ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 391 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 7801 - 7820 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 7801 | การเปลี่ยนแปลงโฆษกหน่วยงาน (สำนักงาน ก.พ.) | นร.10 | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงโฆษกประจำสำนักงาน
ก.พ.
เป็นนายกิติพงษ์ มหารัตนวงศ์ ตำแหน่งผู้ช่วยเลขาธิการ ก.พ. แทนนายปิยวัฒน์
ศิวรักษ์ ตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. (ในขณะนั้น)
เนื่องจากปัจจุบันได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ก.พ. ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7802 | รายงานประจำปี 2563 ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) | สธ. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๓ ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ประกอบด้วย ผลการดำเนินงานที่เด่น งบแสดงฐานะการเงินและงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้วเห็นว่า
ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7803 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี 2564 | สสว. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๔ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) สถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี ๒๕๖๔
เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross
Domestic Product : GDP) ของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Micro, Small and Medium-sized Enterprises : MSME) ปี ๒๕๖๓ มีมูลค่า ๕,๓๗๖,๐๖๖ ล้านบาท การค้าระหว่างประเทศของ MSME ปี ๒๕๖๓
การส่งออกของ MSME มีมูลค่า ๘๓๙,๗๕๐.๑๒
ล้านบาท ดัชนีความเชื่อมั่นของ MSME ปี ๒๕๖๓ อยู่ที่ระดับ
๔๒.๕ ซึ่งต่ำกว่าระดับค่าฐานที่ ๕๐ และการจ้างงานของ MSME
มีจำนวน ๑๒,๗๑๔,๙๑๖ คน คิดเป็นร้อยละ
๗๑.๗๐ ของการจ้างงานทั้งประเทศ (๒) สถานการณ์ MSME ในช่วง ๗
เดือนแรก (มกราคม-กรกฎาคม) ของปี ๒๕๖๔ เช่น มูลค่าการส่งออกของ MSME ในช่วง ๗ เดือนแรกใของปี ๒๕๖๔ มีมูลค่า ๖๐๘,๑๙๖.๒
ล้านบาท (๑๙,๙๒๑.๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขยายตัวร้อยละ ๓๐.๑
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและฐานที่ต่ำในปีก่อน
ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7804 | การจัดทำแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2021-2023) | กต. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสในระยะ
๓ ปี โดยเน้นความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
ภายใต้บริบทสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติของไทย การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส
ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายในปี ๒๕๖๖ (๒) กรอบความร่วมมือ ๔ ส่วน ได้แก่
การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคง
การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน
การเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน
เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนผ่านการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์
ภาษาและวัฒนธรรม และการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นระดับโลก
โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับทวิภาคี
ภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามร่างแผนการ (Roadmap)
สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยปรับแก้ถ้อยคำในร่างแผนการฯ ฉบับภาษาไทย ส่วนที่ ๑ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสันติ
เสถียรภาพและความมั่นคง ให้ตรงกับกฎหมายและหลักปฏิบัติภายในประเทศ ดังนี้ ๑. (ง)
คำว่า “การบ่มเพาะความรุนแรงและแนวคิดสุดโต่ง” ปรับแก้เป็น
“การบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่ง” ๒. (ช) คำว่า “ขบวนการอาชญากรรม” ปรับแก้เป็น. “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
๓. (ช) คำว่า “การค้าอาวุธ” ปรับแก้เป็น “การลักลอบค้าอาวุธ” ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามถ้อยคำจากร่างแผนการฯ
คู่ฉบับภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศสเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับกฎหมายรวมถึงแนวปฏิบัติของหน่วยงานรับผิดชอบของฝ่ายไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7805 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ ... (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยื่นรายการ แบบ คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากร บนระบบอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ ... (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยื่นรายการ แบบ
คำร้อง คำขอ หรือเอกสารอื่นใดตามประมวลรัษฎากร บนระบบอิเล็กทรอนิกส์
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีอากร ผู้มีหน้าที่นำส่งภาษี
ผู้ประกอบการจดทะเบียนหรือบุคคลใด สามารถยื่นแบบแสดงรายการภาษี
แบบยื่นรายการนำส่งภาษี แบบยื่นรายการภาษี แบบนำส่งภาษี รายงาน บัญชีพิเศษ
บัญชีงบดุลหรือบัญชีอื่น ๆ ประกอบแบบแสดงรายการคำร้องคืนภาษีอากร คำร้องอุทธรณ์
คำร้อง คำขอ หรือเอกสารหรือหนังสืออื่นใดต่อกรมสรรพากร ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7806 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ
(กองทุนฯ)
ตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ. ....
ในคราวประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน ครั้งงที่ ๑/๒๕๖๔ เมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้และสวัสดิการสำหรับแรงงานนอกระบบ
โดยมีข้อสังเกต ดังนี้ (๑) แผนรายรับของกองทุนฯ
ควรมีความชัดเจนและมีแหล่งรายได้ที่แน่นอน
พร้อมทั้งจัดทำแผนประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อหาสมาชิกให้ชัดเจนและเป็นรูปธรรม (๒)
แผนการดำเนินงานและวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ
จะต้องมีความชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกับทุนหมุนเวียนอื่น และ (๓)
ไม่ควรกำหนดให้กองทุนฯ
เป็นแหล่งเงินงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานนโยบายแรงงานนอกระบบ
ควรดำเนินงานผ่านงบประมาณปกติของหน่วยงาน
รวมทั้งการกำหนดให้จ่ายเงินกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีสิทธิอื่นใดแก่แรงงานนอกระบบ
ควรระบุสิทธิประโยชน์อื่นแก่แรงงานนอกระบบให้ชัดเจน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กระทรวงแรงงาน (สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เช่น ควรกำหนดแผนหรือมาตรการเพื่อรองรับกรณีรายรับไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ควรมีระบบติดตามและประเมินผลการใช้จ่ายกองทุนฯ อย่างเนื่อง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7807 | ถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1 (First Meeting of the International Forum on COVID-19 Vaccine Cooperation) | กต. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ (First Meeting of the International Forum on COVID-19
Vaccine Cooperation) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการผลิตวัคซีนและความร่วมมือด้านเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙
ให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้และมีราคาที่จัดหาได้มากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาและเพื่อระดมความเห็นเพื่อสนับสนุนประชาคมโลกในการเอาชนะโควิด-๑๙
โดยถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญเพื่อเน้นย้ำว่าวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ เป็นสินค้าสาธารณะของโลก
และความสำคัญของแนวคิดวัคซีนพหุภาคีนิยม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7808 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ขยายระเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ จนถึงวันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๕ ๒. เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ
ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๑๕) และร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง
การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนด
ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ รวม ๓ ฉบับ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติการป้องกัน
แก้ไข ระงับยับยั้ง ฟื้นฟู หรือช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7809 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข) | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่า ของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาค
สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร ให้แก่ศิริราชมูลนิธิ
หรือมูลนิธิจุฬาภรณ์ และยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ
และอากรแสตมป์ สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สินหรือการขายสินค้า
หรือสำหรับการกระทำตราสาร
อันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่มูลนิธิดังกล่าวที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับถึงวันที่
๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
โดยให้กำหนดวันเริ่มต้นการดำเนินการตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุขในร่างพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่วันที่
๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
รับทราบหลักเกณฑ์เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคด้านสาธารณสุข
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
ตลอดจนติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7810 | ผลการประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย - มณฑลกวางตุ้ง ครั้งที่ 1 | กต. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมความร่วมมือระดับสูงระหว่างไทย-มณฑลกวางตุ้ง
ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธานการประชุมฯ
ร่วมกับผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง (นายหม่า ซิงรุ่ย)
ซึ่งฝ่ายกวางตุ้งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ และมีผู้แทนระดับสูงและผู้แทนจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของทั้ง
๒ ฝ่ายเข้าร่วมประชุม
และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปฏิบัติตามผลการประชุมฯ
ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป โดยที่ประชุมฯ ได้หารือในเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น
นโยบายและทิศทางความร่วมมือระหว่างไทยกับมณฑลกวางตุ้ง
การส่งเสริมความเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างกัน
เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและสังคมจากผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และการจัดตั้งกลไกการติดตามผลการประชุมฯ
ซึ่งฝ่ายไทยและฝ่ายกวางตุ้งมีข้อเสนอแนะในประเด็นต่าง ๆ เช่น
การเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การส่งเสริมการค้าในรูปแบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามพรหมแดนระหว่างกัน
และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านกรอบเมืองพี่เมืองน้องมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7811 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙
โดยกำหนดให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการสามารถรับโอนเงินของสมาชิกจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
หรือกองทุนอื่นที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันในกรณีการออกจากงานหรือชราภาพได้
แก้ไขเพิ่มเติมอัตราการส่งเสริมของสมาชิก โดยให้ส่งได้ไม่เป็นเกินร้อยละ ๓๐
ของเงินเดือน เพิ่มหลักเกณฑ์การบริหารเงินของสมาชิกผู้ถึงแก่ความตายในกรณีที่ผู้มีสิทธิรับมรดกยังไม่ยืนคำขอรับเงินที่สมาชิกมีสิทธิได้รับ
แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารเงินของสมาชิกซึ่งสิ้นสุดสมาชิกภาพ
และแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการลงทุนของเงินของกองทุนในบัญชีเงินสำรองและบัญชีรายบุคคลของสมาชิกแต่ละคน
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7812 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (นายอิทธิพล คุณปลื้ม) ๒.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7813 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นางรัตนา จงสุทธานามณี) | นร.04 | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นางรัตนา จงสุทธานามณี เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7814 | ขอความเห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2565 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๕ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน ๒,๒๗๙.๗๘๑ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
จำนวน ๓,๒๗๘.๘๖๖ ล้านบาท (รวมเป็นภาระที่รัฐต้องชดเชยทั้งสิ้น
๕,๕๕๘.๖๔๗ ล้านบาท) ตามมติคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๔
เพื่ออุดหนุนทางการเงินโดยจ่ายชดเชยผลขาดทุนให้กับ ขสมก. และ รฟท. ในรูปของเงินงบประมาณ
ตามจำนวนส่วนต่างของประมาณการรายได้และต้นทุนการให้บริการสาธารณะ
เพื่อลดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของ ขสมก. และ รฟท ในการดำเนินการตามภารกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย)
รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ขสมก. และ รฟท. ควรหาแนวทางในการลดกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
โดยเพิ่มรายได้ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการให้บริการสาธารณะ
และปรับตัวแปรตามอัตราที่ใช้ในการคำนวณรายได้และต้นทุนค่าใช้จ่ายในการให้บริการสาธารณะตามผลที่เกิดขึ้นจริง
ให้ ขสมก. เร่งดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่สอดคล้องกับแผนการปฏิรูประบบรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานคร
และจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้ รฟท.
