ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 893 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 17841 - 17860 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
17841 | ขอความเห็นชอบต่อร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหาร | กห | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงกลาโหมจัดทำความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหาร เพื่อเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการทหารที่จะนำไปสู่การยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพของทั้งสองประเทศในอนาคต โดยให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) และให้เจ้ากรมส่งกำลังบำรุงทหารเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและคณะมีแผนการเดินทางไปเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย ประมาณต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามในร่างความตกลงฯ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ วรรคสอง และการดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17842 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ | กค | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซึ่งผลการดำเนินโครงการฯ พบว่าทั้ง ๒ โครงการมียอดการอนุมัติสินเชื่อต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในทางปฏิบัติ ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและสภาพความเป็นจริง กระทรวงการคลังเห็นควรปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ดังนี้ ๑.๑ โครงการบ้านประชารัฐ ๑.๑.๑ ขอยกเลิกการกำหนดคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ จากที่กำหนดว่า “ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน” เป็น “ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย” ๑.๑.๒ ขอแก้ไขเงื่อนไขของมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Post Finance) กรณีการกู้เพื่อปลูกสร้างที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อไม่เกิน ๑.๕ ล้านบาทต่อหน่วย จากที่กำหนดให้รวมราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างด้วย เป็น ไม่ต้องนำราคาประเมินที่ดินมารวมพิจารณาด้วย ๑.๒ โครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ๑.๒.๑ โครงการเช่าระยะสั้น (Rental) ขอแก้ไข จาก “เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อนและมีรายได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ในวันที่ยื่นจองสิทธิ” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีรายได้ไม่เกิน ๒๐,๐๐๐ บาทต่อเดือน ในวันที่ยื่นจองสิทธิ” ๑.๒.๒ โครงการเช่าระยะยาว (Leasehold) จาก “เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน” เป็น “เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนที่ปัจจุบันไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย” ๒. ให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่เข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐและโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐเร่งประชาสัมพันธ์โครงการให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบถึงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขใหม่ที่ผ่อนปรนขึ้นเพื่อดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมโครงการมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17843 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | มท | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สรุปได้ว่า ในประเด็นเรื่องการศึกษาติดตามการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยการปรับปรุงแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรให้สอดคล้องกับกฎหมายของต่างประเทศ เป็นข้อเสนอที่มีความละเอียดอ่อนของสังคมไทย กระทรวงยุติธรรมจะได้นำเสนอคณะอนุกรรมการพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พิจารณาศึกษาเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามข้อเสนอแนะดังกล่าวต่อไป สำหรับประเด็นเรื่องการศึกษามาตรการส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และการติดตามและตรวจสอบการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นั้น ส่วนใหญ่ได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17844 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เกี่ยวกับกรณีข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจที่สิทธิเรียกร้องขาดอายุความหรือพ้นกำหนดเวลาฟ้องคดี จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ และให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจใช้ความระมัดระวังในการดำเนินคดีเพื่อมิให้คดีขาดอายุความหรือพ้นกำหนดเวลาฟ้องคดี และในกรณีต้องมีการดำเนินการเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณ เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ หากคดีใกล้ขาดอายุความหรือใกล้พ้นกำหนดเวลาฟ้องคดีและยังไม่สามารถส่งข้อพิพาทไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดได้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการรับสภาพหนี้เพื่อมิให้เกิดความเสียหายขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17845 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) (นางอาทิตยา สุธาธรรม) | ดศ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอาทิตยา สุธาธรรม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กลุ่มที่ปรึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๙) ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17846 | ขอรับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษ 2 ขั้น (นอกเหนือโควตาปกติ) จากงบกลางเพิ่มเติมให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโควตาบำเหน็จความชอบประจำปี (๒ ขั้น) เพิ่มเติมอีกร้อยละ ๓ ของจำนวนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถนำมาพิจารณาบำเหน็จประจำปีได้ จำนวน ๗๒๑ นาย โดยให้มีผลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๙-๓๐ กันยายน ๒๕๖๐) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัด โดยการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17847 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 (ค่าเช่าอาคารสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ นครโทรอนโต) | กก | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับการเช่าอาคารสำนักงานและที่จอดรถ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ นครโทรอนโต ประเทศแคนาดา ภายในกรอบวงเงิน ๕๕,๔๕๓,๗๐๐ บาท หรือ ๒,๑๒๙,๕๕๖.๙๓ ดอลลาร์แคนาดา อัตราแลกเปลี่ยน ๑ ดอลลาร์แคนาดา เท่ากับ ๒๖.๐๔ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่น กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนและยกเว้นการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเกินกว่า ๕ ปี ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ เป็นกรณีเฉพาะราย โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ แผนงานพื้นฐานด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผลผลิตการส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศ งบเงินอุดหนุน รายการค่าใช้จ่ายของสำนักงานต่างประเทศ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและความเหมาะสมสอดคล้องกับค่าเช่าที่จะต้องจ่ายจริงต่อไป ทั้งนี้ การเช่าอาคารดังกล่าว ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า และมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในประเทศและต่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคำนึงผลประโยชน์และความคุ้มค่าในการลงทุนที่ประเทศจะได้รับเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17848 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. 2557 โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2557/58 | พณ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติขยายระยะเวลาการก่อหนี้ผูกพันเงินงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ จำนวน ๑๓๔.๙๓ ล้านบาท เพื่อสมทบเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ ต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเป็นกรณีเฉพาะราย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมการค้าภายในเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และควรให้ความสำคัญกับการประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการฯ ที่ผ่านมาอย่างเป็นระบบและชัดเจน และรายงานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวและคณะรัฐมนตรีรับทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17849 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่ด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชารัฐศาสตร์เพิ่มขึ้น แก้ไขชื่อคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและอัญมณีศาสตร์ เป็น “คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม” และเพิ่มเติมชื่อคณะและสีประจำคณะอัญมณีศาสตร์และประยุกต์ศิลป์ (สีชมพูกลีบบัว) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17850 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม 2 ฉบับ | มท | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวง รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนและนิติกรรมการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับการโอนอสังหาริมทรัพย์โดยการขาย แลกเปลี่ยน ให้ และการโอนโดยทางมรดกให้แก่ทายาท หรือการจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา เฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๒. ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด กรณีการโอนและการจำนองห้องชุดตามมาตรการสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนและนิติกรรมการโอนและการจำนองห้องชุด ร้อยละ ๐.๐๑ สำหรับการโอนห้องชุดโดยการขาย แลกเปลี่ยน ให้ และการโอนโดยทางมรดกให้แก่ทายาท หรือการจำนองห้องชุดที่ตั้งอยู่ในท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสงขลา เฉพาะในท้องที่อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี และอำเภอสะบ้าย้อย และจังหวัดสตูล ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17851 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2560 | พณ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกุมภาพันธ์ ปี ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การส่งออกของไทยเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๘.