ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1135 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22681 - 22700 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22681 | สรุปผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2558 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๘ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมผู้ว่าการของประเทศสมาชิกกลุ่มออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA Group) มีประเด็นหารือเกี่ยวกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในอนาคต ซึ่งได้มีการหยิบยกประเทศไทยขึ้นเป็นกรณีศึกษา โดยประเทศไทยมีจำนวนประชากรวัยทำงานอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาสังคมผู้สูงอายุที่อาจเป็นภาระทางการคลังในอนาคต ๒. การเสวนาโต๊ะกลมระหว่างกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศอาเซียน มีประเด็นหารือเกี่ยวกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและประเทศกำลังพัฒนา และการเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีต่ออาเซียน ๓. การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๘ ๓.๑ กองทุนการเงินระหว่างประเทศมีการปรับลดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้จากร้อยละ ๓.๓ เหลือร้อยละ ๓.๑ เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา ทั้งนี้ คาดว่าในปี ๒๐๑๖ เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวดีขึ้นทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา โดยจะขยายตัวร้อยละ ๓.๖ ๓.๒ ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ประกอบด้วย (๑) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน (๒) ราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ (๓) ข้อจำกัดทางการคลัง และ (๔) ความผันผวนในตลาดการเงินโลกจากแนวโน้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ๓.๓ เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับผลกระทบจาก (๑) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยประเมินว่าหากเศรษฐกิจจีนลดลงร้อยละ ๑ จะทำให้เศรษฐกิจอาเซียนลดลงร้อยละ ๐.๓ และ (๒) ความเสี่ยงจากหนี้ภาคเอกชนอันเนื่องมาจากการกู้ยืมมากเกินไปในอดีต (Excess Corporate Borrowing) ๔. รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้พบหารือทวิภาคีกับคู่เจรจา ได้แก่ (๑) ประธานธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) (๒) รองประธานธนาคารโลก และ (๓) รองประธานองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) โดยได้มีการหารือถึงประเด็นความร่วมมือระหว่างกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
22682 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 2 ราย 1. นายประสิทธิ์ สืบชนะ ฯลฯ) | กค | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นายประสิทธิ์ สืบชนะ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ๒. นายจุมพล ริมสาคร ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||
22683 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสุจิตต์ สาลีพันธ์ และนายวสันต์ ศรีสุรินทร์) | สธ | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสุจิตต์ สาลีพันธ์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านโภชนาการ) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ๒. นายวสันต์ ศรีสุรินทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลสุรินทร์ สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสุรินทร์ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
22684 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี | นร01 | 20/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายจิรชัย มูลทองโร่ย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
22685 | สถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ | ทส | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ ความก้าวหน้าในการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ และผลการดำเนินงานของหน่วยราชการในการประหยัดน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ ณ วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๑.๑ สถานการณ์ฝน ปริมาณฝนสะสมตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ เฉลี่ยรายภาคน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ๓๐ ปี ร้อยละ ๖-๑๗ คาดการณ์ฝนสะสมถึงสิ้นปี ๒๕๕๘ จะมีปริมาณฝนสะสมรายภาคทั่วประเทศเฉลี่ยร้อยละ ๑๐-๒๕ ๑.๒ สถานการณ์น้ำท่าในลำน้ำสายหลัก ปริมาณน้ำสายใหญ่อยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติ โดยเฉพาะในแม่น้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณน้ำไหลผ่าน ๒๖๒ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๑.๓ สถานการณ์การกักเก็บน้ำ ณ วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ มีปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ๔๒,๓๗๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๘ ของความจุอ่างเก็บน้ำ หรือมีปริมาณน้ำใช้การได้ทั่วประเทศ ๑๗,๙๖๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๗.๕ ของความจุใช้การได้ ๑.