ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 501 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 10001 - 10020 จากข้อมูลทั้งหมด 124182 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10001 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน - สาธารณรัฐเกาหลี (ฉบับที่ ..) | กค. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีอัตราอากร ๑
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง
การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
ลงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๐ และยกเลิกบัญชีอัตราอากร ๓
ท้ายประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การยกเว้นอากรและลดอัตราอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี
(ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ แล้วให้ใช้บัญชีอัตราอากร ๓ ท้ายร่างประกาศฉบับนี้แทน
เพื่อให้สิทธิตามหลักการต่างตอบแทนแก่สาธารณรัฐเกาหลีภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี (Asean-Korea Free Trade Agreement : AKFTA) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานรับผิดชอบจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการที่ได้จัดทำตามมาตรา
๒๗ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นประจำทุกสิ้นปีงบประมาณ
จนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
๓.
ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรประสานความร่วมมือให้สาธารณรัฐเกาหลีเร่งลดภาษีในรายการสินค้าอ่อนไหวของตนเพื่อประโยชน์ต่อผู้ส่งออกของไทย
และประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบมาตรการดังกล่าวอย่างทั่วถึง และควรมีการติดตามข้อมูลการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลง
AKFTA ว่าในแต่ละปีมีสถิติการนำเข้า/ส่งออกมากน้อยเพียงใด
เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับสถิติที่ได้ประมาณการไว้ และมีการสอบถามข้อมูลความเห็นเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการต่อการใช้สิทธิพิเศษภายใต้ความตกลง
AKFTA ในโอกาสแรก รวมทั้งควร จัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่ได้รับในครั้งนี้ให้ชัดเจน
ตลอดจนจัดทำประมาณการรายได้กำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้ประกอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10002 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการคนที่สองและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ | สสส. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งรองประธานกรรมการคนที่สองและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
รวม ๙ คน เนื่องจากรองประธานกรรมการคนที่สองและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมจะครบวาระการดำรงตำแหน่งสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการเสร้างเสริมสุขภาพเสนอ
ดังนี้ ๑. นายสุรเชษฐ์
สถิตนิรามัย รองประธานกรรมการคนที่สอง ๒. นายพรเทพ
ศิริวนารังสรรค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๓. นายศรีสุวรรณ
ควรขจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการพัฒนาชุมชน ๔. นายวสันต์
ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการสื่อสารมวลชน ๕.
รองศาสตราจารย์สรนิต ศิลธรรม กรรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ๖. นางประภาศรี
บุญวิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการกีฬา ๗. นางจิรพร
วิทยศักดิ์พันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านศิลปวัฒนธรรม ๘. นายไพโรจน์ แก้วมณี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านกฎหมาย ๙. ศาสตราจารย์สมคิด
เลิศไพฑูรย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหาร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10003 | รัฐบาลสาธารณรัฐเอสโตเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนียประจำประเทศไทย | กต. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายอันเดรส อุงกา (Mr. Andres Unga)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนียประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายมาร์เทิน ค็อคค์ (Mr.
Marten Kokk) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10004 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายวังตอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายวังตอง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายวังตอง ในท้องที่ตำบลบ้านกลาง
และตำบลเหมืองง่า อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10005 | กรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2564 | นร.11 | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๕๑๐,๒๓๘ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน
๒๙๑,๘๐๙ ล้านบาท
(รวมงบลงทุนในรูปแบบสัญญาเช่าที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากกิจกรรมหลักโดยตรง
วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๔๓๑ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๓๔๘ ล้านบาท)
ประกอบด้วย (๑) การลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่อง
วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๒๑๐,๒๓๘ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๒๔๑,๘๐๙
ล้านบาท และ (๒) กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปี วงเงินดำเนินการ จำนวน
๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๐,๐๐๐ ล้านบาท
สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
และการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕
ของกรอบวงเงินอนุมัติให้เบิกจ่ายลงทุน ๑.๒
เห็นชอบให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมถึงงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม งบกลาง
หรืองบประมาณที่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตามหลักเกณฑ์และวิธีการงบประมาณหรือได้รับความเห็นชอบจากสำนักงบประมาณแล้ว
และปรับเพิ่มกรอบวงเงินดำเนินการและกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนให้ให้สอดคล้องกับการอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรี
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ
๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงงบลงทุนระหว่างปีในส่วนงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติและโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ๑.๔ เห็นชอบข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ระดับกระทรวง และระดับรัฐวิสาหกิจ
โดยให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจรับข้อเสนอแนะในส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ
และรายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะทุกไตรมาส
และเห็นควรให้รัฐวิสาหกิจรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินงานและการลงทุนปี ๒๕๖๔
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕
ของเดือนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส
เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๑.๕ รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ ๗๓,๕๐๓ ล้านบาท และประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี
๒๕๖๕-๒๕๖๗ ของรัฐวิสาหกิจในเบื้องต้นที่คาดว่าจะมีการลงทุนเฉลี่ยประมาณปีละ
๓๘๓,๙๙๘ ล้านบาท และผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิเฉลี่ยประมาณปีละ ๑๐๖,๒๓๙ ล้านบาท ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการโยบายรัฐวิสากิจ)
และกระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร.
