ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 441 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 8801 - 8820 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
8801 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิทธิบัตร (1.นายมงคล รักษาพัชรวงศ์) | พณ. | 16/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิทธิบัตร จำนวน ๑๒ คน
เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มีนาคม
๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑.
ผู้ทรงคุณวุฒิภาคราชการ ๑.๑ นายมงคล รักษาพัชรวงศ์ สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ๑.๒ นายพงศ์พันธ์ อนันต์วรณิชย์ สาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ๑.๓ นายธีรยศ เวียงทอง สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ๑.๔
นายอุดมเกียรติ นนทแก้ว สาขาวิศวกรรมศาสตร์ ๑.๕
นางสาวณัฐนันท์ สินชัยพานิช สาขาเภสัชศาสตร์ ๑.๖
นายพีระ เจริญพร สาขาเศรษฐศาสตร์ ๒.
ผู้ทรงคุณวุฒิภาคเอกชน ๒.๑ นายชำนาญ
ภัตรพานิช สาขาเภสัชศาสตร์ ๒.๒
นายวิชา ธิติประเสริฐ สาขาเกษตรศาสตร์ ๒.๓
นายนำชัย เอกพัฒนพานิชย์ สาขานิติศาสตร์ ๒.๔
นายบุญสนอง รัตนสุนทรากุล สาขาอุตสาหกรรม ๒.๕
นายชลธิศ เอี่ยมวรวุฒิกุล สาขาวิศวกรรมศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8802 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล | สพร. | 16/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปิยะบุตร บุญอร่ามเรือง
เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล
(ด้านกฎหมายเทคโนโลยีดิจิทัล) แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๖ มีนาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา
นาคาศัย) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8803 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล พ.ศ. .... | กค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงการคลังถอนร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อการจัดการทรัพย์สินส่วนบุคคล
พ.ศ. .... ตามที่เสนอได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8804 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการบรรจุหีบห่อ การจัดเก็บ การจัดแยก การจัดทำและแสดงเครื่องหมาย การจัดให้มีเอกสารที่จำเป็นและการขนถ่ายสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ พ.ศ. .... | คค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
และวิธีการเกี่ยวกับการบรรจุหีบห่อ การจัดเก็บ การจัดแยก
การจัดทำและแสดงเครื่องหมาย
การจัดให้มีเอกสารที่จำเป็นและการขนถ่ายสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการเกี่ยวกับการบรรจุหีบห่อ
การจัดเก็บ การจัดแยก การจัดทำและแสดงเครื่องหมาย การจัดให้มีเอกสารที่จำเป็น
และการขนถ่ายสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ เพื่อให้การดำเนินงานของกรมเจ้าท่าตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
และเพื่อให้เกิดความมั่นคง ปลอดภัย และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ
ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาระบบการขนส่งทางน้ำของประเทศโดยรวม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรทบทวนการใช้ถ้อยคำของร่างข้อ
๓ (๕) “การปิดไว้อย่างมั่นคง” ไม่ได้ลดความเป็นอันตรายของภาชนะที่บรรจุ
แก้ไขข้อความของร่างข้อ ๓ (๖) เนื่องจากหีบห่อ หมายถึงวัสดุที่ห่อหุ้มด้านนอก แต่ภาชนะมีการสัมผัสของเหลว
ร่างข้อ ๓ (๗) วัสดุซึมซับหรือวัสดุบุรองที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับหีบห่อของเหลวต้องมีความสามารถในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย
สามารถป้องกันการเคลื่อนไหวโดยทำการหุ้มรอบภาชนะอยู่ตลอดเวลาต้องมีปริมาณเพียงพอที่จะซึมซับของเหลวได้ในกรณีรั่วไหล
รวมทั้งระบุหรือแยกวัตถุประสงค์ของวัสดุซึมซับและวัสดุบุรองที่จัดทำขึ้นเพื่อรองรับของเหลว
ร่างข้อ ๖ และร่างข้อ ๙ ควรทบทวนข้อความในส่วนของหลักเกณฑ์การจัดเก็บและจัดแยกต่างหากจากกัน
เนื่องจากร่างข้อ ๖ (๑) และ (๒) เป็นข้อความที่มุ่งเฉพาะสิ่งของที่อาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ที่อาจเกิดระเบิดได้ในเรือ
ซึ่งมีความสอดคล้องกับร่างข้อ ๙ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8805 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM๒.๕
ของคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
สรุปได้ว่า
การกำหนดหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบด้านการป้องกันและการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
PM๒.๕ นั้น คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เห็นชอบให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ
และให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นกลไกหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ประกอบกับแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองได้กำหนดให้กระทรวงมหาดไทย
จังหวัด และกรุงเทพมหานครเป็นหน่วยงานหลักตามมาตรการที่ ๑
การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่
จึงควรถือเป็นหลักในการดำเนินการต่อไป สำหรับการออกกฎหมายเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
PM๒.๕
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกรมอุตุนิยมวิทยาควรผลักดันและขยายผลให้เกิดเป็นรูปธรรมต่อไป
ส่วนระบบการวัดค่าการพยากรณ์คุณภาพอากาศ และการแจ้งเตือนฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM๒.๕ ได้มีการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแลกเปลี่ยนข้อมูลสำหรับการวิจัยและพัฒนาระบบการตรวจอย่างต่อเนื่อง
และได้มีการแจ้งเตือนสถานการณ์ผ่านแอปพลิเคชัน เว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์
นอกจากนี้ การประกาศเขตควบคุมมลพิษตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๓๕ แทนการประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.
