ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 390 จากทั้งหมด 6223 หน้า แสดงรายการที่ 7781 - 7800 จากข้อมูลทั้งหมด 124459 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 7781 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา จำนวน 3 เรื่อง | สว. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
ของคณะกรรมาธิการการศึกษาวุฒิสภา รวม ๓ เรื่อง ดังนี้ ๑.
รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การจัดการศึกษาโดยบูรณาการการเรียนรู้กับการทำงาน (Work Integrated Learning : WIL) สำหรับอาชีวศึกษา
โดยเน้นรูปแบบทวิภาคี ๒.
รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การวิเคราะห์ประเด็นการจัดการอาชีวศึกษาและกฎหมายที่มีผลกระทบต่อการจัดการศึกษา ๓.
รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
ข้อเสนอเชิงนโยบายเร่งด่วนว่าด้วยการบริหารการจัดการศึกษาเอกชน
ในช่วงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
(COVID-19) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7782 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 5/2564 | นร.11 สศช | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ๑.๒
มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตามมติคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7783 | ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.07 | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ประกอบด้วย (๑) หลักการและกรอบการจัดทำยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ได้จัดทำขึ้นให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
(พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) (ร่าง)
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) (ร่าง)
นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐)
แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) และนโยบายรัฐบาล
โดยมุ่งให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับประเด็นการพัฒนาที่ต้องเร่งดำเนินการ
เพื่อให้บรรลุ ๑๓ หมุดหมายการพัฒนา (ร่าง) แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๓
ที่ต้องเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ และ (๒)
โครงสร้างยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ประกอบด้วย ๖ ยุทธศาสตร์ชาติ ได้แก่
ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์
ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม
ด้านการสร้างความเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ
ประกอบด้วย รายจ่ายเพื่อรองรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
และรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7784 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน | นร. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ
เร่งพิจารณาผลงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรจะดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๕
ให้แก่ประชาชนดังเช่นทุกปีที่ผ่านมาโดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติได้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ
นำแผนงาน/โครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วภายในวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวมก่อนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7785 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้าง โครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และอาคารจอดรถอัตโนมัติ แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร | รจภ. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และอาคารจอดรถอัตโนมัติ (จำนวน ๒ รายการ
ได้แก่ รายการค่าก่อสร้างและรายการค่าควบคุมงาน) (ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๗) จาก แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เป็น
แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
(ไม่เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ) ตามที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เสนอ
และให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแล โครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7786 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2564) | ปสส. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันศุกร์ที่
๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ พิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย
มาเลเซีย และไทย ว่าด้วยการขยายเส้นทางบิน พิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ ๑๑
ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน พิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๘ ธันวาคม
๒๕๖๔ และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๓ ครั้งที่ ๑๕
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7787 | พิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ว่าด้วยการขยายเส้นทางบิน และพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 11 ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน รวม 2 ฉบับ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม 2564)] | ปสส. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันศุกร์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอพิธีสารแก้ไขบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอินโดนีเซีย
มาเลเซีย และไทย ว่าด้วยการขยายเส้นทางบินและพิธีสารเพื่ออนุวัติข้อผูกพันชุดที่
๑๑ ของบริการขนส่งทางอากาศ ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยบริการของอาเซียน รวม ๒ ฉบับ
ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7788 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 | กค. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อปี และคาดว่าในปี
๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ ๐.๗ และ ๓.๙ ตามลำดับ (๒) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงิน
ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในปี ๒๕๖๔ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-๑๙
และในปี ๒๕๖๕ คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และ (๓)
แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย คาดว่าในปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ ๐.๗
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรควิด-๑๙ โดยคาดว่าประมาณการเศรษฐกิจในปี
๒๕๖๕ จะขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ ๓.๙ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวและสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7789 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 39 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๙
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง [The 39th ASEAN Ministers to Energy Meeting (AMEM) and
Associated Meetings] ระหว่างวันที่
๑๓-๑๖ กันยายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุม สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ (๑)
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๙
ที่ประชุมรับทราบแผนการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน
ระยะที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕ ในสาขาความร่วมมือต่าง ๆ เช่น
การเชื่อมโยงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าอาเซียนและพลังงานหมุนเวียน (๒) การประชุมอื่น ๆ
เช่น การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานบวกสาม ครั้งที่ ๑๘
โดยมุ่งเน้นความร่วมมือด้านความมั่นคงพลังงานและพลังงานหมุนเวียน และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับสหรัฐฯ
โดยนำเสนอกรอบแนวทางความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียน-สหรัฐฯ เพื่อพัฒนาพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีด้านพลังงาน
(๓) การรับรองร่างปฏิญญาและร่างถ้อยแถลง รวม ๖ ฉบับ เช่น
ร่างปฏิญญาร่วมบันดาร์เสรีเบกาวัน
รัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานในด้านความมั่นคงและการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและถ้อยแถลงร่วมของการกระชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้ง ๓๙ และ (๔) ไทยได้แสดงวิสัยทัศน์ในการจัดหาพลังงานให้เพียงพอ มีเสถียรภาพ
รวมทั้งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อนำพาอาเซียนไปสู่ระบบพลังงานคาร์บอนต่ำในอนาคต
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7790 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2564 | ศอบต. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ
(๖ เรื่อง) ได้แก่ (๑)
รายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
(๒)
รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
(๓) รายงานความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความยั่งยืน
(๔)
รายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน (๕)
รายงานความคืบหน้าโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วนและการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๖) รายงานความก้าวหน้าการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่
สำหรับดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ไปสู่เมืองต้นแบบที่ ๔ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
“เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา (๔ เรื่อง) ได้แก่ (๑)
การขยายผลโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ (๒)
ขออนุมัติหลักการโครงการแก้ไขปัญหาสุขภาวะและภาวะโภชนาการต่ำของเด็กเล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๓)
ขออนุมัติหลักการและกรอบวงเงินโครงการเมืองปศุสัตว์ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล
จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๔)
การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองร่างยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7791 | ร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ (Gender Responsive Budgeting - GRB : A Practical Handbook) | พม. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการของร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ
โดยร่างคู่มือฯ ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ
ซึ่งเป็นเครื่องมือในการบูรณาการมุมมองเพศภาวะเข้าสู่กระบวนการจัดการงบประมาณทั้งรายรับและรายจ่าย
เพื่อให้การตัดสินใจในการใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างสูงสุด
เหมาะสมกับบริบทความต้องการ ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
และสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยมีหลักการที่สำคัญ คือ การวิเคราะห์ความต้องการ
โอกาส ข้อจำกัด และการเข้าถึงทรัพยากรที่แตกต่างกันของหญิงและชายที่จะต้องคำนึงถึงในกระบวนการงบประมาณ
โดยนำปัจจัยต่าง ๆ มาวิเคราะห์ เช่น อายุ อัตลักษณ์ทางเพศ ระดับการศึกษา ความพิการ
สถานะทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทยและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่างคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะและแบบรายการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นก่อนดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรส่งเสริมให้มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหน่วยงานต่าง
ๆ เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะเบื้องต้น
และสามารถนำแนวทางการจัดทำงบประมาณฯ มาปรับใช้ในการจัดสรรทรัพยากร
และงบประมาณของหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แจ้งให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องนำคู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะพร้อมแบบรายการตรวจสอบการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะที่ได้ปรับปรุงแก้ไขเรียบร้อยแล้วไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณต่อไป