ซึ่งมีความเห็นเพิ่มเติมบางประการ
โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการติดตามและประเมินผลการใช้งบลงทุนและการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)
กระทรวงเจ้าสังกัดของรัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวนและปรับปรุงแผนยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจ
แผนวิสาหกิจ และแผนปฏิบัติการประจำปีของรัฐวิสาหกิจ
และแผนพัฒนารัฐวิสาหกิจภายใต้พระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๖๒
ที่อยู่ระหว่างการจัดทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์และบริบทการพัฒนาประเทศภายใต้ภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจภายหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ บนฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการปรับยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ของรัฐวิสาหกิจทั้งในภาพรวมและแต่ละราย
ซึ่งจะทำให้การกำหนดทิศทางและกรอบการลงทุนของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งมีความชัดเจน
ไม่ซ้ำซ้อน และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป ๔. ให้กระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) พิจารณานำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ระดับกระทรวง
และระดับรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องไปเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดตัวชี้วัดสำหรับการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง
ภายใต้ระบบการประเมินผลรัฐวิสาหกิจประจำปีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10006 | ร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. .... | รง. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.
๒๕๔๓ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านแรงงานสัมพันธ์
และเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาศึกษาเทียบเคียงการใช้สิทธิปิดงานหรือนัดหยุดงานที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น
ควรแก้ไขบทนิยามของคำว่า “รัฐวิสาหกิจ” ให้สอดคล้องกับบริบททางกฎหมาย เศรษฐกิจ
และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
ควรพิจารณากำหนดกิจการที่เป็นบริการสาธารณะที่ต้องจัดให้มีบริการขั้นต่ำเท่าที่จำเป็นกรณีที่มีการนัดหยุดงานตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เพิ่มเติม
ควรทบทวนความเหมาะสมของการกำหนดโครงสร้างคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
และควรทบทวนความเหมาะสมของการกำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการวินิจฉัยการกระทำอันไม่เป็นธรรมและข้อพิพาทแรงงาน
รวมทั้งอาจเพิ่มเติมให้มีกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้าร่วมเป็นองค์ประกอบในคณะกรรมการด้วย
เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10007 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเจษฎา กตเวทิน) | กต. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายเจษฎา กตเวทิน ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒. นายดุสิต
เมนะพันธุ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายดามพ์ บุญธรรม ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียใต้
ตะวันออกกลาง
และแอฟริกา ๔. นายพรภพ
อ่วมพิทยา ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ ๕. เรือเอก ชัชวรรณ
สาครสินธุ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงนูร์-ซุลตัน สาธารณรัฐคาซัคสถาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10008 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) | มท. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๗ (๕) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษไปพลางก่อน
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10009 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี) ของรัฐสภา | สผ. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (หลักเกณฑ์และวิธีการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดี)
ของรัฐสภา โดยสำนักงานศาลยุติธรรมเห็นว่าผู้ประนีประนอมที่จะมาทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต้องเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ
มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
และคู่ความหรือคู่กรณีสามารถตกลงให้นำบุคคลที่ไว้วางใจ
รวมถึงทนายความเข้าร่วมในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้
เพียงแต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในชั้นไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคู่ความหรือคู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถนำไปใช้หรืออ้างอิงในการพิจารณาในชั้นศาลได้
เว้นแต่คู่ความหรือคู่กรณีจะตกลงให้ทำได้ รวมทั้งผู้ประนีประนอมซึ่งทำหน้าที่ในการดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทย่อมอยู่ในฐานะเป็นคนกลางในการช่วยลดประเด็นข้อขัดแย้ง
เสนอทางออกที่ดีที่สุดในการยุติข้อขัดแย้งและเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายโดยคำนึงถึงความต้องการที่แท้จริงของคู่ความหรือคู่กรณีเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ โดยมีข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการไกล่เกลี่ย พ.ศ. ๒๕๕๔
และข้อกำหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการไกล่เกลี่ย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐
ตลอดจนปัจจุบันสำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดให้มีศูนย์ไกล่เกลี่ยประจำศาลทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ
มีการจัดวางระบบกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้อง
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทหลังฟ้องคดี
และได้ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทให้แก่ประชาชนและศาลยุติธรรมทั่วประเทศทราบถึงขั้นตอนและความแตกต่างระหว่างการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในศาลและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทก่อนฟ้องคดีตามกฎหมายฉบับนี้แล้ว
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10010 | ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 29/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ซึ่งเป็นร่างพระราชบัญญัติที่ต้องออกเพื่อให้การเป็นไปตามสนธิสัญญาว่าด้วยลิขสิทธิ์ขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
(WIPO Copyright Treaty : WCT) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.
๒๕๓๗ เกี่ยวกับอายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์ในงานภาพถ่าย
โดยให้การคุ้มครองงานภาพถ่ายตลอดอายุผู้สร้างสรรค์และต่อไปอีก ๕๐ ปี
นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองมาตรการทางเทคโนโลยี
ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการ
เพื่อสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการและเจ้าของลิขสิทธิ์ในการส่งเสริมการค้าที่เป็นธรรมบนสื่ออินเทอร์เน็ต
และเพิ่มการกำหนดโทษสำหรับความผิดในการให้บริการ ผลิต ขาย หรือแจกจ่าย ซึ่งบริการ
ผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ ที่ทำให้มาตรการทางเทคโนโลยีไม่เกิดผล
เพื่อให้การป้องปรามการละเมิดลิขสิทธิ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10011 | การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ | นร.04 | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบการกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษและการเลื่อนวันหยุดชดเชยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม
๒๕๖๓ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้วันพฤหัสบดีที่ ๑๙
และวันศุกร์ที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาด้วยว่า การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษดังกล่าวไม่ใช่วันหยุดราชการปกติประจำปี
จึงอาจไม่จำเป็นต้องถือเป็นวันหยุดตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานฯ
ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ในการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษในวันหยุดราชการประจำปีและวันหยุดนักขัตฤกษ์ ๑.๒
ให้เลื่อนวันหยุดชดเชยวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ จาก วันจันทร์ที่
๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็น วันศุกร์ที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๑.๓
ในกรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็น
หรือราชการสำคัญในวันหยุดดังกล่าวที่ได้กำหนด หรือนัดหมายไว้ก่อนแล้วซึ่งหากยกเลิก
หรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน
ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร
โดยมิให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการและกระทบต่อการให้บริการประชาชน ๑.๔ ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน
และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงแรงงาน
พิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดเป็นวันหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่ชัดเจนกรณีหน่วยงานของรัฐมีกำหนดการถวายผ้ากฐิน
ณ วัดในต่างจังหวัดในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ ซึ่งข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้างของรัฐ
อาจต้องเดินทางไปเตรียมการล่วงหน้าในวันศุกร์ หรือเดินทางกลับในวันจันทร์
โดยให้ถือเป็นการปฏิบัติราชการตามปกติ และไม่ถือเป็นการลาสำหรับหน่วยงานนั้น ๆ ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักรับไปศึกษาความจำเป็นเหมาะสมร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม
กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาคตามเทศกาลประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญของแต่ละภูมิภาคซึ่งไม่มีนัยสำคัญต่อภูมิภาคอื่น
เช่น ประเพณียี่เป็งของภาคเหนือ ประเพณีไหลเรือไฟของภาคอีสาน
ประเพณีสารทเดือนสิบของภาคใต้ รวมทั้งการกำหนดวันหยุดราชการครึ่งวันเป็นกรณีพิเศษ
เช่น ครึ่งบ่ายของวันศุกร์ และครึ่งเช้าของวันจันทร์ ตามข้อเสนอของผู้ประกอบการ
และรายงานผลการศึกษาให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ทราบโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10012 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 3/2563 | นร.11 | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑)
เรื่องเพื่อทราบ ได้แก่ ความคืบหน้าการดำเนินมาตรการด้านเศรษฐกิจ
สถานการณ์การท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์
และแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (๒) เรื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่ มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย
และประชาชนทั่วไป มาตรการดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ และมาตรการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า
(Credit term) ในประเทศไทย และโครงการบริหารเศรษฐกิจระยะปานกลางและระยะยาว
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10013 | การขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 40 วรรคสาม และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | กก. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑
อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสำนักงาน จำนวน ๕ แห่ง ประกอบด้วย
ค่าเช่าอาคารสำนักงานโอซากา ค่าเช่าอาคารสำนักงานนิวเดลี
ค่าเช่าอาคารสำนักงานโฮจิมินห์ ค่าเช่าอาคารสำนักงานจาการ์ตา
ค่าเช่าอาคารสำนักงานกัวลาลัมเปอร์ และค่าเช่ารถยนต์ จำนวน ๒ คัน ประกอบด้วย
ค่าเช่ารถยนต์ สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ และค่าเช่ารถยนต์ สำนักงานโฮจิมินห์
วงเงินงบประมาณ ๘๒,๔๘๖,๖๐๐ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่น
สำหรับกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนได้
โดยให้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายก่อนได้รับการจัดสรรงบประมาณ
เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามนัยมาตรา ๔๐ วรรคสาม และมาตรา ๔๒
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รายการค่าเช่าอาคารสำนักงาน
๕ แห่ง และรายการค่าเช่ารถยนต์ ๒ รายการ ดังกล่าว
ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยใช้จ่ายและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปพลางก่อน
