คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๗๙๐-๘๑๔/๒๕๕๘ ระหว่างนางดุจหทัย บุญคง กับพวกรวม ๓๐ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบทความ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๙-๒๕/๒๕๕๙ คดีหมายเลขแดงที่ อ.๑๔๓๐-๑๔๔๖/๒๕๖๔ ระหว่างเด็กชายภูบดินทร์ สังฆมิตกล โดยนางสาวอารีรัตน์ แก้วนวล ผู้แทนโดยชอบธรรม กับพวกรวม ๑๗ คน ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.๘๓๖-๘๖๓/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อ.๑๓๓๐-๑๓๕๗/๒๕๖๔ ระหว่างนางสาวสุกัญญา คำเพชรดี กับพวก ๒๙ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๑๒๑๕-๑๒๓๒/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๗-๒๔/๒๕๖๕ ระหว่างเด็กชายอาจณรงค์ สวนมาลา หรือจันทร์สา โดยนางสายทอง ผลจัด ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประเมินพื้นที่อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ประกอบการพิจารณาประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ
๒. เห็นชอบ
๒.๑ ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
๒.๒ ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย
๒.๓ ร่างประกาศ เรื่อง การกำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑
๒.๔ ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตร ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑
รวม ๔ ฉบับ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
๓. ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.๑๕๑๔-๑๕๓๙/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อ.๒๘-๕๓/๒๕๖๕ ระหว่างนางนันท์พิชชา นพเก้า กับพวก ๒๘ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้นให้ยกฟ้องคดี ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๙๕๒-๙๕๔/๒๕๕๗ คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๑๕๑-๑๕๓/๒๕๖๕ ระหว่างนายนิพนธ์ สนั่นเรืองศักดิ์ กับพวกรวม ๓ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี (คณะรัฐมนตรีผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายค่าชดเชยสนับสนุนการปรับปรุงอาคารและสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑๔ เป็นเงิน ๑๙๒,๙๑๗.๕๕ บาท โดยให้ชำระให้เสร็จสิ้นภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพุ่งพงษ์ สุวรรณเลิศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ) กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. นายชุมพล เด็จดวง ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณเชี่ยวชาญ) สำนักงบประมาณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔
๒. นายสารสิน ศิริถาพร ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณเชี่ยวชาญ) สำนักงบประมาณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๕
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ศาสตราจารย์จิรประภา อัครบวร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๑๖๘,๒๗๗,๘๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๕ รวม ๖๒ วัน หรือจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จะยุติลง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงสาธารณสุข ที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล การดำเนินการดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และให้มีการรายงานผลการดำเนินงานตามที่ได้ปฏิบัติในห้วงเวลาข้างต้นและการใช้จ่ายงบประมาณต่อสำนักงบประมาณ ตามนัยข้อ ๑๒ แห่งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งจะได้นำผลการดำเนินงานไปใช้ประโยชน์กับการพัฒนางานในโอกาสต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๑. รับทราบมติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติด้านการคุ้มครองและมาตรฐานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ ๕๒/๒๕๖๔ (๒๗) เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ที่ขอให้เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานศาลยุติธรรมในประเด็นเกี่ยวกับการนำเครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับผู้ต้องหาที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีให้มากยิ่งขึ้น และเน้นย้ำให้กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม กำหนดสถานที่ที่เหมาะสมกับผู้ต้องขังแต่ละประเภทเพื่อแก้ไขปัญหาความแออัดของเรือนจำ อันเนื่องมาจากการไม่แยกประเภทผู้ต้องขัง
๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมและกระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) รับมติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามข้อ ๑ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยแย้ ตำบลวังตะเฆ่ ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว และตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่ตำบลห้วยแย้ ตำบลวังตะเฆ่ ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองบัวระเหว และตำบลชีบน อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เพื่อก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ อาคารประกอบ และสิ่งจำเป็นในการชลประทานอื่นตามโครงการอ่างเก็บน้ำลำชีวันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดชัยภูมิ เพื่อประโยชน์แก่การชลประทานสำหรับพื้นที่การเกษตร การอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขระยะเวลาการใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกา จาก “พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนด ๔ ปี” เป็น “พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับได้มีกำหนด ๓ ปี” ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการอาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศ (อาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ) และให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ดำเนินโครงการนำร่องในสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนว ๘๘ แห่ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ (ระยะที่ ๑) ก่อน แล้วให้กำกับ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินโครงการฯ (ระยะที่ ๑) อย่างต่อเนื่อง และนำผลการประเมินโครงการฯ เสนอคณะรัฐมนตรีทราบ และประกอบการพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมในการขยายผลการดำเนินโครงการฯ ในระยะต่อไป อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) รับความเห็น ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณารวบรวมข้อมูลและติดตามเยาวชนที่ตกหล่นจากระบบการศึกษาในลักษณะของภาคีเครือข่าย ควรจัดทำหลักสูตรที่ตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมดิจิทัลในอนาคต ควรพิจารณาความซ้ำซ้อนของสถานศึกษาอาชีวในโครงการฯ กับโครงการอาชีวพระดาบส ทั้งด้านการก่อสร้างหอพัก และการจ้างและจ่ายค่าตอบแทนดูแลหอพัก เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการและแบ่งปันการใช้ทรัพยากรเพื่อการดูแลผู้เรียนร่วมกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเลื่อมล้ำ : กรณีศึกษาการแก้ปัญหาระดับจุลภาคในประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเลื่อมล้ำ วุฒิสภา ซึ่งได้พิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยสรุปผลการพิจารณาได้ว่า เห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการฯ และได้ดำเนินการ ดังนี้ (๑) กลไกที่สนับสนุนส่งเสริมการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับจุลภาค โดยให้ชุมชนเป็นศูนย์กลางในการวางแผนการแก้ไขปัญหาและกำหนดเป้าหมายความสำเร็จ (๒) การสร้างพันธมิตร การพัฒนาที่ยั่งยืนมีจุดแข็งในการทำงานในภาพรวม โดยการสร้างระบบการทำงานระหว่างภาครัฐและภาคประชาสังคมมีการทำงานร่วมกับอาสาพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และมูลนิธิต่าง ๆ เช่น มูลนิธิกระจกเงา และมูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก เป็นต้น รวมทั้ง มีการดำเนินงานกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชนในการช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 (๓) การแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับจุลภาค โดยกำหนดแนวทางพัฒนาการเข้าถึงบริการภาครัฐทั้งในระบบออนไลน์และในสำนักงานที่สามารถเข้าถึงในทุกพื้นที่ได้ (๔) การแก้ไขปัญหาความยากจน โดยกระบวนการชุมชนเข้มแข็ง โดยมุ่งเน้นการดำเนินการแบบบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า โดยที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ พ.ศ. ๒๕๖๕ ลงวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ ได้กำหนดให้สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง ซึ่งเป็นพืชในสกุล Cannabis เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ ยกเว้นสารสกัดที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ ๐.๒ โดยน้ำหนัก เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจากกัญชาหรือกัญชงที่ปลูกภายในประเทศ หรือสารสกัดจากเมล็ดพันธุ์พืชกัญชาหรือกัญชง ที่ได้รับการปลูกภายในประเทศ จะมีผลใช้บังคับในวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ ดังนั้น ตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๕ เป็นต้นไป จะทำให้สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง หากมีสารสกัดที่มีปริมาณสาร THC ไม่เกินร้อยละ ๐.๒ โดยน้ำหนัก ไม่เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๕ อีกต่อไปและสามารถดำเนินการใด ๆ ได้อย่างถูกกฎหมายซึ่งจะส่งผลต่อการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับกัญชาในขั้นตอนต่าง ๆ จึงมีความจำเป็นต้องมีกฎหมายเพื่อกำหนดมาตรการกำกับดูแลและคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากการบริโภคกัญชาและกัญชง โดยขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการดังกล่าวเสนอโดยสมาชิกพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ในระหว่างที่กฎหมายดังกล่าวยังไม่มีผลใช้บังคับ จึงมีความจำเป็นต้องสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนในการนำกัญชาและกัญชงไปใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องและตระหนักถึงภัยของกัญชาและกัญชงที่ยังมีอยู่ ตลอดจนพฤติกรรมที่รัฐยังจำเป็นต้องควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ เห็นควรให้มีการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชงขึ้นคณะหนึ่ง ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และกรรมการที่มาจากผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนนักวิชาการ และภาคประชาชน เพื่อทำหน้าที่ชั่วคราวในการกำหนดมาตรการกำกับดูแลและคุ้มครองในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งสร้างความเข้าใจกับประชาชนและคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ (international Narcotics Control Board : INCB) จนกว่ากฎหมายจะมีผลใช้บังคับ ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการต่อไป
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย