ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 188 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 3741 - 3760 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
3741 | มาตรการในการกำกับดูแลควบคุมการใช้อาวุธปืนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน | มท. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลตามมาตรการในการกำกับดูแลควบคุมการใช้อาวุธปืนเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ซึ่งได้ดำเนินการในการควบคุมกำกับดูแลการออกใบอนุญาตของนายทะเบียนท้องที่ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน
เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. ๒๔๙๐
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3742 | ขออนุมัติเพิ่มกรอบวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการโครงการก่อสร้างตกแต่งภายในอาคารที่ทำการใหม่ กระทรวงการคลัง และค่าจ้างควบคุมงานโครงการก่อสร้างตกแต่งภายในอาคารที่ทำการใหม่ กระทรวงการคลัง | กค. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติการเพิ่มกรอบวงเงินตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ได้แก่
โครงการก่อสร้างตกแต่งภายในอาคารที่ทำการใหม่ กระทรวงการคลัง แขวงพญาไท เขตพญาไท
กรุงเทพมหานคร ๑ โครงการ จำนวน ๗๘,๐๖๒,๙๐๐ บาท จากวงเงินตามสัญญา จำนวน ๙๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงิน ๑,๐๐๓,๐๖๒,๙๐๐ บาท
และรายการค่าควบคุมงานโครงการก่อสร้างตกแต่งภายในอาคารที่ทำการใหม่ กระทรวงการคลัง
แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ๑ โครงการ จำนวน ๗,๕๐๐,๐๐๐ บาท จากวงเงินตามสัญญา จำนวน ๓๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นวงเงิน ๓๙,๗๐๐,๐๐๐
บาท โดยใช้จ่ายวงเงินส่วนเพิ่มจากเงินฝากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับภาษีท้องถิ่นร้อยละ ๑๐
และการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
การก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารของส่วนราชการของรัฐควรต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานด้วย เช่น
การติดตั้งระบบไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และการเลือกใช้วัสดุที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เป็นต้น
จึงขอให้กระทรวงการคลังรับความเห็นดังกล่าวข้างต้นไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3743 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมหารือเจ้าหน้าที่ระดับสูงอาเซียน-สหรัฐอเมริกาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Draft Joint Statement of The ASEAN-U.S. High-Level Dialogue on The Rights of Persons with Disabilities) | พม. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมหารือเจ้าหน้าที่ระดับสูงอาเซียน-สหรัฐอเมริกาว่าด้วยสิทธิคนพิการ
(Draft Joint Statement of The ASEAN-U.S.
High-Level Dialogue on The Rights of Persons with Disabilities) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมหารือเจ้าหน้าที่ระดับสูงอาเซียน-สหรัฐอเมริกาว่าด้วยสิทธิคนพิการ
ให้การรับรอง (adopt) ร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในวันที่ ๑๐ ตุลาคม
๒๕๖๖ ณ เมืองมากัสซาร์ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศสมาชิกอาเซียนในการให้ความสำคัญกับสิทธิคนพิการ
การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือเชิงกลยุทธ์อาเซียน-สหรัฐอเมริกา (พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๘) รวมถึงส่งเสริมการเคารพรับฟังข้อเรียกร้องของคนพิการ
และผลักดันและเร่งรัดการดำเนินการตามแผนแม่บทอาเซียน พ.ศ. ๒๕๖๘
เพื่อบูรณาการสิทธิคนพิการ และสนับสนุนการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ
และข้อตกลงอื่น ๆ ที่มีการสนับสนุนความร่วมมือกับคนพิการในภูมิภาค ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3744 | เอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 23 | กต. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างแถลงการณ์โคลัมโบ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความยินดีต้อนรับซาอุดีอาระเบียเข้าเป็นประเทศคู่เจรจาลำดับที่
๑๑ และต้อนรับอินเดียเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่มผู้ประสานงานเฉพาะกิจ (TROIKA)
รวมถึงรับทราบความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงด้านสถาบันกับองค์การในระดับภูมิภาคต่าง
ๆ และองค์การสหประชาชาติ และร่างวิสัยทัศน์สมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ค.ศ. ๒๐๓๐
และสืบต่อไป
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ร่วมกันของประเทศสมาชิกที่จะเน้นย้ำความร่วมมือและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนา
เช่น การเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์และทิศทางการดำเนินงาน
การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ กับประเทศคู่เจรจา และเสริมสร้างบทบาทของภาควิชาการและการวิจัย
เป็นต้น และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ฯ ทั้งสองฉบับดังกล่าว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
ครั้งที่ ๒๓ จำนวน ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทรับภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3745 | การรับรองร่างถ้อยแถลงฮาลองสำหรับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคอาเซียนโดยการขับเคลื่อนขั้นตอนปฏิบัติล่วงหน้าในการจัดการภัยพิบัติ (Ha Long Ministerial Statement on the Strengthening of ASEAN Anticipatory Actions in Disaster Management) | มท. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงฮาลองสำหรับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคอาเซียนโดยการขับเคลื่อนขั้นตอนปฏิบัติล่วงหน้าในการจัดการภัยพิบัติ
(Ha Long Ministerial Statement on the
Strengthening of ASEAN Anticipatory Actions in Disaster Management) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงฯ
ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ (ASEAN Ministerial
Meeting on Disaster Management : AMMDM) ครั้งที่ ๑๑ ในวันที่ ๑๒
ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ เมืองฮาลอง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยร่างถ้อยแถลงฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการผลักดันให้ทุกประเทศดำเนินการตามแผนงานความตกลงอาเซียนว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติและการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน
ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๕ ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติล่วงหน้า
โดยสนับสนุนให้มีการดำเนินการใน ๓ ด้าน ได้แก่ (๑)
การปรับปรุงระบบการพยากรณ์และการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า (๒) การวางแผน การดำเนินงาน
และการส่งมอบขั้นตอนการปฏิบัติล่วงหน้า และ (๓) การวางแผนจัดเตรียมงบประมาณในการจัดการภัยพิบัติ
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3746 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการดังกล่าว
ในวงเงิน ๑,๐๓๐,๙๖๐,๐๐๐ บาท โดยให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี
ยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ต่อสำนักงบประมาณ
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ทั้งนี้
ขอให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความประหยัด ภาระทางการคลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3747 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569 | กค. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๙ ณ กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ ๑๒-๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๙
ร่างบันทึกความเข้าใจการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศปี
พ.ศ. ๒๕๖๙ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน
และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยมอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)
เพื่อลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว และเห็นชอบในหลักการให้ยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับคนต่างด้าวทุกกลุ่มที่ปรากฎในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา
๑๒ (๑) และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการตรวจ การยกเว้น
และการเปลี่ยนแปลงการตรวจลงตรา พ.ศ. ๒๕๔๕ ข้อ ๑๓
และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในร่างหนังสือถึงธนาคารโลกเพื่อแจ้งถึงเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของกลุ่มธนาคารโลกภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการลงทุน (ICSID) บุคลากรและผู้แทนประเทศสมาชิกของ ICSID
จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มตามมาตรา ๑๐ และมาตรา ๑๑ ของพระราชบัญญัติเอกสิทธิ์และความคุ้มครองกันฯ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย
(หนังสือธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท.ฝรร. ๓๙๕/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖) ที่เห็นว่ากระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย
ควรหารือกับธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศเกี่ยวกับเหตุผลและกรณีที่อาจนำไปสู่การยกเลิกการจัดประชุมให้ชัดเจน
เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจนำไปสู่การยกเลิกการจัดประชุม เนื่องใน ARTICLE
XII ให้สิทธิองค์กรข้างต้นในการยกเลิกการจัดประชุมฝ่ายเดียวโดยไม่ได้ระบุเหตุผล
และให้กระทรวงการคลังประสานเสนอแก้ไขถ้อยคำที่ผิดพลาด ARTICLE IX หัวข้อ Safety and Health Measures ที่ระบุว่ารัฐบาลไทยต้องจัดเตรียมบุคลากรทางการแพทย์ให้กับผู้เข้าร่วมประชุมในช่วงที่อยู่ที่เมืองมาราเกซ
ประเทศโมร็อกโก เป็นที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๙
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3748 | การก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารของส่วนราชการของรัฐที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน | นร. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาเห็นว่า
การก่อสร้างหรือปรับปรุงอาคารของส่วนราชการของรัฐควรต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบอาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน เช่น
การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
และการเลือกใช้วัสดุที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นตามความเหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3749 | ขออนุมัติการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ | สม. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ
จำนวน ๓ คัน ประกอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้า (ปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน ๒,๐๐๐ ซีซี อัตราค่าเช่าไม่เกิน ๒๑,๙๐๐ บาทต่อเดือน จำนวน ๑ คัน และรถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง
(ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่ต่ำกว่า ๒,๔๐๐ ซีซี)
อัตราค่าเช่าไม่เกิน ๒๔,๗๕๐ บาทต่อเดือน จำนวน ๒ คัน
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗-พ.ศ. ๒๕๗๑ ระยะเวลา ๕ ปี
ภายในกรอบวงเงิน ๔,๒๘๔,๐๐๐ บาท ตามนัยมาตรา
๔๒ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ จำนวน ๘๕๖,๘๐๐ บาท ให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ ไปพลางก่อน และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3750 | การดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 มาตรา 4 วรรคสอง (มติคณะรัฐมนตรีที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี) | นร.05 | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยืนยันมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดเดิมที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อถือปฏิบัติต่อไป
จำนวน ๑๙ มติ ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ.
