ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 346 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 6901 - 6920 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6901 | ร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 รวม 3 ฉบับ | กษ. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์
พ.ศ. ๒๕๕๘ รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. ....
ร่างกฎกระทรวงกำหนดวันฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการขึ้นทะเบียน
การเพิกถอนการขึ้นทะเบียน และคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทของโรงฆ่าสัตว์ กำหนดวันและเวลาฆ่าสัตว์ วันและเวลาเปิดและปิดโรงฆ่าสัตว์และโรงพักสัตว์
รวมทั้งการขึ้นทะเบียน และคุณสมบัติของบุคคลซึ่งจะได้รับแต่งตั้งเป็นพนักงานตรวจโรคสัตว์
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.
๒๕๕๙ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6902 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2564 | นร.02 | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง
โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์
ประจำเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ๒๕๖๔ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี
แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์
ซึ่งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ
ได้มีการประชาสัมพันธ์และชี้แจงในประเด็นมาตรการการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และสถานการณ์อุทกภัยและการช่วยเหลือประชาชน ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6903 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2564 | กค. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๔ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน และ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๔
ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ
๐.๕๐ ต่อปี โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๔
และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง (๒) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงิน ประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
แต่ชะลอตัวลงจากการระบาดของโรควิด-๑๙ และภาวะการเงินและเสถียรภาพระบบการเงินไทย
โดยรวมยังผ่อนคลาย
ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐและดัชนีค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจากไตรมาสก่อน
และเสถียรภาพระบบการเงินยังเปราะบาง โดยเฉพาะฐานะทางการเงินของภาคครัวเรือน
และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และ (๓)
แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย คาดว่าในปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ ๐.๙ ส่วนปี
๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ ๓.๔ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
สายพันธุ์โอไมครอน ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
และมูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยปี ๒๕๖๔ มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ ๑๘
โดยเป็นผลจากปริมาณขยายตัวดีและราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าโลกและต้นทุนการขนส่งสินค้า
ส่วนปี ๒๕๖๕ มีแนวโน้มขยายตัวที่ร้อยละ ๓.๕ ต่ำกว่าประมาณการเดิม
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ สายพันธุ์โอไมครอน ประมาณจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี
๒๕๖๔ กลับมาฟื้นตัวจากที่คาดการณ์ไว้ ๑.๕ แสนคน เป็น ๒.๘ แสนคน
เนื่องจากนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว ส่วนปี ๒๕๖๕
คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยว ๕.๖ ล้านคน และอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕
ปรับเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ ๑.๒ และ ๑.๗ ตามลำดับ
เนื่องจากเงินเฟ้อหมวดพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้นชั่วคราวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6904 | การขอขยายระยะเวลาการดำเนินการศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว (The Temporary Data Collection Centre : TDCC) ของทางการเมียนมา และการได้มาซึ่งเอกสารประจำตัวของคนต่างด้าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2564 | รง. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการดำเนินการศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว
(The Temporary Data
Collection Centre : TDCC) ของทางการเมียนมา ณ จังหวัดสมุทรสาคร
ออกไปอีก ๑ ปี และการดำเนินการให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางของคนต่างด้าว
๓ สัญชาติ (กัมพูชา ลาว และเมียนมา) ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการจัดหางาน
และกรมการกงสุล หารือร่วมกันในโอกาสแรก
ในการมอบอำนาจการตรวจลงตราให้สอดคล้องกับขอบเขตการดำเนินการของศูนย์ออกเอกสารรับรองบุคคล
(Certificate of identity
: CI) ของทางการเมียนมา และควรมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดสมุทรสาครและหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่เพื่อกำกับติดตาม
และตรวจสอบการดำเนินการของศูนย์ TDCC ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งและเงื่อนไขที่ทางการไทยกำหนด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6905 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ไตรมาสที่ 1) | นร.07 | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ
และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๕ (ไตรมาสที่ ๑) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ไตรมาสที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่
๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๓,๑๐๐,๐๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๙๘๖,๖๐๑.๑๗๒๘
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๑.๘๓ มีการก่อหนี้แล้ว จำนวน ๑,๑๓๐,๑๙๓.๑๒๐๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๖.๔๖ สูงกว่าเป้าหมายการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณ
ร้อยละ ๑.๘๓ และ ๒.๓๘ (เป้าหมายการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้
ร้อยละ ๓๐.๐๐ และ ๓๔.๐๘ ตามลำดับ) ๒. ปัญหาและอุปสรรค เช่น
หน่วยรับงบประมาณดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้
หน่วยรับงบประมาณจัดสรรเงินไปยังสำนักงานในภูมิภาคล่าช้าหลังจากได้รับการจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ
และรายการผูกพันใหม่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐
ล้านบาท บางรายการยังไม่เข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6906 | การแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการ ภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ แผนกคดีบุคคล | ยธ. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการ
ภายหลังประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกที่ประชุมกรุงเฮกว่าด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ
แผนกคดีบุคคล ตามองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
โดยกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศเป็นเลขานุการร่วม และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานสำหรับการเข้าร่วมการประชุม
Council on General
Affairs and Policy (CGAP) และการประชุมของ HCCH อื่น ๆ ของคณะผู้แทนไทย รวมถึงการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6907 | การแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองซัปโปโร ญี่ปุ่น (นายอาราอิ อิซาโอะ) | กต. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอาราอิ อิซาโอะ (Mr. ARAI Isao) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น คนใหม่
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม จังหวักฮอกไกโด สืบแทน นายมะซะอะอิ โอะซะวะ (Mr. Masaaki Ozawa) ซึ่งถึงแก่กรรม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6908 | การพิจารณารับรองร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม OECD SEARP ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 | กต. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม
Organisation for Economic Co-operation and
Development (OECD) Southeast Asia Regional Programme (SEARP) [OECD SEARP] ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กุมภาพันธ์
๒๕๖๕ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ในรูปแบบผสมผสาน
และอนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้รับรองร่างแถลงการณ์ดังกล่าว
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีวัตถุประสงค์เป็นการแสดงความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศสมาชิกภายใต้โครงการ
SEARP
เพื่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนและทั่วถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจดิจิทัล การฟื้นฟูที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างโครงการ SEARP
กับอาเซียนและองค์กรระดับภูมิภาคอื่น ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับ
OECD ในอนาคต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุม OECD SEARP ระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6909 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | กค. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑) กระทรวงการคลังได้ปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ของรัฐบาลภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงินรวม ๑,๑๓๖,๖๒๖.๔๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๖ ของวงเงินตามแผนฯ ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน รวม ๖๘๑,๒๓๓.๙๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๖๐
ของวงเงินที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ (๒) การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการหนี้ดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาลซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้และลดการกระจุกตัวของหนี้ระยะสั้น
โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ หนี้เงินกู้คงค้างของรัฐบาลมีจำนวนรวม ๘.๒๐ ล้านล้านบาท
โดยเป็นหนี้ระยะสั้น (อายุไม่เกิน ๑ ปี) ร้อยละ ๖.๖ และหนี้ระยะยาว (อายุ ๑ ปี
ขึ้นไป) ร้อยละ ๙๓.๔ มีอายุเฉลี่ยของหนี้อยู่ที่ ๙ ปี ๕ เดือน ทั้งนี้
สัดส่วนหนี้ดังกล่าวเมื่อร่วมกับหนี้เงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่รัฐรับภาระ
ยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามตัวชี้วัดความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลางในระยะ
๕ ปี ข้างหน้าได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6910 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดสาขาวิชา ปริญญา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันพระบรมราชชนก พ.ศ. .... | สธ. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกำหนดสาขาวิชา ปริญญา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของสถาบันพระบรมราชชนก
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ
เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งสถาบันพระบรมราชชนก ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6911 | รายงานผลการวิเคราะห์ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ประจำปี พ.ศ. 2564 | ปปท. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการวิเคราะห์ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index : CPI) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒.
รับทราบแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๓.
ให้หน่วยงานที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณโครงการขนาดใหญ่ (รายการในงบลงทุน วงเงินตั้งแต่
๕๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ที่มีการจัดซื้อจัดจ้าง)
จัดทำการประเมินตามเกณฑ์ชี้วัดความเสี่ยงเชิงนโยบาย ส่งพร้อมคำขอไปยังสำนักงบประมาณ
เพื่อให้สำนักงบประมาณใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ติดตาม
และประเมินผลตามคู่มือแนวทางการประเมินความเสี่ยงการทุจริตเชิงนโยบายในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ต่อไป ๔.
ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6912 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 8/2564 | นร.04 | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
(กตน.) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
และให้ส่วนราชการรับประเด็นและมติของที่ประชุมฯ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยผลการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑) การส่งเสริมการค้าชุมชนเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน
เช่น
การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลต่อยอดการพัฒนาควบคู่กับการส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน
และเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
(๒) แผนงาน/โครงการขับเคลื่อนสู่รัฐบาลดิจิทัล เช่น การขับเคลื่อนรัฐบาลด้วยข้อมูล
(Data Driven Government) และการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐรวมจุดเดียว
และ (๓) ข้อเสนอแนวทางการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการใน กตน.
