ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 686 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13701 - 13720 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13701 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง นโยบายและแนวทางการส่งเสริมให้มวลชนมีการออกกำลังกายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา ของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง นโยบายและแนวทางการส่งเสริมให้มวลชนมีการออกกำลังกายและมีส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา โดยมีผลการดำเนินการรวม ๕ ประเด็น คือ (๑) ส่งเสริมและสนับสนุน ด้านการผลิตผู้นำการออกกำลังกายและกีฬา กรมพลศึกษาได้จัดอบรมครูสอนพลศึกษาที่ไม่มีวุฒิพลศึกษาเพื่อเข้ารับการอบรมผู้นำการออกกำลังกายที่ถูกต้องในสถานศึกษาและในชุมชน (๒) ส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้ด้านการออกกำลังกายกิจกรรมกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อสร้างเสริมและพัฒนาอย่างถูกต้อง ให้กรมพลศึกษาเป็นศูนย์กลางข้อมูลองค์ความรู้ด้านการออกกำลังกายกิจกรรมกีฬาและวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อสร้างเสริมและพัฒนาอย่างถูกต้อง (๓) ส่งเสริมและสนับสนุนด้านสมรรถภาพทางกายเยาวชนและประชาชน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเกณฑ์การทดสอบมาตรฐานสมรรถภาพทางกายเยาวชนและประชาชนของกรมพลศึกษาไปใช้ในการประเมินผล (๔) ส่งเสริมและสนับสนุนให้มวลชนมีการออกกำลังกาย และมีส่วนร่วมในกิจกรรมกีฬา ให้แต่ละหน่วยงานกำหนดนโยบายหรือส่งเสริมให้มีการจัดกิจกรรมทางกาย/กิจกรรมการออกกำลังกายแก่ประชาชนบุคลากรในหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง และต้องมีการติดตามและรายงานผล และ (๕) ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมและสถานที่สำหรับการออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาตามความเหมาะสมสำหรับชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับกรมพลศึกษาตรวจสอบและติดตามสถานะความพร้อมของสถานที่สำหรับออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬา และสรุปผลการจัดเก็บข้อมูลสถานที่สำหรับการออกกำลังกายและกิจกรรมกีฬาตามความเหมาะสมสำหรับชุมชนทั่วประเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13702 | รายงานผลการพิจารณาแผนระดับที่ 3 (ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2561) | นร11 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชีรายชื่อแผนระดับ ๓ (ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๑) ที่ผ่านกระบวนการพิจารณาแล้ว จำนวน ๕ แผน ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. ร่างแผนพัฒนาด้านการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงวัฒนธรรม ๒. แผนแม่บทด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ แผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) ปี ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และแผนปฏิบัติการโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ระยะที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๑ ฉบับปรับปรุงและขยายระยะเวลาดำเนินงาน ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖) กระทรวงศึกษาธิการ ๓. ร่างแผนยุทธศาสตร์วัคซีน ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงสาธารณสุข ๔. แผนแม่บทพัฒนาแรงงานไทยในระยะ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงแรงงาน ๕. แผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) กระทรวงแรงงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13703 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี ๒๕๖๒ จำนวน ๕๒ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า และ ๖ บริการ รวมทั้งการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล เพื่อพิจารณาความพร้อมก่อนที่จะกำหนดมาตรการที่เหมาะสมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการแต่งตั้งและการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการพิจารณาราคายาและเวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่นของสถานพยาบาล โดยองค์ประกอบของคณะอนุกรรมการฯ ควรพิจารณาให้ครอบคลุมผู้แทนจากกลุ่มวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การพิจารณากำหนดมาตรการต่าง ๆ ของคณะอนุกรรมการฯ เป็นไปอย่างรอบคอบ มีความโปร่งใส และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปดำเนินการให้เหมาะสมและรอบคอบต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินการสร้างการรับรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับการประกาศกำหนดสินค้าและบริการควบคุม รวมทั้งการกำหนดมาตรการที่ใช้สำหรับสินค้าหรือบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. ๒๕๕๒ ให้ถูกต้อง ชัดเจน และทั่วถึงโดยด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13704 | การปรับปรุงการยุบเลิกตำแหน่งและการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. | นร51 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการพลเรือนประจำกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. (ก.