ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 432 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 8621 - 8640 จากข้อมูลทั้งหมด 124475 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 8621 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ | กต. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการรับมือกับวิกฤตทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ
อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ โดยมุ่งเน้น ๓ หัวข้อหลัก คือ (๑) การเจริญเติบโตที่เข็มแข็งสมดุล
มั่นคง ยั่งยืนและครอบคลุม อาทิ การกำหนดนโยบายการคลังเพื่อช่วยเหลือประชาชน
การสร้างความเชื่อมโยงที่ปลอดภัยและไร้รอยต่อ การจัดหาเงินทุนอย่างยั่งยืน
การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มี่คุณภาพ (๒) นวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากดิจิทัล
อาทิ การปฏิรูปโครงสร้าง การสร้างงานและโอกาสในสาขาใหม่
การส่งเสริมการพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ และ (๓)
การค้าและการลงทุน อาทิ การเร่งรัดการผลิตและการกระจายวัคซีน ที่มีประสิทธิภาพ
มีคุณภาพ ปลอดภัย และราคาเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง การอำนวยความสะดวก การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ
และการสนับสนุนกระบวนการขององค์การการค้าโลกเพื่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอย่างไม่เป็นทางการ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||
| 8622 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์) | นร.04 | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายวุฒิรักษ์ เดชะพงษ์พันธุ์
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 8623 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ และนายสมหมาย เอี่ยมสอาด) | นร.04 | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง
จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายชนะศักดิ์
อัตถาวงศ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายอนุชา นาคาศัย) ๒. นายสมหมาย
เอี่ยมสอาด ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
|
||||||||||||||||||||||||
| 8624 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19) (ศบค.) ครั้งที่ 9/2564 | นร.04 | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-
19) (ศบค.) ครั้งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)
สรุปได้ดังนี้ ๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ๒)
ที่ประชุมเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
คราวที่ ๑๓ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ๓)
การยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19
และการปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ๔)
การเดินทางข้ามจังหวัด ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงหรือชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดในช่วงระยะเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็น
๕) มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล ๖)
ให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) (ศบศ )
เร่งรัดกำหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการในครั้งนี้
ตามความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ ๗) การปฏิบัติในจังหวัดอื่น
โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดมาตรการการสนับสนุน โดยให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข
เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ร่วมกันรับผิดชอบในการกำหนดมาตรการคัดกรองและมาตรการติดตามสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 8625 | การควบคุมราคาชุดตรวจสำหรับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (Rapid Antigen Test) และวัคซีนทางเลือก | นร. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
ยังคงมีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่องและสามารถติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น สถานพยาบาลต่าง ๆ จึงได้มีการนำชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว
(Rapid Antigen Test)
มาใช้ในการตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙
เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็วและลดความแออัดในการเข้ารับบริการ
นอกจากนี้รัฐบาลยังได้เร่งดำเนินการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและหลากหลายมากขึ้นด้วย
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งประสานกับกระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อดำเนินการกำกับดูแลและควบคุมราคาจำหน่ายชุดตรวจแอนติเจนแบบทราบผลเร็ว (Rapid
Antigen Test) สำหรับโรคโควิด-๑๙ ในกรณีที่ให้ประชาชนสามารถซื้อเครื่องมือแพทย์ดังกล่าวมาใช้ได้เอง
และราคาจำหน่ายวัคซีนทางเลือก ให้เหมาะสม สอดคล้อง กับข้อเท็จจริง
และเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้บริโภค
|
||||||||||||||||||||||||
| 8626 | การกำกับติดตามการดำเนินงานของคณะกรรมการคณะต่างๆ | นร. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นว่า เพื่อให้คณะกรรมการต่าง ๆ
ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่แต่งตั้งขึ้นตามกฎหมาย ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี
หรือตามมติคณะรัฐมนตรี
สามารถปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามหน้าที่และอำนาจเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย
ยุทธศาสตร์ หรือแผนการดำเนินงานของรัฐบาลให้บรรลุผลต่อไป
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านรับไปกำกับติดตามคณะกรรมการต่าง ๆ
ในความรับผิดชอบ เพื่อให้มีการจัดประชุมตามความจำเป็นต่อเนื่อง
และให้เกิดผลงานอย่างเป็นรูปธรรม โดยหากมีเรื่องใดที่มีความสำคัญเร่งด่วน
ที่จะต้องดำเนินการประการใด หรือไม่ ก็ให้จัดทำสรุปผลเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อทราบด้วย
ทั้งนี้ หากเห็นว่าคณะกรรมการคณะใดสมควรปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบ
หน้าที่และอำนาจหรือคณะกรรมการใดหมดความจำเป็นและสมควรยุบเลิกได้
ก็ให้เร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 8627 | ขออนุมัติโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง | กษ. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
มีสาระสำคัญเพื่อสนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้
สามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจระเข้ให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการและสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่องสามารถมีเงินทุนหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในการแปรรูปจระเข้ จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ ตัว
โดยอนุมัติวงเงินงบประมาณในการดำเนินโครงการ จำนวน ๒๗๓.๘๕ ล้านบาท ประกอบด้วย
ค่าชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรแทนผู้กู้ จำนวน ๒๗๐ ล้านบาท
และค่าดำเนินโครงการ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการชี้แจง ประชาสัมพันธ์
และติดตามโครงการ จำนวน ๓.๘๕ ล้านบาท
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมประมง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่สามารถขอรับสินเชื่อตามโครงการฯ
จะต้องไม่เป็นผู้ที่ไม่สามารถขอสินเชื่อตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๔ หรือมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอื่น ๆ ของรัฐ เท่านั้น
สำหรับงบประมาณในการดำเนินโครงการ (ค่าชดเชยดอกเบี้ยและค่าดำเนินโครงการฯ)
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง)
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมประมง) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น
ควรมีการกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการของเกษตรกรและผู้ประกอบธุรกิจให้ชัดเจน
ควรดำเนินการสนับสนุน ส่งเสริมให้ฟาร์มจระเข้ขึ้นทะเบียนกับ CITES ให้มากขึ้นด้วย พิจารณากลไกการขับเคลื่อนระดับพื้นที่
ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
และควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน
พร้อมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับการสนับสนุนสินเชื่อและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 8628 | รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. 2563 | ทส. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนให้ถูกต้อง
ทั่วถึง และต่อเนื่อง
เพื่อให้เกิดความตระหนักและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทยให้มากยิ่งขึ้น ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาทรัพยากรทางทะเลที่ได้รับผลกระทบจากการทำการประมงให้ชัดเจนและให้เร่งดำเนินการอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะกรณีการใช้เครื่องมือทำการประมงไม่เหมาะสมหรือผิดประเภทและกรณีการตัดอวนทิ้งในทะเลซึ่งทำให้สัตว์ทะเลติดอวนเสียชีวิต
รวมทั้งสภาพธรรมชาติใต้ท้องทะเลเกิดความเสียหายด้วย ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการและแนวทางในการควบคุม
กำกับ ติดตาม
และตรวจสอบเรือเดินทะเลทุกประเภทไม่ให้มีการปล่อยของเสียหรือทิ้งขยะลงสู่ทะเลในเขตน่านน้ำของไทย
ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดบทลงโทษที่เหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
| 8629 | การร่วมทุนในบริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย | พน. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเข้าร่วมลงทุนในบริษัท อินโนเปซ
(ประเทศไทย) จำกัด และให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยลงนามในสัญญาและเอกสารที่เกี่ยวข้อง
เมื่อผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลังกระทรวงคมนาคม
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าควรคำนึงถึงความคุ้มค่า
ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และควรจัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ รัดกุม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและราชการเป็นสำคัญ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุดที่ อส
๐๐๐๗/๑๕๖๕๖ ลงวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๓) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