๕ สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันและการปรับตัวในระดับดีของไทยตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และเป็นไปในทิศทางการฟื้นตัวของการส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์ได้คาดการณ์ไว้ ๒. มูลค่าการส่งออกรายสินค้าเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวร้อยละ ๑๓.๙ (YoY) โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น ยางพารา ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋อง แปรรูป และสินค้าอุตสาหกรรมหดตัว ร้อยละ ๕.๙ (YoY) โดยสินค้าสำคัญที่หดตัวสูง เช่น ทองคำ รถยนต์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เหล็ก ๓. การค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ขยายตัวร้อยละ ๗.๓ โดยการค้าชายแดน (มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๔ และการค้าผ่านแดน (สิงคโปร์ จีนตอนใต้ และเวียดนาม) หดตัวร้อยละ ๑๘.๙ ๔. แนวโน้มการส่งออกของไทยในปี ๒๕๖๐ เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้น โดยมีปัจจัยสำคัญจากราคาน้ำมันดิบที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย รวมทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจในภูมิภาคสำคัญเริ่มปรับตัวและมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงจากความไม่ชัดเจนจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา และความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในยูโรโซน ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนด้านอัตราแลกเปลี่ยนและเพิ่มความไม่แน่นอนของการค้าและการลงทุนของโลกในระยะต่อไป โดยกระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อให้การส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวได้ใกล้เคียงเป้าหมายร้อยละ ๕.๐ ให้มากที่สุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17852 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | กษ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบตามโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17853 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง ปี 2559 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก ปี ๒๕๕๙ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ศูนย์ข้อมูลฯ สามารถดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย โดยรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ และนำข้อมูลเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ รวมทั้งมีการให้ความรู้เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง ปี ๒๕๕๙ ได้มีการจัดทำวารสารศูนย์ข้อมูล โดยปรับรูปแบบนำเสนอข้อมูลผ่าน Infographics รวมทั้งได้แทรกรหัส QR Code เพื่อเชื่อมกับฐานข้อมูลบน www.reic.or.th การจัดหลักสูตรประกาศนียบัตร ๑ ครั้ง การจัดทำข้อมูลทรัพย์มือสองกรมบังคับคดี และจัดทำพิกัดที่ตั้งที่อยู่อาศัยมือสอง เผยแพร่บน www.clickthaihome.com ๒. สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลัง ปี ๒๕๕๙ ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยอยู่ในสภาวะหดตัว เนื่องจากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งประกาศใตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๘-๒๘ เมษายน ๒๕๕๙ สิ้นสุดลง นอกจากนี้ การสิ้นสุดของมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมดังกล่าวยังส่งผลให้ผู้ประกอบการมีค่าความเชื่อมั่นลดลงทั้งในด้านผลประกอบการ กาลงทุน การจ้างงาน ต้นทุนการประกอบการและการเปิดโครงการใหม่ ดังนี้น ดัชนีความคาดหวังในอีก ๖ เดือนข้างหน้า ประจำไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๙ มีค่าเท่ากับ ๕๙.๖ ปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่แล้วซึ่งมีค่าเท่ากับ ๖๔.๗ โดยยังสูงกว่าค่ากลางที่ร้อยละ ๕๐ เนื่องจากผู้ประกอบการมีความคาดหวังในเชิงลบจากต้นทุนการประกอบการในอนาคต
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17854 | รายงานการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ 2559 | สธ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ๑.๑ ประชากรไทยผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน ๔๘.๓๗ ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙) ลงทะเบียนสิทธิแล้ว จำนวน ๔๘.๓๓ ล้านคน (ร้อยละ ๙๙.๙๓) ๑.๒ หน่วยบริการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประกอบด้วย (๑) หน่วยบริการปฐมภูมิ จำนวน ๑๑,๕๖๕ แห่ง (๒) หน่วยบริการประจำ จำนวน ๑,๓๐๑ แห่ง และ (๓) หน่วยบริการรับส่งต่อ จำนวน ๑,๑๐๙ แห่ง ๑.๓ การเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เช่น (๑) บริการทางการแพทย์เหมาจ่ายรายหัว ให้บริการผู้ป่วยนอก จำนวน ๑๗๓.๒๓ ล้านครั้ง (๓.๖ ครั้ง/คน/ปี) ให้บริการผู้ป่วยใน จำนวน ๕.๗๘ ล้านครั้ง (๐.๑ ครั้ง/คน/ปี) ให้บริการกรณีอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉิน จำนวน ๑.