พ.กอ.รมน.) ได้มีการปรับปรุงการกำหนดตำแหน่งอัตราข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. ภายใต้กรอบอัตรา จำนวน ๒๐๐ อัตรา โดยไม่เพิ่มงบประมาณด้านบุคลากร โดยปรับเกลี่ยจากเดิม จำนวน ๑๗๓ อัตรา เป็น จำนวน ๑๗๑ อัตรา และต่อมาในการประชุม ก.พ.กอ.รมน. เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งมีเลขาธิการ กอ.รมน. เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบการดำเนินการปรับปรุงการยุบเลิกตำแหน่งและการเกลี่ยอัตรากำลังข้าราชการพลเรือนประจำ กอ.รมน. ภายใต้กรอบอัตรากำลัง จำนวน ๑๗๑ อัตรา (คงเดิม) โดยไม่เพิ่มงบประมาณด้านบุคลากร ตามที่ กอ.รมน. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13705 | รายงานผลการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ที่นี่มีงานทำ (Job Ready Center) | รง | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดตั้งศูนย์ที่นี่มีงานทำ (Job Ready Center) ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนตามแนวทาง “ประชารัฐ ร่วมใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ” เพื่อแก้ปัญหาให้กับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ตกงาน และส่งเสริมการจ้างงานผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ยังไม่มีงานทำ ให้มีรายได้ตรงตามความต้องการและความสามารถของตนเอง โดยการสร้างโอกาสในการเข้าถึงตำแหน่งว่างงาน การพัฒนาทักษะอย่างเท่าเทียมได้รับการคุ้มครอง และมีหลักประกันเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี โดยผลการดำเนินการในภาพรวม (๑๙ กรกฎาคม-๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑) มีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสมัครงานผ่านศูนย์ฯ ได้รับการบรรจุงาน จำนวน ๑๗,๓๖๔ คน และได้งานทำผ่านแอปพลิเคชัน LINE JOBS จำนวน ๗,๕๕๘ คน รวมทั้งสิ้น ๒๔,๙๒๒ คน ก่อให้เกิดรายได้ จำนวน ๓๗๓,๘๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13706 | รายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิชุมชนกรณีกล่าวอ้างว่าการระงับการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมโยงอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ถึงอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน) | คค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะของมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิมนุษยชนกรณีกล่าวอ้างว่าการระงับการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมโยงอำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ถึงอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน) ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง มีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาทางหลวงในพื้นที่อำเภออุ้มผาง โดยปรับปรุงทางหลวงหมายเลข ๑๐๙๐ อำเภออุ้มผาง-อำเภอแม่สอด ให้มีมาตรฐานที่สูง และกระทรวงมหาดไทยมีแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ของจังหวัดตาก ซึ่งมีโครงการเกี่ยวกับการสนับสนุนและส่งเสริมการเข้าถึงสาธารณูปโภค สำหรับกระทรวงศึกษาธิการมีแผนพัฒนาการศึกษา (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ของจังหวัดตาก เน้นเรื่องการขยายและสร้างโอกาสในการเรียนรู้อย่างทั่วถึงตลอดชีวิตเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง และพัฒนากำลังและเพิ่มขีดความสามารถรองรับการแข่งขันของประเทศ รวมทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการศึกษาการนำมาตรการทางการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น ค่าบริการทางระบบนิเวศ (Payments for ecosystem services : PES) หรือการแบ่งปัน (Benefit sharing) มาใช้เป็นมาตรการชดเชยและส่งเสริมการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13707 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสุภารัชต์ กาญจนะวณิชย์) | สธ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายเกียรติศักดิ์ ราชบริรักษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๑ ๒. นางสุภารัชต์ กาญจนะวณิชย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลนครพิงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13708 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนการจ้างงาน หรือรายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... | นร | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนการจ้างงาน หรือรายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มเกณฑ์รายได้ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของโลก และโครงสร้างทางธุรกิจของกิจการที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องนำบทนิยามที่กำหนดขึ้นไปใช้ในการกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป้าหมายสำหรับการดำเนินมาตรการ แผนงาน และโครงการในการส่งเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลผู้รับบริการและข้อมูลผลการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานได้อย่างเป็นระบบ เป็นประโยชน์ต่อการติดตามประเมินผลและการปรับปรุงการดำเนินงานให้บรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13709 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปูโยะ และตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก - ลก จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลปูโยะ และตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในท้องที่ดังกล่าว เพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) สามารถจัดซื้อที่ดินและนำมาจัดสรรให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีที่ดินไม่เพียงพอแก่การครองชีพหรือต้องเช่าที่ดินของผู้อื่นประกอบเกษตรกรรมจำนวนมาก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ ส.ป.ก. พิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งควรติดตามดูแลให้เกษตรกรสามารถรักษาที่ดินที่ได้รับให้เป็นแหล่งประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และควรกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่และความต้องการของตลาด รวมถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่เหมาะสมกับเงื่อนไขการพัฒนาในพื้นที่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13710 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลดอนยายหอม และตำบลถนนขาด อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลดอนยายหอม และตำบลถนนขาด อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลดอนยายหอม และตำบลถนนขาด อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืน และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้าง เพื่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๗๕ กับทางหลวงชนบท นฐ. ๕๐๒๒ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13711 | การกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ 2562 จำนวน 500 ล้านบาท | พม | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการของสำนักงานธนานุเคราะห์ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ จำนวน ๕๐๐ ล้านบาท เพื่อไว้ใช้เป็นเงินทุนในการหมุนเวียนและรองรับธุรกรรมการรับจำนำของประชาชนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเพื่อประกันการขาดสภาพคล่องทางการเงินที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยสำนักงานธนานุเคราะห์ รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยง การวางแผนการเงินล่วงหน้า และการพัฒนาระบบการบริหารทางการเงินให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถบริการประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ในทุกช่วงเวลา และไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13712 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีข้อสังเกตเห็นสมควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติฯ และข้อสังเกตให้สำนักงานศาลยุติธรรมควรแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้สอดคล้องกับการปรับเพดานโทษที่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวต้องมีประกัน รวมทั้งกำหนดให้ศาลพิจารณามีคำสั่งให้ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรืออุปกรณ์อื่นใดที่สามารถใช้ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของผู้ถูกปล่อยชั่วคราวในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน ๑๐ ปีขึ้นไป และข้อสังเกตเกี่ยวกับมาตรา ๑๖๑/๑ ที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามเฉพาะโจทก์ที่ฟ้องคดีโดยไม่สุจริต รวมทั้งเห็นควรดำเนินการจัดทำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศฐานข้อมูลเรื่องการฟ้องคดีที่ยื่นฟ้องไว้ต่างศาลกัน ให้มีการรวบรวมและเชื่อมโยงระหว่างศาลเพื่อประโยชน์ในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี และควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยวิธีการที่ไม่ต้องมีหลักประกันให้มากขึ้น เพื่อให้โอกาสผู้ต้องหาหรือจำเลยไปแสวงหาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดี ซึ่งอาจใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือให้ผู้นำชุมชน ผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้นำทางศาสนาสามารถประกันผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยไม่ต้องมีหลักประกัน ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13713 