ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 360 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7181 - 7200 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7181 | การพิจารณารับรองร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม OECD SEARP ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 | กต. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม
Organisation for Economic Co-operation and
Development (OECD) Southeast Asia Regional Programme (SEARP) [OECD SEARP] ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กุมภาพันธ์
๒๕๖๕ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ในรูปแบบผสมผสาน
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ดังกล่าว
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เป็นการแสดงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศสมาชิกภายใต้โครงการ
SEARP
เพื่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและทั่วถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจดิจิทัล การฟื้นฟูที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างโครงการ SEARP
กับอาเซียนและองค์กรระดับภูมิภาคอื่น ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับ
OECD ในอนาคต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม OECD SEARP ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7182 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | กค. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ของรัฐบาลภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงินรวม ๑,๑๓๖,๖๒๖.๔๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖ ของวงเงินตามแผนฯ ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน รวม ๖๘๑,๒๓๓.๙๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๐
ของวงเงินที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการหนี้ดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาลซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และลดการกระจุกตัวของหนี้ระยะสั้น
โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ หนี้เงินกู้คงค้างของรัฐบาลมีจำนวนรวม ๘.๒๐ ล้านล้านบาท
โดยเป็นหนี้ระยะสั้น (อายุไม่เกิน ๑ ปี) ร้อยละ ๖.๖ และหนี้ระยะยาว (อายุ ๑ ปี
ขึ้นไป) ร้อยละ ๙๓.๔ มีอายุเฉลี่ยของหนี้อยู่ที่ ๙ ปี ๕ เดือน ทั้งนี้
สัดส่วนหนี้ดังกล่าวเมื่อร่วมกับหนี้เงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่รัฐรับภาระ
ยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามตัวชี้วัดความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลางในระยะ
๕ ปี ข้างหน้าได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7183 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดสาขาวิชา ปริญญา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... | สธ. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดสาขาวิชา ปริญญา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันพระบรมราชชนก
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ
เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งสถาบันพระบรมราชชนก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7184 | รายงานผลการวิเคราะห์ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ประจำปี พ.ศ. 2564 | ปปท. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการวิเคราะห์ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒.
รับทราบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๓.
ให้หน่วยงานที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณโครงการขนาดใหญ่ (รายการในงบลงทุน วงเงินตั้งแต่
๕๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง)
จัดทำการประเมินตามเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงเชิงนโยบาย ส่งพร้อมคำขอไปยังสำนักงบประมาณ
เพื่อให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม
และประเมินผลตามคู่มือแนวทางการประเมินความเสี่ยงการทุจริตเชิงนโยบายในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ต่อไป ๔.
ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7185 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 8/2564 | นร.04 | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
และให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุมฯ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑) การส่งเสริมการค้าชุมชนเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน
เช่น
การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลต่อยอดการพัฒนาควบคู่กับการส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
และเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
(๒) แผนงาน/โครงการขับเคลื่อนสู่รัฐบาลดิจิทัล เช่น การขับเคลื่อนรัฐบาลด้วยข้อมูล
(Data Driven Government) และการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐรวมจุดเดียว
และ (๓) ข้อเสนอแนวทางการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการใน กตน.
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7186 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 (The Fifth APEC Meeting of Ministers Responsible for Forestry: MMRF5) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี พ.ศ. 2565 | ทส. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ ๕ (The Fifth APEC Meeting of Ministers
Responsible for Forestry : MMRF5)
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งมีกำหนดจัดการประชุมระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ในรูปแบบ Virtual
Meeting ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กรมป่าไม้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
งบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน
โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7187 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2547/67 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L10/43 และ L11/43 | พน. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด
โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๔๗/๖๗ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข
L10/43 และ L11/43 ให้แก่บริษัท ยูเอชี ยูทิลิตีส์ จำกัด โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐
แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการปิโตรเลียม และต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามมาตรา
๒๒ (๗) แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และกระทรวงพลังงานจะออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๕) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๔๗/๖๗ ตามแบบ
ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ.๒๕๕๕ ต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7188 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2563/2564 | อก. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ เป็นรายเขต ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย
โดยมีอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ ดังนี้ (๑)
ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ เฉลี่ยทั่วประเทศ ในอัตราตันอ้อยละ ๑,๐๐๒.๒๐ บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส.
และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ เท่ากับ ๖๐.๑๓ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. และ (๒)
ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ เฉลี่ยทั่วประเทศ
เท่ากับ ๔๒๙.๕๑ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการให้โรงงานน้ำตาลนำส่งเงินส่วนต่างระหว่างรายได้สุทธิและราคาอ้อยขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔
ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตามมาตรา ๕๗
แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป
กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในภาพรวม
และเร่งชดเชยราคาค่าส่วนต่างราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
และพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7189 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564 - 2570 | อว. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู
จัดการการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม การสร้างคุณค่า (Value Chain) จากทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม
และการสร้างความสามารถในการพึ่งตนเอง ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการขับเคลื่อนกิจการเกี่ยวกับเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน
และเศรษฐกิจสีเขียว ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นกับการส่งเสริมกิจการสมุนไพรไทยทั้งระบบ
ตั้งแต่การเพาะปลูก การแปรรูป การวิจัยและพัฒนา (R & D)
และการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ สุขภาพ
และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของกิจการ โดยอาจเน้นการขับเคลื่อนกิจการเกี่ยวกับ BCG โดยตรงก่อน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมเป็นหน่วยงานในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ เพิ่มเติมด้วย ๔.
มอบหมายให้สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ อย่างต่อเนื่อง
และรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7190 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2564/2565 | อก. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ ทั้ง ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย
เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ ดังนี้ (๑) ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิตปี
๒๕๖๔/๒๕๖๕
ในอัตราตันอ้อยละ ๑,๐๗๐ บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐
ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ ๙๖.๓๔
ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ๑,๑๑๐.๖๖ บาทต่อตันอ้อย
และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๔.๒๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. และ (๒)
ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ เท่ากับ
๔๕๘.๕๗ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรดำเนินการทบทวนระเบียบมาตรการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง
และแนวทางการจัดเก็บรายได้เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
และควรเร่งรัดมาตรการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ลดต้นทุนและสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7191 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 | กต. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี
(Joint Commission on Bilateral
Cooperation : JCBC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๔
เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(นายดอน ปรมัตถ์วินัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
(นายบุ่ย แทงห์ เซิน) เป็นประธานร่วมกัน โดยการประชุมจัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก
“การส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ชาติที่เข้มแข็ง
เพื่อการฟื้นฟูและเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน” และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมฯ
ต่อไป โดยที่ประชุมฯ ได้หารือในประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) ความร่วมมือด้านการเมือง/ความมั่นคง
เช่น การต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา (๒)
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เช่น การลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ความร่วมมือด้านสาธารณสุข
เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ และ (๓) ด้านสังคมและวัฒนธรรม
เช่น การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้านวิชาการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7192 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อทำเหมืองแร่ของนายประสาน ยุวานนท์ ที่จังหวัดนครราชสีมา | อก. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมถอนเรื่อง ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ เพื่อทำเหมืองแร่ของนายประสาน ยุวานนท์ ที่จังหวัดนครราชสีมา คืนไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7193 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565) | นร.04 | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่
๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่
๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓
ครั้งที่ ๓๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กุมภาพันธ์
๒๕๖๕ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7194 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในชุมชน | สธ. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ภายใต้โครงการค่าตอบแทน
เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย
สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน วงเงินจำนวน ๓,๑๕๐,๙๑๘,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7195 | ร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ รวม 5 ฉบับ | สผ. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบข้อสังเกตและผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ
[ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ซึ่งนายชวลิต วิชยสุทธิ์ กับคณะ
นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ กับคณะ และนายวรภพ วิริยะโรจน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ
และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ซึ่งนายชลน่าน ศรีแก้ว กับคณะ เป็นผู้เสนอ] ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้ส่งคืนร่างพระราชบัญญัติที่คณะรัฐมนตรีขอรับมาพิจารณาก่อนรับหลักการ รวม ๕
ฉบับดังกล่าว ไปยังสภาผู้แทนราษฎรภายในกำหนดเวลา
พร้อมแจ้งข้อสังเกตดังกล่าวไปเพื่อประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7196 | ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 1 จำนวน 11 จังหวัด | นร16 | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบการเพิ่มเติม “วนอุทยาน” “สวนพฤกษศาสตร์” “สวนรุกขชาติ”
ในหลักเกณฑ์การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙
ธันวาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง หลักเกณฑ์การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ) ๒.
