ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 33 จากทั้งหมด 34 หน้า แสดงรายการที่ 641 - 660 จากข้อมูลทั้งหมด 671 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
641 | การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | นร | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า โดยที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ซึ่งติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างมากต่อชีวิตของประชาชน ประกอบกับในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคทั้งยังไม่มียารักษาโรคโดยตรง จึงมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกต้องประกาศให้การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เป็นการระบาดใหญ่ และขอให้ประเทศต่าง ๆ บังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดเด็ดขาดยิ่งขึ้น จึงเป็นสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน ตลอดจนการดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ จึงมีมติเห็นชอบให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อบังคับใช้ทั่วราชอาณาจักรหรือในบางท้องที่ได้ตามความจำเป็นแห่งสถานการณ์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมถึงการออกประกาศ คำสั่ง ข้อกำหนด ในส่วนที่เกี่ยวข้องตามพระราชกำหนดดังกล่าว โดยให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการเสนอเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
642 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 2/2563 | นร04 | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เสนอ ๒. รับทราบและเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๒.๑ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เสนอว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ได้มีมติเห็นชอบมาตรการเร่งด่วนด้านสาธารณสุขเพื่อยับยั้งการระบาดของโรคภายในประเทศ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยกำหนดให้ประชาชนทุกคน ผู้ประกอบการ ผู้ร่วมกิจกรรม หรือผู้ใช้บริการ เว้นระยะนั่งหรือยืนห่างกันอย่างน้อย ๒ เมตร นั้น อาจไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในบางสถานการณ์ เช่น การใช้บริการขนส่งสาธารณะ ดังนั้น จึงเห็นควรแก้ไขระยะห่าง จากที่กำหนดไว้เดิม อย่างน้อย ๒ เมตร เป็น ไม่น้อยกว่า ๑ เมตร ๒.๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ ได้มีมติมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับมาตรการรองรับผู้โดยสารที่ต้องการใช้ประเทศไทยเป็นช่องทาง Transit เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศปลายทาง โดยจะต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระของบุคลากรทางการแพทย์ของไทยและให้มีสถานที่รองรับภายในสนามบินที่เพียงพอ ไม่แออัด และไม่อนุญาตผู้โดยสารประเภท Transit เดินทางออกนอกสนามบินโดยเด็ดขาด นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม แล้ว เห็นว่าในส่วนของผู้เดินทางชาวต่างประเทศประเภท Transit จะอนุญาตให้เฉพาะผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศซึ่งมีใบรับรองแพทย์ (fit-to-fly certificate) ประกอบการเดินทาง และให้อยู่ในบริเวณหรือพื้นที่ที่จัดให้เท่านั้น และกระทรวงการต่างประเทศจะได้ประสานกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
643 | หลักเกณฑ์การบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓ ให้กระทรวงการคลังพิจารณากำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องเพื่อลดผลกระทบอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ต่อเอกชนคู่สัญญาในการระงับหรือเลื่อนการเดินทางไปศึกษา ดูงาน ฝึกอบรม หรือประชุมให้น้อยที่สุด และต่อมากรมบัญชีกลางได้ซักซ้อมความเข้าใจกับส่วนราชการและหน่วยงานอื่นของรัฐเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การบริหารสัญญากรณีที่ได้รับผลกระทบจากกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) (ตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) ๐๔๐๕.๒/ว ๘๓ ลงวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๓) แล้ว นั้น แต่โดยที่หลักเกณฑ์ดังกล่าวยังไม่ครอบคลุมถึงกรณีการบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนสำหรับแผนงาน/โครงการอื่น ๆ อย่างครบถ้วน เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบของภาคเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐในการดำเนินโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เร่งพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการบริหารสัญญาระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนให้ครบถ้วนโดยเร็วด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
