ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 343 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 6841 - 6860 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6841 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางพรรณี พุ่มพันธ์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | คค. | 22/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นางพรรณี พุ่มพันธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอภิสิทธิ์ พรหมเสน ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6842 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] | สธ. | 22/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้เป็นไปอย่างรอบคอบ เหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในปัจจุบัน
รวมทั้งเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและประชาชนในทุกภาคส่วนได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถูกต้อง
ชัดเจน ทั่วถึง และมีความมั่นใจในการรบริหารจัดการการสาธารณสุขของประเทศ
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ดังนี้ ๑. ให้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปก่อน ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน
กระทรวงการคลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการในเรื่องนี้ต่อสาธารณชนให้ถูกต้อง
ชัดเจน ครบถ้วน และทั่วถึง โดยด่วน ๓.
ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งประสานกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาลรูปแบบต่าง ๆ อาทิ
ศูนย์กักกันแยกในชุมชน (Community Isolation) และโรงพยาบาลสนาม
เพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยในแต่ละกรณีให้เพียงพอ ๔. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเพิ่มศักยภาพของช่องทางการติดต่อสื่อสารของระบบบริการรักษาพยาบาล (เช่น
โทรสายด่วน สปสช. ๑๓๓๐)
และเพิ่มจำนวนบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้บริการ
เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถติดต่อและได้รับการดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร)
พิจารณาใช้กลไกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานครในการชี้แจงทำความเข้าใจ
รวมทั้งติดต่อประสานงานในการเข้ารับบริการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยในแต่ละท้องที่ด้วย ๕. ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาชะลอการบังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง
กำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิ 19 [Coronavirus
Disease 2019 (COVID-19)]
และประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติอต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 19 [Coronavirus Disease
2019 (COVID-19)] การระดมทรัพยากร
และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเยียวยาและการจัดให้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่น
ไว้ก่อน ๖.
ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6843 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน (1. นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ ฯลฯ รวม 3 คน) | คค. | 22/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือน รวม ๓ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ ประธานกรรมการ ๒. นายนภดล วณิชวรนันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6844 | ความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก
(World Trade Organization : WTO) สมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๒ (The Twelfth Ministerial Conference : MC12) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง สรุปสาระสำคัญได้
ดังนี้ (๑) เดิมจัดการประชุม MC12 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง
มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ณ นครเจนีวา
สมาพันธรัฐสวิส ต่อมาประธานคณะมนตรีใหญ่และผู้อำนวยการใหญ่ของ WTO แจ้งว่า เห็นควรเลื่อนกำหนดการจัดประชุม MC12
ออกไปจนกว่าสถานการณ์โควิด-๑๙ จะเอื้ออำนวย และ (๒) ประเทศสมาชิก WTO ยังคงหารือประเด็นสำคัญร่วมกัน โดยประธานและรองประธานการประชุม MC12 ได้เสนอให้มีการจัดประชุมแบบกายภาพในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม ๒๕๖๕
หากสถานการณ์เอื้ออำนวย และยังได้บรรลุฉันทามติเกี่ยวกับ
การต่ออายุการยกเว้นการฟ้องร้องภายใต้กลไกระงับข้อพิพาทของ WTO เป็นการชั่วคราว
และข้อตัดสินใจรัฐมนตรีเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจขนาดเล็ก
ซึ่งจะนำเสนอต่อที่ประชุม MC12 ต่อไป
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6845 | ขอเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองอุบลราชธานีและขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | ศป. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินการก่อสร้างรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๗ (๓)
สำหรับการขอขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
การขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพัน
และการจัดทำแผนการปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นที่จะต้องจ่ายในแต่ละปีงบประมาณนั้น
เห็นควรให้สำนักงานศาลปกครองปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณและให้สำนักงานศาลปกครองรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่ควรอนุมัติให้ศาลปกครองเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง รายการค่าก่อสร้าง
และรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองอุบลราชธานี
จากเดิมตำบลแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เป็นตำบลหนองขอน
อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้างและรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารบ้านพักตุลาการและข้าราชการศาลปกครองอุบลราชธานี
จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นปีงบประมาณ พ+.ศ. ๒๕๖๑-พ.ศ. ๒๕๖๗
และการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องเป็นการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุให้คุ้มค่ากับศักยภาพของที่ดิน
และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินแผนงาน/โครงการของสำนักงานศาลปกครองในครั้งต่อไป
ขอความร่วมมือให้สำนักงานศาลปกครองถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑
มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง
การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ
และการตรวจสอบข้อมูลและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ)
และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง
การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ)
อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6846 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 1540 - 1564/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ. 1241 - 1265/2564 ระหว่าง นายประจวบ ภู่พลับ ที่ 1 กับพวกรวม 25 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่
อ. ๑๕๔๐-๑๕๖๔/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๑๒๔๑-๑๒๖๕/๒๕๖๔ ระหว่าง
นายประจวบ ภู่พลับ ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๕ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด
(มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) โดยศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้อง
และต่อมาผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้นศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6847 | รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2564 และรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี 2564 | นร.11 สศช | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ
ประจำปี ๒๕๖๔ และรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี ๒๕๖๔
สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) รายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี ๒๕๖๔
ได้แก่ ผลการประเมินความก้าวหน้าตามเป้าหมายของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และประเด็นการท้าทายและการดำเนินการในระยะต่อไป
เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และ (๒) รายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ
ประจำปี ๒๕๖๔ เช่น การบรรลุเป้าหมายของการปฏิรูปประเทศเทียบกับปี ๒๕๖๕
มีเป้าหมายที่มีความเสี่ยงหรืออยู่ในขั้นวิกฤตในการบรรลุเป้าหมายในปี ๒๕๖๕ รวม ๙
เป้าหมาย เช่น ด้านกฎหมาย และสถานะความคืบหน้าในการดำเนินงานตามกิจกรรม Big Rock จำนวนทั้งสิ้น ๖๒ กิจกรรม
ดำเนินการได้ตามแผน ๕๓ กิจกรรม และดำเนินการได้ล่าช้ากว่าแผน จำนวน ๖ กิจกรรม
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ
คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6848 | สรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากการเตรียมการประกาศเขตอุทยานแห่งชาตินายูง-น้ำโสม | สนง. กสม. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีราษฎรได้รับผลกระทบจากการเตรียมการประกาศเขตอุทยานแห่งชาตินายูง-น้ำโสม
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๒๔๗ วรรคสอง
และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐
มาตรา ๔๓ วรรคหนึ่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6849 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2555) | มท. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมปากพนัก
จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๕๕
เพื่อปรับปรุงข้อห้ามการใช้ประโยชน์เกี่ยวกับโรงงานในที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย
และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
รวมทั้งเพิ่มเติมข้อกำหนดเกี่ยวกับที่ว่างตามแนวขนานริมเขตของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
๔๐๑๓ ช่วงนครศรีธรรมราช-ปากพนัง และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๑๓ (ตอนเลี่ยงเมือง)
ในที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย และที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม
ตลอดจนปรับปรุงบัญชีท้ายกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้เหมาะกับสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรใช้เนื้อความเดิมตามข้อ
