ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 176 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 3503 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | การรับรองปฏิญญาว่าด้วยสภาพภูมิอากาศและสุขภาพ (COP28 Declaration on Climate and Health) | สธ. | 22/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
22 | ร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. .... | สธ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ อสม. เป็นกำลังสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพของประชาชนในชุมชนตามหลักการสาธารณสุขมูลฐาน
และยกระดับทักษะและขีดความสามารถของ อสม. ให้ดำเนินการตามหลักการดังกล่าวได้สัมฤทธิ์ผล
ตลอดจนเสริมสร้างเครือข่ายการประสานงานบริหารกิจการ อสม.
และดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพภายในชุมชนให้เป็นไปอย่างมีระบบ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงาน
ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกรุงเทพมหานครไปประกอบการพิจารณาด้วย เช่น กระทรวงยุติธรรม เห็นว่าการกำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน
จำนวน ๔ คณะ (คณะกรรมการระดับประเทศ ระดับเขตสุขภาพ ระดับจังหวัด และกรุงเทพมหานคร)
และคณะกรรมการอาสาสมัครสาธารณสุขอื่น
อาจต้องพิจารณาเหตุผลและความจำเป็นตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรี (๕ ตุลาคม ๒๕๖๔) เรื่อง
แนวทางการใช้ระบบคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลประกอบด้วย สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรใช้มาตรการทางการบริหารเป็นลำดับแรก
เช่น การปรับปรุงระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ครอบคลุมประเด็นการบูรณาการและขับเคลื่อนการทำงานระหว่างหน่วยงาน
คณะกรรมการภายในกระทรวงสาธารณสุข ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
23 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองการจดแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์ พ.ศ. .... | สธ. | 08/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบรับรองการจดแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกใบรับรองการจดแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบและสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรตและบุหรี่ซิการ์
ตามกฎกระทรวงกำหนดส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ และสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ซิกาแรต
และบุหรี่ซิการ์ การแจ้ง และการออกใบรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรเร่งดำเนินการตามมาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนและเผยแพร่ตามช่องทางที่กำหนด
รวมถึงในเว็บไซต์ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการ (www.info.go.th)
ต่อไป สำนักงบประมาณ เห็นสมควรที่กระทรวงสาธารณสุขจะสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้ผู้เกี่ยวข้องทราบอย่างทั่วถึง
และแจ้งกระทรวงการคลังจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
24 | ขอความเห็นชอบการขยายอัตราการจ่ายค่าตอบแทนใบประกอบโรคศิลปะของเภสัชกรให้แก่เภสัชกรที่เกี่ยวข้องขององค์การเภสัชกรรม เป็นอัตรา 10,000 บาท/คน/เดือน | สธ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายอัตราการจ่ายค่าตอบแทนใบประกอบโรคศิลปะของเภสัชกรให้แก่เภสัชกรที่เกี่ยวข้องขององค์การเภสัชกรรม
เป็นอัตรา ๑๐,๐๐๐ บาท/คน/เดือน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าในการพิจารณาเรื่องกล่าวให้คำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐประกอบด้วย เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา
๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงบประมาณ เห็นควรพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
โดยคำนึงถึงสถานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานของกิจการ
และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และมีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและไม่ก่อให้เกิดภาระแก่ประชาชน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25 | ขอความเห็นชอบสวัสดิการค่าเช่าบ้านของผู้ปฏิบัติงานองค์การเภสัชกรรม | สธ. | 01/04/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบสวัสดิการค่าเช่าบ้านผู้ปฏิบัติงานขององค์การเภสัชกรรม
ดังนี้ (๑) ลูกจ้าง (ลูกจ้างประจำและลูกจ้างชั่วคราว) และพนักงานระดับ ๑ - ๓
อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินเดือนละ ๔,๐๐๐ บาท (๒) พนักงานระดับ ๔ - ๕ อัตราเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินเดือนละ ๕,๐๐๐ บาท และ (๓) พนักงานระดับ ๖ - ๑๑ อัตราเท่าที่จ่ายจริง
แต่ไม่เกินเดือนละ ๖,๐๐๐ บาท โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑ เมษายน ๒๕๖๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข (องค์การเภสัชกรรม)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรคำนึงถึงประเด็นความคุ้มค่า
ต้นทุน และผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐประกอบด้วย
เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญกับการกำกับติดตามการเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การจัดสวัสดิการค่าเช่าบ้านเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
มีความโปร่งใสและไม่เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในหน่วยงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
26 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารอำนวยการ ผู้ป่วยนอก และอุบัติเหตุฉุกเฉิน เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 23,765 ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร โรงพยาบาลตรัง จังหวัดตรัง 1 หลัง (งานส่วนที่เหลือ ครั้งที่ 3) | สธ. | 27/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างรายการอาคารอำนวยการ
ผู้ป่วยนอก และอุบัติเหตุฉุกเฉินเป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒๓,๗๖๕ ตารางเมตร พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคาร
โรงพยาบาลตรัง ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ๑ หลัง
(งานส่วนที่เหลือ ครั้งที่ ๓) จำนวนเงิน ๒๘๔,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗จำนวน
๔๕,๘๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๓๙,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๙ - พ.ศ. ๒๕๗๐ รวมเป็นเงินค่าก่อสร้างทั้งสิ้น ๔๘๘,๐๙๖,๓๔๙.๗๗ บาท และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารดังกล่าว
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ - พ.ศ. ๒๕๗๐ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุข (สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) กำกับ ติดตาม
และเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้างอาคารอำนวยการ ผู้ป่วยนอก และอุบัติเหตุฉุกเฉิน
พร้อมอุปกรณ์ประกอบอาคารโรงพยาบาลตรังให้แล้วเสร็จ ภายในกรอบวงเงินและระยะเวลาที่ได้รับการอนุมัติไว้ในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงสาธารณสุขปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง สำหรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นว่าหากโครงการฯ
มีอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ ๒๓ เมตรขึ้นไป หรือมีพื้นที่รวมกันทุกชั้นหรือชั้นหนึ่งชั้นใดในหลังเดียวกัน
ตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ตารางเมตรขึ้นไป
และตั้งอยู่ติดแม่น้ำตามเอกสารท้ายประกาศ ๒ ฝั่งทะเลหรือชายหาด
หรือที่ตั้งอยู่ติดหรืออยู่ในอุทยานแห่งชาติหรืออุทยานประวัติศาสตร์ จะเข้าข่ายเป็นโครงการ
กิจการ หรือการดำเนินการ ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ตามประกาศฯ ลำดับที่ ๒๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
27 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพรังสีเทคนิค พ.ศ. .... | สธ. | 18/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพรังสีเทคนิค พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแยกการกำกับดูแลและการควบคุมการประกอบวิชาชีพรังสีเทคนิคออกจากอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการประกอบโรคศิลปะและคณะกรรมการวิชาชีพสาขารังสีเทคนิค
โดยจัดตั้ง “สภารังสีเทคนิค” ขึ้นเพื่อส่งเสริมการประกอบวิชาชีพรังสีเทคนิค
กำหนดและควบคุมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพรังสีเทคนิค และควบคุมมิให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคลซึ่งไม่มีความรู้อันจะก่อให้เกิดภัยและความเสียหายแก่ประชาชน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมองค์ประกอบของกรรมการสภาวิชาชีพรังสีเทคนิคให้มีผู้แทนจากหน่วยงานที่มีการจัดบริการด้านรังสีเทคนิคทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
เช่น กระทรวงการคลัง เห็นควรมีการพิจารณาดำเนินการเพื่อมิให้บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ
พ.ศ. ๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมกับร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพรังสีเทคนิค พ.ศ. ....