๓ ล้านครั้ง (๒) บริการเฉพาะ ให้บริการผู้ป่วย HIV จำนวน ๒๗๐,๙๓๓ คน ให้บริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรังโดยการบำบัดแทนไต จำนวน ๔๕,๖๒๙ คน ปลูกถ่ายไต จำนวน ๑๗๒ คน ให้บริการผู้ป่วยเบาหวานและความดันโลหิตสูง จำนวน ๑.๗ ล้านคน และให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง จำนวน ๘๐,๘๒๖ คน ๑.๔ การคุ้มครองสิทธิ มีการประสานส่งต่อผู้ป่วยผ่านช่องทางต่าง ๆ จำนวน ๕๗๙,๓๓๘ เรื่อง ช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการ จำนวน ๘๘๕ คน ๑.๕ ความพึงพอใจ ประชาชนผู้มีสิทธิมีความพึงพอใจร้อยละ ๘๙.๕ และความพึงพอใจของผู้ให้บริการร้อยละ ๗๐ ๒. ปัญหาและอุปสรรค เช่น มีความกดดันระหว่างหน่วยบริหารงบประมาณและหน่วยให้บริการจากการบริหารกองทุนภายใต้ข้อกำจัดด้านงบประมาณ ความต้องการบริการสุขภาพที่สูงขึ้นจากโครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ และปัญหาสุขภาพที่เป็นผลจากพฤติกรรมสุขภาพที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17855 | รายงานผลการเดินทางศึกษาดูงานด้านเทคโนโลยีพลังงาน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา | พน | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการศึกษาดูงานด้านเทคโนโลยีพลังงาน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์-๖ มีนาคม ๒๕๖๐ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางพลังงานของบริษัทในกลุ่ม ปตท. และบริษัทชั้นนำด้านพลังงานของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจากการศึกษาดูงานในครั้งนี้ กระทรวงพลังงานมีข้อเสนอแนะว่า (๑) ประเทศไทยควรส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและนำการพัฒนาเทคโนโลยีมาลดต้นทุน (๒) รถยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะดึงดูดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและการผลิตแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ (๓) ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาการสร้างตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เช่น นโยบายภาษี การกำหนดมาตรฐานของ Charger และสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า และ (๔) การไปสู่นโยบายประเทศไทย ๔.๐ ต้องเร่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการปฏิรูปการนำข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์เพื่อเปลี่ยนข้อมูลเป็นเศรษฐกิจความรู้ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17856 | ขอความเห็นชอบเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน | ปง | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่ารถยนต์ จำนวน ๓๐ คัน ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ จนถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๔ วงเงินทั้งสิ้น ๔๒,๔๕๗,๕๐๐ บาท ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีเฉพาะราย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๒,๔๙๗,๕๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓๙,๙๖๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ เพื่อให้ครบวงเงินตามสัญญาต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการเช่ารถยนต์ดังกล่าว ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน และต่อรองให้ได้ราคาต่ำสุด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17857 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง พลังงานทดแทนจากพืชที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการพลังงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง พลังงานทดแทนจากพืชที่เหมาะสมสำหรับประเทศไทย สรุปได้ว่า เห็นด้วยและสนับสนุนข้อเสนอแนะในเชิงบริหาร และมีข้อคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอแนะในวิชาการเพิ่มเติมบางประการ เช่น การส่งเสริมการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพืช โดยเปิดรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากชีวมวลและก๊าซชีวภาพล่วงหน้า ๑-๒ ปี ก่อนการขยายสายส่งไฟฟ้าจะแล้วเสร็จ เร่งรัดให้มีการโซนนิ่งพื้นที่ปลูกพืชพลังงาน รวมถึงการจัดทำและบริหารจัดการฐานข้อมูลการปลูกพืชพลังงาน และการพัฒนานโยบายเพื่อให้ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าชีวมวลปลูกไม้โตเร็วควบคู่ไปกับการดำเนินการโรงไฟฟ้า เป็นต้น ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับการส่งเสริมการนำพืชมาพัฒนาเป็นพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกสำหรับประเทศไทยจำเป็นต้องมีมาตรการสนับสนุนทางด้านราคาของพืชพลังงานทดแทน ตลอดจนการเชื่อมโยงผู้ซื้อ-ผู้ขาย และมีข้อตกลงที่ชัดเจน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อจูงใจให้เกษตรกร และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17858 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง นโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมและแนวทางการจัดหาดาวเทียมสื่อสารภาครัฐของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ดศ | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สารสนเทศ และการสื่อสารมวลชน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง นโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียม และแนวทางการจัดหาดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้