644 | มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 | กค | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ ๒ ของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ มาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) เห็นชอบในหลักการมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังกำหนดประเภท กลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุม เป็นธรรม รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบข้อมูลกลุ่มเป้าหมายให้มีความชัดเจน ถูกต้อง ครบถ้วน ครอบคลุมในระดับพื้นที่ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ถูกต้องครบถ้วนต่อไปด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๒ มาตรการเสริมสร้างความรู้ ให้ชะลอมาตรการเสริมความรู้ไว้ก่อน โดยหากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเข้าสู่ภาวะปกติ ให้กระทรวงการคลังบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามภารกิจ เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว รวมถึงการจ้างงาน ให้เป็นไปตามแนวทางเดียวกัน และหากมีความจำเป็นจะต้องใช้จ่ายงบประมาณก็ให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง มาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง] เป็นลำดับแรกก่อน สำหรับกรณีการช่วยเหลือ เยียวยา และบรรเทาผู้ได้รับผลกระทบต่อการจ้างงานภายในประเทศ ให้ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง] ซึ่งได้อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๗๐๐ ล้านบาท ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่งในเรื่องของการจ่ายเงิน และมอบหมายเรื่องการฝึกอบรมให้ทุกหน่วยงานหารือร่วมกันเพื่อแบ่งเบาภาระงบประมาณ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๑.๓ มาตรการด้านภาษี ๑.๓.๑ รับทราบและเห็นชอบในหลักการมาตรการด้านภาษี จำนวน ๙ มาตรการ ประกอบด้วย (๑) มาตรการเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (๒) มาตรการเลื่อนเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง และชำระภาษี (๓) มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนในการเสี่ยงภัยของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข (๔) มาตรการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ (๕) มาตรกรเลื่อนเวลาการชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล (๖) มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (๗) มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๘) มาตรการขยายเวลาการยื่นแบบรายการภาษีพร้อมกับชำระภาษีของสถานบริการที่ประกอบกิจการตามบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ และ (๙) มาตรการขยายเวลาการชำระภาษีให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น มาตรการขยายเวลาการยื่นแบบรายการภาษีพร้อมชำระภาษีของสถานบริการที่ประกอบกิจการตามบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรการขยายเวลาการชำระภาษีให้แก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ควรพิจารณาดำเนินการเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น และมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ควรดำเนินมาตรการในระยะสั้นเพื่อการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เท่านั้น โดยให้เร่งประเมินเพื่อปรับมาตรการภาษีในระยะต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๓.๒ เห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร จำนวน ๒ ฉบับ (มาตรการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับค่าตอบแทนในการเสี่ยงภัยของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และมาตรการเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนค่าเบี้ยประกันสุขภาพ) ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐ (ฉบับที่ ..) จำนวน ๑ ฉบับ [มาตรการยกเว้นอากรขาเข้าของที่ใช้รักษา วินิจฉัย หรือป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)] ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน ๑ ฉบับ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ จำนวน ๑ ฉบับ และการปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย จำนวน ๒ ฉบับ (มาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำร่างกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการทางภาษีอากรและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้มารวมพิจารณากับร่างกฎหมายที่มีหลักการเช่นเดียวกับที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๓ (มาตรการต่อเติม เสริมทุน SMEs สร้างไทย) และยังอยู่ในระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย ๑.๔ มาตรการด้านการเงิน เห็นชอบในหลักการมาตรการด้านการเงิน จำนวน ๔ มาตรการ ประกอบด้วย (๑) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๒) โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) (๓) โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับสำนักงานธนานุเคราะห์เพื่อช่วยเหลือประชาชนฐานรากที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และ (๔) โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินมาตรการรวมทั้งสิ้น ๒๙,๓๔๖ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การพิจารณาให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจร่วมรับภาระต้นทุนในการดำเนินงาน การพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขเพื่อคัดกรองผู้เข้าร่วมโครงการให้เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างแท้จริง การพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้เข้าร่วมโครงการได้ครัวเรือนละ ๑ โครงการ และการขยายการดำเนินมาตรการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงกองทุนหมู่บ้าน และสหกรณ์ต่าง ๆ เพื่อจะได้กระจายความช่วยเหลือไปยังผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๑.๕ การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในระยะต่อไป มอบหมายให้กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กระทรวงสาธารณสุข ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาแนวทาง พร้อมทั้งแหล่งเงินที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในระยะต่อไป เพื่อเป็นอีกกลไกหนึ่งในการรับมือกับวิกฤติการระบาดของไวรัส COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอดังกล่าว เป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ กระทรวงการคลังสมควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดเวลาดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
645 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... | กก | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินหลักประกัน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยลดจำนวนเงินหลักประกันที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องวางต่อนายทะเบียนเพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวในระยะเร่งด่วนเนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณาในประเด็นการกำหนดมาตรการในการคืนหลักประกันที่ได้เคยวางไว้เกินจำนวนหลักประกันตามกฎกระทรวงนี้ให้แก่ผู้วางหลักประกันด้วยตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
646 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] | รง | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ให้ลดหย่อนการออกเงินสมทบของนายจ้างและผู้ประกันตน กรณีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด ๑๙ [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๓ ได้รับการลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมประจำงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงงวดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้นายจ้างส่งเงินสมทบในอัตราร้อยละสี่ และผู้ประกันตนส่งเงินสมทบในอัตราร้อยละหนึ่ง ของค่าจ้างของผู้ประกันตน และให้ผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙ ได้รับการลดหย่อนการออกเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมประจำงวดเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงงวดเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้ส่งเงินสมทบในอัตราเดือนละสองร้อยสิบเอ็ดบาท ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ที่นายจ้างและผู้ประกันตนจะได้รับ รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่อง และเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมในอนาคตไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
647 | มาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยากรณีได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แพร่ระบาด | กค | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยากรณีได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิค-๑๙) แพร่ระบาด ของกรมธนารักษ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการการยกเว้นการเรียกเก็บค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าของกรมธนารักษ์ เป็นระยะเวลา ๑ ปี (๑๒ เดือน) สำหรับผู้เช่าเพื่ออยู่อาศัยและผู้เช่าเพื่อการเกษตร ๒. มาตรการช่วยเหลือผู้เช่ารายใหญ่และผู้เช่าที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยผู้เช่าดังกล่าวสามารถเลื่อนกำหนดการชำระค่าเช่าและค่าตอบแทนของเดือนมีนาคม ๒๕๖๓-สิงหาคม ๒๕๖๓ (รวมระยะเวลา ๖ เดือน) ได้ถึงวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๓ โดยให้ยกเว้นเบี้ยปรับในอัตราร้อยละ ๑.๕ ต่อเดือนของเงินที่ค้างชำระตามสัญญาที่กำหนดไว้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
648 | แนวทางการดำเนินการการจัดงานพระราชพิธี งานพิธี และงานจัดกิจกรรมสาธารณะต่างๆ | นร | 24/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการป้องกัน แก้ไข และยกระดับการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว โดยสร้างความตระหนักรู้เท่าทันให้แก่ประชาชน และได้เตรียมความพร้อมและดำเนินการควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปในวงกว้าง โดยการดำเนินการจัดงานหรือกิจกรรมใด ๆ ที่มีกลุ่มบุคคลจำนวนมากมารวมตัวกันในสถานที่เดียวกันควรงดการจัดงานหรือกิจกรรมดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค นั้น ในส่วนของการจัดงานพระราชพิธี งานพิธี และงานกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานว่า ได้จัดการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายแล้วเห็นควรกำหนดแนวทางการดำเนินการแบ่งออกได้เป็น ๓ กรณี ดังนี้
