ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 690 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 13781 - 13800 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13781 | ข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง | ปช | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับการนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่ง สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับเรื่องร้องเรียนว่าข้าราชการบางหน่วยงานซึ่งมิได้ดำรงตำแหน่งที่ราชการจัดรถประจำตำแหน่งให้ ได้นำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งและเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้แจ้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รักษาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรถราชการ พ.ศ. ๒๕๒๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้ควบคุมและตรวจสอบกรณีดังกล่าว ซึ่งต่อมาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่อยู่ในบังคับของระเบียบฯ ทราบและถือปฏิบัติตามระเบียบฯ อย่างเคร่งครัดแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระเบียบฯ ไม่ครอบคลุมถึงรัฐวิสาหกิจ อปท. และองค์การมหาชน ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงขอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการให้หน่วยงานดังกล่าวปฏิบัติกำกับ ควบคุม ดูแล และตรวจสอบว่าผู้ใดที่มิได้ดำรงตำแหน่งที่มีรถประจำตำแหน่งจะนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้เสมือนรถประจำตำแหน่งมิได้ และผู้ใดกระทำการดังกล่าวให้ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรงด้วย ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การใช้รถยนต์ส่วนกลางของรัฐวิสาหกิจ อปท. และองค์การมหาชนเป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในเรื่องนี้ต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดนำรถส่วนกลางไปใช้เสมือนเป็นรถประจำตำแหน่งให้ถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง นั้น สมควรให้เป็นดุลยพินิจของหน่วยงานแต่ละแห่งในการพิจารณาปรับปรุงระเบียบของหน่วยงานโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงโทษทางวินัยของหน่วยงานนั้น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13782 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ครั้งที่ 8 และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ณ เมืองยอกยาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย | วธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13783 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 | รง | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินกองทุนเงินทดแทนสำนักงานประกันสังคม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้แล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13784 | รายงานผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 3 - 7 พฤศจิกายน 2561 | พณ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบผลการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๓-๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) การเข้าร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติ ครั้งที่ ๑ ซึ่งงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการนำเข้าและลดการขาดดุลของประเทศคู่ค้าตามนโยบายเปิดเสรีการค้ากับทั่วโลก มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า ๓,๖๐๐ บริษัท จาก ๑๗๒ ประเทศ โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วม ๖๓ บริษัท (๒) การกล่าวปาฐกถาในเวที The Trade and Investment ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ซึ่งได้กล่าวแสดงความยินดีกับจีนในวาระครบรอบ ๔๐ ปี ของการปฏิรูปเศรษฐกิจและเปิดประเทศ และย้ำความพร้อมของไทยที่จะเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และเป็นสะพานเชื่อมอนุภูมิภาคต่าง ๆ ของเอเชีย (๓) การเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรีคนที่ ๑ (นายหาน เจิ้ง) และมนตรีแห่งรัฐ (นายหวัง หย่ง) โดยทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกับการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจไทย-จีน โดยจีนพร้อมสนับสนุนการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกและเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างอนุภูมิภาคกับมณฑลของจีน โดยมีไทยเป็นตัวเชื่อม ตลอดจนสนับสนุนบทบาทของไทยในฐานะประธานอาเซียนในปี ๒๕๖๒ และร่วมผลักดันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้มีข้อสรุปโดยเร็ว (๔) การหารือร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของเอกชนรายสำคัญของจีน เช่น บริษัทอาลีบาบา ซึ่งยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับไทยในการพัฒนาด้านการส่งเสริมสินค้าเกษตรไทยในตลาดจีน ด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้านการพัฒนาศักยภาพและร่วมพัฒนารูปแบบธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ ตลอดจนเสนอให้ไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันโครงการการค้าระหว่างประเทศผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดปัญหาความยากจนของประชาคมโลก โดยให้การค้าออนไลน์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญ เป็นต้น และมอบหมายให้ส่วนราชการต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13785 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๕ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๔๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๗ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย มีจำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ มีทั้งหมด จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13786 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนพฤศจิกายน 2561 | นร02 | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๑ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. นโยบายปฏิรูปการเกษตร มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ๗๗๖ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๐๐๓,๐๑๔ คน จำนวนการกดไลค์ ๕๐,๔๘๐ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๔,๕๘๙ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๔๓๖ ครั้ง เป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๗๘ และความคิดเห็นเชิงลบ ร้อยละ ๒๒ โดยความคิดเห็นเชิงลบที่เป็นประเด็นสำคัญ เช่น รัฐบาลควรกำหนดมาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรอย่างเป็นระบบและยั่งยืน เป็นต้น ๒. มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ๙๖๔ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๑๒๓,๗๐๐ คน จำนวนการกดไลค์ ๒๐,๖๓๑ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๑๖,๑๒๓ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๑,๘๙๗ ครั้ง ซึ่งเป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๑๐๐ ๓. ความคืบหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ โดยทางสื่อออนไลน์มีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ๖๘๔ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๒๓๗,๕๙๘ คน จำนวนการกดไลค์ ๓๒,๖๑๕ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๑,๔๘๑ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๓๒๑ ครั้ง ซึ่งเป็นความคิดเห็นเชิงบวก ร้อยละ ๑๐๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13787 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการทำงานที่ไม่ก่อให้เกิดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในการคัดเลือกรายที่จะตรวจสอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นและภาระของประชนชนในการเตรียมเอกสารหลักฐานกรณีถูกตรวจสอบ เพื่อให้ประชาชนที่เสียภาษีถูกต้องแล้วได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13788 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 18 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ดศ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ ๑๘ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๕-๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ ณ เมืองอูบุด สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยที่ประชุมฯ ได้มีการหารือภายใต้แนวคิด “มุ่งสู่ระบบนิเวศทางดิจิทัลในอนาคตเพื่อความมั่งคั่งของอาเซียน” และเห็นชอบข้อเสนอของประเทศไทยภายใต้แนวคิด ASEAN Digital Agility 2019 เพื่อผลักดันประเด็นการพัฒนาระบบนิเวศดิจิทัลที่สำคัญของอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรมในปี ๒๕๖๒ และสนับสนุนประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับรัฐมนตรีด้านดิจิทัลอย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Digital Ministers Retreat) ในปี ๒๕๖๒ นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน ๔๔๑,๔๙๐ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ดำเนินโครงการและกิจกรรมสำหรับปี ๒๕๖๒ จากกองทุน ASEAN ICT Fund โดยมีโครงการและกิจกรรมในส่วนของประเทศไทย จำนวน ๒ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการ “Study to evaluate current status and develop recommendations to narrow the gaps between demand and supply in ICT Human Resource in ASEAN” ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุน ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ และโครงการ “Study to identify priority and facilitate alignment of standards in the digital sectors across AMS” ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุน ๑๘,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งได้พิจารณาและเห็นชอบกับเอกสารปฏิญญาอูบุดว่าด้วยการมุ่งสู่ระบบนิเวศทางดิจิทัลในอนาคตเพื่อความมั่งคั่งของอาเซียน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13789 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน | ผผ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน งบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน และรายงานฐานะเงินงบประมาณรายจ่ายปีปัจจุบันและปีก่อน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวแล้วเห็นว่า ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังประกาศใช้ ตามที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ และขอความร่วมมือให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเร่งรัดการเสนอรายงานต่อคณะรัฐมนตรีในปีต่อ ๆ ไป ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13790 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสุดธิดา หมีทอง) | สธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสุดธิดา หมีทอง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เคมี) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13791 | ผลการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ปี ค.