ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 435 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 8681 - 8700 จากข้อมูลทั้งหมด 124475 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 8681 | การแต่งตั้งโฆษกและรองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกและรองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑. นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เป็นโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. นายภูมี ศรีสุวรรณ เป็นรองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓. นายพีรพันธ์ คอทอง เป็นรองโฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8682 | การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 | นร.09 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ เกี่ยวกับการดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย หน่วยงานของรัฐได้ประกาศรายชื่อกฎหมายและระยะเวลาดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ครบถ้วนแล้ว
และการดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าถึงบทบัญญัติของกฎหมาย หน่วยงานของรัฐกำลังจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลกฎหมายและหลักเกณฑ์
คำอธิบายสรุปสาระสำคัญของกฎหมายและคำแปลกฎหมายในความรับผิดชอบผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8683 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ | ศธ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง นางเกศทิพย์ ศุภวานิช
ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการเป็นโฆษกกระทรวงศึกษาธิการ
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8684 | ความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค (Regional Innovation Center: RIC) | นร.11 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
(UNDP)
ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาค (Regional Innovation Center : RIC) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
วัตถุประสงค์เพื่อเป็นพื้นที่สำหรับการออกแบบนวัตกรรมเชิงนโยบาย เป็นกลไกนำไทยสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเชิงนโยบาย
และเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ (๒) ผลการดำเนินกิจกรรมสำคัญในระยะที่ผ่านมา เช่น
พัฒนากระบวนการและพื้นที่เพื่อการพัฒนานวัตกรรมเชิงนโยบาย
ยกระดับขีดความสามารถของผู้จัดทำนโยบาย
สร้างและพัฒนาเครือข่ายนวัตกรรมและผู้จัดทำนโยบาย (๓) ปัญหาและอุปสรรค
เนื่องจากการระบาดของโควิด-๑๙ ทำให้การดำเนินงานตามแผนงานต่าง ๆ มีความล่าช้าเช่น
การจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การจัดอบรม/สัมมนา และการลงพื้นที่ เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8685 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 | นร16 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๔ ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบและพิจารณาผลการดำเนินงานในเรื่องต่าง
ๆ เช่น (๑) รับทราบผลการดำเนินการของฝ่ายเลขานุการ คทช. และคณะอนุกรรมการภายใต้
คทช. (๒) นายกรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการมาตรการแก้ไขปัญหาและป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐและการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการภายใต้
คทช. เพิ่มเติม (๓) เห็นชอบการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และ
(๔)
เห็นชอบให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณการจัดหาข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงปี
๕๗ เพื่อใช้ในการบริหารจัดการที่ดินตามนโยบาย คทช. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8686 | ภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี 2564 | นร.11 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะสังคมไทยไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๔
ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑) ความเคลื่อนไหวทางสังคมไตรมาสหนึ่ง ปี ๒๕๖๔ เช่น
สถานการณ์แรงงานและหนี้สินครัวเรือน (๒) สถานการณ์ทางสังคมที่สำคัญ จำนวน ๓ เรื่อง
ได้แก่ สังคมไร้เงินสดในบริบทของไทย กัญชา : โอกาสใหม่ที่ต้องควบคุมอย่างเหมาะสม
การคืนเด็กดีสู่สังคม : แนวทางการสร้างโอกาส และการยอมรับ และ (๓) บทความเรื่อง
“การพัฒนาวัคซีน COVID-19 ของไทย”
ซึ่งได้เสนอแนะแนวทางการพัฒนา/ผลิตวัคซีน เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างยั่งยืน
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8687 | รายงานผลการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2559 - 2564) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | วธ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
ภาพรวมการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทฯ ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑
วางระบบรากฐานการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมไทย ยุทธศาสตร์ที่ ๒
สร้างความเข้มแข็งในระบบการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมคุณธรรมให้เป็นเอกภาพ
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ สร้างเครือข่ายความร่วมมือในการส่งเสริมคุณธรรม และยุทธศาสตร์ที่
๔ ส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างด้านคุณธรรมในประชาคมอาเซียนและประชาคมโลก (๒)
แนวทาง/แผนการดำเนินการต่อไป ให้ขยายระยะเวลาบังคับใช้แผนแม่บทฯ ต่อไปอีก ๑ ปี (ถึงปี
๒๕๖๕) ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีความเห็นต่อแนวทางปฏิบัติว่า
กระทรวงวัฒนาธรรมสามารถประกาศใช้แผนได้ทันทีโดยไม่มีความจำเป็นต้องเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