เร่งดำเนินการฟื้นฟูกิจการ โดยเฉพาะการหารายได้เพิ่มจากการถ่ายโอนสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทลูกของ
รฟท. เพื่อให้มีเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินกิจการได้อย่างยั่งยืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ในครั้งต่อ ๆ ไป
ในกรณีที่กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย) มีความประสงค์จะปรับปรุงการให้บริการสาธารณะเพื่อคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะพิจารณาไม่น้อยกว่า
๕ เดือน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ ตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้เงินอุดหนุนบริการสาธารณะของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๔ อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7815 | การตรวจลงตราเพื่อการรักษาพยาบาล ระยะเวลา 1 ปี (Medical Treatment Visa) รหัส Non-MT | สธ. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการตรวจลงตราเพื่อการรักษาพยาบาล
ระยะเวลา ๑ ปี (Medical Treatment Visa) รหัส Non-MT มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดประเภทการตรวจลงตราเพื่อการรักษาพยาบาลประเภทใหม่ให้สอดรับกับระยะเวลาและกระบวนการรักษาพยาบาลในปัจจุบัน
รวมทั้งเพิ่มตัวเลือกในการเดินทางเข้าสู่ประเทศให้แก่ชาวต่างชาติที่มีศักยภาพและมีกำลังใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาล
โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข
ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ภายใต้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
พ.ศ. ๒๕๒๒ และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น
และการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา พ.ศ. ๒๕๔๕
พร้อมกับประชาสัมพันธ์ให้ชาวต่างชาติทราบอย่างทั่วถึงต่อไป ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น
การเพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ป่วยชาวต่างชาติผ่านการอำนวยความสะดวกที่มากขึ้นจากกระบวนการหรือเอกสารที่ใช้ประกอบการขอรับการตรวจลงตรา
การตรวจคุณสมบัติและประวัติกลุ่มบุคคลที่จะเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร
เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
และการให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ
ที่มีผู้ป่วยเป็นพาหะ ทั้งโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7816 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 16/2564 | นร.11 สศช | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑๖/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งได้พิจารณาการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๑๒,๐๐๐,๐๐๐ โดส (Sinovac)
โดยขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ จากเดิมสิ้นสุดเดือนตุลาคม ๒๕๖๔
เป็น สิ้นสุดเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ (๒) อนุมัติให้กรมการจัดหางาน ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ บรรลุตามวัตถุประสงค์
รวมทั้งธุรกิจ SMEs สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง (๓) มอบหมายให้กรมการจัดหางาน
กำหนดให้มีกลไกการตรวจสอบสภาพการจ้างงานใหม่
กรณีที่เป็นลูกจ้างรายวันจากฐานข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก
โดยการจ่ายเงินอุดหนุนจากรัฐผ่านโครงการฯ
ต้องอยู่บนเงื่อนไขของการให้เงินอุดหนุนตามจำนวนลูกจ้างรายวัน ๑ ราย ต่อ ๑ นายจ้าง
เท่านั้น และ (๔) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๑ (๑๐ กรกฎาคม-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๔) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
รายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากคลัง โดยเร็ว และมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ
และตามรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๑ โดยเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้
การจัดหาเงินและการจัดสรรเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้กรมการจัดหางานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรเร่งรัดการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน
อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7817 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.07 | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
(ไตรมาสที่ ๔) และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่ได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7818 | (ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. 2564-2565) | กก. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติ
(ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาการท่องเที่ยวตาม
(ร่าง) แผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕)
อันเป็นกรอบทิศทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 และภายหลังสถานการณ์ดังกล่าวให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม
และเกิดการบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการผลักดันให้มีการบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติเสนอ และให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาตัวชี้วัดเชิงคุณภาพและกระบวนการติดตามและประเมินผล