มีความซ้ำซ้อนกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นางสิริพรรณ แสงอรุณ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | สธ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นางสิริพรรณ แสงอรุณ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๗ ๒. นายปัญจพล แก้วอุบล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลตรัง
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ ๓. นายสมบูรณ์ อภิชัยยิ่งยอด ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลราชบุรี
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
29 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม แทนกรรมการอื่นที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ (รองศาสตราจารย์อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ และนายสมศักดิ์ อนันทวัฒน์) | สธ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมมีจำนวนกรรมการเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน
(นับรวมประธานกรรมการ กรรมการอื่นที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
และผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมซึ่งเป็นกรรมการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๑๘
แห่งพระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. ๒๕๐๙ และมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม จำนวน ๒ คน แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งได้เพียงเท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
30 | ขอความเห็นชอบการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ขององค์การเภสัชกรรมให้กับมหาวิทยาลัยมหิดล (คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี) เป็นการจำหน่ายด้วยวิธีการโอนให้แก่มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี | สธ. | 11/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ด้วยวิธีการโอนให้มูลนิธิรามาธิบดี
ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
เพื่อรองรับโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี
โดยจะดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(องค์การเภสัชกรรม) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดำเนินการต่อไป เช่น สำนักงบประมาณ เห็นว่าขั้นตอนและวิธีการ
หรือการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว
กระทรวงสาธารณสุขโดยองค์การเภสัชกรรมควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
31 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สธ. | 03/03/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
พ.ศ. ๒๕๔๒
โดยปรับปรุงกลไกและมาตรการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษทางอาญาและแก้ไขบทกำหนดโทษสำหรับความผิดที่ไม่ร้ายแรงให้มีเพียงโทษปรับสถานเดียว
รวมทั้งปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
โดยให้ส่งความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไปเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
32 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวอัจฉรา รอดเกิด) | สธ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอัจฉรา รอดเกิด ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนายแพทย์เชี่ยวชาญ
(ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานปลัดกระทรวง
ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข
ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
33 | รายงานประจำปี 2566 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ. | 25/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๖ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
(สวรส.) สรุปได้ ดังนี้ (๑) สรุปผลงานที่สำคัญ/โดดเด่น เช่น ๑) ดำเนินการทบทวนขอบเขตและศึกษาผลกระทบของนโยบายอนุญาตให้กัญชาถูกกฎหมาย
๒) ดำเนินโครงการพัฒนาห้องปฏิบัติการจีโนมสำหรับการแพทย์จีโนมิกส์ในด้านมะเร็ง
เพื่อยกระดับศักยภาพด้านการวิจัยและการบริการด้านการรักษาโรคมะเร็งให้สามารถแข่งขันได้ในระดับประเทศและนานาชาติ
๓) ดำเนินโครงการพัฒนาระบบสารสนเทศแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสภาวิชาชีพและกระทรวงสาธารณสุข
เพื่อวางแผนและบริหารจัดการกำลังคนสุขภาพของไทยแบบบูรณาการ ๔)
ดำเนินการถอดบทเรียนการดำเนินนโยบายคนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว ๓ คน ใน ๓ ระดับ
(ระดับหมู่บ้าน ระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และระดับโรงพยาบาล) และ ๕)
ดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการกำกับการกินยารักษาวัณโรคโดยใช้แอปพลิเคชั่นมือถือ
และ (๒) งบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๖
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๗ เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
34 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นระดับชาติ พ.ศ. 2560-2570 ตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 | สธ. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาววรางคนา เวชวิธี) | สธ. | 11/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาววรางคนา เวชวิธี
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งทันตแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย
ให้ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายเกรียงศักดิ์ ฤชุศาศวัต และนางสุนันทา กาญจนพงศ์) | สธ. | 04/02/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายเกรียงศักดิ์ ฤชุศาศวัต ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(จุลชีววิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ ๒. นางสุนันทา กาญจนพงศ์ ดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ (ด้านแผนยุทธศาสตร์สาธารณสุข)
กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๗
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
37 | รายงานผลการดำเนินงาน โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์ โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน
โครงการแก้ปัญหาการกระจายทันตแพทย์โดยกำหนดเงื่อนไขการเข้ารับราชการ โดยคณะกรรมการพิจารณาฯ
ได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๔ มีผลการดำเนินงานสรุปได้
ดังนี้ ๑) คณะกรรมการพิจารณาฯ ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม
๒๕๖๕ มีมติเห็นชอบแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาของส่วนราชการและหน่วยงาน
ระยะ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ - ๒๕๗๐) และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกันจัดทำแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาระยะ
๕ ปีเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๑ - ๒๕๗๕ ต่อไป และ ๒) คณะกรรมการพิจารณาฯ
ในคราวประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๖๖ มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การจัดสรรและแนวปฏิบัตินักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาเพื่อให้รองรับนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาที่จะสำเร็จการศึกษาในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ (ปีการศึกษา ๒๕๖๖)
และเพื่อให้หน่วยงานสามารถคัดเลือกนักศึกษาทันตแพทย์ไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนได้ครบตามแผนความต้องการ
และกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินการ โดยกำหนดให้หน่วยงานต้องคัดเลือกทันตแพทย์คู่สัญญาไปปฏิบัติงานชดใช้ทุนในหน่วยงานได้มากกว่าร้อยละ
๘๐ ของจำนวนความต้องการที่กำหนดในแผนความต้องการนักศึกษาทันตแพทย์ผู้ให้สัญญาของหน่วยงาน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
38 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงสาธารณสุข (โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงสาธารณสุข สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น จำนวน ๑,๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เห็นควรให้ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขควรสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของการดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานข้างต้น
โดยเฉพาะสภาพความแออัดหรือปัญหาการใช้งานในอาคารสำนักงานเดิมอย่างเป็นรูปธรรม
และความเร่งด่วนของโครงการเมื่อเปรียบเทียบกับการปรับปรุงอาคารสถานที่ของหน่วยบริการสาธารณสุข
เพื่อให้การลงทุนด้านสาธารณสุขของประเทศเกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
39 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป กระทรวงสาธารณสุข (โครงการก่อสร้างสถาบันมะเร็งแห่งชาติแห่งใหม่ สาขาบางขุนเทียน) | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามนัยมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของกระทรวงสาธารณสุข โครงการก่อสร้างสถาบันมะเร็งแห่งชาติแห่งใหม่
สาขาบางขุนเทียน จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๓๐๗,๗๑๖,๑๐๐ บาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุข
(กรมการแพทย์และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมถึงข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงบประมาณ เห็นควรให้กรมการแพทย์จัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ ประมาณการค่าก่อสร้าง
สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมถึงการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
ประโยชน์ที่จะได้รับ ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมรายละเอียดของกิจกรรมรายปี พร้อมระบุวงเงินแต่ละกิจกรรมอย่างชัดเจนภายใต้แผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
รวมทั้งควรมีการเตรียมการในเรื่องการจัดทำแผนความต้องการครุภัณฑ์ทางการแพทย์
แผนอัตรากำลังคนในสาขาเฉพาะทางที่ปัจจุบันยังมีความขาดแคลนจำนวนมาก
และแนวทางการออกแบบอาคารที่ต้องรองรับกับอุปกรณ์เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงด้านรังสีรักษาที่จำเป็นต้องมีความสอดคล้องกับขนาดของพื้นที่ ๒. มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำคำของบประมาณฯ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อกลั่นกรองความจำเป็นเหมาะสมในภาพรวมของข้อเสนองบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในรายการงบลงทุนและรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไปทั้งหมด ให้เหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาในภาพรวมทั้งหมดเสนอต่อคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนและกรอบเวลาของปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
40 | การกำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2562 | สธ. | 28/01/2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในการกำหนดเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง
การป้องกัน และการควบคุมโรค หรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕
ไมครอน ตามพระราชบัญญัติควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๒
และมอบหมายให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมพิจารณาปรับปรุงหรือกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อใช้ดำเนินการในเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง
การป้องกัน และการควบคุมโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕
ไมครอนได้ตามความเหมาะสม และสมควรแก่กรณี ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมเสนอ ให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม
กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรมีการนำข้อมูลบ่งชี้ด้านสุขภาพมากำหนดเป็นหลักเกณฑ์ร่วม
อาทิ ข้อมูลความชุกของโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่นละอองฯ เพื่อให้การกำหนดมาตรการรองรับมีความสอดคล้องกับปัญหาในพื้นที่ สำนักงาน ก.พ.ร. เห็นควรดำเนินการตามแนวทางตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน
(Joint KPIs) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
ควรบูรณาการกำหนดมาตรการ แนวทาง และผู้รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่ให้ชัดเจน
เพื่อใช้ในการกำกับ ติดตาม และประเมินผลสัมฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน
๒.๕ ไมครอน
|