๑๓ วรรคสี่
แห่งกฎกระทรวงดังกล่าวเนื่องจากมีความเหมาะสมกับทางหลวงแผ่นดินสายดังกล่าว ควรคำนึงถึงกฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องการใช้ที่ดินด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย ประเภทหรือชนิดของโรงงานในบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทยส่วนใหญ่เป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพแห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คำนึงถึงจำนวนสถานประกอบกิจการต่อพื้นที่
ให้โรงงานลำดับที่ ๕๐ โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม
ถ่านหินหรือลิกไนต์อย่างหนึ่งอย่างใด เฉพาะ (๔)
การผสมผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมเข้าด้วยกันหรือการผสมผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียมกับวัสดุอื่นแต่ไม่รวมถึงการผสมผลิตภัณฑ์จากก๊าซธรรมชาติกับวัสดุอื่นไว้ท้ายประกาศกระทรวงดังกล่าว
กรมโยธาธิการและผังเมืองควรให้เจ้าพนักงานควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดินตามข้อกำหนด
และให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขข้อ ๘ ข้อ ๙ ข้อ ๑๑ ที่ระบุถึง “บัญชีท้ายกฎกระทรวง”
เป็น “บัญชีท้ายประกาศ” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6850 | ร่างกฎกระทรวงระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาด
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระบบการป้องกันโรคระบาดและระบบการควบคุมโรคระบาดในม้าลาย
เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข ที่เห็นว่าควรเพิ่มนิยาม “จนกว่าโรคจะสงบ”
ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงม้าลายมีวัตถุประสงค์เลี้ยงเพื่อการค้า
โรคที่เกิดกับม้าลายบางโรคโอกาสติดต่อจากสัตว์สู่คนน้อยแต่ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพได้
ควรต้องมีมาตรการป้องกัน ควบคุมโรค และป้องกันโรคจากสัตว์พาหนะเป็นสิ่งจำเป็น
โดยอาจพิจารณาเพิ่มเติมระบุการห้ามเลี้ยงสัตว์หลายชนิดปนกันในสถานที่เดียวกัน
ร่วมกับพิจารณาจำกัดจำนวนการเลี้ยงสัตว์ต่อพื้นที่ที่กำหนด
เพิ่มการปฏิบัติตามสุขลักษณะ และเพิ่มการกำจัดสิ่งปฏิกูลที่ถูกต้อง
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของโรคอีกทางหนึ่ง ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6851 | ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง แยกเป็นรายจังหวัด 23 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 24 ฉบับ | กษ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง
พ.ศ. ๒๕๖๐ กฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ และกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๓
เพื่อบังคับใช้กับกฎกระทรวงฉบับใหม่ ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง แยกเป็นรายจังหวัด ๒๓ จังหวัด
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตทะเลชายฝั่งของจังหวัดที่มีแนวเขตติดทะเลชายฝั่ง รวม ๒๓ จังหวัด โดยกำหนด
“เป็นเส้นตรงลากผ่านจุดพิกัด” เพื่อให้ทราบถึงเขตทะเลชายฝั่งที่ชัดเจน
เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้อยู่ในภาวะที่สมดุลและเหมาะสม รวม ๒๔
ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควรแก้ไขข้อความในข้อ
๒ ของร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตทะเลชายฝั่ง แยกเป็นรายจังหวัด ๒๓ จังหวัด เป็นดังนี้
“ในกรณีที่เขตทะเลชายฝั่งทับซ้อนกับเขตอุทยานแห่งชาติตามกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าตามกฎหมายว่าด้วยสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
เขตพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหรือเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติตามกฎหมายอื่นใด
ตามนัยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
พ.ศ. ๒๕๕๘ การทำประมงหรือการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตทะเลชายฝั่ง
หรือการดำเนินการใด ๆ
ที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายดังกล่าวกำหนดไว้ด้วย”
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ เช่น
ตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้องของค่าพิกัดและแผนที่แสดงแนวเขตบริเวณที่กำหนดแนบท้ายกฎกระทรวงของจังหวัดดังกล่าวกับกรมอุทกศาสตร์
กองทัพเรือด้วย หากมีการดำเนินการใด ๆ ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ
ทะเล หรือบนชายหาดของทะเล
กรมประมงและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ประชาสัมพันธ์ให้ชาวประมงในพื้นที่ทราบด้วยว่า แม้พื้นที่ดังกล่าวจะถูกกำหนดเป็นเขตทะเลชายฝั่ง
แต่ในการจะเข้าทำการประมงหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน
และการกำหนดทะเลชายฝั่งของจังหวัดที่มีพื้นที่ทางทะเลติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ควรดำเนินการอย่างรอบคอบ
โดยคำนึงถึงมิติด้านความมั่นคงและมิติความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6852 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565) | ปสส. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๓๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่
๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ และวันศุกร์ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6853 | การแก้ไขข้อขัดข้องการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมือวันที่ 28 กันยายน 2664 | รง. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ..) โดยออกประกาศปรับปรุงแก้ไข ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๔ ให้นายจ้างที่ได้ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว นับแต่วันที่ได้จัดทำข้อมูลไว้แล้ว
ชำระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคำขอ และชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานภายใน ๑๒๐ วัน
นับแต่วันที่ได้ยื่นคำขอดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕
สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษได้จนถึงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ และ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๔ (ฉบับที่ ..) โดยออกประกาศปรับปรุงแก้ไข ประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘
กันยายน ๒๕๖๔ ให้นายจ้างที่ได้ยื่นคำขออนุญาตทำงานแทนคนต่างด้าว
พร้อมเอกสารหลักฐานที่ระบุไว้ในแบบคำขอที่อธิบดีกำหนดต่อนายทะเบียนภายใน ๗ วัน
นับแต่วันที่ได้จัดทำข้อมูลไว้แล้ว จำนวน ๑๙,๔๘๙ ราย ชำระค่าธรรมเนียมยื่นคำขอฉบับละ ๑๐๐ บาท
และชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานฉบับละ ๑,๓๕๐ บาท ภายใน ๑๒๐
วัน นับแต่วันที่ได้ยื่นคำขอดังกล่าว แต่ต้องไม่เกินวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๕ ณ
ท้องที่อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ทำงานของคนต่างด้าว รวม
๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6854 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน และแขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร พ.ศ .... | มท. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน และแขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร พ.ศ
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน
และแขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อดำเนินโครงการขยายคลองและก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กคลองลุงหน่าง
ช่วงทางรถไฟฟ้าสายวงเวียนใหญ่ถึงมหาชัยและถึงคลองบางบอน
เพื่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมและระบบระบายน้ำอันเป็นกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป
และรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎหรือระเบียบ และกระทรวงมหาดไทย โดยกรุงเทพมหานครควรประสานกรมชลประทาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การบริหารจัดการการระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานครลงสู่โครงการแก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัย
อันเนื่องมาจากพระราชดำริได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6855 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 3/2565 | นร.04 | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
(ศบค.) ครั้งที่ ๓/๒๕๖๕ เมื่อวันพุธที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ (๑)
รายงานสถานการณ์และแนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) รายงานการเปิดรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบ
Test & Go (๓) รายงานการเปิดการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิ-19 (๔) รายงานการตรวจ ATK ที่ให้ประชาชนเข้าถึงได้สะดวกและค่าบริการที่เหมาะสม (๕) รายงานความคืบหน้าการนำแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
และเมียนมา เข้ามาทำงานตามมาตรา ๖๔
แห่งพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๖๐ (๖) แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19
(๗) การจัดทำความตกลง Air Travel Bubble ระหว่างไทย-อินเดีย และ
(๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6856 | การกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | นร.03 | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราค่าเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ประธานกรรมการเฉพาะเรื่อง กรรมการเฉพาะเรื่อง และประธานอนุกรรมการ
และอนุกรรมการตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค
พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) เสนอ ทั้งนี้
ให้ได้รับเบี้ยประชุมนับแต่วันที่คณะะรัฐมนตรีเห็นชอบเป็นต้นไป
ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้สำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า
หรือประโยชน์ที่จะได้รับเพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาว
ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6857 | สรุปการดำเนินโครงการ Country Programme (CP) ระยะที่ 1 ระหว่างไทยกับ OECD | นร.11 สศช | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินโครงการภายใต้ Country
Programme (CP) ระยะที่ ๑ มีระยะเวลาดำเนินการ ๒-๓ ปี
มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง OECD กับไทยอย่างบูรณาการ
เพื่อให้ไทยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD ๒.
