ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 549 จากทั้งหมด 6218 หน้า แสดงรายการที่ 10961 - 10980 จากข้อมูลทั้งหมด 124359 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 10961 | การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการ SMEs อย่างทั่วถึง | กค | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10962 | การสนับสนุนการใช้สินค้าและบริการของวิสาหกิจชุมชน ชุมชน และท้องถิ่น | นร05 | 26/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการสนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่วิสาหกิจชุมชน สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพของสินค้าและบริการของชุมชนให้มีมาตรฐานและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมทั้งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยด้วย คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการจัดซื้อจัดจ้างการผลิตสินค้าและบริการในเรื่องต่าง ๆ จากวิสาหกิจชุมชน ชุมชน และท้องถิ่น เช่น ผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) โดยให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐ ของมูลค่าความต้องการใช้ทั้งหมดของหน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10963 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล | ดศ. | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10964 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงพาณิชย์และรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ | พณ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงพาณิชย์และรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ชุดใหม่ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายสุพพัต อ่องแสงคุณ เป็นโฆษกกระทรวงพาณิชย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๒. นางลลิดา จิวะนันทประวัติ เป็นรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ ๓. นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม เป็นรองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10965 | รายงานผลการเตรียมความพร้อมในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | กสทช | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเตรียมความพร้อมในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานการปรับปรุงแผนการดำเนินการและกรอบระยะเวลาการดำเนินการในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเพิ่มเติมเนื้อหานิยามคำว่า “การหลอมรวม” และเพิ่มเติมรายละเอียดการจัดทำหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปรับกรอบระยะเวลาการดำเนินการในการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีความชัดเจนกระชับรวดเร็วขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10966 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ตผ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ ดังนี้
๑. รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินของกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินแสดงฐานะการเงินของกองทุนเพื่อการพัฒนาการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ และผลการดำเนินงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10967 | รายงานประจำปี 2562 ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา | กสศ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๒ ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ตามที่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ มีโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษแบบมีเงื่อนไขหรือทุนเสมอภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง โครงการพัฒนาสถาบันต้นแบบด้านการพัฒนาคุณภาพเด็กปฐมวัยเพื่อสร้างความเสมอภาคทางการศึกษา โครงการสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับนักเรียนในพื้นที่ห่างไกลเป็นครูรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาคุณภาพโรงเรียนของชุมชน [ครูรัก(ษ์)ถิ่น] โครงการทุนเต็มศักยภาพสายอาชีพ โครงการพัฒนาครูและโรงเรียนเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โครงการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์สร้างสรรค์ในโรงเรียนเพื่อความเสมอภาคในการเติบโตเป็นแรงงานคุณภาพยุค ๔๐ ของเยาวชนไทย และโครงการพัฒนาระบบทดลองการพัฒนาทักษะแรงงานที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ๒. รายงานด้านการบัญชีและการตรวจสอบ ประกอบด้วย รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบภายใน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ และรายงานการสอบบัญชีของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10968 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครอาบิดจัน สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ (นายฮัสซาน ฮิญาซี) | กต | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครอาบิดจัน สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมสาธารณรัฐโกตดิวัวร์ และแต่งตั้ง นายฮัสซาน ฮิญาซี (Mr. Hassan Hyjazi) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ นครอาบิดจัน สาธารณรัฐโกตดิวัวร์ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10969 | ร่างบันทึกความร่วมมือด้านไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่นและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับใหม่ | ดศ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือด้านไปรษณีย์ระหว่างกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารแห่งประเทศญี่ปุ่นและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย (Memorandum of Cooperation in the Postal Field between the Ministry of Internal Affairs and Communications of Japan and the Ministry of Digital Economy and Society of the Kingdom of Thailand) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ (ยังไม่มีกำหนดวันลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือฯ) โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ จัดทำขึ้นเพื่อใช้บังคับแทนบันทึกความร่วมมือฯ ฉบับเดิม ที่สิ้นสุดการใช้บังคับเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๒ โดยคงหลักการและทิศทางในแนวทางเดิม แต่ปรับรายละเอียดเนื้อหาและเพิ่มกิจกรรมให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และการดำเนินงานในปัจจุบัน เช่น การแปลงที่ทำการไปรษณีย์ในประเทศไทยให้ประชาชนได้นำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหรือผลิตภัณฑ์เกษตรมาขายในช่องทางออนไลน์ และกำหนดให้การสิ้นสุดของบันทึกความร่วมมือฯ จะไม่มีผลต่อกิจกรรมความร่วมมือข้างต้นที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการในช่วงที่บันทึกความร่วมมือฯ หมดอายุ รวมทั้งเปลี่ยนการลงนามเป็นรัฐมนตรีว่าการของทั้งสองฝ่ายเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านไปรษณีย์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10970 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ | มท | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหพันธรัฐรัสเซียในการพัฒนา จัดโครงการเฉพาะ หรือกิจกรรมด้านการจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกของคู่ภาคีที่หามาได้ โดยขึ้นอยู่กับกฎหมายภายในประเทศ กฎ ระเบียบ และนโยบายแห่งชาติซึ่งใช้บังคับในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งสหพันธรัฐรัสเซีย โดยมีเป้าหมายของโครงการความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติ เน้นการส่งเสริมและสนับสนุนการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการจัดการภัยพิบัติ และการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการบรรเทาความเสี่ยงจากภัยพิบัติ สนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และศูนย์ภาวะวิกฤตของสหพันธรัฐรัสเซีย ๑.๒ ให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่วมกับสหพันธรัฐรัสเซีย เนื่องจากเป็นการดำเนินงานตามความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพันธกรณีที่ประเทศไทยได้ลงนามรับรองไว้แล้วเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะผู้ประสานงานหลักในคณะกรรมการอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติทำความเข้าใจร่วมกันกับกระทรวงป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งสหพันธรัฐรัสเซียที่เป็นตัวแทนของสหพันธรัฐรัสเซียในประเด็นเนื้อหาในร่างบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันในแต่ละประเด็น และไม่ก่อให้เกิดการสร้างภาระผูกพันในประเด็นที่อาจจะขัดกับกฎหมายของแต่ละประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10971 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พลัดแอกอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ที่จังหวัดสระบุรี | อก | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ตามคำขอประทานบัตรที่ ๔/๒๕๕๘ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พลัดแอกอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ที่จังหวัดสระบุรี ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ และ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดมาตรการและเงื่อนไขในการอนุญาตประทานบัตรให้รัดกุม เข้มงวด เพื่อป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกำกับและติดตามการดำเนินการให้ผู้ที่ได้รับประทานบัตรดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และเงื่อนไขในการอนุญาตประทานบัตรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การทำเหมืองเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมและสามารถลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและการปลูกป่าทดแทนเพื่อให้พื้นที่ทำเหมืองฟื้นคืนสภาพป่าในระยะต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ เช่น (๑) หน่วยงานที่เกี่ยวกับควรมีการกำกับติดตามให้ผู้ขอประทานบัตรปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการด้านสุขภาพของประชาชน และมาตรการการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้ความสำคัญกับการดำเนินงานภายใต้กองทุนเฝ้าระวังสุขภาพในการเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ และ (๒) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรศึกษาเพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ป่าต้นน้ำของไทยทั้งในภาพรวมและในเชิงพื้นที่ของแต่ละลุ่มน้ำให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายในภาพรวมและตามบริบทของแต่ละพื้นที่ เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10972 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ในภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด [การลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน)] | อื่นๆ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง หลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สำหรับกรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ในภารกิจของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๗ (พ.ศ. ๒๕๔๑) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ เกี่ยวกับการจดทะเบียนโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ในการบริหารจัดการธนาคารที่ดินของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) จากอัตราร้อยละ ๒ และร้อยละ ๑ ตามลำดับ เหลืออัตราร้อยละ ๐.๐๑ ตามราคาประเมินทุนทรัพย์ ตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๕ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามที่สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10973 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายเกษม ทวีปัญญสกุล) | นร08 | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเกษม ทวีปัญญสกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10974 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอภิชาต จารุศิริ) | ยธ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอภิชาต จารุศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเฉพาะด้านนโยบายและการบริหารงานยุติธรรม (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10975 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ควบคุมงานก่อสร้างเรือนจำจังหวัดนครนายก 1 แห่ง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ด้วยวิธีคัดเลือก | ยธ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) เปลี่ยนแปลงสถานที่ควบคุมงานก่อสร้างเรือนจำจังหวัดนครนายก ๑ แห่ง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ด้วยวิธีคัดเลือก จากเดิม ตำบลเขาพระ อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก เป็น ตำบลทรายมูล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๔,๖๔๘,๓๐๐ บาท ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๖๓ ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๘,๓๕๑,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ทั้งนี้ เห็นควรให้กรมราชทัณฑ์เร่งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน อย่างโปร่งใส คุ้มค่า ประหยัด โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. การดำเนินการแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงยุติธรรมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) ที่กำหนดให้ในขั้นตอนการริเริ่มโครงการ ให้ส่วนราชการตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการนั้น ๆ อย่างละเอียดรอบคอบให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกมิติก่อนอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10976 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 เรื่อง อนุมัติการกู้เงิน Soft loan ของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) จำนวน 2,000 ล้านบาท จากธนาคารออมสิน โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน | พม | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง โครงการ สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด ๑๙ โดยขยายเวลาตั๋วจำนำและลดดอกเบี้ยรับจำนำและการกู้เงิน Soft loan จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท จากธนาคารออมสิน โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน) ในข้อ ๑ เป็น “๑. อนุมัติการกู้เงิน Soft loan ของสำนักงานธนานุเคราะห์ (สธค.) จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท จากธนาคารออมสิน โดยให้กระทรวงการคลังค้ำประกัน เพื่อเป็นการเตรียมเงินทุนหมุนเวียนรองรับธุรกรรมการให้บริการรับจำนำแก่ประชาชน สำหรับโครงการ สธค. โรงรับจำนำของรัฐ สู้ภัยโควิด ๑๙ ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับเป้าหมายผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย สธค. ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด” ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย สธค. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดแนวทางการบริหารจัดการภาระหนี้ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรอบคอบ เพื่อลดผลกระทบต่อสภาพคล่องและผลการดำเนินงานของ สธค. และ สธค. ควรดำเนินการก่อหนี้ให้สอดคล้องตามนัยมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้เป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. ๒๕๕๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10977 | ร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... | นร07 | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว พร้อมเอกสารประกอบ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10978 | พระพุทธศาสนาในสถานการณ์ COVID-19 | พศ | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานตามพระดำริของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เรื่อง “พระพุทธศาสนาในสถานการณ์ COVID-19” ตามที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ บท “รตนสูตร” เพื่อความเป็นสวัสดิมงคล สร้างขวัญ และกำลังใจแก่ประชาชน รัฐบาลและคณะสงฆ์ได้ดำเนินการทั้งในส่วนกลาง (กรุงเทพมหานคร) และส่วนภูมิภาค ให้มีการเจริญพระพุทธมนต์ บท “รตนสูตร” พร้อมกันในวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ ๒. การรณรงค์สร้างความเชื่อมั่นให้วัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศร่วมทำความสะอาดป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการประสานความร่วมมือกับวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำร่องการจัดกิจกรรมรณรงค์ ป้องกัน การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จำนวน ๗ วัด ในส่วนภูมิภาคได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกจังหวัดประสานความร่วมมือกับคณะจิตอาสาในพื้นที่ร่วมกันทำความสะอาดวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในแต่ละจังหวัด ทั่วประเทศไม่น้อยกว่า ๑๕๐ วัด ๓. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๒ ล้านบาท ประทานเป็นทุนประเดิมสำหรับจัดหาหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานถวายแด่พระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ ๔. จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) (โรงทาน) ตามพระดำริของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยศูนย์ช่วยเหลือฯ ได้ประสานภารกิจร่วมกับหน่วยงานและบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุขซึ่งประจำอยู่ในพื้นที่ในการปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงทาน และการแจกจ่ายให้เป็นไปตามหลักสุขอนามัย รวมจำนวน ๔๒,๑๘๖ วัด โรงทาน ๘๐๔ ศูนย์ ๕. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและองค์กรคณะสงฆ์สนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือวัดที่ขาดแคลนและได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้แก่ (๑) โอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากงบเงินอุดหนุนทั่วไป โครงการเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายสนับสนุนวัดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรค COVID-19 วงเงิน ๒๑.๓๖ ล้านบาท โดยได้อุดหนุนวัดที่เป็นศูนย์กลางระดับจังหวัด ๆ ละ ๕๐,๐๐๐ บาท รวม ๓.๘๐ ล้านบาท และอุดหนุนวัดที่เป็นศูนย์กลางระดับอำเภอ ๆ ละ ๒๐,๐๐๐ บาท รวม ๑๗.๕๖ ล้านบาท และ (๒) งบประมาณจากกองทุน “วัดช่วยวัด” พ.ศ. ๒๕๖๒ วงเงิน ๒๔ ล้านบาท ได้จัดสรรให้กับวัดและพระภิกษุสามเณร ในลักษณะสมทบรายหัว ๆ ละ ๔๐ บาท จำนวน ๒๐,๐๐๐ รูป (งวดแรก) จากวัดที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดรายงานและรับรองข้อมูลวัดที่ต้องช่วยเหลือเร่งด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10979 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์) | กต | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวศศิริทธิ์ ตันกุลรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 10980 | การแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนสมาคม และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง | นร | 19/05/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนสมาคม และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการขายตรงและตลาดแบบตรง รวม ๙ คน เนื่องจากประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนสมาคม และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) เสนอ ดังนี้
ประธานกรรมการ ๑. นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ กรรมการผู้แทนสมาคม ๒. นายนพปฎล เมฆเมฆา (ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับธุรกิจขายตรง) ๓. นายนคร เสรีรักษ์ (ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับธุรกิจตลาดแบบตรง) ๔. นายทวี กาญจนภู (ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) ๕. นายบรรจง บุญรัตน์ (ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. พลตำรวจโท ปัญญา เอ่งฉ้วน ๗. นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี (ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน) ๘. นายจุลพงษ์ ทวีศรี ๙. พันเอก ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ (ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
