ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 31 จากทั้งหมด 34 หน้า แสดงรายการที่ 601 - 620 จากข้อมูลทั้งหมด 671 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
601 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ผผ | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จำนวน ๒๓,๐๗๙,๑๐๐ บาท ทั้งนี้ ขอให้ส่งผลการพิจารณาข้อเสนอการปรับปรุงดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
602 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | ปช | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จำนวน ๑๖๖,๗๒๕,๖๐๐ บาท ทั้งนี้ ขอให้ส่งผลการพิจารณาข้อเสนอการปรับปรุงดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
603 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๒๙๘,๕๑๖,๘๐๐ บาท ทั้งนี้ ขอให้ส่งผลการพิจารณาข้อเสนอการปรับปรุงดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
604 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน | ตผ | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน จำนวน ๗๐,๒๗๓,๓๐๐ บาท ทั้งนี้ ขอให้ส่งผลการพิจารณาข้อเสนอการปรับปรุงดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
605 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | สม | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จำนวน ๑๐,๕๕๖,๓๐๐ บาท ทั้งนี้ ขอให้ส่งผลการพิจารณาข้อเสนอการปรับปรุงดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
606 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | อส | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ของสำนักงานอัยการสูงสุด จำนวน ๑๔๑,๗๑๖,๕๐๐ บาท ทั้งนี้ ขอให้ส่งผลการพิจารณาข้อเสนอการปรับปรุงดังกล่าวให้สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการจัดทำงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
607 | การเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนเพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา 2563 | ศธ | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนเพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยกระทรวงศึกษาธิการจะกำหนดปฏิทินเกี่ยวกับการรับนักเรียนทั้งในและนอกระบบ ระดับก่อนประถมศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และการศึกษานอกระบบ (กศน.) เช่น กำหนดช่วงเวลาการรับสมัครนักเรียนใหม่ การสอบคัดเลือก และการมอบตัวนักเรียน เป็นต้น ตลอดจนการปฐมนิเทศ และการสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง นักเรียน และเตรียมความพร้อมครูผู้สอน ให้สามารถสอนตามรูปแบบการเรียนการสอนในระบบทางไกลได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนในวันเวลาดังกล่าว ทั้งการวางแผนการจัดการเรียนการสอนในปีการศึกษา ๒๕๖๓ ในกรณีที่ไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ โดยสถานศึกษาจะต้องจัดการเรียนการสอนในรูปแบบการเรียนทางไกล เช่น DLTV, Learning Management System (LMS) เป็นต้น เพื่อให้นักเรียนได้เข้าถึงการเรียนการสอนได้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยจะดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
608 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) | ตช | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและการแจ้งที่พักอาศัยสำหรับคนต่างด้าว ตามข้อ ๒ (๑) และ (๒) แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ลงวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ จากเดิมที่จะสิ้นสุดระยะเวลาอนุญาตในวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้ขยายระยะเวลาออกไปเป็นตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อการเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร รวมทั้งการอยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าวบางจำพวกอันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ยังไม่คลี่คลาย ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
609 | ขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน - ญี่ปุ่นว่าด้วยข้อริเริ่มด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) | พณ | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่นว่าด้วยข้อริเริ่มด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-๑๙) ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามโดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น ในวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ โดยเรียกร้องให้มีความพยายามร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่น เพื่อให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ ๓ ประการ ได้แก่ การรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอันใกล้ชิดระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น การบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโควิด-๑๙ และการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลทางสาธารณสุขและเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
610 | หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ 2) | สธ | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๒) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๒) มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ๑.๒ กำหนดให้บัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] (ฉบับที่ ๒) เป็นบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายแนบท้ายหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ๑.๓ เพิ่มเติมรายการบัญชีและอัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] รวมทั้งสิ้น ๓,๐๐๕ รายการ รายละเอียด ดังนี้ ๑.๓.๑ หมวด ๓ ค่ายา จำนวน ๒,๖๐๖ รายการ ๑.๓.๒ หมวด ๕ ค่าเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา (ฉบับที่ ๒) จำนวน ๓๙๙ รายการ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข อัตราที่กำหนด และสามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน พร้อมกับดำเนินการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลังด้วยไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