และให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ)
ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาอนุมัติการลงทุนแต่ละประเภทของรัฐวิสาหกิจ
ตามกฎหมายจัดตั้งและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์การลงทุนในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งมีความชัดเจนและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยคำนึงถึงมิติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 8630 | โครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 5 (ปี 2566 - 2570) | กษ. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการทุนศึกษาต่อในประเทศของบุคลากรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ณ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๕ (ปี ๒๕๖๖-๒๕๗๐) จำนวน ๕๐ ทุน
แบ่งเป็นทุนระดับปริญญาโท จำนวน ๒๕ ทุน และทุนระดับปริญญาเอก จำนวน ๒๕ ทุน ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และอนุมัติงบประมาณในการดำเนินโครงการดังกล่าว
จำนวน ๕๙,๐๕๐,๐๐๐ บาท ระหว่างปีงบประมาณ
๒๕๖๖-๒๕๗๐ และผูกพันงบประมาณผู้รับทุนต่อเนื่องถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๗๔ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาจัดสรรทุนการศึกษาโดยมุ่งเน้นสาขาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการเกษตร
การวิจัยและนวัตกรรมด้านการเกษตร และสาขาวิชาที่ขาดแคลนบุคลากรเป็นลำดับแรก ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร.
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เห็นว่าในการแก้ไขปัญหาทดแทนอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สามารถบูรณาการร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ที่มีโครงการจัดสรรทุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์
การจัดสรรทุนควรมีการจัดสรรในภาพรวม
กำหนดสาขาวิชาที่ขาดแคลนพิจารณาให้สอดคล้องกับสาขาวิชาความเชี่ยวชาญ
ดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านทักษะภาษาอังกฤษ
หรือทักษะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญต่อการปฏิรูประบบวิจัยเกษตรไทย
ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้รับทุนทำการวิจัยที่เน้นการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ตลอดจนการวางแผนในการจัดสรรทุนให้มีความสมดุลกับกรอบอัตรากำลังของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในอนาคต
และกำหนดแนวทางการติดตามการใช้ศักยภาพของผู้รับทุนภายหลังสำเร็จการศึกษาเพื่อให้บรรลุประโยชน์สูงสุดตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
รวมถึงการประเมินผลฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 8631 | ขอความเห็นชอบแผนธุรกิจและการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด ของการไฟฟ้านครหลวง | มท. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการจัดตั้งบริษัท MEA Smart Energy Solutions จำกัด
ในวงเงินลงทุนการจัดตั้งบริษัท จำนวน ๕๐๐
ล้านบาท และให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
และคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ที่เห็นว่าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการกำกับดูแลบริษัทในเครือดังกล่าว ให้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
กำหนดแผนรองรับการบริหารจัดการของเสียที่เกิดจากการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
แผนการตลาด แผนการลงทุน แผนการจัดการความเสี่ยง
และแผนการดำเนินงานด้านเมืองอัจฉริยะ และควรคำนึงถึงประโยชน์ทางราชการและประชาชน
ความคุ้มค่า และความประหยัด และจัดทำแผนการลงทุนในแต่ละปีให้ชัดเจนและแจ้งต่อสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อปรับกรอบวงเงินลงทุนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีต่อไป
เป็นต้น รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (การไฟฟ้านครหลวง) ร่วมกับกระทรวงการคลัง
กระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อพิจารณาแผนการจัดตั้ง/ร่วมทุนในบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจกลุ่มพลังงานไฟฟ้า
ให้การลงทุนของบริษัทในเครือมีทิศทางที่เหมาะสม ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนระหว่างกัน
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ (เรื่อง
ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๒) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 8632 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-Level Political Forum on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี ค.ศ. 2021 | กต. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
(High-Level Political Forum
on Sustainable Development : HLPF) ประจำปี
ค.ศ. ๒๐๒๑
มีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑) ร่างปฏิญญาฯ
อยู่ระหว่างกระบวนการเจรจาในระยะสุดท้ายโดยคณะผู้แทนถาวรของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก
และเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรสาธารณรัฐอิรักประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
เป็นผู้ประสานงานการเจรจาร่วม และคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