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน) | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน) มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลผู้บริจาคเงินเพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนมีสิทธินำเงินบริจาคมาหักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่บริจาค แต่ไม่เกินร้อยละ ๒ ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ การบริจาคตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้โดยให้ครอบคลุมพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าในเมือง และพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ ที่ต้องการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่า ตามข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนที่ผ่านมา เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ นอกจากนี้ ควรประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ภาคเอกชนและภาคประชาชนเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวอย่างกว้างขวางและทั่วถึง เพื่อกระตุ้นให้ภาคส่วนต่าง ๆ เข้ามาสนับสนุนชุมชนที่ดูแลรักษาป่าชุมชนให้มากขึ้น รวมทั้งควรมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีข้อมูลประกอบการพิจารณาหากมีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13714 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ทั้งนี้ สำหรับการบริจาคที่กระทำตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13715 | ขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงคมนาคมภายใต้รัฐมนตรีว่าการแห่งรัฐว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านของระบบนิเวศน์และการพัฒนาสังคมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง | คค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงคมนาคมภายใต้รัฐมนตรีว่าการแห่งรัฐว่าด้วยการเปลี่ยนผ่านของระบบนิเวศน์และการพัฒนาสังคมแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยความร่วมมือในสาขาคมนาคมขนส่ง และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว โดยร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบความร่วมมือในการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการคมนาคมสาขาต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งระบบราง การขนส่งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ รวมถึงการขนส่งมวลชนในเมืองและการขนส่งด้วยเทคโนโลยีสะอาด โดยทั้งสองประเทศจะจัดให้มีกิจกรรมต่าง ๆ ตามขอบเขตความร่วมมือ เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้เชี่ยวชาญ การเยือนของเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคระดับสูง การจัดสัมมนาและการประชุมร่วมกัน ทั้งนี้ ยังไม่มีกำหนดวันที่จะมีการลงนามในร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงฯ ที่ชัดเจน แต่จะได้ประสานงานกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสเพื่อเร่งรัดให้มีการลงนามได้โดยเร็วต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับกรณีการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม เนื่องจากไม่เข้าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13716 | ร่างบันทึกความตกลงระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) | ทส | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบันทึกความตกลงระหว่างโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (Standard Letter of Agreement : LOA) โครงการสนับสนุนการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ : การสร้างความยั่งยืนผ่านกลไกทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในประเทศไทย [Nationally Determined Contribution (NDC) Support Project : Delivering Sustainability through Climate Finance Actions in Thailand] และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความตกลงฯ เพื่อดำเนินโครงการ NDC โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเรื่องการให้การสนับสนุนแก่โครงการ NDC เช่น สนับสนุนสำหรับความช่วยเหลือตามที่ได้กำหนดไว้ในเอกสารโครงการ NDC (ความช่วยเหลือเชิงวิชาการ การอำนวยความสะดวกในการจัดประชุมหรือการฝึกอบรม การตีพิมพ์รายงานการวิเคราะห์ ฯลฯ) และสนับสนุนการให้งบประมาณช่วยเหลือ จำนวน ๙๓๑,๕๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๓ เป็นต้น ส่วนโครงการ NDC มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนประเทศไทยให้สามารถดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้บรรลุเป้าหมายได้ตามแนวทางการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ ๒๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ความสามารถในการฟื้นตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำแผนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและแผนด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณากำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ในเอกสารโครงการ NDC