๑. การจัดงานพระราชพิธีและงานที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดให้มีขึ้นในห้วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ ยังคงจัดได้ตามที่มีหมายกำหนดการไว้ แต่ให้มีผู้เฝ้าฯ จำนวนเท่าที่จำเป็นและเหมาะสม โดยจะจัดที่นั่งหรือที่ยืนห่างกันไม่น้อยกว่า ๑ เมตร รวมทั้งให้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด มีการตรวจวัดอุณหภูมิและสวมหน้ากากอนามัย ในการนี้ รัฐบาลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีประสานงานกับสำนักพระราชวังในการดำเนินการเชิญผู้เฝ้าฯ และการจัดผังสถานที่เฝ้าฯ ๒. การจัดงานพิธีและงานกิจกรรมต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ่งจะมีกลุ่มบุคคลจำนวนมากมารวมตัวอยู่ในสถานที่เดียวกัน เช่น งานสงกรานต์ งานครบรอบกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๓๘ ปี งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวิสาขบูชา งานทำบุญตักบาตรเนื่องในเทศกาลต่าง ๆ กิจกรรมจิตอาสา ฯลฯ รัฐบาลเห็นสมควรว่าในกรณีที่สามารถงดการจัดงานพิธีและงานกิจกรรมใด ๆ ได้ให้งดเสีย และในกรณีที่ไม่สามารถงดการจัดงานพิธีหรืองานกิจกรรมดังกล่าวได้ให้เลื่อนออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) จะคลี่คลายไปในทางที่ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลจะให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องนำเสนอแผนงานมายังรัฐบาลเพื่อพิจารณาต่อไป ๓. การตกแต่งสถานที่ประดับไฟและธงเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวันฉัตรมงคล วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันพระบรมราชสมภพ วันพระราชสมภพ และวันประสูติ สามารถดำเนินการได้ รวมทั้งการตั้งโต๊ะหมู่บูชาพร้อมพระบรมฉายาลักษณ์หรือพระฉายาลักษณ์ และจัดให้มีสมุดลงนามถวายพระพรไว้ในสถานที่ตั้ง โดยให้หน่วยงานและสถานที่ทำการต่าง ๆ ดำเนินการให้สมพระเกียรติ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แต่ให้จัดมาตรการป้องกันมิให้เป็นช่องทางการรวมกลุ่มหรือเป็นความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของโรค ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจะได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการในรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อแจ้งเวียนให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องทราบต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
649 | การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ค.ศ. 2021 | กก | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาเชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ ๖ ค.ศ. ๒๐๒๑ โดยมีกำหนดการแข่งขัน จำนวน ๑๐ วัน ในช่วงปลายเดือนเมษายน ๒๕๖๔ ณ จังหวัดชลบุรี และกรุงเทพมหานคร คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันทั้งหมด จำนวน ๒๑ ชนิดกีฬา จากผู้เข้าแข่งขัน ๔๖ ประเทศ โดยใช้งบประมาณจากรายได้ที่เกิดขึ้นจากการจัดการแข่งขัน จำนวน ๒๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล จำนวน ๑,๒๔๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท ในการจัดการแข่งขันรวมทั้งสิ้น ๑,๔๘๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยคำนึงถึงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ก่อนดำเนินการต่อไปด้วย สำหรับงบประมาณค่าใช้จ่ายหากมีความจำเป็นต้องนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีก็ให้ดำเนินการขอรับจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการจัดทำแผนการบริหารจัดการให้มีแหล่งรายได้อื่นและกระจายผลประโยชน์ภายในประเทศ อาทิ การสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุนการจัดการแข่งขัน และการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ รวมถึงการวางแผนจัดกิจกรรมเสริมเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศแก่กลุ่มชาวต่างชาติที่เข้าร่วมชมการแข่งขัน ตลอดจนมีการติดตามและประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ที่อาจส่งผลต่อการจัดการแข่งขันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับแผนรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
650 | การขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง | นร07 | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้หน่วยรับงบประมาณดำเนินโครงการตามมาตรการด้านการงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑๗,๓๑๐.๔๕๐๙ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่หน่วยรับงบประมาณขอรับการจัดสรรงบกลางฯ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง จำนวน ๑๑ กระทรวง ๒๘ หน่วยงาน วงเงิน ๑๔,๖๑๐.๔๕๐๙ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. เห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า กรณีค่าใช้จ่ายของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีความจำเป็นนอกเหนือจากกรอบวงเงินงบกลางที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้แล้ว เช่น การผลิตหน้ากากอนามัย การชดเชยต้นทุนการผลิตให้กับผู้ประกอบการหน้ากากอนามัย เป็นต้น ให้หน่วยรับงบประมาณเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นไปยังสำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
651 | มาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | มท | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานสำหรับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการ
ด้านไฟฟ้าและด้านน้ำประปา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. มาตรการด้านไฟฟ้า จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ ๑.๑ ลดค่าไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท ในอัตราร้อยละ ๓ เป็นระยะเวลา ๓ เดือน (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๓) โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานดำเนินการลดค่าไฟฟ้าในอัตราร้อยละ ๓ ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท และพิจารณาใช้เงินคืนรายได้ เพื่อให้การไฟฟ้ามีฐานะการเงินตามเกณฑ์ที่กำหนดมาเป็นแหล่งเงินในการสนับสนุนการลดค่าไฟฟ้า ๑.๒ ขยายระยะเวลาการชำระค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการเฉพาะอย่าง ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม และกิจการให้เช่าพักอาศัย โดยไม่คิดดอกเบี้ย สามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน ๖ เดือนของแต่ละรอบใบแจ้งค่าไฟฟ้า สำหรับรอบการใช้ไฟฟ้าเดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๖๓ ๑.๓ คืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้าให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทที่ ๑ บ้านอยู่อาศัย และประเภทที่ ๒ กิจการขนาดเล็ก ๒. มาตรการด้านน้ำประปา จำนวน ๓ มาตรการ ได้แก่ ๒.๑ ลดค่าน้ำประปาให้กับผู้ใช้น้ำประปาทุกประเภท ในอัตราร้อยละ ๓ เป็นระยะเวลา ๓ เดือน (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๓) ๒.๒ ขยายระยะเวลาการชำระค่าน้ำประปา สำหรับผู้ใช้น้ำที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจโรงแรมและกิจการให้เช่าที่พักอาศัย โดยไม่คิดดอกเบี้ย สามารถผ่อนชำระได้ไม่เกิน ๖ เดือนของแต่ละรอบใบแจ้งค่าน้ำประปา สำหรับรอบการใช้น้ำเดือนเมษายน-พฤษภาคม ๒๕๖๓ ๒.๓ คืนเงินประกันการใช้น้ำประปาให้ผู้ใช้น้ำประเภทที่ ๑ ที่พักอาศัย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
652 | คำแนะนำเกี่ยวกับเทศกาล ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีต่าง ๆ และพิธีทางศาสนาในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | วธ | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำแนะนำเกี่ยวกับเทศกาล ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีต่าง ๆ และพิธีทางศาสนาในสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. คำแนะนำการปฏิบัติโดยทั่วไปในการจัดกิจกรรมตามเทศกาล ประเพณีต่าง ๆ และพิธีทางศาสนา โดยควรงวดเว้น หรือเลื่อนกำหนดการจัดงานเทศกาล งานประเพณี หรืองานอื่นใดที่มีการรวมตัวของคนเป็นกลุ่มหรือการรวมตัวกันของคนหมู่มากไปก่อน หากเป็นงานจำเป็นที่ไม่สามารถเลื่อนออกไปได้ เช่น งานศพ ควรดำเนินการมาตรการของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขกำหนด รวมถึงควรเน้นแบบแผนที่ปฏิบัติที่เป็นคุณค่าและสาระที่ถูกต้อง และตระหนักถึงสุขภาวะและความปลอดภัยของคนในชุมชน และหากพื้นที่ใดที่รัฐบาล หรือกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้เป็นพื้นที่งดเว้นการจัดกิจกรรมใด ๆ ให้ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ ควรส่งเสริมให้มีการปฏิบัติตามวิถีวัฒนธรรมไทยอันดีงาม และไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น การสวัสดีและไหว้แบบไทย ๒. คำแนะนำสำหรับเทศกาลประเพณีสงกรานต์ในปี ๒๕๖๓ เป็นการเฉพาะ ๒.๑ การสืบสานคุณค่าสาระในประเพณีสงกรานต์แบบไทยหรือท้องถิ่น โดยงดเว้นการจัดงานสงกรานต์ในทุกระดับและปฏิบัติเฉพาะภายในครัวเรือนเท่านั้น เช่น ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระพุทธรูป รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ โดยสมาชิกในครอบครัวเข้าร่วมกิจกรรม สำหรับสมาชิกที่เดินทางไปทำงานต่างถิ่นควรงดการเดินทางกลับภูมิลำเนา ในช่วงเวลาที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาออกไปก่อน โดยอาจจะแสดงความสัมพันธ์ต่อครอบครัวและเครือญาติผ่านทางระบบสื่อสารสมัยใหม่ อาทิ โทรศัพท์ หรือสื่อสังคมสมัยใหม่ (Social Media) เช่น facebook Line ฯลฯ ๒.๒ การปฏิบัติตน สมาชิกที่ร่วมกิจกรรมในครัวเรือนควรแต่งกายให้มิดชิด สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล หรือด้วยน้ำสะอาด และสบู่เหลว กรณีการรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ควรตระหนักว่าการรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ที่เป็นผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่าย ทั้งนี้ การทำความสะอาดบ้านเรือน ควรสวมใส่ถุงมือ สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาดด้วย และควรหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนเป็นกลุ่มหรือการรวมตัวกันของคนหมู่มาก หรือในพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค รวมทั้งงดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเสพของมึนเมาทุกชนิด ทั้งนี้ ควรคำนึงถึงการมีจิตสำนึกและรับผิดชอบต่อสังคม โดยไม่ประพฤติปฏิบัติในลักษณะที่เป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคตามคำแนะนำและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
653 | ข้อสรุปมาตรการและข้อสั่งการเกี่ยวกับโควิด - 19 | นร | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสรุปมาตรการและข้อสั่งการเกี่ยวกับเกี่ยวกับโควิด-19 ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน สรุปได้ว่า ขณะนี้ไทยยังไม่ได้ปิดประเทศ แต่เข้าประเทศจะยากขึ้น/อยู่ในระยะ ๒ โดยชะลอระยะ ๒ ให้นานที่สุด ใช้มาตรการควบคุม ป้องกัน รักษา และสื่อสาร โดยถือว่า COVID-19 เป็นปัญหาอันดับ ๑ ผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นอันดับรองของประเทศและของโลก เพราะถ้าสถานการณ์โรคบรรเทาลงแล้วยังฟื้นฟูได้/ประเมินสถานการณ์ COVID และปัญหาเศรษฐกิจรายวัน แต่เตรียมพร้อมรับมือและพร้อมจะปรับเปลี่ยนโดยยก-ลดระดับทุกวัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