๒๕๔๘ มาตรา ๔ วรรคสอง ที่บัญญัติให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมมติคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดเดิมที่มีลักษณะเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีที่เข้าบริหารราชการชุดใหม่พิจารณายืนยันหรือยกเลิกภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3751 | คำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า | สขค | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า วงเงินรวม ๔๗๐.๗๐๓๙ ล้านบาท
เพื่อบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ทั้งนี้
การขอตั้งงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินงบประมาณ ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
และให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ (สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาเร่งรัดขับเคลื่อนการดำเนินงานให้สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ ๑๓ หมุดหมายที่ ๗ ให้ประเทศ ไทยมี SMEs ที่เข้มแข็ง มีศักยภาพสูง และสามารถแข่งขันได้
โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความสำคัญ เช่น
การติดตามสถานการณ์การแข่งขันของตลาดและพฤติกรรมการประกอบธุรกิจอย่างใกล้ชิดเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรูปแบบธุรกิจและตลาด
โดยเฉพาะธุรกิจภาคการเกษตรและภาคบริการที่มีผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(SMEs) ประกอบธุรกิจเป็นจำนวนมาก
การเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางการพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า
(Credit Term) กรณีผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พร้อมทั้งดำเนินการติดตามและประเมินผลเพื่อนำไปสู่การปรับปรุงมาตรการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์
(สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า) ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ
รายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3752 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2566) | ปสส. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๖ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่
๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๖ ปีที่ ๑ ครั้งที่ ๒๒
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๖
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3753 | การแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย | นร.04 | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย
ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๕๕/๒๕๖๖ เรื่อง
แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย
ลงวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3754 | การขอความเห็นชอบต่อเอกสารผลลัพธ์เพิ่มเติมของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
3755 | แนวทางการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม | นร.01 | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม
ได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา ประเด็นปัญหาส่วนใหญ่หน่วยงานของรัฐได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและรัฐบาลอยู่ระหว่างการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมมาพิจารณาข้อเรียกร้องดังกล่าว
ประกอบกับมีหลายกรณีเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาดำเนินการในระดับนโยบาย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาให้ความเห็นประกอบนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาตามหน้าที่และอำนาจ
โดยละเอียดรอบคอบและเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงในการแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายกรณีปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขปัญหาของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
โดยประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
หากปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนได้ข้อยุติ
อาจเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
และทำให้กลุ่มประชาชนผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินมีจำนวนสูงขึ้น
และนำไปสู่ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเรียบร้อย
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างต่อเนื่องตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3756 | การรับรองเอกสารข้อริเริ่มปักกิ่งว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้กรอบสายแถบและเส้นทาง และการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานข้อมูลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล | ดศ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบเอกสารข้อริเริ่มปักกิ่งว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศด้านเศรษฐกิจดิจิทัลภายใต้กรอบสายแถบและเส้นทาง
และร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และสำนักงานข้อมูลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือผู้แทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมอบหมายร่วมรับรองเอกสารข้อริเริ่มฯ
และลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในห้วงการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative for International Cooperation
Forum : BRF) ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๖ ณ
สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเอกสารข้อริเริ่มฯ
เป็นเอกสารที่ระบุถึงเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีความสำคัญมากขึ้น
รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ยกระดับการผลิตของอุตสาหกรรมต่าง ๆ
พัฒนาตลาดและอุตสาหกรรมใหม่ ๆ และช่วยให้บรรลุการเติบโตที่ครอบคลุมและยั่งยืน
เพื่อขยายความร่วมมือในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล
โดยคำนึงถึงหลักการเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างกัน นวัตกรรม การเปิดกว้าง ความสามัคคีและความไม่แบ่งแยกผลประโยชน์ร่วมกัน
