1. รับทราบรายงานคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส และระดับรัฐมนตรีด้านการ 
พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามโครงการความร่วมมือด้านเศรษฐกิจภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค  (APEC)   ครั้งที่  2
ระหว่างวันที่ 23 - 26 กันยายน 2541  ณ กรุงโซล  ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี    ตามที่กระทรวงแรงงาน  
และสวัสดิการสังคม รายงาน สรุปได้ดังนี้
              1.1 ผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส  ที่ประชุมเห็นว่า ในศตวรรษ ที่ 21  จะเกิดการเปลี่ยน 
แปลงอย่างรุนแรงในทางเศรษฐกิจและสังคม   จึงมีมติร่วมกันให้สร้างด่านป้องกันความรุนแรง    โดยสร้าง   
ความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้กับการทำงาน  สร้างความร่วมมือเพื่อการยกระดับการพัฒนาทักษะฝีมือ 
ขยายบทบาทของฝ่ายแรงงานกับฝ่ายจัดการ ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
              1.2 ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของ   
โครงการต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตามข้อเสนอของประเทศสมาชิก เช่น โครงการพัฒนาทักษะฝีมือเยาวชนของ 
เกาหลี โครงการ Education Hubs ของสิงคโปร์     รวมทั้งได้ร่วมกันลนามในแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรี 
ด้านทรัพยากรมนุษย์ของ APEC
          2. เห็นชอบให้คณะทำงานประสานโครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ APEC ของประเทศไทย ซึ่งมี
เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน  ได้รับทราบและพิจารณา   
จัดประชุมคณะทำงานเพื่อทบทวนเป้าหมายและผลการดำเนินงานตามมติการประชุมต่าง ๆ   ที่สืบเนื่อง  
จาก  APEC  ในระหว่างหน่วยงานของไทย  ก่อนการประชุมคณะทำงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 
ของ APEC ครั้งที่ 17 และ 18  ณ  ประเทศอินโดนีเซีย  และไต้หวันในเดือนมกราคมและมิถุนายน 2541   
ตามลำดับ  
          ทั้งนี้    ให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา 
การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาดำเนินการจัดประชุมคณะทำงานเพื่อทบทวนเป้าหมายและผล 
การดำเนินงานตามมติการประชุมต่าง ๆ ที่สืบเนื่องจาก APEC ในระหว่างหน่วยงานของไทยต่อไป

          รับทราบรายงานผลการประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 84 ระหว่างวันที่ 8 - 22
ตุลาคม 2539  ณ  นครเจนีวา  ประเทศสวิตเซอร์แลนด์       ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
รายงาน  สรุปได้ดังนี้
          การประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 84  ที่ประชุมใหญ่ได้มีมติรับรองอนุสัญญา 3 
ฉบับ ข้อแนะ 3 ฉบับ และพิธีสารเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของคนประจำเรือ 1 ฉบับ

          รับทราบรายงานผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาโสเภณีเด็ก ระหว่างเดือนเมษายน - กันยายน 2540
ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม รายงาน ได้แก่
          1. ด้านการป้องกัน
          2. ด้านการแก้ไข
          3. ด้านกฎหมาย
          4. ด้านการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพสตรี
          5. ปัญหาอุปสรรค 
          6. แนวทางการแก้ไข

          อนุมัติคำสั่งกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการ  
ก่อสร้างศูนย์การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามที่กระทรวง 
การคลัง เสนอ โดยแต่งตั้ง
          1. นายกมล จันทิมา                                                                         รองประธานกรรมการ
              อธิบดีกรมบัญชีกลาง
          2. ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการก่อสร้าง
              ศูนย์การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13
              ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
              (ร้อยเอก ชาญชัย ชาญชยศึก รองปลัดกระทรวงการคลัง)                     รองประธานกรรมการ
          ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2541 เป็นต้นไป