654 | การปรับแนวทางประเมินส่วนราชการและองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) | นร12 | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับแนวทางประเมินส่วนราชการและองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ (COVID-19) และให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดวิธีปฏิบัติเพื่อแจ้งให้ส่วนราชการและองค์การมหาชนปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปรับแนวทางประเมินดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงการดำเนินการตามมาตรการด้านงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ รวมถึงระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขเป้าหมายหรือตัวชี้วัดที่กำหนดอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ หรือประกอบในการจัดทำและบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบแนวทางการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงาน ก.พ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปฏิบัติราชการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในบทบาทต่าง ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ส่วนราชการเกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน และเพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเกิดความยืดหยุ่น สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยการสนับสนุนของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการปฏิบัติงานที่เหมาะสมตามความพร้อมของแต่ละส่วนราชการ และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหรือกำหนดวิธีปฏิบัติราชการแบบยืดหยุ่นกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละกรณีต่อไป โดยให้คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบหรือเกิดผลเสียหายต่อประสิทธิภาพประสิทธิผลในการบริหารราชการและการบริการประชาชน ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
655 | แนวทางการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร10 | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับแนวทางประเมินส่วนราชการและองค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ๒๐๑๙ (COVID-19) และให้สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดวิธีปฏิบัติเพื่อแจ้งให้ส่วนราชการและองค์การมหาชนปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปรับแนวทางประเมินดังกล่าวจะต้องคำนึงถึงการดำเนินการตามมาตรการด้านงบประมาณเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และสถานการณ์ภัยแล้ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ รวมถึงระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนการปฏิบัติและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขเป้าหมายหรือตัวชี้วัดที่กำหนดอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ หรือประกอบในการจัดทำและบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. รับทราบแนวทางการให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงาน ก.พ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การปฏิบัติราชการของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในบทบาทต่าง ๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ส่วนราชการเกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน และเพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐเกิดความยืดหยุ่น สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยการสนับสนุนของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการปฏิบัติงานที่เหมาะสมตามความพร้อมของแต่ละส่วนราชการ และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหรือกำหนดวิธีปฏิบัติราชการแบบยืดหยุ่นกรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้ตามความเหมาะสมในแต่ละกรณีต่อไป โดยให้คำนึงถึงคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบหรือเกิดผลเสียหายต่อประสิทธิภาพประสิทธิผลในการบริหารราชการและการบริการประชาชน ๓. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
656 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิค - 19) ครั้งที่ 1/2563 และมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้่อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิค - 19) ของกระทรวงสาธารณสุข | นร | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เสนอ ๒. เห็นชอบมาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ประกอบด้วย ๒ มาตรการ ได้แก่ มาตรการป้องกันและสกัดกั้นการนำเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เข้าสู่ประเทศไทย และมาตรการยับยั้งการระบาดภายในประเทศเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ดังกล่าว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งเร่งดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยด่วน รวมทั้งขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