และความร่วมมือแบบได้ประโชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (win-win cooperation) ส่วนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ของสหประชาชาติ
และส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งสองประเทศระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างต่อเนื่อง
และเน้นย้ำเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อริเริ่มฯ และร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงสื่อสารผลลัพธ์ให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับรู้ถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยพึงจะได้รับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3757 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน) | สผผ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน ๙๗๐,๓๘๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3758 | การปรับปรุงคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง) | ลต. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง วงเงินรวมทั้งสิ้น ๕,๗๘๒,๐๘๕,๑๐๐ บาท ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน ๕,๕๖๒,๐๘๕,๑๐๐ บาท
และกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง ๒๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้
การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายของหน่วยงรับงบประมาณดังกล่าวเป็นการยื่นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีภายในระยะเวลาที่รัฐมนตรีกำหนด
โดยแสดงวัตถุประสงค์ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
และรายงานเกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๒๘
แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อสำนักงบประมาณจะได้จัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุมและกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ (เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ
พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3759 | การลงนามพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยอาหาร ด้านการสัตวแพทย์ และการปกป้องพืช เพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน | กษ. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยอาหารด้านการสัตวแพทย์
และการปกป้องพืช เพื่อการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้งจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม
(คาดว่าจะมีการลงนามพิธีสารฯ ในเดือนตุลาคม ๒๕๖๖) โดยร่างพิธีสารฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการส่งออกผลิตภัณฑ์จากผึ้ง
ประกอบด้วย น้ำผึ้ง นมผึ้ง และเกสรผึ้ง ซึ่งจะเป็นการขยายตลาด
และสร้างโอกาสการลงทุนทางการค้า
ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกสินค้าผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ของไทยขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๗๘ หรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการก่อนการลงนาม
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์จากผึ้งและระบบการบริหารจัดการ
รวมถึงกระบวนการตรวจสอบ การกักกัน ความปลอดภัยอาหาร และสุขอนามัยทางสัตวแพทย์
ให้เป็นไปตามหลักการตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
3760 | ขออนุมัติการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สำหรับรายการงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป (สภากาชาดไทย) | กช. | 10/10/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้สภากาชาดไทยนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการศูนย์นวัตกรรมและการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อ
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เพื่อความมั่นคงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ
วงเงิน ๒,๒๕๓,๕๕๐,๐๐๐ บาท และโครงการเสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อ
สถานเสาวภา สภากาชาดไทย เพื่อความมั่นคงทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ จำนวน
๒,๒๑๖,๙๐๐,๐๐๐ บาท
และค่าใช้จ่ายบริหารโครงการ จำนวน ๘๖,๖๔๐,๐๐๐ บาท รวมวงเงินทั้งสิ้น ๔,๕๕๗,๐๙๐,๐๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยให้ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖
เรื่อง การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ พร้อมแนวทางการจัดทำงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยให้สภากาชาดไทยจัดทำแผนการดำเนินการ
และยืนยันความพร้อมของโครงการดังกล่าว โดยมีรายละเอียดแบบรูปรายการ
ประมาณค่าก่อสร้าง สถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการ
รวมถึงการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความประหยัด
ความคุ้มค่า ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ ให้สภากาชาดไทยรับข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้มีการเพิ่มศักยภาพการวิจัยและพัฒนาให้ครอบคลุมมากกว่า
MAb และ mRAN เช่น ให้ครอบคลุม Viral
Vector และเทคโนโลยีฐานอื่นด้วย
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ในอนาคต mRAN และ Mab อาจมีข้อจำกัดทำให้ไม่สามารถใช้สถานที่นี้ทำกิจกรรมอื่นได้
และควรต่อยอดให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในการรองรับหน่วยงานอื่น ๆ
ที่มีการวิจัยและพัฒนาระดับต้นน้ำ ให้สามารถใช้ระดับโครงสร้างดังกล่าวในการผลิตได้
หากสามารถปรับให้เป็น National Facility และสามารถใช้กับเทคโนโลยีฐานที่หลากหลายได้
และควรมีการจัดทำแผนการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ของสถานที่และเครื่องมือ
เครื่องจักรที่ดำเนินการผลิตในปัจจุบัน ณ สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ถนนพระราม ๔
ภายหลังจากมีการย้ายการผลิตยาชีววัตถุและยาปราศจากเชื้อแล้ว
และเพิ่มเติมแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงจากกระบวนการผลิตวัคซีน
ยาชีววัตถุที่อาจมีปัญหาการรั่วไหลของสารเคมี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |