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำแผนการรับนักเรียนใน ๑๒ โรงเรียน ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ของ สพฐ. ให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการดำเนินงานตามโครงการฯ และกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกเป้าหมายนักเรียนที่จะได้รับทุนต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแล โครงการฯ ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และควรเตรียมมาตรการรองรับกรณีผู้สำเร็จการศึกษาไม่สามารถสอบผ่านการคัดเลือกศึกษาต่อระดับปริญญาตรี การลาออกกลางคัน และควรคำนึงถึงการให้ผู้รับทุนการศึกษากลับไปพัฒนาภูมิลำเนาของตนเอง รวมทั้งมีการจัดทำฐานข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ นอกจากนี้ ควรพิจารณาดำเนินโครงการฯ ให้สอดคล้องกับข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๐ โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างการรับรู้และขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และควรจัดระบบติดตามประเมินผลและรายงานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้ารับการศึกษาในสายสามัญหรือสายอาชีพเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในสาขาวิชาที่เป็นความต้องการของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติและแนวทางการปฏิรูปประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16238 | ขอความเห็นชอบตามมาตรการในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2535 เรื่อง แผนแม่บทการจัดการปะการังของประเทศ โครงการก่อสร้างระบบท่อส่งประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย | มท | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า โครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเกาะสมุย ระยะที่ ๑ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน และมีการดำเนินการไปแล้ว ๒ ส่วน คือ ส่วนที่ ๑ : การวางท่อจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี-อำเภอดอนสัก และส่วนที่ ๓ : การวางท่อส่งจ่ายน้ำบนเกาะสมุย ดำเนินการก่อสร้างมาแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ สำหรับส่วนที่ ๒ : การวางท่อจากอำเภอดอนสัก-ลอดทะเล-อำเภอเกาะสมุย ยังมิได้ดำเนินการ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการสิ่งแวดล้อมที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗ รวมทั้งมีบางส่วนที่จะต้องวางท่อลอดใต้ท้องทะเลใกล้แนวปะการังในระยะ ๑ กิโลเมตร ซึ่งจะต้องขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๕ (เรื่อง มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แผนแม่บทการจัดการปะการังของประเทศ) ด้วย หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้จะทำให้ไม่สามารถเชื่อมต่อโครงการฯ ได้ทั้งระบบและใช้ประโยชน์ได้ ๒. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบตามมาตรการข้อ ๓ (๑)(ค) ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๕๗ ในการดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย (โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะที่ ๑ ส่วนที่ ๒ ปีงบประมาณ ๒๕๕๘) ๒.๒ ผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๕ ในการดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย (โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะที่ ๑ ส่วนที่ ๒ ปีงบประมาณ ๒๕๕๘) ๓. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๐ และคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ให้ กปภ. สร้างปะการังเทียม หรือปลูกปะการังจริงในพื้นที่ใกล้เคียงทดแทน รณรงค์การลดการใช้น้ำ การบำบัดน้ำเสีย และการนำน้ำเสียที่บำบัดแล้วกลับมาใช้ประโยชน์ การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการฯ ให้สื่อมวลชนและประชาชนได้รับทราบ และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุม ครบถ้วน และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ กปภ. แจ้งรายละเอียดการดำเนินการให้กรมเจ้าท่าทราบ เพื่อออกประกาศให้เรือที่แล่นสัญจรผ่านไป-มา ระมัดระวังการเดินเรือในพื้นที่ก่อสร้างโครงการฯ และควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง อาทิ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูแนวปะการัง โดยอาจขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่บนเกาะสมุยร่วมด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ในการจัดให้มีน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคของประชาชนในบริเวณพื้นที่ที่เป็นเกาะต่าง ๆ ในโอกาสต่อไป ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดตั้งโรงงานผลิตน้ำประปาในพื้นที่ควบคุมไปกับการดำเนินการบำบัดน้ำเสีย แทนการจัดทำท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเล โดยให้กระทรวงการคลังพิจารณามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุน/การส่งเสริมให้ดำเนินการดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16239 | รายงานผลการดำเนินงานการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม 2559 - มกราคม 2560 ของกระทรวงคมนาคม | คค | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ที่เกิดขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม ๒๕๕๙-มกราคม ๒๕๖๐ โดยกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมท่าอากาศยาน และการรถไฟแห่งประเทศไทย) ได้ดำเนินการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ รวมทั้งสิ้น ๕๖๙ แห่ง วงเงินรวม ๖,๐๕๕.