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13717 | แผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อการควบคุมยาเสพติด 6 ประเทศ ระยะ 4 ปี (พ.ศ. 2562-2565) : กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา ไทย เวียดนาม | ยธ | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อการควบคุมยาเสพติด ๖ ประเทศ ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) : กัมพูชา จีน สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดทิศทางความร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำร่วมกันเป็นระยะ ๔ ปี โดยใช้ยุทธศาสตร์การผนึกกำลังของสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศ ในการปิดล้อมพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำและกำหนดมาตรการดำเนินการ ๗ ประการ ได้แก่ (๑) การสกัดกั้นควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด (๒) การสกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด (๓) การสกัดกั้นพื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดน (๔) การปราบปรามเครือข่ายการผลิตและค้ายาเสพติด (๕) การสกัดกั้นยาเสพติดตามลำแม่น้ำโขง (๖) การสนับสนุนมาตรการและความช่วยเหลือ และ (๗) การพัฒนาศูนย์ประสานงานแม่น้ำโขงปลอดภัยและการพัฒนาระบบ ๑.๒ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) ในฐานะตัวแทนประเทศไทยจัดทำคำขอรายจ่ายงบประมาณประจำปี ทั้งงบประมาณภายในประเทศและต่างประเทศในการดำเนินงานตามภารกิจต่าง ๆ ตามแผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าว ๑.๓ ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เนื่องจากปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติและอยู่ในกรอบนโยบายของฝ่ายความมั่นคง และแผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าว มีความเร่งด่วนมาก จะต้องเริ่มปฏิบัติการในห้วงเดือนมกราคม ๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม และ สำนักงาน ป.ป.ส. รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า การปฏิบัติการร่วมดังกล่าวจะต้องไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่เจ้าหน้าที่ของประเทศสมาชิกหนึ่งในการบังคับใช้กฎหมายของตนในอาณาเขตของประเทศสมาชิกอื่น ๆ หรือกระทำการใด ๆ ที่อาจจะกระทบต่อสิทธิและอธิปไตยของไทยที่เกี่ยวกับเขตแดนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหากในอนาคตมีการจัดทำความตกลงเพื่อปฏิบัติการร่วมในพื้นที่ชายแดน ก็เห็นควรส่งร่างความตกลงดังกล่าวให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาต่อไป รวมทั้งเมื่อแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ควรต้องตรวจสอบแผนปฏิบัติการร่วมดังกล่าวและปรับปรุงให้สอดคล้องกับแผนแม่บทดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เห็นควรให้กระทรวงยุติธรรม โดย สำนักงาน ป.ป.ส. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี รายการโครงการปฏิบัติการแม่น้ำโขงปลอดภัยของสำนักงาน ป.ป.ส. ซึ่งสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรองรับภารกิจดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ให้สำนักงาน ป.ป.ส. จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับภารกิจตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13718 | การกำหนดเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่น รวมทั้งค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น ตามพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2559 | นร08 | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นของสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติ คณะกรรมการ และผู้เคยเป็นสมาชิกเฉพาะกิจ (สมาชิกเฉพาะกิจ คือ รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านความมั่นคง หรือนักวิชาการด้านความมั่นคงที่สภาความมั่นคงแห่งชาติมีมติให้เชิญเข้าร่วมประชุมเป็นครั้งคราว ตามมาตรา ๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ดังนั้น ผู้เคยเป็นสมาชิกเฉพาะกิจ คือ สมาชิกเฉพาะกิจที่สภาความมั่นคงแห่งชาติได้มีมติให้เชิญเข้าร่วมประชุมและที่ประชุมมีมติมอบหมายให้สมาชิกเฉพาะกิจพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง) ๑.๒ ค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่นของที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๑.๓ การเบิกจ่ายค่าตอบแทนและสิทธิประโยน์อื่นของที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยขอให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ๒. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดเบี้ยประชุมของสมาชิกเฉพาะกิจของสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนอาจไม่สอดคล้องกับมาตรา ๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่กำหนดให้สมาชิกเฉพาะกิจที่ได้รับเชิญและมาประชุมมีฐานะเป็นสมาชิกสภาความมั่นคแห่งชาติสำหรับครั้งที่ได้รับเชิญนั้น สมาชิกเฉพาะกิจจึงควรได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งและเมื่อรวมเบี้ยประชุมที่ได้รับในแต่ละเดือนต้องไม่เกินเบี้ยประชุมรายเดือนที่สมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับ รวมทั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการกำหนดเบี้ยประชุมของคณะกรรมการที่สภาความมั่นคงแห่งชาติแต่งตั้งขึ้นตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติสภาความมั่นคงแห่งชาติฯ โดยเทียบเคียงกับอัตราเบี้ยประชุมของคณะกรรมการในคณะกรรมการตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ๒๕๔๗ อาจไม่เหมาะสม เนื่องจากคณะกรรมการดังกล่าวมีที่มาและลักษณะของการปฏิบัติงานในทำนองเดียวกับคณะอนุกรรมการตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และเมื่อสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้กำหนดให้สมาชิกเฉพาะกิจได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้ง ในอัตราครั้งละ ๑,๖๐๐ บาท แล้ว เห็นควรกำหนดเงื่อนไขด้วยว่า เมื่อรวมเบี้ยประชุมที่ได้รับในแต่ละเดือนต้องไม่เกินเบี้ยประชุมรายเดือนที่สมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติประเภทอื่นได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน และไม่ควรกำหนดให้นำเงื่อนไขที่ให้สมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับเบี้ยประชุมเฉพาะเดือนที่มีการประชุมและได้รับไม่เกินเดือนละ ๑ ครั้ง มาใช้กับสมาชิกเฉพาะกิจเพราะจะมีผลให้ในกรณีที่สมาชิกเฉพาะกิจดังกล่าวได้รับเชิญและมาประชุมมากกว่าหนึ่งครั้งต่อเดือน มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างสิทธิของสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วยกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13719 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ [เรื่อง การบริหารความเสี่ยงหนี้เงินกู้ต่างประเทศของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)] โดยเห็นชอบให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กู้เงินบาทภายในประเทศเพื่อชำระคืนหนี้สกุลเงินเยนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ก่อนถึงกำหนดชำระ (Prepayment) แทน รฟม. วงเงินเทียบเท่าไม่เกิน ๖๑,๒๘๘.๔๒ ล้านเยน ภายใต้สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXX-1 และ TXXXII-3 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒) รวมทั้งให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้แก่ รฟม. เพื่อชำระคืนหนี้แก่แหล่งเงินกู้โดยตรงทั้งเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาชำระเงินคืนระหว่างกระทรวงการคลัง และ รฟม. ซึ่งจะได้ตกลงกันในรายละเอียดต่อไป ๑.๒ ให้ รฟม. นำงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเพื่อการชำระคืนหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒) สัญญาเงินกู้เลขที่ TXXX-1 และ TXXXII-3 มาสมทบกับวงเงินกู้ที่กระทรวงการคลังจัดหาให้ เพื่อใช้ชำระคืนหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระให้แก่ JICA และในกรณีที่ รฟม. มีแหล่งเงินอื่น ให้สามารถนำมาสมทบเพื่อชำระคืนหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระให้แก่ JICA ได้ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นควรคำนึงถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และพิจารณาป้องกันความเสี่ยงด้วยการทำธุรกรรม Forward ในช่วงเวลาที่เหมาะสม รวมทั้งคำนึงถึงภาวะตลาดตราสารหนี้ในขณะนั้นประกอบด้วย เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การบริหารจัดการต้นทุนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13720 | การขอกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ประจำปีงบประมาณ 2562 | กค | 22/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยการออกพันธบัตรวงเงินรวมไม่เกิน ๓๐,๖๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น (๑) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรใหม่ จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และ (๒) การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อทดแทนพันธบัตรเดิมที่ครบกำหนด (Roll-over) จำนวน ๑๘,๖๐๐ ล้านบาท (การกู้เงินโดยการออกพันธบัตรของ ธอส. ในครั้งนี้ ไม่ได้ขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการกู้เงินดังกล่าว) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดย ธอส. รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการจัดทำแผนการกู้เงิน การบริหารสินเชื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างเงินทุนและการพิจารณาแนวทางอื่นในการระดมทุน เพื่อให้สอดคล้องกับการปล่อยเงินกู้ สินเชื่อระยะยาว รวมทั้งจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงให้ครอบคลุมรายจ่ายที่จะเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาดำเนินการในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
.....