611 | อัตราการชดเชยความเสียหายให้สถาบันการเงินตามมาตรา 11 ของพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนออัตราการชดเชยความเสียหายให้สถาบันการเงินตามมาตรา ๑๑ ของพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institutions : SFIs) ได้รับชดเชยความเสียหายจากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติมตามที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดฯ ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งไม่น้อยกว่า ๑.๑ ร้อยละ ๗๐ ของจำนวนเงินที่ธนาคารพาณิชย์ และ SFIs ต้องกันสำรองเพิ่มเติมจากยอดหนี้รวมของลูกหนี้คูณด้วยอัตราส่วนของยอดหนี้ใหม่ตามพระราชกำหนดนี้กับยอดหนี้รวม สำหรับผู้ประกอบวิสาหกิจที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน ๕๐ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๑.๒ ร้อยละ ๖๐ ของจำนวนเงินที่ธนาคารพาณิชย์ และ SFIs ต้องกันสำรองเพิ่มเติมจากยอดหนี้รวมของลูกหนี้คูณด้วยอัตราส่วนของยอดหนี้ใหม่ตามพระราชกำหนดนี้กับยอดหนี้รวม สำหรับผู้ประกอบวิสาหกิจที่มีวงเงินสินเชื่อเกิน ๕๐ ล้านบาท ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
612 | ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ครั้งที่ 2 | กค | 21/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ขยายจำนวนผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิตามมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบหรือผู้ได้รับผลกระทบอื่น ๆ ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ให้ครอบคลุมทั่วถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) จากเดิมจำนวน ๙ ล้านคน เป็น ๑๔ ล้านคน และขยายกรอบวงเงินสำหรับใช้ในการดำเนินโครงการจากเดิม จำนวน ๔๕,๐๐๐ ล้านบาท เป็น จำนวน ๒๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน * ๓ เดือน * ๑๔ ล้านคน) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับแหล่งที่มาของงบประมาณในการดำเนินมาตรการฯ ให้กระทรวงการคลังขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบผู้ได้รับสิทธิ์มิให้มีความซ้ำซ้อนในการได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการความช่วยเหลืออื่น ๆ ของภาครัฐที่เกี่ยวกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) และพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบที่สมควรได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ได้รับผลกระทบทางตรงจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยว และผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการการปิดสถานประกอบการของภาครัฐ รวมทั้งพิจารณาจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในแต่ละกลุ่มหรือแต่ละพื้นที่ ให้สอดคล้องกับระยะเวลาการประกาศปิดสถานประกอบการในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถจัดสรรเงินให้ความช่วยเหลือไปยังกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง และดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
613 | ร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) | สศส03 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕) เพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) เสนอ โดยสาระสำคัญของร่างแผนปฏิบัติการฯ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ วิสัยทัศน์ : ประเทศไทยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และนวัตกรรมของโลก ๑.๒ เป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย : แบ่งออกเป็น ๔ ช่วง ช่วงแรก มีระยะ ๓ ปี ส่วนช่วงที่ ๒-๔ มีระยะช่วงละ ๕ ปี โดยในช่วงระยะ ๓ ปีแรก มีเป้าหมายเพิ่มอัตราการขยายตัวของสินค้าและบริการสร้างสรรค์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๕ และประเทศไทยมีเมืองที่ได้รับการคัดเลือกและประกาศให้เป็นเมืองสร้างสรรค์จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) ๑ เมือง ๑.๓ ยุทธศาสตร์ : ประกอบด้วย ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) สร้างและส่งเสริมการจัดองค์ความรู้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (๒) ยกระดับทักษะและความสามารถบุคลากรในธุรกิจสร้างสรรค์และการกระตุ้นกระบวนการคิดเชิงสร้างสรรค์แก่คนไทย (๓) ยกระดับความสามารถในการดำเนินธุรกิจและสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และ (๔) พัฒนาเมืองและระบบนิเวศสร้างสรรค์ และส่งเสริมให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับแนวคิดเชิงสร้างสรรค์ ๑.๔ กลไกในการขับเคลื่อน : สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภาพรวม และการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฯ โดยอาศัยการดำเนินงานและการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ๒. ให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) รับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เช่น ควรให้ความสำคัญในการวางระเบียบเชื่อมโยงบูรณาการจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันดำเนินการส่งเสริมเศรษฐกิจไปในทิศทางเดียวกัน ควรพิจารณาทบทวนโครงการภายใต้แผนยุทธศาสตร์ที่ ๓ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์โลกและแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และควรติดตามผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายของร่างแผนปฏิบัติการฯ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
614 | การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | นร07 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ๑.๒ การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
615 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน และการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) | กต | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
616 | การขอความเห็นชอบต่อถ้อยแถลงรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ว่าด้วยการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน | กษ | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ว่าด้วยการตอบสนองต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด 19) เพื่อสร้างความมั่นใจเรื่องความมั่นคงด้านอาหาร ความปลอดภัยด้านอาหารและคุณค่าทางโภชนาการในอาเซียน และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า นอกจากความมั่นคงและความปลอดภัยของอาหารแล้ว ประเทศสมาชิกอาเซียนควรคำนึงถึงการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หรือโรคที่อาจอุบัติใหม่ ตั้งแต่กระบวนการผลิต การขนส่ง จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจต่อประเทศคู่ค้า และเป็นการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมิให้ล่าช้าออกไปด้วยไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