ศ. 2018 ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ดศ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ปี ค.ศ. ๒๐๑๘ (Plenipotentiary Conference 2018 หรือ PP-18) ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) ณ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม-๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้มีการเลือกตั้งตำแหน่งผู้บริหารของ ITU วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๙-๒๐๒๒ โดยไทยได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาบริหาร ITU ภูมิภาคอี เป็นสมัยที่ ๑๐ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ (ไทยได้คะแนน ๑๖๔ คะแนน เป็นลำดับที่ ๔ รองจากจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ตามลำดับ) เพื่อทำหน้าที่พิจารณากำหนดนโยบายและวางแผนงานด้านโทรคมนาคม สำหรับผลการประชุมฯ ได้มีการพิจารณาใน ๓ ประเด็นหลัก ได้แก่ (๑) ด้านนโยบายและกฎหมายเพื่อจัดทำแผนงานสำหรับสำนักงานเลขาธิการ และสำนักงานทั้ง ๓ ภาคของ ITU (ภาคการพัฒนาโทรคมนาคม ภาคมาตรฐานโทรคมนาคม และภาควิทยุคมนาคม) รวมทั้งเรื่องกฎระเบียบโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ไม่มีการแก้ไขธรรมนูญและอนุสัญญา ITU (๒) ด้านการบริหารและการจัดการ ที่ประชุมฯ เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์ รายงานและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ และพิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ITU ในด้านการเงินและการบริหารทรัพยากรบุคคล รวมถึงการจัดกิจกรรมของ ITU ๒๐๒๐-๒๐๒๓ และ (๓) นโยบายสาธารณะและเรื่องทั่วไป ประกอบด้วย ประเด็นเรื่องอินเทอร์เน็ตและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การดำเนินงานของ ITU ตามผลการประชุมการสร้างสังคมสารสนเทศโลก (World Summit on the Information Society) วาระ ๒๐๒๐ (Connect 2020) และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๒๐๓๐ และบทบาทของ ITU ในประเด็นท้าทายใหม่ ๆ เช่น IoTs AI นวัตกรรมการให้บริการ Over-The-Top หรือ OTTs (การส่งเนื้อหาภาพยนตร์หรือรายการทีวีผ่านระบบอินเทอร์เน็ตโดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกให้กับบริการนั้น ๆ) นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้รับรองข้อมติในเรื่อง OTTs, AI, IoTs และการลงนามในกรรมสารสุดท้าย (Final Acts) เพื่อรับรองผลการประชุม ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13792 | สรุปผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในออสเตรเลียและผลการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) | ยธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ ๖-๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงเทพมหานคร และผลการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) ซึ่งผลการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในออสเตรเลียในครั้งนี้ ช่วยเสริมสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่างไทยและออสเตรเลียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความมั่นคง อาทิ การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ และการต่อต้านการค้ามนุษย์ รวมทั้งการหารือดังกล่าวยังนำไปสู่การผลักดันประเด็นต่าง ๆ ที่มีผลประโยชน์ร่วมได้ต่อไปในอนาคต สำหรับการดำเนินงานของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจร่วมไทย-ออสเตรเลียว่าด้วยความร่วมมือว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติด การฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ (Taskforce Storm) สรุปได้ว่า การจัดตั้ง Taskforce Storm ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สามารถทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย (Australian Federal Police : AFP) ของออสเตรเลียร่วมสนับสนุนทั้งในเรื่องการข่าวและเทคโนโลยีในการสืบสวน ส่งผลให้การปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13793 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายภานุวัฒน์ ณ นครพนม) | กษ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภานุวัฒน์ ณ นครพนม ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านการสหกรณ์ (นักวิชาการสหกรณ์ทรงคุณวุฒิ) กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13794 | การถอดถอนกงสุลกิตติมศักดิ์ และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองนาฮา จังหวัดโอกินาวะ ญี่ปุ่น | กต | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองนาฮา จังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น และการถอดถอน นายทะเกะชิ ซะกุโมะโตะ (Mr. Takeshi Sakumoto) กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองนาฮา จังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากมีเขตกงสุลทับซ้อนกับสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13795 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้หินเป็นหินประดับหรือหินอุตสาหกรรม และดินหรือทรายเป็นดินอุตสาหกรรมหรือทรายอุตสาหกรรม พ.ศ. .... | อก | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้หินเป็นหินประดับหรือหินอุตสาหกรรม และดินหรือทรายเป็นดินอุตสาหกรรมหรือทรายอุตสาหกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดของหิน ดิน และทราย ให้เป็นหิน ดิน หรือทรายอุตสาหกรรม และกำหนดคุณสมบัติ คุณลักษณะ และลักษณะการนำไปใช้ประโยชน์ของดินอุตสาหกรรมและทรายอุตสาหกรรมบางประเภท ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรส่งเสริมให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลและการรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการตรากฎหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาครัฐและผู้มีส่วนได้เสีย และเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรแร่เป็นไปอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด โดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างรอบคอบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13796 | รายงานประจำปี 2560 ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ | วท | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๐ ของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ประกอบด้วยผลการดำเนินงานของ สวทช. ประจำปี ๒๕๖๐ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของ สวทช. สิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า งบการเงินของ สวทช. ดังกล่าวมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13797 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านการควบคุมมลพิษของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง การถ่ายโอนภารกิจการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติด้านการควบคุมมลพิษ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สรุปผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ รวม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านบุคลากร ควรให้สถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรเกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมสนับสนุนความรู้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ โดยอาจพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมให้สอดคล้องกับภารกิจที่ถ่ายโอนให้แก่ อปท. และนำผลงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อมมาพัฒนาให้แก่ อปท. (๒) ด้านงบประมาณ อปท. จะต้องทบทวนความพร้อมในการดำเนินงานตามภารกิจที่ได้รับการถ่ายโอนไป และให้ความสำคัญกับภารกิจด้านการควบคุมมลพิษในเขตพื้นที่ของตน (๓) ด้านกฎหมาย ได้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ กำหนดให้ อปท. มีบทบาทในการจัดการปัญหาด้านมลพิษมากขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่ได้รับการถ่ายโอนตามแผนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. และแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา สำหรับการถ่ายโอนภารกิจตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ สามารถดำเนินการโดยการมอบอำนาจ โดยให้หน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นที่ปรึกษา และรายได้ที่เกิดขึ้นจากภารกิจที่ถ่ายโอนควรให้ตกอยู่กับท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายโอน ซึ่งอยู่ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และ (๔) ด้านอื่น ๆ เช่น การกำหนดอัตรากำลังของ อปท. ต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งการกำหนดอัตรากำลังต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับและภารกิจหน้าที่ของ อปท. นั้น ๆ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13798 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 4 ชั้น เป็นอาคาร คสล. 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 5,640 ตารางเมตร โรงพยาบาลด่านช้าง ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 1 หลัง | สธ | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการและเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก ๔ ชั้น เป็นอาคาร คสล. ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๔๐ ตารางเมตร โรงพยาบาลด่านช้าง ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี ๑ หลัง ในวงเงิน ๑๑.๔๒ ล้านบาท สมทบกับวงเงินค่าก่อสร้างตามสัญญาจ้าง จำนวน ๗๕.๕๘ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น ๘๗.๐๐ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณได้เห็นชอบความเหมาะสมของวงเงินค่าก่อสร้างแล้ว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และในการก่อหนี้ผูกพันหรือจ่ายเงิน จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ในการริเริ่มแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงสาธารณสุขถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13799 | การเสนอความเห็นการขยายวัตถุประสงค์และแหล่งรายรับของเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง | กค | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขยายวัตถุประสงค์และแหล่งรายรับของเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งที่ ๖/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการนโยบายฯ เห็นว่า การขยายวัตถุประสงค์และแหล่งรายรับของเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางที่กรมทางหลวงเสนอเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญของพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. ๒๔๙๗ ในมาตรา ๖ จึงเห็นควรให้มีการจัดตั้งทุนหมุนเวียนเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่กรมทางหลวงเสนอ โดยให้กรมทางหลวงแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติการจัดตั้งทุนหมุนเวียน โดยให้โอนเงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๔ ไปเป็นทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งใหม่ พร้อมกับการแก้ไขพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. ๒๔๙๗ ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ๑.