๒๕๓๕ นั้น ควรต้องมีข้อมูลประกอบเหตุผลในการประกาศที่ชัดเจน
และการส่งเสริมอาชีพในชุมชน
โดยให้ชุมชนเป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัยในราคาที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากการผลิตหน้ากากอนามัยมีขั้นตอนการผลิตที่ยากกว่าหน้ากากผ้า
รวมถึงต้องพิจารณาประเด็นต้นทุนการผลิตด้วย
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันดำเนินการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8806 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่ด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา
ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ พ.ศ. ๒๕๕๑
และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาภูมิสถาปัตยกรรมศาสตร์เพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8807 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.12 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อปรับปรุงวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ของสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (สธท.) ให้สอดคล้องกับภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง เช่น ควรตัดความในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มาตรา ๕ (๖) เรื่องอำนาจการกู้ยืมเงินของ สธท. ออก แก้ไขข้อความร่างมาตรา ๘ วรรคท้าย เป็น “ระเบียบที่เกี่ยวกับการจำหน่ายทรัพย์สินจากบัญชีเป็นสูญ ตาม (๖) (ฉ) ต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และการกำหนดตาม (๖) (ฌ) และ (๖) (ญ) ให้เป็นไปตามมาตรฐานและหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด” และให้นำข้อความในมาตรา ๑๘ (๖) (ฉ) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับการพัสดุและการจำหน่ายทรัพย์สินจากบัญชีเป็นสูญออก เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8808 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (แก้ไขเพิ่มเติมอัตราดอกเบี้ยในกฎหมาย) | นร.09 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย ได้แก่
อัตราดอกเบี้ยที่มิได้กำหนดโดยนิติกรรมหรือโดยบทกฎหมายอันชัดแจ้ง
และอัตราดอกเบี้ยผิดนัด โดยปรับจากอัตราคงที่ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เป็น
ร้อยละสามต่อปี และร้อยละห้าต่อปีตามลำดับ และกำหนดฐานการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ในหนี้ที่เจ้าหนี้กำหนดให้ลูกหนี้ผ่อนชำระเป็นงวด
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันและเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมและความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8809 | ขอความเห็นชอบต่อร่างข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเศรษฐกิจหมุนเวียน | ทส. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับสถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย
ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และเศรษฐกิจหมุนเวียน และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม
โดยร่างข้อตกลงความร่วมมือฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการดำเนินงานความร่วมมือในการส่งเสริมการจัดการสิ่งแวดล้อม
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสนับสนุนแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
เพื่อป้องกันการรั่วไหลของขยะพลาสติกลงสู่ทะเล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8810 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 1,372.41 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ (จำนวน 5 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑,๓๗๒.๔๑ ล้านบาท
ประกอบด้วย กรมทางหลวง จำนวน ๔๐ รายการ วงเงิน ๙๘๕.๓๒ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท
จำนวน ๔๙ รายการ วงเงิน ๓๘๗.๐๙ ล้านบาท เพื่อซ่อมแซม/บูรณะทางหลวงแผ่นดิน
ทางหลวงชนบท และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ
ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยเนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ในพื้นที่ภาคใต้
๕ จังหวัด ซึ่งถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติของกระทรวงมหาดไทย ได้แก่
จังหวัดตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส พัทลุง และสุราษฎร์ธานี
โดยมีขอบเขตงานซ่อมแซม/บูรณะ อาทิ งานฟื้นฟูโครงสร้างทางชำรุดเสียหาย
งานก่อสร้างและซ่อมแซมสะพาน งานก่อสร้างโครงสร้างระบายน้ำ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมบูรณาการแนวทางการจัดการอุทกภัยร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดการบูรณะทางหลวงแผ่นดิน
ทางหลวงชนบท และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย
โดยคำนึงถึงคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย การบริหารจัดการที่เป็นระบบและการลดความซ้ำซ้อนด้านงบประมาณ
เพื่อให้สามารถรับมือผลกระทบที่เกิดจากอุทกภัย
รวมถึงภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8811 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยการค้าข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการค้าแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย | พณ. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยการค้าข้าวระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการค้าแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม โดยร่าง
MOU
มีสาระสำคัญเป็นความตกลงการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ (G
to G) ซึ่งรัฐบาลไทยตกลงจะขายข้าวขาว ๑๕%-๒๕%
ให้แก่รัฐบาลสาธารณรัฐอินโดนีเซียปริมาณไม่เกิน ๑ ล้านตันต่อปี
ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การผลิตของทั้งสองประเทศและระดับราคาในตลาดโลก
และมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา ๔ ปี นับแต่วันลงนาม
เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนี่งได้แจ้งความประสงค์ขอยกเลิกเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นระยะเวลา
๖ เดือนล่วงหน้า ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับขั้นตอนปฏิบัติตาม
MOU
ดังกล่าว
กระทรวงพาณิชย์ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะทำการซื้อขาย
รวมถึงชนิด คุณภาพ และปริมาณข้าวที่จะซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) เพื่อใช้ในการติดตามตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินงานดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8812 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน แผนงานก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำนาทอน (แห่งใหม่) พร้อมวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่ตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล | มท. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน
ในการดำเนินการแผนงานก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำนาทอน (แห่งใหม่) พร้อมวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่ตำบลนาทอน
ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล
ในพื้นที่ป่าชายเลนในตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า
จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๓ ไร่ ๔๘ ตารางวา (๓.๑๒ ไร่) เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้ง
ซึ่งไม่สามารถขุดเจาะบ่อบาดาลได้ โดยจะดำเนินการขยายเขตจำหน่ายน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค
สาขาละงู เพื่อจ่ายน้ำให้แก่พื้นที่ใน ๓ ตำบลดังกล่าว ซึ่งโครงการดังกล่าวจะต้องมีการวางท่อประปา
ระยะทางประมาณ ๑๐.๔๘ กิโลเมตร ผ่านพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าชายเลน
ตามมติคณะรัฐมนตรี (วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗
ตุลาคม ๒๕๔๓) ซึ่งห้ามมิให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนทุกกรณีทั้งภาครัฐและเอกชน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย
(การประปาส่วนภูมิภาค) รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณ เช่น
การเปลี่ยนชื่อสายทางในแนวทางท่อประปา และการให้การประปาส่วนภูมิภาคนำเงินรายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าและบำรุงป่าชายเลน
เป็นต้น ไปดำเนินการต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8813 | รายงานผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ | ปปท. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ
(ศอตช.) ตามที่สำนักานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน
ป.ป.ท.) เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
คณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน ๖ คณะ
เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของ ศอตช. ซึ่งมีผลการดำเนินงาน เช่น (๑) จัดทำแนวทาง มาตรการ
เสริมสร้าง และประสานความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
ในการป้องกันแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ และ (๒) บูรณาการการดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและไม่เป็นธรรมให้ประชาชนโดยเร็ว
เป็นต้น ๒. ศอตช. ได้จัดทำระบบรับเรื่องร้องเรียน
ศอตช. ทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่เกี่ยวกับการทุจริตประพฤติมิชอบเป็นการเฉพาะ โดยตั้งแต่วันที่
๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ จนถึงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔ รับเรื่องร้องเรียน จำนวน ๒๙๗ เรื่อง
ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๑๐ เรื่อง และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๑๘๗ เรื่อง ๓. การดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
รวมจำนวน ๘ คำสั่ง (ที่ให้เจ้าหน้าที่หยุดปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกตรวจสอบการกระทำความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่)
จำนวน ๔๐๐ ราย ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๓๐๐ ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน
๑๐๐ ราย ๔. การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ เรื่อง กลไกเฝ้าระวังการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย
การเฝ้าระวังและแจ้งเบาะแสการป้องกันและลดโอกาสการทุจริต การตรวจสอบ และการดำเนินมาตรการทางปกครอง
วินัย อาญา ๕.
การติดตามผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ (เดิม)
ซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๒๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ จำนวน ๓ คณะ ประกอบด้วย (๑)
คณะรัฐมนตรีและภาคเอกชนร่วมกันกำหนดบัญชีดำ (Black List) ห้ามทำธุรกรรมกับภาครัฐ
สำหรับบริษัท ห้างร้าน นิติบุคคล
ที่มีสินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐและสนับสนุนการทุจริตในภาครัฐ (๒) คณะกำหนดความผิดของนิติบุคคลเกี่ยวข้องกับคดีทุจริต
ประพฤติมิชอบและผู้ร่วมกระทำความผิด และ (๓) คณะกำหนดกลไกประสานขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การปราบปรามการทุจริต ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในท้ายบันทึกของสำนักงาน
ป.ป.ท. ว่า “ทราบ/ให้มีผลการปฏิบัติเป็นรูปธรรม/บัญชี Black List ทำให้ชัดเจน ประชาสัมพันธ์เป็นผลงานให้สังคมทราบ”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8814 | ร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด พ.ศ. .... | พน. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขนส่งก๊าซธรรมชาติด้วยถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด
เพื่อให้มีความปลอดภัยในการประกอบกิจการถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัด
และป้องกันไม่ให้เกิดอัคคีภัยหรืออันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการประกอบกิจการถังขนส่งก๊าซธรรมชาติอัดในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8815 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 5/2563 เรื่อง การแก้ไขข้อบังคับว่าด้วยการประชุมและการลงมติ [ร่างข้อบังคับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ว่าด้วยการประชุมและการลงมติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สกพอ. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(กพอ.) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓ เรื่อง
การแก้ไขข้อบังคับว่าด้วยการประชุมและการลงมติ ซึ่ง กพอ. มีมติเห็นชอบร่างข้อบังคับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ว่าด้วยการประชุมและการลงมติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขข้อบังคับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ว่าด้วยการประชุมและการลงมติ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยกำหนดให้การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามพระราชกำหนดว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
พ.ศ. ๒๕๖๓ และกำหนดให้ กพอ. สามารถลงมติโดยใช้มติเวียนในกรณีที่ไม่สามารถจัดการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ในกรณีที่เร่งด่วนอย่างยิ่งถ้าไม่ดำเนินการจะเกิดความเสียหาย
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอ ๒. ให้ สกพอ.
รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ให้พิจารณาใช้ระบบควบคุมการประชุมที่สามารถดำเนินการได้ตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เรื่อง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.
๒๕๖๓ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8816 | รายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ปช. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
(Integrity
and Transparency Assessment: ITA)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งผลการประเมิน ITA ในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ มีหน่วยงานภาครัฐที่เข้าร่วมการประเมินทั้งสิ้น ๘,๓๐๓ แห่ง พบว่า
มีคะแนนเฉลี่ยในภาพรวมของประเทศเท่ากับ ๖๗.๙๐ คะแนน (ระดับปานกลาง)
โดยมีจำนวนหน่วยงานภาครัฐที่มีผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐผ่านค่าเป้าหมายตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์เพียงร้อยละ
๑๓.๑๙ หรือ ๑,๐๙๕ หน่วยงาน จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่ร้อยละ
๕๐ (ประมาณ ๔,๑๕๒ หน่วยงาน) ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ ให้ส่งความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประเมิน ITA ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓
ไม่ได้มีการสอบทานข้อมูลระหว่างหน่วยงานผู้ประเมินกับหน่วยงานผู้เข้ารับการประเมินและมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกัน
ซึ่งในการประเมินครั้งต่อไปควรพิจารณาให้มีมาตรการสอบทานข้อมูลก่อนที่จะประกาศผลด้วย
และควรปรับหลักเกณฑ์การประเมิน ITA ให้เหมาะสมกับภารกิจของแต่ละหน่วยงานที่เข้าร่วมการประเมิน
โดยกำหนดระดับคะแนนให้แตกต่างกันตามภารกิจ
และให้แจ้งชื่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการตรวจสอบและให้คะแนนตามแบบตรวจสอบการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะที่สามารถติดต่อประสานงานเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงตามกลุ่มภารกิจ
เป็นต้น ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒.
