ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 892 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17821 - 17840 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17821 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน รวม 2 ฉบับ (จังหวัดอุดรธานี) | มท | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลไสหร้า อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมือใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลไสหร้า อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช บางส่วน เพื่อใช้เป็นที่ตั้งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฉวาง ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลสามพร้าว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลสามพร้าว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี บางส่วน เพื่อใช้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ศูนย์การศึกษาสามพร้าว ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เพื่อให้การบังคับใช้พระราชกฤษฎีกามีผลในทางปฏิบัติอย่างเหมาะสม กระทรวงสาธารณสุขและมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีซึ่งเป็นหน่วยงานที่นำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ ควรปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17822 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางสาวสุพัตรา ศรีวณิชชากร) | สธ | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสุพัตรา ศรีวณิชชากร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน สาขาโรคไม่ติดต่อ) สำนักงานโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๙ ๒. นางกนกพร อธิสุข ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (วิทยาศาสตร์กายภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๙
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17823 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2560) | นร | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๐ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) รับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. สำหรับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการให้อำนาจดักรับและเข้าถึงพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา) จะต้องมีการดำเนินการตามมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงให้ยกเลิกชั้นความลับตั้งแต่วันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17824 | การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่มีเนื้อหาเป็นไปตามหลักการของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | นร | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า กรณีที่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งออกตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ รวมตลอดถึงคำสั่งที่จะออกตามมาตรา ๒๖๕ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะที่เกิดขึ้นในขณะนั้นโดยมุ่งเน้นให้มีผลใช้บังคับเป็นการชั่วคราวเพื่อประโยชน์ของรัฐ และในระยะยาวประสงค์จะให้มีการดำเนินการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายตามขั้นตอนให้สมบูรณ์ต่อไปโดยยกเลิกคำสั่งดังกล่าว นั้น เมื่อมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติที่มีเนื้อหาเป็นไปตามหลักการของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้ว เห็นควรให้คงเนื้อหาดังกล่าวไว้ในร่างพระราชบัญญัติฯ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายในส่วนดังกล่าวเป็นการถาวรและมีประสิทธิภาพ ไม่ควรตัดเนื้อหาที่ว่านั้นออกเพราะคิดว่ามีการออกคำสั่งโดยใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา ๔๔ ครอบคลุมถึงไว้แล้ว ทั้งนี้ ในชั้นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติอาจพิจารณาแก้ไขเนื้อหาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ตามความเหมาะสมและตามอำนาจหน้าที่ต่อไป และให้แจ้งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวิทย์ เมษินทรีย์) ประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17825 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 26/2560 และครั้งที่ 27/2560 | อื่นๆ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๒๖/๒๕๖๐ วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๒๗/๒๕๖๐ วันศุกร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17826 | การเข้าร่วมงาน The International Horticultural Exhibition 2019, Beijing, China หรือ Beijing Expo 2019 สาธารณรัฐประชาชนจีน | พณ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน The International Horticultural Exhibition 2019, Beijing, China หรือ Beijing Expo 2019 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการเข้าร่วมงานดังกล่าว และเป็นผู้นำเสนอรายละเอียดแผนงาน และแผนเงินให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการและสนับสนุนค่าใช้จ่ายร่วมกับภาครัฐ และควรศึกษาเชิงลึกพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มผู้เข้าชมงานโดยเฉพาะจากสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และทวีความสำคัญมากขึ้น เพื่อให้สินค้าที่นำไปจัดแสดงสอดคล้องตรงกับความต้องการ รวมถึงจัดให้มีกิจกรรมเชื่อมโยงผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยกับต่างชาติภายในงาน รวมทั้งควรมีการประชาสัมพันธ์การเข้าร่วมจัดนิทรรศการดังกล่าวของไทยให้สาธารณชนรับทราบอย่างทั่วถึงในวงกว้าง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17827 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ 1/2560 | นร11 | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (กพข.