เห็นชอบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน ๑ :
๔๐๐๐ (One Map)
และรับรองเส้นแนวเขตที่ดินของรัฐ กลุ่มจังหวัดที่ ๑ จำนวน ๑๑ จังหวัด และให้หน่วยงานที่มีที่ดินของรัฐอยู่ในความรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ
มาตราส่วน ๑ : ๔๐๐๐ (One Map) โดยใช้แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐดังกล่าวที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วแทนแผนที่แนบท้ายกฎหมาย
และใช้เป็นแนวเขตที่ดินของรัฐตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในสามร้อยหกสิบวัน
โดยอาจขอขยายระยะเวลาการดำเนินการต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้ตามเหตุผล ความจำเป็น
แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ รวมทั้งให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขปัญหาข้อเรียกร้อง
หรือให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้รวดเร็ว เหมาะสมตามแต่กรณี
โดยดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ การคุ้มครองและรับรองการดำเนินการของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน
และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่
พ.ศ. ๒๕๓๙ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7197 | ขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว | มท. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้มีหนังสือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงมหาดไทย
(กรุงเทพมหานคร) มาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ซึ่งกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) ก็ได้ตอบชี้แจงกระทรวงคมนาคมไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้มีหนังสือเป็นครั้งที่ ๑๑ ตามหนังสือกระทรวงคมนาคม
ด่วนที่สุด ที่ คค (ปคร) ๐๒๐๘/๒๘ ลงวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการดำเนินงานของกรุงเทพมหานคร
เนื่องจากข้อมูลที่กรุงเทพมหานครจัดทำเพิ่มเติมนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงในข้อเท็จจริงที่ทำให้การวิเคราะห์ของกระทรวงคมนาคมแตกต่างไปจากเดิม
โดยเฉพาะในประเด็นของการคำนวณอัตราค่าโดยสาร การรองรับระบบตั๋วร่วม
และความชัดเจนของประเด็นข้อกฎหมาย
รวมทั้งยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการติดตั้งสะพานเหล็ก ๒ แห่ง และรายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต
ด้วย ดังนั้น
เพื่อให้การพิจารณาเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยเสนอในครั้งนี้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
รอบคอบ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
โดยคำนึงถึงภาระการเงินของรัฐที่อาจต้องรับผิดชอบต่อไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร)
รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ไปพิจารณาจัดทำข้อมูลข้อเท็จจริงในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนครบถ้วน
แล้วนำเรื่องนี้พร้อมข้อมูลดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่งโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7198 | แจ้งคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ในคดีหมายเลขดำที่ อ.775/2558 คดีหมายเลขดำที่ อ.780/2558 คดีหมายเลขดำที่ อ.781/2558 ระหว่าง นางสาวงามชื่น คูอมรพัฒนะ กับพวกรวม 30 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ระงับการให้บริการการขึ้น - ลงของเครื่องบินทุกประเภท และขอให้ศาลพิพากษาให้ดำเนินการเพื่อประกาศให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ และการกำหนดมาตรฐานควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิดดังกล่าว รวมทั้งร่วมกันชำระค่าเสียหายทางละเมิด | อส. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบทราบคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขดำที่