ให้หน่วยงานของรัฐรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรให้หน่วยงานต่าง ๆ เร่งเปิดเผยข้อมูลสาธารณะเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8817 | การออกกฎกระทรวงเพื่อยกเลิกกฎกระทรวงเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และกฎกระทรวงเพื่อรองรับการควบกิจการของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ | กค. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเลิกกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
พ.ศ. ๒๕๓๕ รวม ๔ ฉบับ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทซึ่งเกิดจากการควบบริษัทหลักทรัพย์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ เนื่องจากไม่มีความจำเป็น
และได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการขออนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทที่เกิดจากการควบกิจการบริษัทหลักทรัพย์เข้าด้วยกัน
โดยให้ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ล่วงหน้าได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของการอนุญาตการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทซึ่งเกิดจากการควบกิจการบริษัทหลักทรัพย์
เห็นควรให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทที่จะเกิดจากการควบรวมหรือบริษัทที่ประสงค์จะควบกิจการเข้ากัน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8818 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2564 | นร.11 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในส่วนของเรื่อง
การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และรายงานผลการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ๒.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๘/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๔ ในส่วนของเรื่อง
การปรับปรุงรายละเอียดของโครงการที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ม๓๓ เรารักกัน
ของสำนักงานประกันสังคม ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๓.
ให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเร่งดำเนินโครงการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้อง ครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระยะเวลาดำเนินการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์
อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
โดยไม่มีความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมาย หรือสิทธิที่พึงได้รับจากภาครัฐไปแล้ว
ผ่านกลไกการตรวจสอบจากเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนเพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ และในกรณีที่พบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น
ให้เร่งรัดตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาผู้กระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ได้โดยเร็วด้วย ๔. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8819 | การเลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรี (เดือนเมษายน 2564) | นร 05 | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า
นายกรัฐมนตรีมีบัญชาเห็นชอบให้เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีซึ่งตรงกับวันหยุดราชการในเดือนเมษายน
๒๕๖๔ รวม ๒ วัน ดังนี้ ๑. วันอังคารที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๔
เป็นวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์
จึงให้เลื่อนวันประชุมคณะรัฐมนตรีไปเป็นวันพุธที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๔ ๒. วันอังคารที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๔
เป็นวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๖๔) ซึ่งในปี ๒๕๖๔
จะมีวันหยุดตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๑๐ เมษายน-วันพฤหัสบดีที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๔
เนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓) ให้วันจันทร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๔
เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษด้วย
จึงให้งดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
8820 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | อว. | 09/03/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๑๗,๘๘๐.๙๑๓๙
ล้านบาท และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่าย
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕) ตามที่สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อเสนอแนะของสำนักงาน
ก.พ.ร. ที่เห็นควร (๑)กำหนดตัวชี้วัดเชิงผลลัพธ์ของการพลิกโฉมระบบอุดมศึกษาของประเทศไทย
(Reinventing
University System) ให้มีความท้าทาย
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขับเคลื่อนแผนด้านการอุดมศึกษา เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ ไปสู่ความเป็นเลิศด้านการอุดมศึกษาของประเทศ เช่น
ระดับความสำเร็จของสถาบันอุดมศึกษาที่ติดอันดับ World University Rankings
by Subject หรือ World Class University Ranking ใน ๑๐๐ อันดับแรก เป็นต้น และ (๒) กำหนดเป้าหมายการจัดการศึกษา
ในช่วงปีการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐
ให้รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายและอุปสงค์ของภาคการผลิต (Demand Side
Financing) รวมทั้งบรรเทาผลกระทบต่อการจ้างงานที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (Covid-19) โดยเพิ่มเป้าหมายการผลิตบัณฑิต (Degree
Program) ในสาขาวิชาที่สอดคล้องต่อการตอบสนองทิศทางการพัฒนาประเทศ
มุ่งเน้นกลุ่มสาขาตามอุตสาหกรรมเดิมที่มีศักยภาพ (S-Curve) และอุตสาหกรรมอนาคต
(New S-Curve) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขาเทคโนโลยีดิจิทัล
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ในการเสนอกรอบวงเงินงบประมาณประจำปีในคราวต่อ ๆ ไป ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาตินำกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมของประเทศเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันด้วย ๓. ให้สภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|