หรือใช้จ่ายตามรายการและวงเงินงบประมาณรายจ่ายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศใช้บังคับ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณให้สอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า
และมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานในประเทศและต่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกับรายงานผลการดำเนินการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10014 | การแก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๘๗/๒๕๖๓ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๘
กันยายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10015 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเบิกจ่ายเป็นเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน จำนวน 7 เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน 2563) ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ | มท. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖๗๗,๗๙๑,๑๐๐ บาท
สำหรับเบิกจ่ายเป็นเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน จำนวน ๗ เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคม
ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๓) ให้แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ
ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10016 | การขอต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมของบริษัท ปตท.สผ. สยาม จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 1/2522/16 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข S1 | พน. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้บริษัท
ปตท.สผ. สยาม จำกัด ต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมสำหรับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๒/๑๖
แปลงสำรวจบนบกหมายเลข S1 ออกไปอีก ๑๐ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๗๔ โดยอาศัยความตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม
พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้พิจารณาถึงความคุ้มค่า
ประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้อง ครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงาน (กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ)
ดำเนินการตรวจสอบและกำกับดูแลผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมแปลงสำรวจบนบกทุกรายที่ใช้วิธีขุดเจาะปิโตรเลียมแบบ
Hydraulic Fracturing ให้ดำเนินการด้วยความรอบคอบ
รัดกุม เป็นไปตามมาตรฐานสากล
รวมถึงหลักเกณฑ์และข้อบังคับของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10017 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ยธ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงยุติธรรม
โดยกรมราชทัณฑ์ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
จำนวน ๒๕๗,๕๒๕,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10018 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ : กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะการระบาดระลอก 2 | สธ. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่
: กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระยะการระบาดระลอก ๒ จำนวน ๒๐๔,๔๕๗,๑๐๐ บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10019 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 (การเพิ่มโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือโรคโควิด 19 เป็นโรคต้องห้ามตามมาตรา 12 (4) และมาตรา 44 (2) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522) | มท. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงฉบับที่ ๑๔ (พ.ศ. ๒๕๓๕) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยเพิ่มเติมให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
หรือโรคโควิด 19 เป็นโรคที่ต้องห้าม ตามมาตรา ๑๒ (๔) และมาตรา ๔๔
(๒) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒
เพื่อป้องกันมิให้คนต่างด้าวซึ่งเป็นโรคดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักรหรือเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับชื่อร่างกฎกระทรวงฯ
ว่า โดยที่ในกรณีนี้เป็นการยกเลิกกฎกระทรวงเดิมและกำหนดกฎกระทรวงขึ้นใหม่
ซึ่งการใช้ชื่อกฎกระทรวงว่า “ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒” นั้น
จะไม่อาจทราบได้เลยจากชื่อของกฎกระทรวงว่ากฎกระทรวงนี้มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเรื่องใดจนกว่าจะพิจารณาเนื้อหา
รวมทั้งหากจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมต่อไปอีกหลายครั้ง กฎกระทรวงก็จะกระจัดกระจายอยู่หลายแห่งตามฉบับการออกกฎกระทรวง
ซึ่งจะมีตัวเลขเรียงลำดับต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าฉบับใดแก้ไขฉบับใด
จึงเห็นควรแก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงโดยใช้ชื่อให้ตรงกับเนื้อหาสาระที่กำหนดในร่างกฎกระทรวง
และถ้าต่อไปจะมีการแก้ไขเพิ่มเติม ก็กำหนดเป็นฉบับที่ ๒ เรียงตามลำดับต่อไป
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10020 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | พน. | 22/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ
ระยะเวลาสัญญา ๕ ปี สัญญาเช่าเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๘
ในวงเงินทั้งสิน้ ๒,๑๑๖,๘๐๐ บาท
โดยอนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
โดยเบิกจ่ายจากในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๔๒๓,๔๐๐ บาท
ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด
และประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ส่วนงบประมาณที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๘
โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|