657 | ให้เลื่อนวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2563 (วันที่ 13 - 15 เมษายน 2563) | นร04 | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า โดยที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้เสนอให้เลื่อนวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ (วันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๖๓) ออกไปก่อน เพื่อลดการเดินทาง เคลื่อนย้าย และรวมตัวของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ อันจะเป็นการช่วยป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในประเทศได้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติ ดังนี้
๑. ให้เลื่อนวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ (วันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน ๒๕๖๓) ออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จะคลี่คลาย โดยคณะรัฐมนตรีจะพิจารณากำหนดวันหยุดราชการชดเชยให้ในภายหลังในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป ๒. ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับการเลื่อนวันหยุดราชการดังกล่าวในข้อ ๑ และให้เป็นไปตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละกรณีด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
658 | การแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อกำกับดูแลและการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร | 17/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อกำกับดูแลและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ขึ้นทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยในส่วนกลางให้มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน และมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการ ในส่วนภูมิภาคให้มีผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นประธาน และมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อทำหน้าที่กำกับ ติดตาม และตรวจสอบการผลิต การจัดจำหน่าย รวมทั้งการป้องกันและปราบปรามการกักตุนและการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชนิดต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ในราคาสูงเกินปกติ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับไปจัดทำรายละเอียดองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการให้ถูกต้องครบถ้วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
659 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2563 | นร11 | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งที่ประชุมรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 สรุปผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝายเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และพิจารณาหลักการของมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ชุดที่ ๑ รวมทั้งข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เกี่ยวกับสายการบินและการเดินทางทางอากาศ ตามที่คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสรุปผลการประชุมดังกล่าวให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) ชุดที่ ๑ โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงภารกิจ ความพร้อม ศักยภาพและความสามารถ วิธีการดำเนินการที่โปร่งใส ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้มีความชัดเจนอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างเหมาะสม รวมถึงภาระทางการคลังหรือการสูญเสียรายได้ที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนจัดให้มีระบบการติดตามและการรายงานผลการดำเนินงานและผลการใช้จ่ายให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ในโอกาสแรก เพื่อให้การดำเนินมาตรการดูแลเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ชุดที่ ๑ บรรลุวัตถุประสงค์และสามารถผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้อย่างมีประสิทธิภาพทันต่อสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้คณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
660 | รายงานผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) | นร01 | 10/03/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ ๕-๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ได้แก่ (๑) ประสานติดตามสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในต่างประเทศและภายในประเทศ จากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (๒) รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์และข้อคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากหมายเลขโทรศัพท์ ๐๒ ๒๘๘ ๖๐๗๐-๔ และสายด่วน ๑๑๑๑ รวมทั้งสิ้น ๒,๕๐๘ เรื่อง และ (๓) ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน โดยมีประเด็นการแถลงข่าวที่สำคัญประจำวัน เช่น การเปิดศูนย์ข้อมูล COVID-19 สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และประเทศไทย รวมทั้งการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการรับคนไทยกลับจากต่างประเทศ เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เสนอ
|
.....