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และได้พิจารณาประเด็นที่สำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวม ๗ เรื่อง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ ๒. แผนงานการประชาสัมพันธ์เชิงรุกในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๓. ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการของคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๔. (ร่าง) แนวทางการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ระยะ ๒๐ ปี ๕. แนวทางการขับเคลื่อนการจัดระบบข้อมูลตัวชี้วัดเพื่อสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ๖. แผนงาน Thailand Competitiveness Enhancement Program (TCEP) ประจำปี ๒๕๖๐ ของสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (Thailand Management Association : TMA) ๗. การปรับองค์ประกอบคณะกรรมการ กพข. โดยแต่งตั้งนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการในคณะกรรมการ กพข. เพิ่มเติม และการปรับองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการด้านการพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐและการพัฒนากระบวนการทางศุลกากร และคณะอนุกรรมการด้านการจัดการข้อมูลและการสื่อสารประชาสัมพันธ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17828 | ขอความเห็นชอบโครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) | วท | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการการดำเนินโครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) ในวงเงิน ๒,๐๗๖,๓๗๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๑.๒ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔) โดยให้มีผลเมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับแล้ว ประกอบด้วย (๑) การก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) วงเงิน ๒,๐๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี วงเงิน ๑,๕๖๓,๖๓๐,๐๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณสมทบ วงเงิน ๔๗๖,๓๗๐,๐๐๐ บาท และ (๒) ค่าควบคุมงานก่อสร้างศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) วงเงิน ๓๖,๓๗๐,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๑.๓ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อดำเนินโครงการศูนย์นวัตกรรมแห่งอนาคต (Futurium) จำนวน ๒ รายการดังกล่าว กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ รองรับไว้แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาความเหมาะสมของวงเงิน และจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับส่วนที่เหลือให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเร่งรัดดำเนินการและถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนและประชาชน รวมถึงประโยชน์สูงสุดที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงความเหมาะสมของราคากับสำนักงบประมาณ ตามระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ) รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับรูปแบบการลงทุนและการดำเนินงานที่มีภาคเอกชนเข้าร่วม โดยเฉพาะด้านการออกแบบสาระและการจัดนิทรรศการ กิจกรรม และสิ่งดึงดูดอื่น อาทิ ร้านอาหาร และร้านของที่ระลึก เพื่อส่งเสริมการเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต (Living Museum) และมีพลวัต (Dynamic) โดยควรเร่งรัดดำเนินการให้เกิดความชัดเจนทั้งด้านการแสวงหาพันธมิตรเข้าร่วมบริหารจัดการดังกล่าว และด้านแผนการตลาด เพื่อให้โครงการฯ สามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรมบนหลักการความคุ้มค่าของการลงทุนและการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนที่มีมุมมองและมีความเป็นมืออาชีพที่แท้จริง รวมทั้งควรจัดทำแผนยกระดับการบริหารจัดการจัตุรัสวิทยาศาสตร์ ณ อาคารจัตุรัสจามจุรี เพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17829 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน) | กค | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน) มีสาระสำคัญเป็นการขยายเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับวิสาหกิจชุมชนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลซึ่งมีเงินได้ปีละไม่เกิน ๑,๘๐๐,๐๐๐ บาท ออกไปอีกเป็นระยะเวลา ๓ ปี ทั้งนี้สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรประเมินผลการดำเนินมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจชุมชนซึ่งได้มีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ และรายงานต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นระยะ ๆ รวมทั้งติดตามให้วิสาหกิจชุมชนซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีการจัดทำบัญชี รายงานแสดงรายได้และรายจ่ายประจำวันและยื่นแบบแสดงรายการภาษี เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการจัดทำบัญชีและการวางแผนทางการเงินของวิสาหกิจชุมชน