๔ สถานการณ์ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ใน ๔ เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ แควน้อยบำรุงแดน และป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำในเขื่อน ๑๐,๑๖๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔๑ หรือมีปริมาณน้ำใช้การได้ ๓,๔๖๙ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๑๙ คาดการณ์เมื่อสิ้นฤดูฝน (๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๘) จะมีปริมาณน้ำใช้การได้ ๓,๖๗๗ ล้านลูกบาศก์เมตร ๒. ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปี ๒๕๕๗-๒๕๖๙ จำนวน ๑๒ กิจกรรม (ณ วันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘) เช่น การทำประปาหมู่บ้าน/โรงเรียน/ชุมชน การทำน้ำบาดาลการเกษตร การขุดลอกลำน้ำสายหลัก การฟื้นฟูป่า ซึ่งส่งให้ปัจจุบันมีน้ำกักเก็บแล้ว ๙๒๖.๕๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ๓. ผลการดำเนินงานของหน่วยราชการในการประหยัดน้ำ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เปรียบเทียบระหว่างเดือนสิงหาคม และเดือนกันยายน ๒๕๕๘ จำนวน ๔,๘๒๗ ราย มีปริมาณการใช้น้ำลดลง จำนวน ๒,๗๖๓ ราย คิดเป็นร้อยละ ๕๗.๒๔ ปริมาณการใช้น้ำเท่าเดิม จำนวน ๒๘๐ ราย คิดเป็นร้อยละ ๕.๘ และปริมาณการใช้น้ำเพิ่มขึ้น จำนวน ๑,๗๘๔ ราย คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๙๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
22686 | ขอความเห็นชอบบันทึกข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม | นร | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ว่า ให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดให้มีคณะทำงานดูแลการบริหารจัดการอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้มีความชัดเจน เนื่องจากมีงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งได้รับจากเงินบริจาคของภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ส่วนวิธีดำเนินการให้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นมูลนิธิหรือกลไกในรูปแบบใด ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความมีประสิทธิภาพ และให้เกิดความต่อเนื่องโดยอาจแบ่งกรอบเวลาการดำเนินการเป็นระยะ ๆ เพื่อให้มีความชัดเจนได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
22687 | แนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย | สลธ.คสช. | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงที่ได้รับผลกระทบจากการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วยจำนวนผู้ประกอบการประมงที่ได้รับผลกระทบ เกณฑ์การคำนวณค่าใช้จ่ายที่ควรให้ความช่วยเหลือ กรอบวงเงินที่ควรให้ความช่วยเหลือ ตามมติคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงดังกล่าว ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริงและผลการตรวจสอบ รวมทั้งเป็นไปตามกฎหมายด้วย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ๒. ในส่วนของงบประมาณสำหรับการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการประมงในระหว่างที่สามารถออกทำการประมงได้ ภายในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๒๘,๕๑๖,๑๐๐ บาท โดยให้กองทัพเรือ โดยศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะเงินอุดหนุน
|
|||||||||||||||||||||||||||
22688 | การขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2558 และขออนุมัติงบบริหารจัดการโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล | มท | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลให้แล้วเสร็จ จาก “ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘” เป็น “ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๙” และเห็นชอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภออาศัยอำนาจการบริหารตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ บูรณาการการบริหารจัดการการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐในพื้นที่จังหวัดหรืออำเภอ โดยให้กระทรวง กรม ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐในพื้นที่จังหวัดหรืออำเภอเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ทั้งด้านวัสดุ อุปกรณ์ บุคลากร หรือด้านอื่น ๆ ตามที่ได้รับการร้องขอจากผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงการ ควรพิจารณากลั่นกรองโครงการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมาตรการอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑๘๗,๑๘๗,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานตามโครงการฯ การประชาสัมพันธ์ และอื่น ๆ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
22689 | ร่างปฏิญญาแทจ็อนว่าด้วยนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยุคสากลและดิจิทัล | วท | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาแทจ็อนว่าด้วยนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยุคสากลและดิจิทัล มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจการพัฒนาอย่างยั่งยืน การสร้างงาน และสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยประเทศสมาชิกจำเป็นต้องมีนโยบายที่ส่งเสริมการวิจัยและความเชื่อมโยงที่เข้มแข็งระหว่างภาคการศึกษา อุตสาหกรรม และสังคม เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างปฏิญญาฯ ๓. หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบในภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
|||||||||||||||||||||||||||