๑. คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายการบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารในระยะยาว ภายหลังจากสัญญาสัมปทานสิ้นผลลง โดยเห็นควรเปิดตลาดให้มีการแข่งขันแบบมีข้อตกลงกับรัฐบาล (Market with Undertaking/Deed of Agreement) โดยใช้ระบบใบอนุญาต (licensing) เป็นรายระบบดาวเทียมสื่อสาร ๒. นโยบายการบริหารกิจการดาวเทียมสื่อสารในช่วงเปลี่ยนผ่าน (๑) กรณีดาวเทียมไทยคม ๔, ๕ และ ๖ และเอกสารข่ายงานอื่น ๆ ภายหลังสัญญาสัมปทานสิ้นผลลงและดาวเทียมยังมีอายุการใช้งานเหลืออยู่ เห็นควรให้คัดเลือกเอกชนเพื่อใช้สิทธิและหน้าที่การรักษาวงโคจร รวมถึงการประกอบการกิจการดาวเทียมสื่อสารที่ใช้สิทธิในวงโคจรดังกล่าวตามระบบใบอนุญาตแบบมีเงื่อนไข และ (๒) สำหรับดาวเทียมดวงต่อ ๆ ไปที่อาจจัดส่งขึ้นก่อนสัญญาสิ้นผลลง ยังคงมีความผูกพันที่จะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขของสัญญาสัมปทานฯ ให้ครบถ้วน อีกทั้งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการประชุมแก้ไขร่างยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ ปี ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ได้จัดทำโครงสร้าง ภารกิจ และอำนาจหน้าที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์อวกาศแห่งชาติ และตั้งคณะทำงานเพื่อยกร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศแห่งชาติ รวมถึงรายละเอียดแนวทางการจัดตั้งองค์การอวกาศ ตลอดจนได้ว่าจ้างคณะผู้วิจัยจากสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อศึกษาวิเคราะห์เหตุผลและความจำเป็นในการยกร่างกฎหมายอวกาศและกิจการดาวเทียมตามบริบทของประเทศไทย ตลอดจนศึกษาพันธกรณีระหว่างประเทศด้านกฎหมายอวกาศ และศึกษาแนวทางในการยกร่างกฎหมายอวกาศเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ ๔. แนวทางการจัดหาดาวเทียมสื่อสารภาครัฐนั้น เนื่องจากภาครัฐมีการใช้งานระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมในปริมาณไม่มากนัก จึงไม่คุ้มค่าหากภาครัฐมีดาวเทียมเป็นของตนเอง รวมทั้งปัจจุบันหน่วยงานภาครัฐเช่าใช้ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียมจากบริษัทเอกชนกับการสร้างร่วมมือในการดำเนินโครงการดาวเทียมระหว่างภาครัฐกับเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ซึ่งใช้งบประมาณที่ต่ำกว่า ทำให้สามารถประหยัดเงินงบประมาณได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17859 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... | สว | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... โดยมีข้อสังเกตว่า ควรแก้ไขถ้อยคำในเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัตินี้ และมีข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการในการตรวจสอบและกำกับดูแลมิให้ผู้ประกอบธุรกิจแบ่งสัญญาระหว่างผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรกับเกษตรกรหรือกระทำการอื่นใดเพื่อให้การทำสัญญาไม่เข้าลักษณะของสัญญาตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ การเปิดโอกาสให้คู่สัญญาที่ถูกประกาศว่ามีพฤติกรรมเอาเปรียบคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่เป็นธรรมได้มีโอกาสชี้แจงและแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม และในการจัดทำเอกสารสำหรับการชี้ชวนต้องจัดทำข้อมูลดังกล่าวให้รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนด้วย รวมทั้งให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจทางการเกษตรหรือข้อมูลอื่นใดลงในระบบสารสนเทศและสื่ออื่นให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งก่อนที่จะมีการกำหนดให้สัญญาใดต้องทำตามแบบที่กำหนด คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาควรกำหนดให้มีการประเมินผลกระทบอย่างสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม หรือสิ่งแวดล้อม โดยผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ อย่างรอบด้าน นอกจากนี้ รัฐบาลควรพิจารณาสนับสนุนการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อรองรับภารกิจ อัตรากำลังและงบประมาณ เพื่อให้การดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาบรรลุวัตถุประสงค์ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญา พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
17860 | โครงการทุนการศึกษา ภายใต้มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) | นร | 18/04/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบการขอความร่วมมือหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัดดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) เพื่อร่วมสมทบทุนการศึกษาในโครงการทุนการศึกษา ภายใต้มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) และมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการและประสานงานกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีและคณะเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
.....