เข้าร่วมการเจรจาโดยตลอด ๒) ร่างปฏิญญาฯ
แสดงถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกสหประชาชาติที่จะร่วมกันดำเนินการเพื่อบรรจุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน
ค.ศ. ๒๐๓๐ และตอบสนองและฟื้นฟูจากวิกฤติโควิด-๑๙ ในระดับโลก
สะท้อนการประเมินความก้าวหน้าในการดำเนินการตาม SDGs ทั้ง ๙ เป้าหมาย
ที่เป็นจุดเน้นของการประชุม HLPF ในปีนี้ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๑
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||
| 8633 | องค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 44 | ทส. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบองค์ประกอบและท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ
ครั้งที่ ๔๔ ประกอบด้วย ๑)
รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการของราชอาณาจักรไทยในการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์พื้นที่
๒) การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลก พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้คณะผู้แทนไทย
ชี้แจงทำความเข้าใจ และโน้มน้าว คณะกรรมการมรดกโลก องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก
เกี่ยวกับสถานการณ์และวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ๓) รายงานสถานการณ์การอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก
นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยดำเนินการชี้แจงและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก
ศูนย์มรดกโลกและองค์กรที่ปรึกษาให้เห็นถึงการดำเนินการให้ความสำคัญต่อการดูแลและอนุรักษ์มรดกโลก
และการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อลดผลกระทบต่อคุณค่าความโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่ง
กรณีประเด็นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษา
และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ทำหน้าที่กรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกและหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ และคณะทำงาน
เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในการดำรงตำแหน่งกรรมการมรดกโลก วาระปี พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าให้พิจารณาดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
และคำนึงถึงความสัมพันธ์หว่างประเทศด้วย
ควรมีข้อกำหนดที่ชัดเจนที่เป็นข้อห้ามไม่ให้มีการดำเนินการใด ๆ
ที่ส่งผลกระทบต่อมรดกโลก หรือส่งผลให้พื้นที่มรดกโลกกลายเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตรายหรือมีประเด็นสุ่มเสี่ยง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
| 8634 | มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) | นร.11 สศช | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
กลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการอันเนื่องมาจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๒๗) ประกอบด้วย มาตรการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มแรงงานผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่ต้องปฏิบัติเพิ่มเติมนอกเหนือจากข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด
(ฉบับที่ ๒๐) ในพื้นที่ ๑๐ จังหวัดควบคุมสูงสุด ให้สำนักงานประกันสังคม
กระทรวงแรงงาน รับไปพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา
๓๓ ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) มาตรการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่าย
ค่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ไฟฟ้าและน้ำประปา) ของประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ
ให้กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หารือกับสถานศึกษาในสังกัด เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ให้กระทรวงการคลัง
และธนาคารแห่งประเทศไทย หารือกับธนาคารพาณิชย์
เพื่อดำเนินมาตรการผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยหรือการเลื่อนงวดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกค้าทั้งที่เป็นประชาชนและผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานประกันสังคม
ติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน กลุ่มแรงงาน
และผู้ประกอบการฯ ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
รวมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้สาธารณชนได้รับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึงเป็นระยะ
ๆ ด้วย ๓. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||
| 8635 | ผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 8 | กห. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Defence Ministers’ Meeting :
15th ADDM) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๘ (8th ASEAN Defence
Ministers’ Meeting Plus : 8th ADDM-Plus) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖
มิถุนายน ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี
(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นหัวหน้าคณะและรับรองปฏิญญาฯ ดังกล่าว สรุปได้