          รับทราบการปรับปรุงวงเงินกู้ระยะสั้นและการต่ออายุวงเงินกู้ของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.)  
เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนการดำเนินงาน  ตามที่กระทรวงการคลัง รายงาน    โดยวงเงินกู้ระยะสั้นกับธนาคาร  
พาณิชย์และสถาบันการเงิน จำนวน 9,110 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี (25 กุมภาพันธ์ 2540)  ได้หมดอายุ  
แล้วเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2540     แต่ ปตท. ยังคงมีความจำเป็นจะต้องใช้เงินดังกล่าวต่อไป เพื่อเป็นเงินทุนหมุน    
เวียนสำหรับการดำเนินงานตามปกติของ ปตท.  ในปี  พ.ศ. 2541       โดยแบ่งเป็นวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี จำนวน  
2,030 ล้านบาท วงเงินกู้ตั๋วสัญญาใช้เงินที่เป็นเงินบาท จำนวน 2,250 ล้านบาท   และวงเงินกู้ตั๋วสัญญาใช้เงินที่   
ให้เลือกกู้เป็นสกุลเงินบาทหรือเงินดอลลาร์สหรัฐ ฯ  เทียบเท่าจำนวน 4,830 ล้านบาท  ระยะเวลา 1 ปี    ตั้งแต่ 
วันที่ 1 มกราคม 2541 ถึง 31 ธันวาคม 2541 โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน 

          รับทราบเรื่อง สรุปสถานะระดับเครดิตของประเทศไทย ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ
ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ

          รับทราบการกำหนดจรรยาบรรณของกรรมการรัฐวิสาหกิจ  รวม 10 ข้อ    ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ  
ดังนี้ 
          1. กรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์  และข้อบังคับขององค์กร  ตลอดจนมติ 
ที่ประชุมผู้ถือหุ้น
          2. กรรมการต้องบริหารงานเพื่อผลประโยชน์ของรัฐ องค์กร  และพนักงานทั้งในปัจจุบันและอนาคตตลอด
จนรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร
          3. กรรมการต้องบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต   โดยไม่ฝักใฝ่การเมือง   และจะวางตัวเป็นกลางอย่าง
เคร่งครัด เพื่อผลประโยชน์ต่อรัฐ องค์กร และพนักงาน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต 
          4. กรรมการต้องไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในกิจการที่กระทำกับรัฐวิสาหกิจที่ตนเป็นกรรมการ  หรือในกิจการที่ 
มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับรัฐวิสาหกิจที่ตนเป็นกรรมการอยู่  ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
          5. กรรมการพึงบริหารงานโดยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งผลประโยชน์ส่วนตนต่อผลประโยชน์ขององค์กร เพื่อ
ให้การบริหารงานเป็นไปอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ  
          6. กรรมการต้องบริหารงานด้วยความระมัดระวัง    และไม่สร้างข้อผูกมัดที่อาจขัดแย้งกับหน้าที่ของตนใน
ภายหลัง
          7. กรรมการต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบจากการทำงานไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
          8. กรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร 
          9. กรรมการต้องไม่เป็นผู้ประกอบการ  หรือเป็นผู้ถือหุ้นสำคัญ   หรือมีบุคคลในครอบครัวเป็นกรรมการ
หรือเป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหรือธุรกิจการค้าใดอันมีสภาพอย่างเดียวกัน และเป็นการแข่งขัน  หรือทำธุรกิจกับรัฐ 
วิสาหกิจที่ตนเองเป็นกรรมการอยู่
       10. กรรมการต้องไม่กระทำการใด  อันมีลักษณะเป็นการเข้าไปบริหารหรือจัดการใด ๆ   ในรัฐวิสาหกิจใน  
ลักษณะที่มีผลบั่นทอนผลประโยชน์ของรัฐวิสาหกิจที่ตนเป็นกรรมการอยู่หรือเอื้ออำนวยประโยชน์ให้บุคคลหรือ 
นิติบุคคลใด ๆ ไม่ว่าจะทำเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือของผู้อื่น

          อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายเงินออมเพื่อการชราภาพ  โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง 
การคลัง  เป็นประธานกรรมการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม   เป็นรองประ 
ธานกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการ 
อื่นอีก 19 คน ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ โดยมีอำนาจหน้าที่ 6 ประการ ดังนี้
          1. ประสานการส่งเสริมการออมเพื่อการชราภาพผ่านกองทุนต่าง ๆ  
          2. กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการออมระยะยาวเพื่อการชราภาพ  ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน 
          3. กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการจัดการและการลงทุนของเงินออมจากกองทุนต่าง ๆ  เพื่อการ
ชราภาพ
          4. กำกับการทำงานของกองทุนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชราภาพให้มีความมั่นคงและมีสภาพ  
คล่อง 
          5. กำหนดนโยบายเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่  และภาระของรัฐ  ในการสนับสนุนกองทุนต่าง ๆ  
เพื่อการชราภาพ
          6. จัดตั้งคณะอนุกรรมการและคณะทำงานตามความจำเป็นที่จะทำให้การดำเนินงานของคณะ 
กรรมการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

          อนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 
จำนวน 9 ราย แทนชุดเดิมที่พ้นจากตำแหน่งวาระในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2541   ตามที่กระทรวงการคลัง 
เสนอ ดังนี้   
          1. นายทวีศักดิ์ เสสะเวช ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นรองประธานกรรมการ
          2. นายอาลัย อิงคะวณิช ผู้แทนสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ
          3. นายประกอบ ตันติยาพงศ์ ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการ
          4. นายวัลลภ วิทยประพัฒน์ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ เป็นกรรมการ
          5. นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้แทนสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เป็นกรรมการ
          6. นายจรุง หนูขวัญ ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นกรรมการ
          7. นายเฉลิม ปิ่นสกุล ผู้แทนสหกรณ์การเกษตรผู้ถือหุ้น เป็นกรรมการ
          8. นายชัยวัฒน์ วงศ์วัฒนศานต์ เป็นกรรมการ
          9. นางสาววนิดา ปิยะมาดา เป็นกรรมการ
          ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2541 เป็นต้นไป

          อนุมัตแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการผังเมืองชุดใหม่ แทนกรรมการชุดเดิมซึ่งดำรงตำแหน่ง
ครบวาระแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ ดังนี้
          ก. ผู้ทรงคุณวุฒิ
              1. นายยุทธพงศ์ พันธุ์กระวี
              2. นายชัยกฤษ์ ดิษฐอำนาจ
              3. นายนพดล เฮงเจริญ
              4. นางดวงกมล นิธิอุทัย
              5. นายสันทัด สมชีวิตา
              6. นายคำรบลักขิ์ สุรัสวดี
              7. นายวรวิทย์ เลิศลักษณา
          ข. ผู้แทนสถาบัน องค์การอิสระและบุคคลอื่น
              1. ผู้แทนสมาคมนักผังเมืองไทย นายเทอดเกียรติ ศักดิ์คำดวง
              2. นายนิวัตต์ ดารานันทน์
              3. นายปรีดี์ บุรณศิริ
              4. นายธันยา หาญผล
              5. ผู้แทนสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นายไกร ตั้งสง่า
              6. นายสุนทร ตันถาวร
              7. นายประสงค์ เอี่ยมอนันต์
          ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2541 เป็นต้นไป

          อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต จำนวน 4 ราย  ตามที่กระทรวง   
การต่างประเทศ เสนอ ดังนี้  
          1. นางสาวประทานพร ทวีโภค ดำรงตำแหน่ง เ อกอัครราชทูตประจำกระทรวง  (เจ้าหน้าที่การทูต 10)    
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ 
          2. นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง (เจ้าหน้าที่การทูต 10) สำนักงาน  
ปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ  
          3. นายวรวิทย์ กนิษฐะเสน   ดำรงตำแหน่ง   เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง     (เจ้าหน้าที่การทูต 10)    
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ
          4. นายชัยสิริ อนะมาน  ดำรงตำแหน่ง  เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง  (เจ้าหน้าที่การทูต 10)  สำนัก  
งานปลัดกระทรวง กระทรวงการต่างประเทศ
          ทั้งนี้ ตั้งแต่วันทื่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
          1. รับทราบภาวะการค้า การนำเข้า และดุลการค้าปี 2540 และเห็นชอบเป้าหมายการส่งออก ประมาณการ 
นำเข้า และดุลการค้าปี 2541 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ  
           2. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก ดังนี้ 
                  2.1 ปัญหาการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน    ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดการประเมินภาษีโรงเรือน 
และที่ดินปีนี้  ในอัตราเดียวกับปี 2540       โดยให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เดียวกันทั่วประเทศเพื่อไม่ให้มีการเลือก
ปฏิบัติ
                 2.2 ปัญหาวัตถุดิบในการผลิตเพื่อการส่งออก   ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  (BOI) รับ  
ผิดชอบร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงอุตสาหกรรม  กระทรวงพาณิชย์   และสภาอุตสาหกรรม
แห่งประเทศไทยวางระบบการจัดเก็บภาษีการส่งออกทางอ้อม (Indirec t Export) ทั้งกิจการที่ได้รับและไม่ได้รับการ
ส่งเสริมการลงทุน  เป็นไปด้วยความคล่องตัว โดยให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2541 
                 2.3 ปัญหาการลดภาษีอากรอะไหล่  ชิ้นส่วน  และอุปกรณ์เครื่องจักรสิ่งทอ ให้กระทรวงการคลังรายงาน 
ผลการดำเนินการลดภาษีอากรให้เหลือร้อยละ 5  ให้คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบในการ 
ประชุมครั้งต่อไป  และให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งพิจารณาสินค้าที่สมควรลดภาษีอากรอีก 4 กลุ่มให้แล้วเสร็จโดย
เร็ว   
                2.4 ปัญหาการโจรกรรมสินค้าระหว่างการขนถ่ายสินค้าจากเรือเล็กขึ้นเรือใหญ่   ให้กระทรวงมหาดไทย 
(กรมตำรวจ) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง     และรายงานผลให้คณะกรรม 
การรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบเป็นระยะ ๆ โดยให้รายงานครั้งแรกภายใน 2 สัปดาห์
                2.5 ปัญหาขั้นตอนการส่งออกรถยนต์ มาตรการระยะสั้น  ให้กระทรวงคมนาคมออกประกาศยกเว้นการ 
ขออนุญาตส่งออกรถยนต์ และรายงานให้คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบในการประชุมครั้ง
ถัดไป สำหรับมาตรการระยะยาวให้กระทรวงคมนาคมรับไปแก้ไขพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522    
               2.6 ปัญหาการขอรับเงินชดเชยภาษีวัตถุดิบที่นำมาผลิต เพื่อการส่งออกของสินค้ารถยนต์และกุ้งแช่แข็ง  
ล่าช้า ให้กระทรวงการคลังประกาศอัตราชดเชยภาษีวัตถุดิบของสินค้าดังกล่าว   และสินค้าอื่น ๆ ที่อยู่ในข่ายนี้เพื่อ 
ประเมินภาษี  ภายในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 2541       โดยรายงานผลการดำเนินการเรื่องรถยนต์ให้คณะ
กรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบในการประชุมครั้งถัดไป  และรายงานผลการดำเนินการเรื่องกุ้ง 
แช่แข็งภายใน 2 สัปดาห์
              2.7 ปัญหาการคืนภาษีตามโครงการส่งเสริมการผลิตสินค้ารถยนต์ภายในประเทศกลุ่มอาเซียน
 (Brand to Brand Complimentation : BBC) ให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
              2.8 ปัญหาสภาพคล่องอันเกิดมาจากกระบวนการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ผู้ส่งออก   ให้กระทรวง  
การคลังถือเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องเพื่อสนับสนุนการส่งออก  และรายงาน 
ผลการดำเนินการเกี่ยวกับกลไกค้ำประกันสินเชื่อเพื่อประกันความเสี่ยงของผู้ส่งออกและผลการดำเนินการสร้าง  
แรงกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ให้สินเชื่อผู้ส่งออกมากขึ้น โดยให้คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ  
ทราบในการประชุมครั้งถัดไป  และให้เชิญกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 
เข้าร่วมชี้แจงด้วย กับให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับไปประสานชี้แจงและขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้เพิ่ม 
อัตราส่วนของการให้ Packing Credit ของธนาคารพาณิชย์ จากอัตราร้อยละ 80 ของ L/C เป็นร้อยละ 90 - 95  
และให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายศุภชัย  พานิชภักดิ์)  รับไปติดตามดูแลรายละเอียดการสนับสนุนให้บริษัทการ
ค้าระหว่างประเทศเข้าช่วยบริษัทผู้ส่งออกขนาดเล็ก ขนาดกลางทางด้านสภาพคล่อง  และทักษะการจัดการและ  
การตลาดโดยรัฐบาลจัดหาวงเงินให้จำนวนหนึ่ง        และให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาให้ธนาคารของรัฐ  
ปล่อยเงินกู้โดยมีนโยบายสนับสนุนการส่งออกให้มากขึ้นและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
          ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ

          อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร พ.ศ. ....  
ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้ว 
ดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 
          1. ระยะเวลารับสมัครเลือกตั้ง กำหนดวันรับสมัครระหว่างวันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2541 ถัง 
วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2541  รวม 5 วัน      และวันปิดรับสมัครห่างจากวันเลือกตั้งเป็นเวลา 37 วัน
พอสมควรแก่การโฆษณาหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งและการเตรียมการของเจ้าหน้าที่
          2. วันเลือกตั้ง  กำหนดวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2541   ซึ่งเป็นวันที่ 52  นับจากวันที่อายุ  
ของสภากรุงเทพมหานครสิ้นสุดลง  และอยู่ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดให้จัดให้มีการเลือก 
ตั้ง และห่างจากวันปิดรับสมัคร 37 วัน ซึ่งพอสมควรสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งในการหาเสียง

          อนุมัติปรับปรุงคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม โดยแต่งตั้ง นายเรวัติ วิศรุตเวช  รองปลัดกระทรวง 
สาธารณสุข เป็นกรรมการแทน นายพรชัย มาตังคสมบัติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป ตามที่
กระทรวงสาธารณสุข เสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติให้ดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ   ดังนี้ 
1. การนำเข้านำมันปาล์ม ให้องค์การคลังสินค้านำเข้าน้ำมันปาล์มชนิด  Crude  Palm  Olein  
จำนวน 12,000 ตัน   หรือน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ชนิดที่บริโภคได้ปริมาณเทียบเท่าให้เสร็จสิ้นภายในวันที่    
15 เมษายน 2541 ในอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 0 ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ     และให้ดำเนินการเพื่อ  
จำหน่ายในราคาที่เหมาะสม 
2. การเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออก     กระทรวงพาณิชย์จะออกประกาศกำหนดน้ำมัน 
ปาล์มดิบ (Crude Palm Oil) เป็นสินค้าควบคุมการส่งออก     และให้จัดเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษในอัตรา 
ร้อยละ 10  ของราคาส่งออก  (F.O.B.)  ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ   จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2541 
และนำเข้ากองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเพื่อรองรับการเปิดตลาดน้ำมันปาล์มภายใต้ข้อตกลง 
เขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA)

          คณะรัฐมนตรีมีมติ
          1.เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหาของสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน      ซึ่งได้
มีการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคราชการและผู้แทนสมัชชาเกษตรกรรายย่อยภาคอีสาน   และ  
แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหา  รวม 7 คณะ   ได้แก่  คณะอนุกรรมการศูนย์อำนวย  
การร่วมระหว่างภาคราชการ  และผู้แทนสมัชชาเกษตรกร,  คณะอนุกรรมการกลุ่มปัญหาที่ดิน,  คณะอนุ 
กรรมการกลุ่มปัญหาป่าไม้และสิ่งแวดล้อม,  คณะอนุกรรมการกลุ่มปัญหาเรื่องเขื่อน,  คณะอนุกรรมการ  
แก้ไขปัญหาที่ราชพัสดุ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา,   คณะอนุกรรมการกลุ่มปัญหาหนี้สินเกษตรกร   
และสถาบันเกษตรกร    และคณะอนุกรรมการร่วมระหว่างภาคราชการ  และผู้แทนสมัชชาเกษตรกรราย 
ย่อยภาคอีสานระดับจังหวัด ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ
          2. ให้คณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ ที่ได้รับแต่งตั้งเร่งรัดดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้  
รับมอบหมาย     โดยให้ส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการดำเนิน
งานด้วย

          รับทราบรายงานผลการประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศสมัยที่ 85  ระหว่างวันที่ 3 -19
มิถุนายน 2540  ณ  นครเจนีวา  ประเทศสวิตเซอร์แลนด์    ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม
รายงาน สรุปได้ดังนี้ 
          1. การประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 84 ที่ประชุมใหญ่ได้มีมติรับรองอนุสัญญา 
3 ฉบับ ข้อแนะ 3 ฉบับ และพิธีสาร 1 ฉบับ
          2. การประชุมองค์การแรงงานระหว่างประเทศ สมัยที่ 85 
              2.1 ข้อเสนอของผู้อำนวยการใหญ่ ILO ประเทศอาเซียนและประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด 113 ประ  
เทศ มีมติคัดค้านข้อเสนอของผู้อำนวยการใหญ่ ILO  ซึ่งต้องการให้มีการสร้างหลักประกันต่อการเคารพ 
มาตรฐานแรงงานหลัก 
              2.2 งานจ้างเหมา  ที่ประชุมใหญ่ ILO  รับเอาข้อมติให้มีการอภิปรายครั้งที่สองในสมัยประชุม 
ใหญ่คราวหน้าปี พ.ศ. 2541    เพื่อพิจารณารับรองเป็นอนุสัญญาและข้อแนะว่าด้วยงานจ้างเหมาต่อไป  
              2.3 การแก้ไขอนุสัญญาฉบับที่ 96  ว่าด้วยสำนักงานจัดหางานที่คิดค่าบริการ ที่ประชุมมีมติ 
รับรองการแก้ไขอนุสัญญา   เพื่อให้ครอบคลุมถึงกิจการต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องกับการจัดหางานให้มากขึ้น
รวมทั้งคุ้มครองสิทธิของลูกจ้างในการใช้บริการ 
              2.4 การส่งเสริมสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก  ที่ประชุมได้เสนอให้มีนโยบาย  
และมาตรการเฉพาะเพื่อขจัดอุปสรรคที่กีดขวางความเจริญของสถานประกอบการขนาดกลางและขนาด
เล็กให้สามารถแข่งขันในตลาดได้   และยกระดับภาคธุรกิจที่ไม่มีระบบ   และให้ความคุ้มครองคนงานใน 
สถานประกอบการให้มากขึ้น
              2.5 การประชุมคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงาน  ที่ประชุมได้พิจารณา
เรื่อง การไม่ปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยเสรีภาพในการสมคม และอนุสัญญาว่าด้วยแรงงานบังคับ  ของ
ประเทศพม่า ไนจีเรีย ซูดาน อิหร่าน โมรอคโค และสวาซีแลนด์  เป็นกรณีพิเศษ
              2.6 แผนงานและงบประมาณ       ที่ประชุมมีมติรับรองแผนงานและงบประมาณขององค์การ 
ระหว่างปี พ.ศ. 2541 - 2542   เป็นจำนวนเงิน 481 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ      โดยจะเน้นกิจกรรมด้าน  
มาตรฐานแรงงาน   การรณรงค์ต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก   การติดตามผลการดำเนินงานตามผลการ   
ประชุมสุดยอดด้านสังคม  (โคเปนเฮเกน,  มีนาคม  2538)       และการประชุมโลกเรื่องสตรี  (ปักกิ่ง,
กันยายน 2539)

          รับทราบตามสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 15/2541 
วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2541 ตามที่ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร เสนอ

          อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญ 
เกี่ยวกับสิทธิของราษฎรในการลงคะแนนถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นให้พ้นจากตำแหน่งได้  หรือเข้าชื่อกัน 
เพื่อเสนอให้สภาท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ 
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา   ก่อน 
เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

          1. อนุมัติร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติม 
ให้สามารถจัดตั้งท้องถิ่นเป็นเทศบาลนคร โดยไม่ต้องใช้ความหนาแน่นของราษฎร และลดระยะเวลการดำรง 
ตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลจากห้าปีเป็นสี่ปี  ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ      และให้ส่งสำนักงานคณะ  
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา       และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อน
เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
          2. อนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติเทศบาล  (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  ที่สภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุไว้ใน 
ระเบียบวาระการประชุมแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