๒ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายฯ แจ้งเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้พิจารณาให้ความเห็นชอบในประเด็นการยกเว้นเงินรายรับประเภทอื่นนอกเหนือจากค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน และเงินค่าปรับที่ไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ตามนัยมาตรา ๒๕ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เรียบร้อยแล้ว ๒. ให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมที่เห็นควรให้ความร่วมมือกับกรมทางหลวงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิจัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำร่างกฎหมายและการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๗๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และการดำเนินการอื่น ๆ ที่ทำให้การแก้ไขร่างพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ประสบความสำเร็จ และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการตามภารกิจของทุนหมุนเวียน ควรคำนึงถึงความคุ้มค่า ประโยชน์ที่ทางราชการ และประชาชนจะได้รับ ภาระทางการเงินการคลัง ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่รัฐอย่างรอบคอบ ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ตามนัยของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายฯ ไปประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อไป โดยให้กระทรวงคมนาคมเร่งส่งผลการพิจารณาดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ ของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13800 | ผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง | กต | 08/01/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ครั้งที่ ๔ และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงกาฐมาณฑุ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล โดยมีนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเข้าร่วมการประชุมผู้นำฯ ซึ่งผลการประชุมผู้นำฯ ประกอบด้วย (๑) การรับรองปฏิญญาผู้นำฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดทิศทางการทำงานของ BIMSTEC ในอนาคต เช่น เน้นการดำเนินงานที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ BIMSTEC ให้เป็นองค์กรที่ทันสมัยและดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม และการสร้างความเข้มแข็งให้แก่สำนักเลขาธิการ BIMSTEC เป็นต้น (๒) การแสดงวิสัยทัศน์ของผู้นำฯ ได้แก่ การตระหนักถึงศักยภาพของ BIMSTEC ที่เป็นภูมิภาคเบงกอลที่มีประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมประเพณี และอัตลักษณ์เดียวกัน การให้ความสำคัญต่อการขจัดความยากจนด้วยการพัฒนาการเกษตร การสร้างความเชื่อมโยง ได้แก่ ด้านคมนาคม ดิจิทัล และพลังงาน และ (๓) นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงให้ความสำคัญต่อการจัดลำดับความสำคัญของความร่วมมือเพื่อสร้าง BIMSTEC ให้เข้มแข็ง และได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาของไทยตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ และเศรษฐกิจพอเพียงที่จะช่วยพัฒนาให้ไทยเชื่อมเข้ากับห่วงโซ่อุปทานของภูมิภาค BIMSTEC และโลก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับเนปาลและอินเดีย โดยทุกฝ่ายพร้อมที่จะผลักดันความร่วมมือภายใต้กรอบ BIMSTEC เพื่อเชื่อมโยง BIMSTEC กับกรอบความร่วมมือในระดับภูมิภาคอื่น ๆ และมอบหมายส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญ ควรพิจารณาประเด็นคาบเกี่ยวการดำเนินงานของคณะผู้เชี่ยวชาญที่มีอยู่เดิมในภาพรวม เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและภาระทางงบประมาณต่อหน่วยงานปฏิบัติ การให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานหลัก และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยกรมอุตุนิยมวิทยา เป็นหน่วยงานสนับสนุน เพื่อรับผิดชอบตามตารางสรุปผลปฏิญญาการประชุมผู้นำฯ ภายใต้สาขาการจัดการสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ และการที่ไทยอาจใช้โอกาสการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงประเทศสมาชิก BMSITEC ครั้งที่ ๓ ในช่วงเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ เพื่อผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวกรองให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติและการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากแก่ประเทศสมาชิกในการกำหนดเป็นแนวทางในการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....