ดังนี้ (๑) การประชุม 15th ADDM ที่ประชุมรับรองปฏิญญาฯ ADDM โดยรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน
และพิจารณาเอกสารความร่วมมือปี ๒๕๖๔ และอนุมัติความร่วมมือที่เกี่ยวข้อง เช่น
การจัดการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน+๑ อย่างไม่เป็นทางการกับเครือรัฐออสเตรเลีย
สาธารณรัฐเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน (๒) การประชุม 8th ADDM-Plus ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญาฯ ADDM-Plus โดยรัฐมนตรีกลาโหมประเทศสมาชิกอาเซียน ADDM-Plus และได้แลกเปลี่ยนมุมมองด้านความมั่นคงของภูมิภาคและระหว่างประเทศ
ในประเด็นสำคัญ เช่น การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
การก่อการร้าย ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 8636 | รายงานผลการดำเนินงานและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | กค. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและงบการเงินของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ ได้รายงานผลการดำเนินงาน
ฐานะทางการเงิน
และงบการเงินที่ผู้สอบบัญชีรับรองแล้วต่อกรมบัญชีกลางเป็นประจำทุกปี (๒)
ผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ กองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
ได้บริหารการเงินที่ได้รับจากการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะพันธบัตรรัฐบาลรุ่น
LB206A จำนวน
๘๙,๑๕๘.๗๒ ล้านบาท และผลตอบแทนจากการลงทุน รวม ๔๘๘.๕๓
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑.๑๘ ต่อปี และมีผลการประเมิน ๔.๙๐๕๗ คะแนน จากคะแนนเต็ม ๕
คะแนน (๓) ฐานะทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรายงานของกองทุนบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ
แล้วเห็นว่า งบการเงินและผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน
โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 8637 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ครั้งที่ 1/2564 | นร.11 สศช | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและเห็นชอบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
กรอบแนวทางการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับการขนส่งสินค้าและการเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
(๒) การพัฒนาระบบ National Single Window ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถชำระค่าบริการต่าง
ๆ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างเต็มรูปแบบ และ (๓)
ความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติ กบส. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ได้แก่
การชะลอการบังคับให้เรือชายฝั่งที่รับตู้สินค้าขาเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบังและการบรรทุกตู้สินค้าลงเรือที่ท่าเทียบเรือชายฝั่ง
(ท่าเทียบเรือ A)
และการบรรเทาปัญหาจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
(กบส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔
และรายงานให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ
ตามขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
| 8638 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 | คค. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของสถาบันการบินพลเรือน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองจากผู้สอบบัญชีแล้ว ประกอบด้วย (๑)
งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ มีสินทรัพย์รวม ๒,๕๗๑.๒๒ ล้านบาท หนี้สินรวม ๑,๓๕๑.๑๙ ล้านบาท ส่วนของทุน ๑,๒๒๐.๐๔ ล้านบาท และ (๒)
งบแสดงกำไรขาดทุน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ มีรายได้ (จากการดำเนินงาน
เงินอุดหนุนจากรัฐบาล อื่น ๆ) ๔๙๘.๗๘ ล้านบาท รายจ่าย ๔๙๐.๖๒ ล้านบาท
และมีกำไรสำหรับปี ๘.๑๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
| 8639 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา | สว. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และการอุตสาหกรรม วุฒิสภา ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า แนวทางการดำเนินงานเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับข้อเสนอแนะมาตรการเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของคณะกรรมาธิการฯ เช่น การกำหนดกรอบยุทธศาสตร์และกลไกในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับชาติ การส่งเสริมผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเพื่อการปรับเปลี่ยนสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน การสร้างตลาดเศรษฐกิจหมุนเวียน และการปฏิรูปการบริหารจัดการขยะทั้งระบบ เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
| 8640 | สหภาพยุโรปเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (นายเดวิด เดลี) | กต. | 13/07/2564 | |||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายเดวิด เดลี (Mr. David Daly)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพัก ณ
กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายปีร์กะ ตาปีโอละ (Mr. Pirkka Tapiola) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