รวมทั้งเผยแพร่คู่มือการจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะให้เป็นที่รับรู้ทั่วไป
และแจ้งต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7792 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการขนส่งเอสแคป ครั้งที่ 4 | คค. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีด้านการพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
และร่างแผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคสำหรับการพัฒนาด้านการขนส่งที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
(ค.ศ. ๒๐๒๒-๒๐๒๖) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมการพัฒนาระบบการขนส่งที่ยั่งยืน
ผ่านการกำหนดเป้าหมายและวางแผนโครงการและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อมุ่งสู่การดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี
ค.ศ. ๒๐๓๐ ๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7793 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 3 ฉบับ | กษ. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ดังกล่าว จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะเดา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองจำไหร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหัวช้าง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองสะเดา
ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองจำไหร ในท้องที่จังหวัดสงขลา และทางน้ำชลประทานคลองหัวช้าง
ในท้องที่จังหวัดพัทลุง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และเพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่ท้ายกฎกระทรวง ในส่วนของชื่อท้องที่การปกครองและแนวเขตการปกครองท้องที่
ตลอดจนตรวจสอบพื้นที่และจุดยึดโยงต่าง ๆ ให้ถูกต้องและให้เป็นปัจจุบัน รวมทั้งแก้ไขชื่อผู้มีอำนาจลงนามให้เป็นปัจจุบันก่อนประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไปด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7794 | ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง มาตรการเพื่อประโยชน์ในการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและมาตรการเกี่ยวกับสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2564 | พณ. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง
มาตรการเพื่อประโยชน์ในการควบคุมสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและมาตรการเกี่ยวกับสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการห้ามส่งออก ส่งกลับ ถ่ายลำ ผ่านแดน
และถ่ายโอนเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์ของสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงและมาตรการเกี่ยวกับสินค้าที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการใช้สุดท้ายหรือผู้ใช้สุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
และก่อนการบังคับใช้มาตรการมีขั้นตอนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อมูลเพื่อพิสูจน์ว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
รวมทั้งผู้ที่ถูกบังคับใช้มาตรการสามารถยื่นคำขอให้ทบทวนเพื่อยกเลิกการบังคับใช้มาตรการที่กำหนดได้
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7795 | การจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการกองทุนเสริมสร้างสันติภาพ (Peacebuilding Fund) ของสหประชาชาติ | กต. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบต่อการจัดทำข้อตกลงการบริหารจัดการกองทุนเสริมสร้างสันติภาพ [Peacebuilding
Fund (PBF)]
มีสาระสำคัญเกี่ยวกับรายละเอียดการบริจาคเงินให้แก่ PBF และการบริหารจัดการ
PBF ตามข้อกำหนดและเงื่อนไข
ซึ่งจะบังคับกับองค์การที่เป็นผู้รับและตัวแทนบริหารจัดการให้ดำเนินการตามแนวทางที่สหประชาชาติกำหนดอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
โดยไม่มีการกำหนดพันธกรณีสำหรับผู้บริจาค โดยข้อตกลงฯ มีสาระสำคัญ เช่น (๑)
ผู้บริจาคโอนเงินสนับสนุน จำนวน ๑ แสนดอลลาร์สหรัฐ
ทันทีภายหลังจากการลงนามข้อตกลงฯ (๒) องค์การที่เป็นผู้รับดำเนินกิจกรรมตามแผนงานซึ่งผู้บริจาคได้ช่วยสนับสนุนทางการเงิน
(๓) ข้อตกลงฯ จะมีผลใช้บังคับเมื่อผู้เข้าร่วมได้ลงนาม
และอาจจะถูกยกเลิกได้โดยการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า ๓๐ วัน
และจะมีผลใช้บังคับจนกว่าข้อตกลงจะสิ้นสุดหรือถูกยกเลิก ๑.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ
ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้ลงนามข้อตกลงฯ ของฝ่ายไทย ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7796 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 เอ 1 บี และ 1 บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่ และเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ พื้นที่รักษาความปลอดภัย และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตร ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี | อก. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ชี้แจงว่า พื้นที่ทั้งหมดที่เสนอขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่
๑ เอ ๑ บี และ ๑ บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่
รวมถึงพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ
พื้นที่รักษาความปลอดภัย
และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตรที่ ๒๗๘๗๔/๑๔๗๖๖
และที่ ๒๗๘๙๓/๑๕๐๓๑ เนื้อที่ ๑๔๐ ไร่ ๒ งาน ๗๑ ตารางวา ของบริษัท ที่พีไอ โพลีน
จำกัด (มหาชน) ที่จังหวัดสระบุรี ในครั้งนี้
เป็นพื้นที่เดิมที่เคยได้รับการผ่อนผันให้ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑
บี และ ๑ บีเอ็ม มาก่อนแล้ว สำหรับการดำเนินคดีอาญากับบริษัทฯ นั้น
พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องทุกคดีและคดีถึงที่สุดแล้ว
ส่วนคดีแพ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล
ซึ่งหากผู้ประทานบัตรกระทำผิดก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่ทางราชการ ๒.