22690 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ พ.ศ. .... | พม | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการในการควบคุมเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือคบค้าสมาคมกับบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้ปรับแก้ไขชื่อร่างระเบียบฯ และเนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับมาตรการทางบริหารในการป้องกันและป้องปรามเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ร่วมกับสำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการใช้มาตรการทางบริหารในเรื่องนี้ว่าเป็นมาตรการทางวินัยที่มิได้บัญญัติไว้ในกฎหมายใดเป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและป้องปรามเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ อันเป็นการสร้างมาตรฐานและความเชื่อมั่นให้เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
22691 | การเสนอตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Travel&Tourism Council (WTTC) Glabal Summit 2017 | กก | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม World Travel & Tourism Council (WTTC) Global Summit 2017 ในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไม่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้ จึงเห็นควรให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ในวงเงิน ๒๒,๗๔๓,๘๐๐ บาท เพื่อชำระค่าบริหารจัดการของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก หากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หารือกับสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาทบทวนในรายละเอียดการขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือ เพื่อให้มีการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า และให้มีการกำกับ ติดตามประเมินผลการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเร่งรัดการจัดทำคำของบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือตามระเบียบให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
22692 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติและหนังสือสัญญา จำนวน ๓ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. .... ๒. อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. ๑๙๙๒ ๓. ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA
|
|||||||||||||||||||||||||||
22693 | ร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. .... | ศธ | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
22694 | อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. 1992 | นร | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนออนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนระหว่างประเทศเพื่อชดใช้ความเสียหายอันเนื่องมาจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. ๑๙๙๒ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
22695 | การดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปประเทศ | นร | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า
๑. ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้ทุกส่วนราชการนำ ๓๗ วาระการปฏิรูป ๖ วาระการพัฒนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติมากำหนดแผนปฏิบัติการ นั้น ในการจัดทำแผนปฏิบัติการดังกล่าวเห็นควรให้ทุกส่วนราชการดำเนินการตามแนวทาง ดังนี้ ๑.๑ ให้นำ ๓๗ วาระการปฏิรูป ๖ วาระการพัฒนาของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาจัดกลุ่มให้อยู่ภายใต้ประเด็นการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จำนวน ๑๑ ด้าน ๑.๒ ให้แบ่งเป็น ๓ ระยะ ๑.๒.๑ ระยะที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการแก้ไขปัญหาสำคัญเร่งด่วนเฉพาะหน้าของรัฐบาล โดยจัดทำเป็นข้อมูลผลการดำเนินการที่ผ่านมา ๑.๒.๒ ระยะที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘-เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลซึ่งต้องเร่งรัดในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศให้ไปสู่ความมั่นคง มั่นคง และยั่งยืน โดยจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการ ๑.๒.๓ ระยะที่ ๓ เดือนสิงหาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ช่วงการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามารับช่วงต่อจากรัฐบาลชุดนี้ โดยจัดทำเป็นประเด็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาลชุดใหม่ต้องดำเนินการ และกำหนดกลไกในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ๒. ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๕๘ นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานสรุปข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในภาพรวม ว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณแต่ละประเภทเท่าใด นั้น เห็นควรให้สำนักงบประมาณร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลงบประมาณเพิ่มเติมทั้งในส่วนการจัดหารายได้และงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายตามแนวทางข้อสั่งการดังกล่าว โดยจำแนกออกเป็น ๓ ระยะ ตามข้อ ๑.๒ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