เห็นชอบมอบหมายสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจละสังคมแห่งชาติและกระทรวงการต่างประเทศ
ดำเนินการร่วมกันในการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจัดทำโครงการภายใต้ CP ระยะที่ ๒
โดยพิจารณาจากประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ
ความสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของไทยและความคุ้มค่าด้านงบประมาณ ทั้งนี้
เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศ. เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ
(MOU) เกี่ยวกับ CP ระยะที่ ๒
ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา
(Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องและความสอดคล้องกับนโยบายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศตลอดจนพันธกรณีของไทยภายใต้ความตกลงที่เกี่ยวข้อง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เป็นหน่วยงานหลักในการขอรับการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นเงินอุดหนุนให้กับ
OECD และงบดำเนินการที่เกี่ยวข้องโดยให้หารือกับสำนักงบประมาณ
เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ CP ระยะที่ ๒ ตลอดจนดำเนินการติดตามผลการดำเนินโครงการและบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ๓.
เห็นชอบมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ ศึกษาถึงความพร้อมและความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก
OECD ตลอดจนประโยชน์ในการเข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก
OECD ที่ไทยจะได้รับเนื่องด้วยการมีส่วนร่วมกับ OECD จะช่วยให้ไทยสามารถเข้าถึงองค์ความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีของ OECD ในการยกระดับมาตรฐานนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ของไทยให้ทัดเทียมสากล
ซึ่งจะช่วยส่งเสริมพัฒนาขีดความสามารถและปฏิรูปกฎระเบียบภายในประเทศให้ดียิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรพิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6858 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 5/2565 | นร.11 สศช | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6859 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 4/2565 | นร.11 สศช | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) เห็นชอบให้สถาบันวิทยาลัยชุมชน
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการเสริมศักยภาพสมาชิกสหกรณ์ผู้ทำนาเกลือทะเล
(เกษตรกรนาเกลือ) โดยขยายเวลาดำเนินโครงการเป็นสิ้นสุดเดือนมิถุนายน ๒๕๖๕ (๒) เห็นชอบให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออกเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการแปลงใหญ่กระบือชลบุรีครบวงจร
โดยขยายเวลาดำเนินโครงการเป็นสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ (๓) เห็นชอบให้จังหวัดกระบี่
จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดร้อยเอ็ด
จังหวัดลำพูน และจังหวัดตาก เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ/ยกเลิกโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ (๔) มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการ
เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดของโครงการโดยเร็ว พร้อมทั้งเร่งดำเนินโครงการฯ
ให้แล้วเสร็จ และปฏิบัติตามข้อ ๑๙ และข้อ ๒๐ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ รวมทั้งรับความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้.ไปดำเนินการโดยเคร่งครัดต่อไป ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6860 | การปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษาและอาชีวศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) | ศธ. | 15/02/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้ปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษาและโรงเรียนเอกชนประเภทอาชีวศึกษา
ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
สำหรับการขอรับจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
เห็นควรให้กระทรวงศึกษาธิการตรวจสอบสถานะจำนวนนักเรียนโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษาและอาชีวศึกษา
และอัตราการจ่ายเงินอุดหนุน ค่าจัดการเรียนการสอน
ในส่วนที่เป็นเงินสมทบเงินเดือนครูในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา
ให้คำนวณเป็นอัตราต่อหัวนักเรียนต่อปี โดยใช้จำนวนครูหนึ่งคนต่อนักเรียน ๑๐
คนสำหรับระดับก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษา และจำนวนครูหนึ่งคนต่อนักเรียน ๑๕ คน
สำหรับระดับมัธยมศึกษา เป็นฐานในการคำนวณ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับเงินสมทบเงินเดือนครูในโรงเรียนเอกชน
ประเภทอาชีวศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินการและการเบิกจ่ายการสมทบเงินเดือนครูและผู้ช่วยครู
เพื่อให้การบริหารจัดการงบประมาณของโรงเรียนเอกชนเป็นไปตามแนวทางการอุดหนุนค่าใช้จ่ายตามที่เสนอ
และควรเร่งบูรณาการฐานข้อมูลการอุดหนุนเงินนักเรียนพิการในภาพรวมทั้งประเทศ
เพื่อสนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการการศึกษาแก่นักเรียนพิการที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|