หรือเพื่อทราบ ทั้งนี้จะต้องพิจารณาความเป็นไปได้ของแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการรวมถึงความเหมาะสมและความจำเป็นในการขยายระยะเวลาต่อไป
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8688 | การแต่งตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือน | นร.10 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ที่ว่า
“การที่อนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.พ. สามัญ เป็นพนักงานราชการในหน่วยงานนั้น
เป็นกรณีไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากพนักงานราชการเป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของหัวหน้าส่วนราชการ
ดังนั้น การแต่งตั้งพนักงานราชการในหน่วยงานนั้น เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน
อ.ก.พ. สามัญ จึงเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
ส่วนราชการจึงต้องดำเนินการเพื่อให้การแต่งตั้งอนุกรรมการเป็นผู้ทรงคุณวุฒิใน
อ.ก.พ. สามัญ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ต้องการให้ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นบุคคลภายนอกส่วนราชการต่อไป”
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8689 | รายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2564 | พณ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาไทยตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ
มาตรา ๓๐๑ พิเศษ ประจำปี ๒๕๖๔ และรายงานรายชื่อตลาดที่มีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาสูงในประเทศคู่ค้า
(Notorious Markets) ประจำปี ๒๕๖๓ และพิจารณาสั่งการกำชับให้หน่วยงานภาครัฐทุกกระทรวงปฏิบัติตาม
“แนวทางการจัดซื้อจัดจ้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software : ซอฟต์แวร์)
และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ” สรุปได้ ดังนี้ (๑)
ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ประกาศสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้าฯ
ประจำปี ๒๕๖๔ โดยไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง และรายงาน Notorious
Markets ประจำปี ๒๕๖๓ ยังคงระบุเว็บไซต์ www.shopee.co.th เป็นตลาดออนไลน์ที่มีการละเมิดสูง (๒) สหรัฐฯ
แสดงความพอใจต่อนโยบายและผลการดำเนินการด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยที่สำคัญ เช่น
การป้องปราม การละเมิดเครื่องหมายการค้าและลิขสิทธิ์
และการจัดทำแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์และการใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์สำหรับหน่วยงานภาครัฐ
(๓) สหรัฐฯ ยังมีข้อกังวลและข้อเสนอแนะบางประการ เช่น
ปัญหางานจดทะเบียนสิทธิบัตรยาค้างสะสม การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์โดยมิชอบ
และการจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งในท้องตลาดและตลาดออนไลน์
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงสาธารณสุข
ที่เห็นว่าภาครัฐควรมีหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบการจัดหาซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์เนื่องจากบางซอฟต์แวร์สามารถใช้งานร่วมกันได้
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเกิดความคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ
ซึ่งจำเป็นต้องมีกลไกทางการตลาดด้านราคา ที่ต้องมีความยืดหยุ่นเป็นราคาที่เหมาะสม
หน่วยงานทั่วไปสามารถเข้าถึงและครอบครองได้ ไม่เป็นภาระด้านงบประมาณ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8690 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำพอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำพอง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำพอง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้
เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกภาคเกษตรกรรม
เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบและแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามในแผนที่ท้ายของร่างกฎกระทรวงให้เป็นไปตามปัจจุบัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8691 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 5,640 ตารางเมตร (รวมโครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลท่าโรงช้าง ตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 หลัง | สธ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เพิ่มวงเงินรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๕,๖๔๐
ตารางเมตร (รวมโครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลท่าโรงช้าง ตำบลท่าโรงช้าง อำเภอพุนพิน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑ หลัง จากเดิมวงเงิน ๗๔,๐๓๐,๖๗๐ บาท เป็นวงเงิน
๗๖,๖๓๑,๘๔๒.๐๒ บาท โดยงานส่วนที่เหลือในวงเงิน ๖๓,๗๗๐,๐๐๐ บาท
ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๖๒,๗๐๔,๘๐๐ บาท
และเงินบำรุงโรงพยาบาลท่าโรงช้างสมทบอีก จำนวน ๑,๐๖๕,๒๐๐ บาท ๑.๒ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างดังกล่าว
จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๖ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
สำหรับกรณีการยกเลิกสัญญาการก่อสร้างดังกล่าวซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ
เห็นควรที่พิจารณาดำเนินการตามระเบียบ ข้อสัญญา และกฎมาย
ที่เกี่ยวข้องกับผู้รับจ้างอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8692 | ขอความเห็นชอบการสมัครเป็นสมาชิกสมาคมกีฬามวลชนนานาชาติ (The Association For International Sport for All: TAFISA) | กก. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการสมัครเป็นสมาชิกสมาคมกีฬามวลชนนานาชาติ (The Association For
International Sport for All : TAFISA) ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(กรมพลศึกษา) ในนามประเทศไทย รวมทั้งเห็นชอบค่าใช้จ่ายและแหล่งที่มาสำหรับค่าบำรุงสมาชิกประจำปี