ตามที่คณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6913 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 5 (The Fifth APEC Meeting of Ministers Responsible for Forestry: MMRF5) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี พ.ศ. 2565 | ทส. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ ๕ (The Fifth APEC Meeting of Ministers
Responsible for Forestry : MMRF5)
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ปี
พ.ศ. ๒๕๖๕ ซึ่งมีกำหนดจัดการประชุมระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ในรูปแบบ Virtual
Meeting ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กรมป่าไม้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
งบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
แล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน
โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6914 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2547/67 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L10/43 และ L11/43 | พน. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด
โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๔๗/๖๗ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข
L10/43 และ L11/43 ให้แก่บริษัท ยูเอชี ยูทิลิตีส์ จำกัด โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐
แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ซึ่งเป็นอำนาจของรัฐมนตรี โดยคำแนะนำของคณะกรรมการปิโตรเลียม และต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามมาตรา
๒๒ (๗) แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
และกระทรวงพลังงานจะออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียม (ฉบับที่ ๕) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๔๗/๖๗ ตามแบบ
ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ.๒๕๕๕ ต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6915 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2563/2564 | อก. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ เป็นรายเขต ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย
โดยมีอัตราเฉลี่ยทั่วประเทศ ดังนี้ (๑)
ราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ฤดูกาลผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ เฉลี่ยทั่วประเทศ ในอัตราตันอ้อยละ ๑,๐๐๒.๒๐ บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส.
และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ เท่ากับ ๖๐.๑๓ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. และ (๒)
ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔ เฉลี่ยทั่วประเทศ
เท่ากับ ๔๒๙.๕๑ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายดำเนินการให้โรงงานน้ำตาลนำส่งเงินส่วนต่างระหว่างรายได้สุทธิและราคาอ้อยขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๓/๒๕๖๔
ให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ตามมาตรา ๕๗
แห่งพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ๒๕๒๗ เพื่อรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป
กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพื่อประโยชน์ของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในภาพรวม
และเร่งชดเชยราคาค่าส่วนต่างราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
และพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อยให้สามารถลดต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนที่สูงขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6916 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. 2564 - 2570 | อว. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟู
จัดการการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม การสร้างคุณค่า (Value Chain) จากทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม
และการสร้างความสามารถในการพึ่งตนเอง ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของการขับเคลื่อนกิจการเกี่ยวกับเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน
และเศรษฐกิจสีเขียว ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นกับการส่งเสริมกิจการสมุนไพรไทยทั้งระบบ
ตั้งแต่การเพาะปลูก การแปรรูป การวิจัยและพัฒนา (R & D)
และการนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านการแพทย์ สุขภาพ
และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
และข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
ควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของกิจการ โดยอาจเน้นการขับเคลื่อนกิจการเกี่ยวกับ BCG โดยตรงก่อน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมเป็นหน่วยงานในการดำเนินการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ เพิ่มเติมด้วย ๔.
มอบหมายให้สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยโมเดลเศรษฐกิจ
BCG พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ อย่างต่อเนื่อง
และรายงานผลให้นายกรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6917 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี 2564/2565 | อก. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดราคาอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ ทั้ง ๙ เขตคำนวณราคาอ้อย
เป็นราคาเดียวทั่วประเทศ ดังนี้ (๑) ราคาอ้อยขั้นต้นฤดูกาลผลิตปี
๒๕๖๔/๒๕๖๕
ในอัตราตันอ้อยละ ๑,๐๗๐ บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐
ซี.ซี.เอส. หรือเท่ากับร้อยละ ๙๖.๓๔
ของประมาณการราคาอ้อยเฉลี่ยทั่วประเทศ ๑,๑๑๐.๖๖ บาทต่อตันอ้อย
และกำหนดอัตราขึ้น/ลง ของราคาอ้อยเท่ากับ ๖๔.๒๐ บาท ต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. และ (๒)
ผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๔/๒๕๖๕ เท่ากับ
๔๕๘.๕๗ บาทต่อตันอ้อย ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรดำเนินการทบทวนระเบียบมาตรการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง
และแนวทางการจัดเก็บรายได้เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายมีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงพอในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
และควรเร่งรัดมาตรการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
ลดต้นทุนและสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6918 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 | กต. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี
(Joint Commission on Bilateral
Cooperation : JCBC) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ ๔
เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(นายดอน ปรมัตถ์วินัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
(นายบุ่ย แทงห์ เซิน) เป็นประธานร่วมกัน โดยการประชุมจัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก
“การส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ชาติที่เข้มแข็ง
เพื่อการฟื้นฟูและเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน” และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามผลการประชุมฯ
ต่อไป โดยที่ประชุมฯ ได้หารือในประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ (๑) ความร่วมมือด้านการเมือง/ความมั่นคง
เช่น การต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย การแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา (๒)
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ เช่น การลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน ความร่วมมือด้านสาธารณสุข
เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ และ (๓) ด้านสังคมและวัฒนธรรม
เช่น การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้านวิชาการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6919 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ เพื่อทำเหมืองแร่ของนายประสาน ยุวานนท์ ที่จังหวัดนครราชสีมา | อก. | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมถอนเรื่อง ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ เพื่อทำเหมืองแร่ของนายประสาน ยุวานนท์ ที่จังหวัดนครราชสีมา คืนไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6920 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565) | นร.04 | 08/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่
๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันอังคารที่
๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓
ครั้งที่ ๓๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กุมภาพันธ์
๒๕๖๕ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|