๙๖ ล้านบาท ประกอบด้วย ฟื้นฟูสายทางและสะพาน ฟื้นฟูท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และฟื้นฟูเส้นทางรถไฟ ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๒๖๓ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๒๒) และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓๐๖ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๗๘) นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำในภาคใต้ตามข้อมูลของกรมชลประทาน โดยการก่อสร้างทางลอดทางรถไฟ การแก้ไขสะพาน และการก่อสร้างกำแพงกันดิน รวมทั้งสิ้น ๕๒ แห่ง วงเงิน ๗๙๔.๓๗ ล้านบาท ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๔ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ ๒๖.๙๒) และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๓๐ แห่ง (คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๖๙) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการเพื่อปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนนให้สามารถอำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน ดังนี้ ๒.๑ ให้บูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งรัดแก้ไขปัญหาน้ำท่วมผิวการจราจรในสายทางต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เช่น ถนนสุขุมวิทช่วงผ่านเมืองพัทยา เป็นต้น โดยอาจพิจารณาสร้างทางระบายน้ำหรือเสริมพื้นถนนเดิมให้สูงขึ้นตามความจำเป็นและเหมาะสม ๒.๒ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จากพื้นที่เกาะกลางถนนของสายทางต่าง ๆ เพื่อจัดทำเป็นทางยกระดับเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรและ/หรือใช้เป็นทางระบายน้ำ ตามแต่กรณี ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความปลอดภัยและความคุ้มค่าเป็นหลักด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
16240 | มาตรการด้านการเงินสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการมาตรการด้านการเงินสำหรับเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาโครงการรวมถึงปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอนุมัติงบประมาณชดเชยไม่เกิน ๒,๘๓๗.๕๐ ล้านบาท โดยให้ธนาคารออมสินทำความตกลงในการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวตามภาระที่เกิดขึ้นจริงกับสำนักงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการมีความเข้มงวดในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยต้องเป็นผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการและมีการดำเนินธุรกิจอยู่ในพื้นที่อย่างแท้จริง รวมถึงขอความร่วมมือให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการเร่งดำเนินการอนุมัติคำขอสินเชื่อที่ยังค้างอยู่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ขยายเวลามาตรการพักชำระหนี้ลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และอนุมัติงบประมาณชดเชยไม่เกิน ๖๗๓.๒ ล้านบาท ซึ่งเป็นการชดเชยตามหลักการเดิม โดยให้ ธ.ก.ส. ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๑.๓ ขยายระยะเวลาและปรับปรุงหลักเกณฑ์โครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอนุมัติงบประมาณชดเชยไม่เกิน ๙๐ ล้านบาท โดยให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นหน่วยงานจัดสรรงบประมาณและทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๑.๔ เห็นชอบโครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อมุสลิม และอนุมัติงบประมาณชดเชยไม่เกิน ๒๐๐ ล้านบาท โดยให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ทำความตกลงในการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวตามภาระที่เกิดขึ้นจริงกับสำนักงบประมาณต่อไป ๑.๕ รับทราบโครงการสินเชื่อบ้านมุสลิมชายแดนใต้ของ ธอท. และโครงการสินเชื่อสำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับการขยายระยะเวลา หลักเกณฑ์และเงื่อนไข และวงเงินงบประมาณชดเชยสำหรับโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ มาตรการพักชำระหนี้ลูกค้า ธ.ก.ส. และโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยก่อการร้ายในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามภาระที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและความเหมาะสมต่อไป สำหรับโครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อมุสลิม ให้ ธอท. กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพิจารณาสินเชื่อด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง ส่วนโครงการสินเชื่อบ้านมุสลิมชายแดนใต้ของ ธอท. และโครงการสินเชื่อสำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ ธอส. ที่ไม่ขอรับการชดเชยจากรัฐบาล ให้ธนาคารตรวจสอบความซ้ำซ้อนของโครงการในลักษณะเดียวกันกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น ๆ ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน และมีการติดตามประเมินผลอย่างเข้มงวด เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขการดำเนินการในระยะต่อไปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการและรายงานผลต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ทราบเป็นระยะ ๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงแนวทาง/มาตรการในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย หน่วยงานฝ่ายความมั่นคง เช่น ศอ.บต. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางในการส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบกิจการขนาดเล็กต่าง ๆ ที่มีผู้ประกอบการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเจ้าของกิจการและมีการจ้างแรงงานในพื้นที่ และให้เร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป
|
.....