ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 434 จากทั้งหมด 6224 หน้า แสดงรายการที่ 8661 - 8680 จากข้อมูลทั้งหมด 124475 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 8661 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย และขอผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | กห. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
โครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัย โดยเพิ่มวงเงิน จากเดิม วงเงิน ๒๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ เป็น วงเงิน ๗๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ๓ ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๖ และผ่อนผันการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์
๒๕๕๒ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
กรณีได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีแรกต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหม (กองบัญชาการกองทัพไทย) รับความเห็นของสำนักงบประมาณและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ในการประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๔เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๔ เกี่ยวกับการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑
และให้สำนักงานยุทธโยธาทหารปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม
อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการ ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหม
(กองบัญชาการกองทัพไทย) ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่พักข้าราชการกองบัญชาการกองทัพไทย
พื้นที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามข้อกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8662 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าควบคุมงานโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดยโสธร พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบและโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดแม่สอด พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | อส. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าควบคุมงานโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดยโสธร
พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบและโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดแม่สอด
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ได้แก่ รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดยโสธร
พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ (สำนักงานอัยการจังหวัดยโสธรฯ) จากเดิมวงเงิน ๑,๘๕๕,๘๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๔,๙๕๐,๐๐๐ บาท
และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผู้กพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔
เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ และรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารสำนักงานอัยการจังหวัดแม่สอด
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ (สำนักงานอัยการจังหวัดแม่สอดฯ) จากเดิมวงเงิน ๒,๔๙๔,๙๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒,๘๑๙,๘๘๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๖
ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
กรณีการเพิ่มวงเงินดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย
ที่กำหนดไว้ว่าต้องไม่เกินร้อยละแปดสิบของงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เรื่อง กำหนดสัดส่วนต่าง ๆ
เพื่อเป็นกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8663 | ความเห็นและข้อเสนอแนะตามรายงานคู่ขนานการปฏิบัติตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี | ยธ. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาความเห็นและข้อเสนอแนะตามรายงานคู่ขนานการปฏิบัติตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติ
หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เช่น กฎหมายอนุวัติการตามพันธกรณีตามอนุสัญญา
ปัญหาสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน
การตรวจเยี่ยมสถานที่คุมขังบุคคล
การคุ้มครองผู้เสียหายจากการถูกกระทำทรมานและการเยียวยา
และการเยียวยาผู้เสียหายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8664 | ร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมกลางวาระระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด | กต. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมกลางวาระระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองปฏิญญาฯ
โดยร่างปฏิญญาฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมกลางวาระระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
ผ่านระบบออนไลน์ (Online Mid-term Ministerial Conference of the
Non-Aligned Movement) ภายใต้หัวข้อ “กลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดที่อยู่ศูนย์กลางของความพยายามพหุภาคีในการรับมือกับความท้าทายต่าง
ๆ ของโลก” ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔
มีสาระสำคัญเป็นการระบุการดำเนินการต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
และความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน
ตามที่กระทรวงงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติในประเด็นข้อเรียกร้องต่ออิสราเอล
กรณีความขัดแย้งในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ซึ่งรวมถึงนครเยรูซาเล็มตะวันออก
ควรมีการกำหนดท่าทีของประเทศไทยอย่างรอบคอบและเหมาะสมบนพื้นฐานของการคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศและการมีดุลยภาพในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8665 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการนำสายไฟลงใต้ดินเพื่อส่งเสริมสภาพพื้นที่สำหรับเมืองการบินภาคตะวันออก | กห. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพิ่มเติม