๒๕๖๔ จำนวน ๔๐๐ ยูโร และค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ จำนวน ๒๐ ยูโร
รวมทั้งสิ้น ๔๒๐ ยูโร หรือเทียบเท่า ๑๖,๘๐๐ บาท (๑ ยูโร เท่ากับ ๔๐ บาท)
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สำหรับค่าบำรุงสมาชิกประจำปี ๒๕๖๔
ค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
(กรมพลศึกษา) พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ
ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแผนการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬามวลชนในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการลงทุนด้านกีฬาในโรงเรียนและชุมชนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของเด็กเยาวชนในระยะยาว
ลดปัญหาการกลั่นแกล้งและการใช้ความรุนแรงในสถานศึกษา (school
Bullying) และปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมในโรงเรียนและชุมชน
ตลอดจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของประเด็นการพัฒนาศักยภาพการกีฬาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8693 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่่อง การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี 2564 (ยกเลิกวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษในวันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564) | นร. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง การกำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษและการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาค
รวมทั้งการเลื่อนวันหยุดชดเชยวันหยุดราชการ ประจำปี ๒๕๖๔) เห็นชอบในวันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ ในปี ๒๕๖๔ นั้น
โดยที่ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-19)
ยังคงมีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ดังกล่าว ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด
รวมถึงการให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน
และจำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่พักอาศัยโดยไม่จำเป็น
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ยกเลิกวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษในวันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม
๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8694 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงดิจิทัลและเศรษฐกิจของสาธารณรัฐออสเตรียกับกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทย | พณ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงดิจิทัลและเศรษฐกิจของสาธารณรัฐออสเตรียกับกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทย ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กาค้า และวิชาการ
ในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน ๑๐ สาขา ได้แก่ ๑) อุตสาหกรรมยานยนต์ ๒)
บริการด้านการบริหารจัดการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ๓) การเกษตรอินทรีย์ ๔)
เศรษฐกิจหมุนเวียน ๕) เมืองอัจฉริยะ ๖) วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ๗)
วิสาหกิจเริ่มต้น (Startups) ๘)
การพัฒนากำลังคน ๙) อุตสาหกรรมเครื่องจักรกล หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ และ ๑๐)
เทคโนโลยีสิ่งทอ ทั้งนี้ ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มิได้มีเจตนาก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าเหมาะสมสอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของไทย
สามารถปฏิบัติได้ภายใต้กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมีการติดตามประเมินผลเป็นระยะ
เพื่อขยายไปสู่ความร่วมมือในมิติอื่นต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงดิจิทัลและเศรษฐกิจของสาธารณรัฐออสเตรียกับกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8695 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อก. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. ๒๕๔๘ และยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง
ตามที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง
พ.ศ. ๒๕๕๒ โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
จนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่ากระทรวงอุตสาหกรรมควรทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมให้สอดคล้องกับปัจจุบัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการขอรับใบอนุญาต ใบรับรอง
หรือใบแทนใบอนุญาต และควรเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มกลาง (I-Connect)
ที่บูรณาการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภายในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมกับหน่วยงานภายนอก
และผู้ประกอบการ
สร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
เกี่ยวกับการจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนรายงานและติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานเป็นระยะ ๆ
และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8696 | ร่างกฎกระทรวงการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ที่ต้องอยู่ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการฆ่าสัตว์ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กษ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดเก็บข้อมูลของสัตว์ที่เข้าสู่โรงฆ่าสัตว์และเนื้อสัตว์ที่ออกจากโรงฆ่าสัตว์
เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบย้อนกลับข้อมูลของเนื้อสัตว์
ตลอดกระบวนการผลิตและการเรียกคืนเนื้อสัตว์
เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขอนามัย และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ที่ต้องอยู่ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการฆ่าสัตว์
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดชนิดของสัตว์ ได้แก่ ไก่งวงและนกกระทา ให้เป็นสัตว์ที่ต้องอยู่ในการกำกับดูแลมาตรการประกอบกิจการฆ่าสัตว์
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ เพื่อให้มีมาตรการตรวจสอบควบคุมหรือป้องกันมิให้มีโรคระบาดที่เกิดกับสัตว์ติดต่อมาสู่คน
รวมถึงตรวจสอบสารตกค้างในเนื้อสัตว์ดังกล่าว เพื่อให้ผู้บริโภคได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ถูกสุขอนามัย รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8697 | การนำแนวทางการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ สำหรับหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหรือการร่วมลงทุนภายใต้กฎหมายอื่น นอกเหนือจากพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ไปกำหนดใช้โดยอนุโลม | กค. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการนำแนวทางการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม
(Integrity Pact)
ตามโครงการความร่วมมือป้องกันการทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
สำหรับหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหรือการร่วมลงทุนภายใต้กฎหมายอื่น
นอกเหนือจากพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐
ไปกำหนดใช้โดยอนุโลม
เพื่อสนับสนุนให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
รวมถึงสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้อย่างครอบคลุมทุกโครงการจัดซื้อจัดจ้างในทุกหน่วยงานของรัฐ
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐเสนอ ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรมีการจัดทำข้อกำหนดของเป้าหมายการดำเนินงานดัชนี
และตัวชี้วัดของข้อตกลงคุณธรรมดังกล่าว
และควรกำหนดให้ชัดเจนว่าจะนำไปใช้ในกรณีใดในทางปฏิบัติต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทุกแห่งถือปฏิบัติตามแนวทางการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม
(Integrity Pact) ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบตามข้อ ๑ อย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8698 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสาย 1 ซ้าย ของท่อส่งน้ำสายใหญ่ของอ่างเก็บน้ำคลองจะกระ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสาย
๑ ซ้าย ของท่อส่งน้ำสายใหญ่ของอ่างเก็บน้ำคลองจะกระ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานท่อส่งน้ำสาย
๑ ซ้าย ของท่อส่งน้ำสายใหญ่ของอ่างเก็บน้ำคลองจะกระ ในท้องที่ตำบลนาหูกวาง
อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8699 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ | ดศ. | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามฝ่ายไทยในร่างบันทึกความเข้าใจฉบับดังกล่าว
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งสองประเทศให้มีความครอบคลุมและรอบด้านทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ
สังคม และความมั่นคง แลกเปลี่ยนนโยบาย เทคโนโลยี ข้อมูลและทรัพยากรมนุษย์
และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลตามความสนใจของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะนำไปสู่ผลประโยชน์ร่วมกัน ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ และให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าไม่มีข้อขัดข้องต่อสารัตถะและถ้อยคำโดยรวมของร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยได้ปรับแก้หัวข้อของวรรค ๙ ของร่างบันทึกความเข้าใจฯ จาก “Dispute Settlement” เป็น “Resolution of Differences” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และกระทรวงการสื่อสารและสารสนเทศแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8700 | แผนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2564 – 2565 | นร.53 | 29/06/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ซึ่งเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium
Enterprise : SME) ประกอบด้วย ๓ แนวทาง คือ (๑)
การบรรเทาปัญหาและฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 (๒)
การสร้างความพร้อมให้ SME ในการเข้าสู่การแข่งขันในบริบทใหม่ทางเศรษฐกิจ
(๓) การปรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เกิดความสะดวกแก่ SME ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(สสว.) เสนอ และให้ สสว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
(องค์การมหาชน) และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุข เช่น
ควรพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีผลกระทบในวงกว้างและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในสถานการณ์ปัจจุบัน
ควรสนับสนุนให้ภาครัฐพัฒนา Digital Factoring Platform และควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานของแต่ละแผนย่อย
(Action plan) ให้ชัดเจน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
๒. ให้ สสว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารด้านการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐ
เพื่อให้ SME และผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ที่รัฐจัดหาให้ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
รวมทั้งพิจารณากำหนดกลไกและมาตรการเพื่อจูงใจผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะบุคคลธรรมดาให้เข้าสู่ระบบการจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อให้ภาครัฐมีข้อมูลของ
SME และประกอบการรายย่อยได้อย่างถูกต้องครบถ้วนมากยิ่งขึ้น |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