22696 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร04 | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มต่าง ๆ ที่อาจได้รับผลกระทบเพิ่มเติม เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน สับปะรด ประมง และให้พิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกของเกษตรกร โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการน้ำและการเชื่อมโยงกับตลาด โดยอาจเชิญภาคเอกชน ปราชญ์ชาวบ้าน หรือเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จแล้วมาร่วมดำเนินการในการให้ความรู้แก่เกษตรกร เช่น การจูงใจเพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งในอนาคตด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle-EV Car) เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะการวิจัย พัฒนา และสนับสนุนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแบตเตอรี่สำหรับใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าดังกล่าว ๒. ด้านสังคม ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการดำเนินการจัดระบบการศึกษาของไทย โดยเฉพาะในประเด็นการเปรียบเทียบระบบการศึกษาที่มีคุณภาพของประเทศต่าง ๆ ได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ในเรื่องการจัดการศึกษาในระดับปฐมวัย ประเทศเกาหลีใต้ในเรื่องการจัดการศึกษาในระดับอาชีวศึกษา และประเทศฟินแลนด์ในเรื่องการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศไทย ทั้งนี้ ให้นำเสนอนายกรัฐมนตรีโดยด่วนด้วย ๓. ด้านการต่างประเทศ ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลเปรียบเทียบผลดีผลเสียที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเข้าเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Strategic Economic Partnership : TPP) การป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งการใช้ประโยชน์ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในสัปดาห์หน้าเพื่อประกอบการพิจารณากำหนดท่าทีของไทยต่อไป รวมทั้งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนได้รับทราบด้วย ๔. ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษากำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์พื้นที่ก่อสร้างโครงการจัดการน้ำเสียคลองด่าน โดยอาจพิจารณาให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเพื่อดำเนินการ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุดของรัฐเป็นสำคัญ ๔.๒ ให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนเพื่อสร้างความร่วมมือเกี่ยวกับการผลิตอุตสาหกรรมป้องกันประเทศตามศักยภาพ เช่น กระสุนปืน เพื่อไม่ให้ประเทศไทยมีการผลิตซ้ำซ้อนกับประเทศอื่นอันจะทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคากันในอนาคต และให้กระทรวงกลาโหมร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยพัฒนาเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์ป้องกันตนเองของเจ้าหน้าที่ เช่น เสื้อเกราะ รถเกราะ โดยอาจให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน รวมทั้งเร่งรัดกำหนดมาตรฐานสำหรับรับรองอุปกรณ์ป้องกันตนเองดังกล่าวตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไปด้วย ๔.๓ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดชุดกู้ชีพบริเวณชายหาด โดยเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์และผ่านการอบรมด้านการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุโดยเฉพาะ ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและประชาชน พร้อมทั้งจัดให้มีอุปกรณ์ เครื่องมือที่เพียงพอและเหมาะสมด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
22697 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA | นร05 | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศและการดำเนินการตาม FATCA ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
22698 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี 2558 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย แผนงานประจำในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ผลการดำเนินงานประจำครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ข้อมูลสถิติอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญ และสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
22699 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้าที่ประเทศไทยมีพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลกเข้ามาในราชอาณาจักร ตามความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี พ.ศ. .... | พณ | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำสินค้าที่ประเทศไทยมีพันธกรณีตามความตกลงการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลกเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อรองรับการผูกพันด้านการค้าสินค้าที่มีโควตาภาษี (Tariff Rate Quota : TRQ) ของไทย ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
22700 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... | กค | 13/10/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... ที่ให้มีการศึกษาทบทวนเกี่ยวกับการขยายอายุของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียน ซึ่งกรณีการกำหนดคุณสมบัติผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายบริหารทุนหมุนเวียนให้มีอายุไม่เกิน ๖๕ ปีบริบูรณ์ไว้ในร่างพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. .... เนื่องจากประสงค์ให้การกำหนดคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิดังกล่าวเป็นแนวทางเดียวกันกับการกำหนดคุณสมบัติกรรมการในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังขอรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ในประเด็นดังกล่าวไว้พิจารณาเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียนฯ ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....