และเห็นควรประชาสัมพันธ์ให้วิสาหกิจชุมชนทราบและใช้ประโยชน์จากมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพมีการขยายกิจการและยกระดับขึ้นเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนในรูปนิติบุคคลเพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังถือปฏิบัติและดำเนินการอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี ในกรณีที่มีการขอขยายระยะเวลาของมาตรการต่าง ๆ ที่มีเงื่อนเวลาการใช้บังคับ ซึ่งต้องออกกฎหมายรองรับ โดยให้เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่เพียงพอต่อการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17830 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างโครงการขยายถนนราชพฤกษ์ ระยะที่ 2 (ตอนที่ 3) | คค | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ของกรมทางหลวงชนบท รายการโครงการขยายถนนราชพฤกษ์ ระยะที่ ๒ (ตอนที่ ๓) ในวงเงิน ๙๘๘,๘๙๓,๗๙๕ บาท โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ กรณีรายการจ่ายลงทุนที่มีวงเงินต่อรายการเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท จะต้องก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๒ และเบิกจ่ายให้สอดคล้องกับงวดงาน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เรื่อง มาตรการสนับสนุนการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17831 | รายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 (ครั้งที่ 3/2560) | มท | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ณ พื้นที่ราชพัสดุ ถนนทหาร (เกียกกาย) ถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ (ครั้งที่ ๓/๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. สรุปความก้าวหน้างานก่อสร้าง ผลงานสะสมที่ทำได้ คิดเป็นร้อยละ ๓๓.๓๓ เพิ่มขึ้นจากเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๐ (ร้อยละ ๓๒.๓๘) ร้อยละ ๐.๙๕ และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างที่เหลือทั้งหมด (๑๒-๐-๔๒.๗ ไร่) ให้แก่ผู้รับจ้างเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ โดยรวมส่งมอบพื้นที่ทั้งหมด ๑๒๓-๑-๕ ๗/๑๐ ไร่ ๒. คณะทำงานติดตามความก้าวหน้าโครงการฯ มีความเห็นว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างให้ผู้รับจ้างทั้งหมดแล้ว จึงเห็นควรแจ้งผู้รับจ้างให้เร่งรัดการดำเนินงานก่อสร้างต่อไป ส่วนการขยายระยะเวลาการก่อสร้าง ครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ออกไปอีก ๔๒๑ วัน ของผู้ว่าจ้าง (สิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑) อาจจะยังไม่สามารถทำให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จได้ อีกทั้งยังอาจมีเหตุให้ผู้รับจ้างขอขยายระยะเวลาการก่อสร้างออกไปได้อีก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17832 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การศึกษามาตรฐานค่ารักษาพยาบาลของสถานพยาบาล" ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สธ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การศึกษามาตรฐานค่ารักษาพยาบาลของสถานพยาบาล” โดยผลการพิจารณาสรุปว่า ควรมีการศึกษาข้อดีข้อเสียของการแบ่งชนิดและลักษณะของโรงพยาบาลเอกชน การแจ้งหรือแสดงค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่ประชาชนหรือผู้ป่วยนั้น โรงพยาบาลเอกชนต้องปฏิบัติตามมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติสถานพยาบาล (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่บัญญัติให้ผู้รับอนุญาตต้องแสดงรายละเอียดอัตราค่ารักษาพยาบาลตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และมาตรา ๓๓ ที่บัญญัติให้ผู้รับอนุญาตจะเรียกเก็บหรือยินยอมให้มีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาล ค่ายาและเวชภัณฑ์ ค่าบริการทางการแพทย์หรือค่าบริการอื่นเกินอัตราที่ได้แสดงไว้มิได้ และต้องให้บริการแก่ผู้ป่วยตามสิทธิที่ได้แสดงไว้ รวมทั้งเห็นด้วยตามข้อเสนอให้ประชาชนควรตรวจสอบสิทธิของตนเอง และควรมีช่องทางที่ง่ายต่อการตรวจสอบข้อมูลและเปรียบเทียบค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งก่อนเข้ารับบริการ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17833 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ได้จัดทำคู่มือในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๐ (แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับโทษการใช้แรงงานเด็ก) และได้แจ้งเวียนเพื่อประชาสัมพันธ์แก่นายจ้าง ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทราบกฎหมายดังกล่าวแล้ว และรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ที่เสนอให้ควรมีการพิจารณาพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดเป็นบทคุ้มครองเด็กในส่วนที่เกี่ยวกับกรณีการนำบุตรหลานเข้าช่วยงานหรือกิจการอันเป็นการดำรงชีวิตตามปกติสุขของครอบครัวไปพิจารณาประกอบหากมีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องในอนาคต ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17834 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 | กษ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบรายชื่อสมาชิกกลุ่มเกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้เป็นผู้ที่กู้เงินโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการผลิตข้าวอย่างแท้จริงและไม่มีความซ้ำซ้อนเป็นลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร รวมทั้งควรพิจารณาการอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้มีความรู้ด้านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การจัดทำบัญชี และแผนการจัดการหนี้ในครัวเรือน เพื่อลดปัญหาหนี้สินได้อย่างยั่งยืนในอนาคต นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงระบบข้อมูลของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีความทันสมัย และมีการบูรณาการข้อมูล กระบวนการทำงาน และเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนทุกกลุ่มของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันก่อนการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของการชดเชยดอกเบี้ยเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปหารือในรายละเอียดร่วมกับสำนักงบประมาณให้ได้ข้อยุติก่อน โดยหากเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่หากยังมีความเห็นแตกต่างกัน ให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17835 | การจัดทำความตกลงระหว่างสำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลประเทศไทย (ตำรวจสากลกรุงเทพ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารองค์การตำรวจสากลโดยตรง (Agreement between the INTERPOL National Central Bureau for Thailand in Bangkok and Royal Thai Police on Direct Access to the INTERPOL Information System) | ตช | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำความตกลงระหว่างสำนักงานกลางแห่งชาติตำรวจสากลประเทศไทย (ตำรวจสากลกรุงเทพ) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการเข้าถึงระบบข้อมูลข่าวสารองค์การตำรวจสากลโดยตรง (Agreement between the INTERPOL National Central Bureau for Thailand in Bangkok and Royal Thai Police on Direct Access to the INTERPOL Information System) มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในกรณีที่ตำรวจสากลกรุงเทพอนุญาตให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าถึงระบบฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานตำรวจองค์การตำรวจสากลได้โดยตรง แต่จำกัดเฉพาะการอ่านข้อมูลเท่านั้น เช่น เอกสารการเดินทางที่ถูกขโมยหรือสูญหาย ผลงานศิลปะ ภาพการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กระหว่างประเทศ และมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้ที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย เป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17836 | การเป็นสมาชิก International Association of Economic and Social Councils and Similar Institutions ของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | สสป | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติลาออกจากการเป็นสมาชิกสมาคมสภาเศรษฐกิจและสังคมและสถาบันที่คล้ายคลึงระหว่างประเทศ [International Association of Economic and Social Councils and Similar Institutions (IAESCSI/AICESIS)] ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17837 | (ร่าง) กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง | ศธ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบ (ร่าง) กรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง มีสาระสำคัญเพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางการเชื่อมโยงระบบคุณวุฒิของประเทศทุกระดับและประเภท ให้ยึดโยงกับระดับความสามารถของบุคคลที่เป็นผลลัพธ์ของการเรียนรู้ การศึกษา การฝึกอบรม และประสบการณ์ จากกรอบคุณวุฒิทางการศึกษาซึ่งเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานทางการศึกษา และกรอบมาตรฐานอาชีพซึ่งเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานด้านมาตรฐานอาชีพ/ฝีมือแรงงาน/วิชาชีพ และองค์กรต่าง ๆ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเติมเกี่ยวกับ (๑) นิยามศัพท์ที่เกี่ยวข้องในความหมายของคำว่า “ทักษะ” (skill) (๒) วัตถุประสงค์ของกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (๓) นิยามของระดับคุณวุฒิที่ ๓ ด้านความรู้ (๔) บทบาทและภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ในส่วนขององค์กรด้านการศึกษา สถานศึกษาและองค์กรฝึกอบรม และองค์กรกลาง และ (๕) ยุทธศาสตร์ รวมทั้งควรกำหนดให้มีหน่วยงานกลางทำหน้าที่กำหนดนโยบายกำกับการดำเนินงานและผลักดันแนวทางการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับกรณีให้มีองค์กรกลาง ทำหน้าที่ในการบริหารและจัดการเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพระบบคุณวุฒิของประเทศ เห็นควรพิจารณาในรายละเอียดเพื่อให้เกิดความชัดเจน โดยคำนึงถึงบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติซึ่งมีการออกกฎหมายรองรับการดำเนินงานอยู่แล้ว เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน และควรกำหนดแนวทางการกำกับดูแลและประเมินผลองค์กรกลางให้ชัดเจน นอกจากนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะกรรมการค่าจ้างกำหนดเทียบเคียงค่าตอบแทนขั้นต่ำที่เหมาะสมในแต่ละระดับตามกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ เพื่อให้ค่าตอบแทนสามารถสะท้อนศักยภาพและความสามารถในการปฏิบัติงาน อันจะเป็นแรงจูงใจให้แรงงานในตลาดแรงงานมีการพัฒนาฝีมือให้ได้ระดับคุณวุฒิที่เป็นมาตรฐาน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง เพื่อให้สามารถนำกรอบคุณวุฒิดังกล่าวไปปฏิบัติให้เกิดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ให้นำแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย โดยในการจัดทำแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ จัดทำแผนการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) และประเด็นการปฏิรูปของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้วย ๒.๒ พิจารณากำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ รวมทั้งพิจารณาปรับหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนให้ครอบคลุมถึงเรื่องการส่งเสริมการอ่านและการสร้างจิตสำนึกด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป ทั้งนี้ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ของการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติไปใช้ในทางปฏิบัติด้วย ๔. ให้กระทรวงศึกษาธิการหารือร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เพื่อวางแผนการผลิตกำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานทั้งในและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาฝีมือแรงงานไทยให้มีศักยภาพเพื่อรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต รวมทั้งการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการก้าวสู่ประเทศไทย ๔.๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17838 | เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา ภูเขา และน้ำตก | ทส | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา ภูเขา และน้ำตก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งเป็นการจัดทำค่าเกณฑ์ที่แสดงถึงคุณภาพของสภาวะแวดล้อม ภายใต้แนวคิดที่ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม ต้องอยู่ภายใต้ระดับที่ยอมรับหรือกำหนดขึ้น อันจะไม่ทำให้แหล่งธรรมชาติเกิดความเสื่อมโทรม เพื่อรักษาคุณค่าของสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาตินั้นไว้เพื่อประโยชน์แก่สังคมโดยรวม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประกอบด้วย
๑. ปัจจัยชี้วัดแต่ละด้าน รวม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านองค์ประกอบของระบบนิเวศ/สิ่งแวดล้อม (๒) ด้านองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรม (๓) ด้านผลผลิตจากการบริการสิ่งแวดล้อมของแหล่ง และ (๔) ด้านการบริหารจัดการ ๒. ระดับเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ (๑) ระดับสูงหรือดี คือ ไม่มีผลกระทบหรือมีระดับผลกระทบน้อย (๒) ระดับปานกลาง คือ มีระดับผลกระทบปานกลาง และ (๓) ระดับต่ำ คือ มีระดับผลกระทบมากหรือรุนแรง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17839 | ผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการ กรอ. ส่วนกลาง และคณะกรรมการ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2560 | นร11 | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมหารือร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจส่วนกลาง และคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ๒ (นครพนม สกลนคร มุกดาหาร) เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งที่ประชุมมีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และเห็นชอบในหลักการการส่งเสริมป่าเศรษฐกิจครอบครัวเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ โครงการ Sanuk Colors Food Valley : Diversity of Functional Organic โครงการ Sanuk Farmer Market โดยขอรับการสนับสนุนการจัดตั้ง “ตลาดเกษตรกรของกลุ่มจังหวัด” ขึ้นใน “เขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม” โครงการนำร่อง “การบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนจังหวัดมุกดาหาร” การพัฒนาและยกระดับแหล่งท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขง โครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเส้นทางไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม และจีน และโครงการพัฒนาและบินสำรวจแหล่งน้ำบาดาลด้วยวิธีทางธรณีฟิสิกส์เพื่อสนับสนุนแผนบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดพิจารณาความเหมาะสมของโครงการต่าง ๆ ในรายละเอียด โดยคำนึงถึงมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ ก่อนดำเนินโครงการตามขั้นตอนต่อไป ๒. เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17840 | การเข้าร่วมงาน World Expo 2020 Dubai | พณ | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเข้าร่วมงาน World Expo 2020 Dubai ระหว่างวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓-๒๐ เมษายน ๒๕๖๔ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบการเข้าร่วมงานฯ ดังกล่าว และให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นหน่วยงานสนับสนุนการเข้าร่วมงานฯ ด้วย โดยหน่วยงานหลักรับผิดชอบการเข้าร่วมงานฯ จะเป็นผู้นำเสนอรายละเอียดแผนงานและแผนเงินให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงบประมาณที่มีข้อเสนอแนะให้พิจารณานำประเด็นเรื่อง อุตสาหกรรมอนาคต ด้านอวกาศและอากาศยานเป็นส่วนหนึ่งในงานฯ รวมทั้งควรประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการและสนับสนุนค่าใช้จ่ายร่วมกับภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....