คณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทการพัฒนากิจการ
โทรคมนาคม และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 40 และมาตรา 335 (2) ตามที่กระทรวงคมนาคม
เสนอ โดยเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 40  และมาตรา 335  (2)  นโยบายของ
รัฐบาลและแผนแม่บทการพัฒนากิจการโทรคมนาคม     จึงมอบให้คณะกรรมการนโยบายและประสานงานการ
ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รับเรื่องการจัดตั้งองค์กร โครงสร้าง อำนาจหน้าที่ขององค์กรของรัฐที่เป็น
อิสระซึ่งจะทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคม  และ
กำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง  วิทยุโทรทัศน์  และกิจการโทรคมนาคม  พร้อมทั้งปรับปรุงบท
บาทอำนาจหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณา โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน  90  วัน  ทั้งนี้  ให้รับ
ความเห็นของกระทรวงการคลังไปประกอบการพิจารณาด้วย

          รับหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายุบสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี   ทบวงมหาวิทยาลัย  
พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว  โดยมีหลักการให้ยุบสถาบัน  
เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีซึ่งเป็นส่วนราชการในมหาวิทยาลัย  และมีฐานะเป็นกรม    และได้เพิ่มบท 
บัญญัติว่า "ความใน (21) ของมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2534    
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง  ทบวง  กรม (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2539  เป็นอันยก
เลิกตามมาตรา 230 วรรคห้า  ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย" (ร่างมาตรา 4) และร่างพระราช 
กฤษฎีกาฉบับนี้ถือว่าเป็นแบบการยุบกระทรวง  ทบวง  กรม      ที่ต้องตราเป็นพระราชกฤษฎีกาตามนัย
มาตรา 230 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

          คณะรัฐมนตรีมีมติ เห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติจด
ทะเบียนครอบครัว พุทธศักราช 2478  (ปรับปรุงแบบคำร้องขอจดทะเบียนครอบครัว)  ตามที่กระทรวงมหาดไทย  
เสนอ  ซึ่งได้ ผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีชุดก่อน และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้ว ตาม 
ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอ

          อนุมัติร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการช่วยเหลือและคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่
ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ป.ป.ส. เสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 
          1. ในกรณีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดผู้ใดตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลย    ในคดี  
อาญา อันเนื่องจากการปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้น  รายงานต่อเลขาธิการ
พร้อมทั้งข้อเท็จจริงและพฤติการณ์แห่งคดีโดยเร็ว
          2. ให้เลขาธิการพิจารณาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยอันเนื่องจากการปฏิบัติ  
การตามหน้าที่นั้น   รวมทั้งให้ประสานงานหัวหน้าส่วนราชการเจ้าสังกัดของผู้ต้องหาหรือจำเลยรายนั้น  
เพื่อให้รีบดำเนินการออกหนังสือรับรองคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว ในชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นพนักงาน 
อัยการ หรือชั้นศาล แล้วแต่กรณี 
          3. ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดและครอบครัว ถูกข่มขู่ปองร้ายในทาง 
ร่างกายหรือทรัพย์สิน ทั้งในระหว่างปฏิบัติหน้าและภายหลังการปฏิบัติหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นรายงาน 
ต่อเลขาธิการ พร้อมทั้งข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
          4. ในการปฏิบัติราชการลับเพื่อปราบปรามยาเสพติด     เจ้าหน้าที่ผู้ได้รับมอบหมายอาจแจ้งต่อ 
เลขาธิการ   เพื่อให้จัดหามาตรการคุ้มครองในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่   รวมทั้งในภายหลังการปฏิบัติ 
หน้าที่ก็ได้
          5. กรณีการแต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้หัวหน้า
ส่วนราชการเจ้าสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น แจ้งให้คณะกรรมการทราบ โดยผ่านเลขาธิการ  พร้อมทั้งเหตุ 
ผลความจำเป็น รวมทั้งความเหมาะสม
          6. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานเมื่อ 
เจ้าหน้าที่ผู้ใดสมควรได้รับความดีความชอบเป็นกรณีพิเศษ     ให้คณะกรรมการนำเสนอรายชื่อให้คณะ
รัฐมนตรีพิจารณาเป็นราย ๆ ไป พร้อมทั้งเหตุผลประกอบการพิจารณา
          7. ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดมีพฤติกรรมที่เป็นอุปสรรค       และ  
ปัญหาต่อการปฏิบัติหน้าที่  ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้ 
ให้คณะกรรมการมีอำนาจเสนอความเห็นต่อหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อดำเนินการตามที่เห็นสมควรต่อไป

          เห็นชอบร่างคำตอบกระทู้ถามที่ 204 เรื่อง มาตรการรับเด็กนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา  ของ
นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ  ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ เสนอ  และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา 
ธิการตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
          แนวทางการรับเด็กนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาในปีการศึกษา 2541      มีการเปลี่ยนแปลง 
โดยกำหนดเป็นหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน  คือ ม.1   รับนักเรียนในเขตพื้นที่บริการที่กระทรวงศึกษาธิการ
กำหนดไม่น้อยกว่าร้อยละ 80  และรับนักเรียนทั่วไป  โดยการสอบคัดเลือกร้อยละ 20  ส่วน ม.4 จะรับ
นักเรียนชั้น ม.3 ของตนเองเข้าเรียนก่อน โดยพิจารณาความถนัด  ความสนใจ  และศักยภาพของนักเรียน 
แล้วจัดโปรแกรมเรียนหลากหลายเพื่อนักเรียนได้เรียนตามความเหมาะสม ส่วนโรงเรียนที่จัดตั้งตามวัตถุ
ประสงค์พิเศษเฉพาะ   ก็ให้รับนักเรียนตามวัตถุประสงค์พิเศษเฉพาะนั้น สำหรับจำนวนนักเรียนที่ยังไม่มี
ที่เรียน (ม.1, ม.4) คณะกรรมการรับนักเรียนของโรงเรียนและกลุ่มโรงเรียนจะจัดหาที่เรียนให้อย่างทั่วถึง
ทุกคนตามความเหมาะสม

          รับทราบญัตติด่วน เรื่อง ปัญหาราคาน้ำตาล  (นายวิชัย ชัยจิตวณิชกุล กับคณะ  เป็นผู้เสนอ)   
โดยมีสาระสำคัญ คือ พิจารณาหาแนวทางและกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาราคาน้ำตาล ตามที่   
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เสนอ   และมอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์    กระทรวง 
พาณิชย์   และกระทรวงอุตสาหกรรม รับไปพิจารณาดำเนินการ     แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะ 
รัฐมนตรีทราบเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

          คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาและแก้ไขปัญหา
ที่ทางราชการไม่ออกใบอนุญาตสุสานให้กับชาวไทยมุสลิม    ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
และมอบให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังรับไปพิจารณาดำเนินการ แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะ 
รัฐมนตรีทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีสาระสำคัญ คือ
          1. ร่างกฎกระทรวง  (พ.ศ. ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติสุสานและฌาปนสถาน  พ.ศ. 2528 
ควรมีเนื้อหาและสาระตามร่างที่คณะกรรมาธิการได้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติม
          2. ให้อิหม่ามประจำมัสยิดที่ผู้เสียชีวิตเป็นสัปปุรุษประจำมัสยิดนั้น ๆ     หรืออิหม่ามที่ทราบว่าผู้เสีย  
ชีวิตเป็นมุสลิม   สามารถออกหนังสือรับรองในการขอรับศพผู้ตายที่เป็นมุสลิมได้  แต่ถ้าในกรณีที่อิหม่ามไม่ 
อยู่ในพื้นที่หรืออยู่แต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้   อาจให้ญาติของผู้เสียชีวิตที่เป็นมุสลิมขอใบรับรองจากเจ้า  
พนักงานฝ่ายปกครอง  หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่ผู้ตายเสียชีวิตลง ประกอบเป็นหลักฐานในการขอรับ 
ศพ 
          3. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนยกที่ดินให้แก่ศาสนสถานของศาสนาต่าง ๆ     ที่ทาง 
ราชการให้การรับรอง ในอัตราร้อยละ 0.01 ทั้งนี้ เฉพาะการได้มาซึ่งที่ดินรวมแล้วไม่เกิน 50 ไร่ เพื่อให้สอด  
คล้องกับบทบัญญัติของมาตรา 38 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน      ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกับกรณี 
ดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2540  ดังนั้น  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยควรเร่ง
พิจารณาออกกฎกระทรวงให้สอดคล้องกับมติของคณะรัฐมนตรีโดยเร็วเพื่อประโยชน์แก่กิจการของศาสนาที่
ทางราชการให้การรับรองสืบไป

          รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่  
และกิจการบริหารบางส่วนของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสำนัก  
งานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ....   ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้ 
แทนราษฎร เสนอ และอนุมัติตามความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ดังนี้
          1. ข้อสังเกตเกี่ยวกับการแก้ไขหลักการเป็น "เพื่อโอนอำนาจหน้าที่ กิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ 
ข้าราชการ   ลูกจ้าง   และเงินงบประมาณของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี    สำนักนายกรัฐมนตรี  
เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการ  
คุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี" เป็นเรื่องที่สภาแก้ไขเพิ่มเติมหลักการของร่างพระราชบัญญัติ  
ไม่มีเรื่องที่คณะรัฐมนตรีจะต้องปฏิบัติตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการดังกล่าว     เห็นควรนำเสนอ 
คณะรัฐมนตรีรับทราบ
          2. ข้อสังเกตเกี่ยวกับการแก้ไขเหตุผลเป็น "เนื่องจากได้มีการยกฐานะสำนักงานคณะกรรมการ  
คุ้มครองผู้บริโภค สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้มีฐานะเทียบเท่ากรม สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี   
ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  ในการนี้สมควรโอนบรรดาอำนาจหน้าที่  
กิจการ  ทรัพย์สิน  สิทธิ   หนี้   ข้าราชการ   ลูกจ้าง   และเงินงบประมาณของสำนักเลขาธิการนายก  
รัฐมนตรี เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคไปเป็นของสำนักงานคณะ 
กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค  สำนักนายกรัฐมนตรี"   เป็นการแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติโอน   
อำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี    สำนักนายกรัฐมนตรี  
ไปเป็นของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ....  ให้สอดคล้องกับ 
หลักการของร่างพระราชบัญญัติ    ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบ     และ  
อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย      จึงเห็นควรอนุมัติให้นำบันทึกเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่  
คณะกรรมาธิการวิสามัญได้แก้ไข  ประกาศในราชกิจจานุเบกษาพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่อง  
นี้ เมื่อได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในร่างพระราชบัญญัติแล้ว 

          รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการศึกษาและวัฒนธรรมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ  
มหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. ....    ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา  เสนอ        และมอบให้ทบวง   
มหาวิทยาลัยรับไปพิจารณาดำเนินการ   แล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบเพื่อนำเสนอ 
คณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีสาระสำคัญ คือ
          ร่างมาตรา 14 วรรคท้าย บัญญัติเป็นข้อยกเว้นว่า ผู้มีสิทธิเข้าศึกษาชั้นปริญญาตรี   ต้องมีคุณ  
สมบัติตามที่สภามหาวิทยาลัยกำหนดโดยไม่ต้องสอบคัดเลือก    เว้นแต่กรณีจำเป็นสภามหาวิทยาลัย   
อาจจำกัดจำนวนผู้เข้าศึกษา      และกำหนดให้มีการสอบคัดเลือกตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยก็ได้  
ซึ่งสภามหาวิทยาลัยอาจจำกัดจำนวนผู้เข้าศึกษาและกำหนดให้มีการสอบคัดเลือก   จึงน่าจะเป็นการ  
ขัดเจตนารมณ์ของการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ให้มหาวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาและวิจัยแบบ     
ตลาดวิชา      นอกจากนี้ตามร่างมาตรา 15  ที่บัญญัติให้คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าศึกษา  การรับเข้า      
ศึกษา       และจำนวนนักศึกษาในชั้นที่สูงกว่าชั้นปริญญาตรีในมหาวิทยาลัย  ให้เป็นไปตามข้อบังคับ    
ของมหาวิทยาลัย   ก็เป็นบทบัญญัติที่ทำให้มหาวิทยาลัยสามารถออกข้อบังคับกำหนดคุณสมบัติของ
ผู้มีสิทธิเข้าศึกษาการรับเข้าศึกษา  และจำนวนนักศึกษา  สำหรับนักศึกษาในชั้นที่สูงกว่าชั้นปริญญา
ตรีได้ด้วยนั้น น่าจะเป็นการขัดเจตนารมณ์ของการเป็นตลาดวิชา

          อนุมัติการปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการของกระทรวงการคลัง ที่แต่งตั้ง 
โดยมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 4 คณะ และยกเลิกคณะกรรมการ จำนวน 1 คณะ ตามที่กระทรวงการคลัง 
เสนอ ดังนี้
          1. ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่คณะกรรมการที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี   จำนวน 
4 คณะ คือ   
              1.1 คณะกรรมการป้องปรามธุรกิจการเงินนอกระบบ   มีอำนาจหน้าที่ตามเดิม  แต่ปรับปรุง 
องค์ประกอบคณะกรรมการจากเดิม 18 ราย เปลี่ยนแปลงเป็น 17 ราย 
              1.2 คณะกรรมการกระจายอำนาจการคลังสู่ท้องถิ่น ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ 
              1.3 คณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่
              1.4 คณะกรรมการพิกัดอัตราศุลกากร มีอำนาจหน้าที่ตามเดิม แต่ปรับปรุงองค์ประกอบ
          2. ยกเลิกคณะกรรมการ จำนวน 1 คณะ คือ
              2.1 คณะกรรมการพิจารณากำหนดท้องที่กันดารและโรงเรียนที่กันดาร

          รับทราบการพิจารณาอนุมัติการเปิด - ปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ต่างประเทศประจำประเทศไทย   
ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2540  รวม  2  แห่ง   ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ  เสนอ  
ดังนี้
          1. เปิดสถานกงสุลกิตตมศักดิ์สาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำเมืองพัทยา     โดยมีเขตอาณาครอบคลุม  
จังหวัดชลบุรีและระยอง   เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2540     แต่ยังไม่เสนอแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง 
กงสุลกิตติมศักดิ์ ฯ
          2. ปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์สาธารณรัฐเฮลเลนิกประจำกรุงเทพมหานคร    เนื่องจากกงสุล  
ใหญ่กิตติมศักดิ์ ฯ (นายปิติ สุขะกุล) ได้ถึงแก่กรรม    และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเฮลเลนิกประ 
จำประเทศไทยได้เปิดสำนักงานฝ่ายกงสุลแล้ว เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2540

          รับทราบการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และการเตรียมการป้องกันและระงับ 
อัคคีภัย   โดยให้จังหวัดทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครถือปฏิบัติ   ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ 
ดังนี้
          1. มาตรการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง  ได้กำหนดมาตรการเตรียมการป้อง  
กันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปี 2541  และการตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง
กระทรวงมหาดไทย
          2. มาตรการป้องกันและระงับอัคคีภัย  ให้ทุกจังหวัดและกรุงเทพมหานครเตรียมการป้องกัน
และระงับอัคคีภัยในช่วงอากาศแห้งแล้ง    โดย   จัดตั้งสถานีดับเพลิงเฉพาะกิจประจำพื้นที่เสี่ยงภัย, 
ตรวจสอบและจัดทำแผนเฉพาะพื้นที่ในชุมชนที่เสี่ยงภัย,  กวดขันรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด,    
ให้ผู้อำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเขตท้องที่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น  และนายตรวจตามพระราช
บัญญัติป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน พ.ศ. 2522  และพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. 2495 
เข้าตรวจสอบสถานที่ต่าง ๆ ตามอำนาจหน้าที่ และแก้ไขกำชับและซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการ
ป้องกันอัคคีภัยในสถานที่ราชการแก่หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ  อำเภอ  กิ่งอำเภอ  และหน่วย
บริหารราชการส่วนท้องถิ่นในเขตพื้นที่
          นอกจากนี้ ในระหว่างวันที่ 12 - 16 มกราคม 2541     ได้จัดสัปดาห์รณรงค์ป้องกันและ   
ระงับอัคคีภัยในอาคารปี 2541   โดยให้จังหวัด อำเภอ/กิ่งอำเภอ   และหน่วยการบริหารราชการ 
ส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศดำเนินการ      เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทั่วไป   ผู้ครอบครอง
อาคาร หรือผู้อยู่อาศัยในอาคารต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงปัญหาอัคคีภัย

          รับทราบรายงานการใช้กระแสไฟฟ้า และน้ำประปา  ตามมาตรการจูงใจในการประหยัดในภาครัฐ 
ของส่วนราชการต่าง ๆ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รายงาน ดังนี้ 
          กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม 
          เดือนตุลาคม 2540 ใช้ไฟฟ้าลดลง 1.3% ใช้น้ำประปาลดลง 2.9% 
          เดือนพฤศจิกายน 2540 ใช้ไฟฟ้าลดลง 6.6% ใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น 10.2%

          รับทราบรายงานการใช้กระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ตามมาตรการจูงใจในการประหยัดในภาครัฐ
ของส่วนราชการต่าง ๆ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รายงาน ดังนี้
          กระทรวงอุตสาหกรรม 
          เดือนกันยายน 2540 ใช้กระแสไฟฟ้าลดลง 18.38%  ใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น 0.83%  
          เดือนตุลาคม 2540 ใช้กระแสไฟฟ้าลดลง 10.58% ใช้น้ำประปาลดลง 18.36%  
          เดือนพศจิกายน 2540 ใช้กระแสไฟฟ้าลดลง 19.92% ใช้น้ำประปาลดลง 19.25%
          เดือนธันวาคม 2540 ใช้กระแสไฟฟ้าลดลง 27.69%  ใช้น้ำประปาลดลง 17.32%

          รับทราบรายงานการใช้กระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ตามมาตรการจูงใจในการประหยัดในภาครัฐ 
ของส่วนราชการต่าง ๆ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รายงาน ดังนี้    
          ทบวงมหาวิทยาลัย  เดือนกันยายน 2540   ใช้กระแสไฟฟ้าลดลง  0.01%    ใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น  
2.96%

          รับทราบรายงานการใช้กระแสไฟฟ้า และน้ำประปา ตามมาตรการจูงใจในการประหยัดในภาครัฐ
ของส่วนราชการต่าง ๆ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รายงาน ดังนี้ 
          สำนักราชเลขาธิการ เดือนธันวาคม 2540  ใช้กระแสไฟฟ้าลดลง  23.13%   ใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น 
1.19%

          รับทราบรายงานการใช้กระแสไฟฟ้า  และน้ำประปา   ตามมาตรการจูงใจในการประหยัดในภาครัฐ
ของส่วนราชการต่าง ๆ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รายงาน ดังนี้ 
          สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เดือนธันวาคม 
2540 ใช้กระแสไฟฟ้าลดลง 12.50% ใช้น้ำประปาเพิ่มขึ้น 31.96%

          รับทราบรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่  ตามที่กระทรวง
คมนาคม รายงาน สรุปได้ดังนี้
          1. ในปัจจุบันสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย  ยังไม่เอื้ออำนวยให้รัฐบาลลงทุนในโครง  
การใหม่ที่มีขนาดใหญ่ได้    ดังนั้น  ควรให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุน โดยรัฐบาลให้การ
สนับสนุนเงื่อนไขบางอย่าง     อีกทั้งรัฐยังคงมีภาระที่จะต้องออกค่าใช้จ่ายในการเวนคืนที่ดินและอสังหา
ริมทรัพย์ของราษฎรที่อยู่ในเขตทางรถไฟ
          2. การให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในโครงการที่มีวงเงินลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท  นั้น  จะต้อง
ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ   พ.ศ. 2535 
ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการพิจารณาและดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวอีกระยะหนึ่ง     ก่อนที่จะประกาศ
เชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในโครงการ ดังนั้น เมื่อผลการศึกษาสำรวจออกแบบรายละเอียดด้าน
วิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมการก่อสร้างทางรถไฟในเส้นทางเด่นชัย - เชียงราย  มาบตาพุด - ระยองและ
สุราษฎร์ธานี - พังงา (ท่านุ่น) ที่จะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2541  (สำหรับในเส้นทางบัวใหญ่ - มุกดา
หาร - นครพนม  นั้น  ยังไม่ได้รับงบประมาณเพื่อสำรวจออกแบบรายละเอียด)   สมควรที่การรถไฟแห่ง
ประเทศ (รฟท.)  จะนำผลการศึกษาดังกล่าวไปใช้ในการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะ เวนคืน 
และแนวทางในการดำเนินการโครงการในลักษณะที่จะให้เอกชนเข้ามาลงทุนต่อไป 
          3. การศึกษาความเป็นไปได้ของการก่อสร้างทางรถไฟในเส้นทางสายพิจิตร  - กำแพงเพชร - ตาก 
- แม่สอด ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลในการศึกษา
ความเป็นไปได้ต่อไป

          อนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอรจิต สิงคาลวณิช ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์ (นักวิชาการ  
พาณิชย์ 10 ชช.)  สำนักงานปลัดกระทรวง  กระทรวงพาณิชย์  ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2540   ตามที่ 
กระทรวงพาณิชย์ เสนอ

          รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของโครงการกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานระหว่างวันที่ 1 เมษายน  
2540  - 30 กันยายน 2540  ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม  (กรมสวัสดิการและคุ้มครอง 
แรงงาน) รายงาน สรุปได้ดังนี้ 
          1. คณะกรรมการกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงานได้อนุมัติขยายวงเงินกู้กองทุน  ฯ    จากเดิม  เป็นไม่เกิน 
3,000,000 ล้านบาท ถ้ากู้เกินให้คณะกรรมการกองทุน ฯ เป็นผู้พิจารณาอนุมัติ 
          2. แก้ไขประกาศคณะกรรมการกองทุน ฯ เรื่อง กำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กองทุน ฯ   โดยให้ยก 
เลิกการกำหนดให้สหกรณ์คิดดอกเบี้ยจากสมาชิกในอัตราเท่ากับอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกรุงไทยคิดกับ 
ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR)    และให้คิดดอกเบี้ยจากสมาชิกในอัตราในต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคาร
กรุงไทยคิดกับลูกค้ารายย่อยชั้นดี ณ วันที่รับเงินกู้
          3. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2541  กองทุน ฯ   มีประมาณการรายรับ ซึ่งเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยรับ
จำนวน 40,507,335 บาท   และประมาณการรายจ่ายจำนวน  166,531,420 บาท   โดยจ่ายเป็นเงิน
กู้จำนวน 164,970,000 บาท  และค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 1,561,420 บาท 
          4. แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนากองทุน ฯ   เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริม   พัฒนาและเผย  
แพร่การดำเนินงาน   และรายงานผลการดำเนินงานให้คณะอนุกรรมการกองทุน ฯ   รับทราบเป็นระยะ 
ประกอบด้วยผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชน จำนวน 15 คน
          5. อนุมัติเงินกู้ให้สหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนื่ยนในสถานประกอบการ  ที่ผ่านการ
พิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาเงินกู้กองทุน จำนวน 4 ราย  เป็นเงิน 23,380,000  บาท  มี
สมาชิกที่เป็นผู้ใช้แรงงานเกี่ยวข้องจำนวน 4,728 ราย     โดยพิจารณาเงินกู้กองทุน ฯ   ตามวงเงินที่ได้
รับมอบหมายจำนวน 4 ราย  เป็นเงิน 4,450,000 บาท   มีสมาชิกที่เป็นผู้ใช้แรงงานเกี่ยวข้องจำนวน 
784 ราย  
          6. ประชาสัมพันธ์ให้สถานประกอบการต่าง ๆ  รับทราบวัตถุประสงค์ของกองทุน ฯ      ซึ่งจัด  
ตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนให้ผู้ใช้แรงงานกู้ยืม         โดยผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์ในสถานประกอบการ 
ช่วยปลดเปลื้องหนี้สินตลอดจนส่งเสริมการออม   และความเป็นอยู่ของผู้ใช้แรงงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ขึ้น   กับประสานความร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์  ในการส่งเสริมการจัดตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์ใน
สถานประกอบการเพิ่มขึ้น    เพื่อให้ผู้ใช้แรงงานที่เป็นสมาชิกได้รับประโยชน์ต่อไป
          7. จากการดำเนินงานที่ผ่านมาในปีงบประมาณ  พ.ศ.  2540     กองทุน ฯ   ได้อนุมัติเงินกู้ให้ 
สหกรณ์ไปแล้วจำนวน 12 ราย   เป็น เงิน 42,430,000 บาท    กองทุน  ฯ   มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 
จำนวน 446,082.97 บาท