รวมทั้งกำหนดมาตรการในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยว
โดยให้ทุกภาคส่วนมีบทบาทในการดำเนินการการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ตลอดจนการพัฒนากระบวนการหรือแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ
ในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ
การเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลด้านการท่องเที่ยว และจัดทำให้เป็นระบบข้อมูลเปิด (Open Data) ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น แลกเปลี่ยนเรียนรู้
สร้างความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียน ควรพิจารณากำหนดตัวชี้วัดและการสะท้อนผลลัพธ์ในแต่ละโครงการ
ควรส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า และควรมีการบูรณาการการขับเคลื่อนระหว่างหน่วยงานภายใต้แผนฯ
และมีการติดตามประเมินผลแผนฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. การขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
(พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) และการจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติฉบับต่อไป ให้คณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวม
เพื่อให้การกำหนดหรือการดำเนินมาตรการ/โครงการที่เกี่ยวข้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
โดยเฉพาะการยกระดับกลไกการดำเนินงาน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวในรูปแบบที่หลากหลาย
รวมทั้งควรเน้นย้ำความสำคัญของการใช้อำนาจแบบอ่อน (Soft
power)
ในการขับเคลื่อนแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติให้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น
ประเด็นวัฒนธรรมและค่านิยม โดยพัฒนาและยกระดับมาตรฐาน Soft power ของประเทศให้สอดคล้องกับความปกติใหม่ (New normal) อย่างเป็นรูปธรรม |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7819 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2564) | ปสส. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔
ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากเรือ
ค.ศ. ๑๙๗๓ ที่แก้ไขปรับปรุงโดยพิธีสาร ค.ศ. ๑๙๗๘ ภาคผนวก ๕
ว่าด้วยกฎข้อบังคับสำหรับการป้องกันมลพิษจากขยะบนเรือ ร่างพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสถาปนิก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑ ธันวาคม
๒๕๖๔ พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๔
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๓
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7820 | ขออนุมัติวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 เพิ่มเติม | พณ. | 30/11/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติกรอบวงเงินเพิ่มเติมโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๔/๖๕
เพิ่มเติม จำนวน ๗๖,๐๘๐.๙๕ ล้านบาท จำแนกเป็น วงเงินจ่ายชดเชยให้เกษตรกร จำนวน
๗๔,๕๖๙.๓๑ ล้านบาท และค่าใช้จ่ายธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
จำนวน ๑,๕๑๑.๖๔ ล้านบาท รวมเป็นวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี
๒๕๖๔/๖๕ จำนวนทั้งสิ้น ๘๙,๓๐๖.๓๙ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ
เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ โดยการชดเชยต้นทุนเงิน ธ.ก.ส.
ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้
ธ.ก.ส.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินการจริง
ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ในส่วนของอัตราการชดเชยต้นทุนทางการเงินให้ ธ.ก.ส. ให้ใช้อัตราต้นทุนทางการเงินของ
ธ.ก.ส. ประจำไตรมาส บวก ๑
โดยให้มีการปรับเปลี่ยนอัตราต้นทุนทางการเงินตามอัตราที่แท้จริงทุกไตรมาส
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธ.ก.ส.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ตรวจสอบพื้นที่และที่มาของปริมาณผลผลิตข้าว ราคาซื้อขายในตลาด
จำนวนเกษตรกรที่ลงทะเบียน ปริมาณผลผลิตต่อไร่ จำนวนพื้นที่เพาะปลูก
และจำนวนสถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วนไม่ซ้ำซ้อนในทุกมิติ
โดยดำเนินการในพื้นที่ที่อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดิน และ (๒)
กำหนดมาตรการหรือกลไกเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ได้ผลผลิตที่มีปริมาณมากและคุณภาพสูง ใช้ต้นทุนต่ำ
และการปลูกข้าวแต่ละชนิดตามความเหมาะสมของพื้นที่ (Zoning)
และสอดคล้องกับความต้องการของตลาดที่แท้จริง เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปิดบัญชีโครงการที่รัฐบาลรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายหรือการสูญเสียรายได้ในการดำเนินการ
ตามนัยมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถนำกรอบวงเงินที่เหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการต่าง
ๆ ดังกล่าว มาใช้ในการดำเนินโครงการอื่นที่มีความจำเป็นในอนาคตได้ต่อไป
รวมทั้งให้เร่งรายงานผลการดำเนินการและผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินโครงการตามนัยมาตรา ๒๙
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