อ. ๗๗๕/๒๕๕๘ คดีหมายเลขดำที่ อ. ๗๘๐/๒๕๕๘ และคดีหมายเลขดำที่ อ. ๗๘๑/๒๕๕๘ ระหว่าง
นางสาวงามชื่น คูอมรพัฒนะ กับพวกรวม ๓๐ คน ผู้ฟ้องคดีบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด
(มหาชน) กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖)
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ตามที่
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7199 | ผลการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ สมัยที่ 27 | ดศ. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมใหญ่สหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union : UPU) สมัยที่ ๒๗ เมื่อวันที่ ๙-๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ ณ กรุงอาบีจาน สาธารณรัฐโกตดิวัวร์
ผ่านระบการประชุมทางไกล สรุปได้ ดังนี้ (๑) การประชุมเต็มคณะ มีมติเรื่องที่สำคัญ
เช่น การแก้ไขกฎในการเข้าร่วมประชุมใหญ่ UPU เป็นระบบทางไกลและลงมติผ่านการลงคะแนน e-Voting
ผลการเลือกตั้งตำแหน่งต่าง ๆ และการพิจารณาข้อเสนอการแก้ไข/เพิ่มเติมรายละเอียดในเอกสารสำคัญต่าง
ๆ (๒) การประชุมคณะกรรมการภายใต้ UPU จำนวน ๖ คณะ มีมติเรื่องที่สำคัญ เช่น
การแต่งตั้งคณะผู้ทำการแทนของประเทศสมาชิก ๔๕ ประเทศ แผนยุทธศาสตร์อาบีจาน ๔ ปี
รายงานการเงินและงบประมาณประจำปีของ UPU นโยบายทั่วไปและการบริหารจัดการ UPU
และการกำหนดระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการไปรษณีย์ระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7200 | ผลการประชุม United Nations Global Sustainable Transport Conference ครั้งที่ 2 | คค. | 01/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม United Nations Global Sustainable Transport Conference ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๔–๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๔ ณ กรุงปักกิ่ง
สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุม
สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) ภาพรวมการประชุม องค์การสหประชาชาติ (United
Nations : UN) ร่วมกับจีนจัดการประชุมฯ
เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนซึ่งเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญในวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ ของ UN และได้กำหนดมาตรการเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายของประเทศ
การพัฒนาที่ยั่งยืน และความตกลงปารีส (๒) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจีน
ได้กล่าวถ้อยแถลงโดยเน้นย้ำความมุ่งมั่นที่จะมุ่งสู่การพัฒนาระบบการขนส่งที่ยั่งยืน
โดยเฉพาะการฟื้นฟูจากสถานการณ์โควิด-๑๙ (๓) ประเด็นหารือที่สำคัญ เช่น ๑)
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสำหรับการขนส่งที่ยั่งยืน ๒)
การขนส่งที่ยั่งยืนและพัฒนาระดับภูมิภาค ๓)
บทบาทของภาคธุรกิจในการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืน และ ๔)
การขนส่งที่ยั่งยืนและการพัฒนาสีเขียว การแก้ไข การปรับตัว
และความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (๔)
การนำเสนอร่างแถลงการณ์ปักกิ่งซึ่งเน้นย้ำความสำคัญของการขนส่งที่ยั่งยืนที่สามารถเข้าถึงได้
การเพิ่มความปลอดภัย และการนำไปสู่การบรรลุการเปลี่ยนแปลงด้านการขนส่งอย่างยั่งยืน
ซึ่งร่างแถลงการณ์ปักกิ่งเป็นเอกสารที่ไม่มีการเปิดให้เจรจา
โดยจะมีการนำเสนอเอกสารดังกล่าวในที่ประชุมสมัชชา UN ต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|