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๕๑,๓๖๔,๒๐๐ บาท ให้กองทัพเรือ
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการนำสายไฟลงใต้ดินเพื่อส่งเสริมสภาพพื้นที่สำหรับเมืองการบินภาคตะวันออก
จำนวน ๓ เส้นทาง ได้แก่ ช่วงจากปากทางเข้าสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาถึงแยกวงเวียนอู่ตะเภา
วงเงิน ๑๙๐,๑๗๒,๐๐๐ บาท ช่วงจากแยกวงเวียนอู่ตะเภาถึงหน้าอาคารจอดรถอาคารผู้โดยสารหลังที่ ๒ วงเงิน ๘๘,๕๔๗,๐๐๐ บาท และช่วงจากแยกอู่ราชนาวีมหิดลถึงท่าเรือจุกเสม็ด วงเงิน
๑๗๒,๖๔๕,๒๐๐ บาท โดยเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการติดตั้งสายไฟฟ้า
จากระบบเดินอากาศ (ปักเสาพาดสาย) เป็นแบบร้อยท่อฝังดินตามเส้นทางต่าง ๆ
บริเวณฐานทัพเรือสัตหีบ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ที่เห็นว่าควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
และถือปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และให้กองทัพเรือเร่งดำเนินการจัดทำแผนแม่บทรองรับการบริหารเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของกองทัพเรือ
ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๗๐ โดยให้มีความสอดคล้องกับแผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ให้เกิดการพัฒนาพื้นที่อย่างต่อเนื่องและบูรณาการร่วมกันต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8666 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง [นางสาวพัชรินรุจา จันทโรนานนท์] | อว. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นางสาวพัชรินรุจา จันทโรนานนท์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ กรกฎาคม
๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8667 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่
และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการจ่ายเงินค่าตอบแทนผู้แจ้งความนำจับ เงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่
และเงินช่วยเหลือในการปฏิบัติงานยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๑ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจ่ายเงินค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานยาเสพติดกรณียึดได้แต่ยาเสพติด
และระยะเวลาการยื่นคำขอรับเงินค่าตอบแทนในกรณีดังกล่าว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าตอบแทนดังกล่าวอาจซ้ำซ้อนกับการจ่ายเงินตามร่างข้อ
๑๘ (๒) คดีที่จับกุมได้ทั้งผู้ต้องหาและยาเสพติดของกลาง
อีกทั้งการกำหนดเงื่อนในลักษณะดังกล่าวไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจ่ายค่าตอบแทนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
ที่มุ่งหมายในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
มิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8668 | การแก้ไขปัญหาและเตรียมความพร้อมในการเผชิญเหตุการณ์อันเป็นสาธารณภัย | นร. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
สืบเนื่องจากเหตุกาณ์ถังบรรจุสารเคมีระเบิดและเกิดเพลิงไหม้บริษัท หมิงตี้เคมีคอล
จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
ส่งผลกระทบให้อาคารสถานที่ บ้านเรือน และทรัพย์สินต่าง ๆ
ของประชาชนชำรุดเสียหายเป็นบริเวณกว้าง
รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐและอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยเสียชีวิต ๑ ราย
และบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้
ผลจากการระเบิดและเผาไหม้ของสารเคมียังก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศและน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีอีกด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหาและบริหารจัดการสถานการณ์ไฟไหม้ที่มีความเกี่ยวข้องกับวัตถุหรือสารเคมีอันตรายให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
และลดการสูญเสียในด้านต่าง ๆ ให้มากที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดข้อมูลและความพร้อมด้านอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับป้องกันภัยของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย
ประกอบกับนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม
๒๕๖๐ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
ร่วมกับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งจัดทำแผนเผชิญเหตุสำหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ
ที่อาจจะเกิดขึ้นและกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมากทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ทั่วประเทศ
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ดังนี้ ๑ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงกลาโหม
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งตรวจสอบและให้การช่วยเหลือดูแล รวมทั้งแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ข้างต้น ให้รวดเร็ว ครบถ้วน
และทั่วถึง ๒
ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งรัดการดำเนินการตามนัยข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
โดยให้ถอดบทเรียนจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ในครั้งนี้
และให้จัดให้มีการอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
รวมไปถึงอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยและมูลนิธิต่าง ๆ ให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเหมาะสมในการเผชิญเหตุด้วย ๓ ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเผชิญเหตุที่มีความเสี่ยงต่อมลพิษ เช่น
หน้ากากอนามัย N95 ชุดป้องกันสารเคมี