อนุมัติการขอผ่อนผันให้บริษัทฯ ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี และ ๑
บีเอ็ม
เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ตามคำขอประทานบัตรที่ ๓-๗/๒๕๕๖ และที่ ๙-๑๑/๒๕๕๖
ซึ่งร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกัน และตามคำขอที่ ๒๗๓๔๐/๑๔๓๙๐ ๒๗๓๔๑/๑๔๓๙๑
และที่ ๒๗๓๔๘/๑๔๓๙๒ ของผู้ขอเอง และเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างเส้นทางลำเลียงแร่ ทางตรวจการ พื้นที่รักษาความปลอดภัย
และโครงการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์ระหว่างแปลงประทานบัตร ตามคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าตามมาตรา ๕๔
แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ตามมติคณะรัฐมนตรี (วันที่ ๑๕
พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ และวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔)
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำกับการประกอบกิจการของผู้รับประทานบัตรให้เป็นไปตามกฎหมาย
กฎ ระเบียบ และเงื่อนไขต่าง ๆ โดยเคร่งครัด รวมทั้งติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับบริษัทฯ
และกำกับดูแลให้บริษัทฯ ดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม
เช่น สมควรผ่อนผันให้บริษัทฯ ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ ๑ บี และ ๑
บีเอ็ม เพื่อทำเหมืองแร่เฉพาะในพื้นที่ตามประทานบัตรเดิม ตามคำขอประทานบัตรที่
๓-๗/๒๕๕๖ และที่ ๙-๑๑/๒๕๕๖ คำขอที่ ๑๒-๑๗/๒๕๕๖ จำนวน ๑๔ แปลง (๓,๖๖๙ ไร่) เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7797 | รายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2562 และรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2563 | นร.12 | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการ
ประจำปี ๒๕๖๒ และรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี ๒๕๖๓ รวม ๒ ฉบับ
เป็นการรายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการ
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ๕)
พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๗๑/๑๐ (๑๐) ที่บัญญัติให้คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๒.
ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่เห็นควรเพิ่มความสำคัญกับการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
โดยเน้นการพัฒนาการทำงานของภาครัฐที่มีความสามารถสอดคล้องกับรูปแบบในฐานวิถีชีวิตใหม่
(New Normal)
และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้มาตรการการทำงานที่บ้าน (Work From Home) มาปรับใช้อย่างเหมาะสม
รวมทั้งมีการติดตามประเมินผลการทำงานในรูปแบบใหม่ดังกล่าวเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7798 | ร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติและวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. .... (การพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564) | ยธ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระมหากษัตริย์ทรงมีแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
โดยมีการตราพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ โดยในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ สมควรจะมีการพระราชทานอภัยโทษให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์
เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี
อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
และให้ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องลับมาก ห้ามมิให้เสนอข่าว ให้ข่าว หรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้จนกว่าพระราชกฤษฎีกาจะประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดระบบการรักษานอกเรือนจำ
เพื่อดูแลรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ต้องโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว
ซึ่งเป็นคนเจ็บป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เช่น
คนเจ็บป่วยซึ่งมีภาวะติดเตียงหรือมีโรคที่เสี่ยงต่อการเสียชีวิต
คนเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และคนเจ็บป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงยุติธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7799 | แต่งตั้งประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (นายกุลเดช พัวพัฒนกุล) | กษ. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกุลเดช พัวพัฒนกุล เป็นประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย
แทนประธานกรรมการเดิม ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 7800 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายธนา เวสโกสิทธิ์ ฯลฯ จำนวน 5 ราย) | กต. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายธนา เวสโกสิทธ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๒. นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงเบิร์น สมาพันธรัฐสวิส ๔. นายภควัต ตันสกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพิธีการทูต ๕. นายนิพนธ์ เพ็ชรพรประภาส ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ
กรุงบูดาเปสต์ ฮังการี
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