ชุดกันฝุ่น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัยสามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะเท่าทันสถานการณ์ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8669 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี สกินในโค กระบือ | กษ. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อควบคุมโรคลัมปี
สกิน ในโค กระบือ ตามข้อมูลที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ พร้อมขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ในวงเงินงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น ๖๘๔,๒๑๘,๐๐๐ บาท
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมโรคลัมปี สกิน ในโค กระบือ ดังนี้ ๑)
ค่าตอบแทนอาสาปศุสัตว์ จำนวน ๑๔,๕๑๐,๐๐๐
บาท ๒) ค่าจัดซื้อวัคซีนโรคลัมปี สกิน จำนวน ๕,๐๐๐,๐๐๐ โด๊ส เป็นเงิน ๒๓๐,๑๓๘,๐๐๐ บาท ๓) ค่าจัดซื้อเวชภัณฑ์เพื่อการฆ่าเชื้อในฟาร์มและพาหนะในการเคลื่อนย้ายสัตว์
จำนวน ๒๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๔)
ค่าจัดซื้อเวชภัณฑ์เพื่อการรักษาโค กระบือ จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัว
เป็นเงิน ๓๖๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
และเพื่อการฟื้นฟู บำรุงสุขภาพสัตว์เลี้ยงของเกษตรกร จำนวน จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ตัว เป็นเงิน ๓๙,๘๐๐,๐๐๐
บาท ๕) ค่าวัสดุวิทยาศาสตร์เพื่อการแพทย์ สำหรับการเก็บตัวอย่าง
ฉีดวัคซีนและรักษาเป็นเงิน ๑๔,๗๗๐,๐๐๐
บาท และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
(ตามหนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๘/๑๓๔๓๒ ลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน
๒๕๖๔) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยกรมปศุสัตว์ ควรดำเนินการควบคุมและเฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายโคและกระบือในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเพื่อไม่ให้โคและกระบือที่เป็นโรคไปแพร่เชื้อในพื้นที่อื่น
ๆ ที่ยังไม่เกิดโรค ตลอดจนสนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวสำหรับใช้ในประเทศเพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ
ควบคู่ไปกับมาตรการควบคุมการระบาดของโรค และยกระดับมาตรฐานฟาร์มของเกษตรกรรายย่อย
โดยเร่งรัดให้เป็นเรื่องที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการเป็นลำดับแรกและดำเนินการกับปศุสัตว์ทุกชนิดไม่เฉพาะโค
กระบือ เท่านั้น
เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับกับสถานการณ์โรคอุบัติใหม่ที่อาจเกิดขึ้นและมีการแพร่กระจายเชื้อโรคอย่างรวดเร็ว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑
ควบคุมดูแลไม่ให้มีการนำเข้าหรือลักลอบนำเข้าโคและกระบือที่ติดโรคลัมปี สกิน
จากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด ๒.๒ บริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน
ให้เพียงพอกับความต้องการใช้งาน รวมทั้งให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในการจำกัดแมลงที่เป็นพาหะของโรคและสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันโรคลัมปี
สกิน ให้แก่เกษตรกรอย่างทั่วถึงโดยเร็วต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8670 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า | กษ. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่าเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๔๐,๒๗๗,๔๒๖ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า
ประกอบด้วย ค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย ตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่
๒๒ มีนาคม ๒๕๖๔ ตามมาตรา ๑๓ (๔) แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๕๕๘
จำนวนเงิน ๙๓,๗๗๒,๒๒๖ บาท และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเกี่ยวกับการเฝ้าระวังโรคตรวจวินิจฉัยและทำลายเชื้อโรคหรือซากสัตว์
จำนวนเงิน ๔๖,๕๐๕,๒๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าในการดำเนินการ และให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบสุกรให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่ถูกทำลายจริง
และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การบริหารงบประมาณเป็นไปด้วยความรอบคอบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และกรมปศุสัตว์
ควรดำเนินการหารือกับสำนักงบประมาณในการพิจารณาแหล่งงบประมาณที่สามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดจากโรคระบาดในสุกรทั้งในระดับฟาร์มและระดับประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตรวจสอบและทำลายสุกรและหมูป่าที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคและบูรณาการป้องกันการนำเข้าหรือลักลอบนำเข้าสุกรและหมูป่าและวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของโรคดังกล่าวอย่างเข้มงวด
รวมทั้งให้เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีป้องกันโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกรและโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่าที่ถูกต้องให้แก่เกษตรกรอย่างทั่วถึงด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8671 | การนำชุดแบบอักษรพระราชทาน "จุฬาภรณ์ลิขิต" บรรจุเป็นชุดแบบอักษรมาตรฐานราชการไทย แบบที่ 14 | นร.01 | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ชุดแบบอักษรพระราชทาน
“จุฬาภรณ์ลิขิต” เป็นชุดแบบอักษรมาตรฐานราชการไทย แบบที่ ๑๔
ตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เสนอ เพื่อเป็นการจารึกพระนามและเนื่องในวโรกาสครบรอบ ๖๔
พรรษา ของศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์
อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
และในวโรกาสที่ทรงสำเร็จการศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาทัศนศิลป์
คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนเผยแผ่พระเกียรติคุณและพระมหากรุณาธิคุณ
ในฐานะเจ้าหญิงของปวงประชา และองค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์อย่างกว้างไกลและยั่งยืนนาน
และเผยแพร่ต่อประชาชนชาวไทย และใช้ในราชการ รวมถึงผู้คนทั่วโลก
สามารถนำชุดแบบอักษรไปใช้อย่างแพร่หลาย
เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบทอดภาษาและตัวอักษรไทยรวมถึงเป็นการจารึกพระนามขององค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์บนโลกดิจิทัล
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8672 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 21/2564 ครั้งที่ 22/2564 และครั้งที่ 23/2564 | นร.11 | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่
๒๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๒๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม
๒๕๖๔ และครั้งที่ ๒๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้แก่ อนุมัติให้นำวงเงินเพื่อการตามมาตรการ ๕ (๒)
มาใช้เพื่อการตามมาตรการ ๕ (๑) เพิ่มเติม (ครั้งที่ ๑) จำนวน ๕,๘๗๑.๘๗๑๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา ๓๓
ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
(กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ของสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน กรอบวงเงินจำนวน
๒,๕๑๙.๓๘๐๐ ล้านบาท
อนุมัติโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติมจำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส ของกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข กรอบวงเงิน ๖,๑๑๑.๔๑๒๐ ล้านบาท อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการกำลังใจ
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเร่งรัดการเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด
อนุมัติให้จังหวัดตราดยกเลิกการดำเนินกิจกรรมย่อยภายใต้โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคเกษตรกรรมด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๕ กิจกรรม วงเงิน ๒,๕๗๘,๘๐๐ บาท อนุมัติให้จังหวัดนครสวรรค์ยกเลิกการดำเนินโครงการ
จำนวน ๓ โครงการ วงเงินรวม ๕,๖๘๔,๓๐๐
บาท
รวมถึงปรับแผนการดำเนินโครงการรายย่อยใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตสินค้าเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง
จำนวน ๒ โครงการ วงเงิน ๑๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท
และอนุมัติให้จังหวัดมหาสารคามยกเลิกการดำเนินโครงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต
วงเงิน ๘๕๔,๖๐๐ บาท
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติดำเนินการอย่างเคร่งครัด
และเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างโปร่งใส และตรวจสอบได้ภายใต้กรอบระยะเวลาตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
รวมถึงรายงานผลการดำเนินโครงการรายเดือนตามรูปแบบและระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนดในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ
(eMENSCR) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในการดำเนินการโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย เพิ่มเติม จำนวน ๑๐.๙ ล้านโดส
กระทรวงสาธารณสุขควรบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็วที่สุด โดยเร่งรัดการกระจายวัคซีนอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว ทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งให้สร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้มีความพร้อมในการเข้ารับการฉีดวัคซีนและการป้องกันโรคในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้
ให้เผยแพร่ข้อมูลผลการดำเนินการดังกล่าวต่อสาธารณชนให้ถูกต้อง ทั่วถึง
และโปร่งใสด้วย ๓. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8673 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือด้านกิจการตำรวจ | ตช. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือด้านกิจการตำรวจ (Memorandum of Understanding between the Royal
Thai Police and the Ministry of Internal Affairs of the Russian Federation on
Combating Transnational Crime and Developing Police Cooperation) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ
ซึ่งร่างบันทึกความเข้าใจฯ ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติตามความร่วมมือ เช่น
การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ประสานงานจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
การฝึกอบรมและการฝึกอบรมระดับสูงให้แก่บุคลากรและผู้เชี่ยวชาญทั้ง ๒ ฝ่าย เป็นต้น
โดยมอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมอบหมาย
เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
เกี่ยวกับประเด็นความครอบคลุมถึงปัญหาอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อคนพิการด้วย อาทิ
การจับคนมาตัดอวัยวะทำให้เป็นคนพิการ และนำมานั่งขอทาน
หรือการกระทำที่เข้าข่ายการนำคนพิการไปแสวงหาประโยชน์การค้ามนุษย์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงมหาดไทยแห่งสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการพัฒนาความร่วมมือด้านกิจการตำรวจในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ
และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8674 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘
เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา รวม ๓ ฉบับ ดังนี้ ๑. ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ มีสาระสำคัญเป็นการอนุญาตให้ผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว
เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือกิจการอื่น ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล และกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางดังกล่าวให้เป็นไปตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ๒. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๗/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๑) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดมาตรการป้องกันโรคสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตามข้อ ๑
ประกอบด้วยมาตรการก่อนเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร มาตรการเมื่อเดินทาง/ระหว่างอยู่ในราชอาณาจักรและมาตรการก่อนเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่จังหวัดอื่นภายในราชอาณาจักร
โดยผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรดังกล่าวจะต้องได้รับหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้
(Certificate of Entry-COE) เอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีน (Certificate
of Vaccination) และได้รับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-RCR เป็นต้น ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๔๓ ง วันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๓. คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่ ๘/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙
แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๒ ) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ว่าจะเป็นการใช้เส้นทางคมนาคมทางบก
ทางเรือ ทางน้ำ หรือทางอากาศ หรือโดยการใช้ยานพาหนะอื่นใด รวม ๑๑ ประเภท
ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยเคร่งครัด เช่น COE เข้ารับการกักตัวในสถานที่กักกันซึ่งทางราชการกำหนด
มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด-19 ในวงเงินไม่น้อยกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๘ ตอนพิเศษ ๑๔๔ ง วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8675 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.828/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ.358/2564 ระหว่างนางสุนันทา ขำมิน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่
อ.๘๒๘/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อ.๓๕๘/๒๕๖๔ ระหว่างนางสุนันทา ขำมิน ผู้ฟ้องคดี
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง
คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย โดยศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้อง
และต่อมาผู้ฟ้องคดีได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้น
ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี
ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8676 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวิริยะ รามสมภพ) | นร.01 | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิริยะ รามสมภพ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข้อมูลข่าวสารของราชการ
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8677 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (นายประเวศ อรรถศุภผล) | สธ. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายประเวศ อรรถศุภผล
เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการโรงพยาบาลบ้านแพ้ว แทนผู้ที่ลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔) เป็นต้นไป
และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8678 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมนุษยศาสตร์ ในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง (นางณัชชา พันธุ์เจริญ) | อว. | 06/07/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางณัชชา พันธุ์เจริญ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมนุษยศาสตร์
ในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ กรกฎาคม ๒๕๖๔)
เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8679 | การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 (ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ....) | ยธ. | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘
กรกฎาคม ๒๕๖๔ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี
อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้เพิ่มเติมโรคสมองเสื่อม
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง โรคอัมพาต โรคตับวายเรื้อรัง
โรคโลหิตจางจากโรคไขกระดูกไม่สร้างเซลล์เม็ดเลือดซึ่งต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษาโรคดังกล่าวในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์
ไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกานี้ด้วย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับมาก ห้ามมิให้เสนอข่าว
ให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จนกว่าพระราชกฤษฎีกาจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 8680 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤษภาคม 2564 | นร.11 | 29/06/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ
เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ
เช่น การพัฒนาระบบ eMENSCR สำหรับการกำกับ
ติดตาม และประเมินผล ความคืบหน้าของกิจกรรม Big Rock และการนำเข้าข้อเสนอโครงการภายใต้พระราชกำหนดเงินกู้ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
รวมทั้งได้เสนอแนะประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์
โดยสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างหน่วยงานในการขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการต่าง
ๆ รวมทั้งสำนักงบประมาณต้องพิจารณาความเหมาะสมของโครงการ/การดำเนินงานของหน่วยงานกับเป้าหมายและทิศทางการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