617 | การเพิ่มอัตราข้าราชการตั้งใหม่ และมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขรองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 | นร10 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๓ ที่เห็นชอบให้จัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ รวมทั้งสิ้น ๔๐,๘๙๗ อัตรา ประกอบด้วย การจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับการบรรจุบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ต้องปฏิบัติงานด่านหน้าในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ให้เข้ารับราชการ รวม ๓๘,๑๐๕ อัตรา และการจัดสรรอัตราข้าราชการตั้งใหม่ เพื่อรองรับการบรรจุนักศึกษาวิชาแพทยศาสตร์และทันตแพทยศาสตร์ ที่เป็นนักศึกษาคู่สัญญากับกระทรวงสาธารณสุขและสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ รวม ๒,๗๙๒ อัตรา รวมทั้งมาตรการเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข รองรับภาวะฉุกเฉินในสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ตามที่สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ และให้พิจารณาบรรจุแพทย์แผนไทยโดยอาจใช้อัตรากำลังที่เหลืออยู่ไปพร้อมกันด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เหมาะสม เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑) ดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ พร้อมปฏิทินการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ อย่างเคร่งครัด (๒) กำหนดนิยามคุณลักษณะของบุคลากรและลักษณะงานที่จะได้รับการพิจารณาให้เปลี่ยนสถานภาพเป็นข้าราชการให้มีความชัดเจน และสอดคล้องกับการให้ได้รับเงินเพิ่มพิเศษรายเดือน รวมทั้งการเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ และ (๓) เร่งจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปกำลังคนและภารกิจบริการด้านสาธารณสุขให้แล้วเสร็จ เพื่อให้สามารถวางระบบการบริหารอัตรากำลังให้สอดคล้องกับภารกิจบริการสุขภาพในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
618 | มาตรการรองรับการดำเนินการในระยะยาวตามประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (กรณีประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 74/2557 ) | นร09 | 15/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่ปัจจุบันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อยู่ในภาวะระบาดใหญ่ทั่วโลก ประกอบกับระบบกฎหมายไทยใช้ระบบคณะกรรมการมากกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ทั้งหมด ทั้งการประกอบกิจกรรมภาครัฐและภาคเอกชน และรัฐบาลได้กำหนดมาตรการให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนปฏิบัติงานจากที่บ้าน (Work From Home : WFH) และมีระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) เพื่อมิให้มีการชุมนุมของกลุ่มคนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อดังกล่าว ซึ่งส่งผลให้การประชุมในรูปแบบคณะกรรมการตามที่กฎหมายกำหนดทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนต้องกระทำผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ดี การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๗๔/๒๕๕๗ เรื่อง การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ อันเป็นกฎหมายกลางว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบ เช่น ในเรื่ององค์ประชุมซึ่งอย่างน้อยหนึ่งในสามของผู้เข้าร่วมประชุมยังคงต้องมาอยู่ในสถานที่เดียวกัน และผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดต้องอยู่ในราชอาณาจักร จึงทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งภาคธุรกิจต้องปรับตัวอย่างมากเพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น สมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ สมควรตรากฎหมายกลางว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นพระราชกำหนดตามมาตรา ๑๗๒ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขึ้นใช้บังคับแทนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าว จึงลงมติ
๑. เห็นชอบในหลักการให้มีกฎหมายกลางเพื่อรองรับการประชุมตามกฎหมายที่ดำเนินการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำร่างพระราชกำหนดตามหลักการดังกล่าว และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเร่งด่วนต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
619 | การกำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ | รง | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๒๐ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๓ ได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ จำนวน ๑๓ กลุ่มสาขาอาชีพ/กลุ่มอุตสาหกรรม รวม ๖๔ สาขาอาชีพ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ๑.๒ คณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ ๒๐ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ได้มีมติให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ ๓-๘) โดยให้รวบรวมอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือดังกล่าวไว้ในประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ฉบับที่ ๙) เพียงฉบับเดียว เพื่อให้มีความเหมาะสมและสะดวกต่อการถือปฏิบัติต่อไป ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดวันที่มีผลบังคับใช้ประกาศดังกล่าว โดยคำนึงถึงผลกระทบจากภาระต้นทุนของผู้ประกอบการและการจ้างงานในภาพรวมภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-๑๙) ในปัจจุบันไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
620 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2563 | นร10 | 07/04/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีประเด็นข้อสั่งการสำคัญที่มอบหมายให้ส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการรวม ๖ ประเด็น ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ให้ทุกส่วนราชการบูรณาการความร่วมมือและประสานงานกัน โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาภัยแล้ง รวมทั้งกำชับและสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง อำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้เข้าถึงการบริการของภาครัฐอย่างทั่วถึง ๑.๒ ให้กระทรวงพลังงานบริหารจัดการเรื่องการอนุญาตประกอบกิจการพลังงานทดแทนในแต่ละพื้นที่ โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อมของชุมชนโดยรอบ เช่น กรณีโรงไฟฟ้าชุมชนที่มีการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ๑.๓. ให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดการเจรจาต่อรองกับราชอาณาจักรกัมพูชาในกรณีพื้นที่ทับซ้อน เพื่อการใช้ประโยชน์พื้นที่ร่วมกัน แต่ประเทศไทยจะต้องไม่สูญเสียดินแดนทั้งผืนดินและผืนน้ำ ๑.๔ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ร่วมกันพิจารณาการกำหนดพื้นที่ (Zoning) ในการปลูกพืชที่สามารถใช้ประโยชน์ด้านพลังงาน เช่น ปาล์ม หญ้าเนเปียร์ อ้อย โดยกำหนดพื้นที่บริเวณเพาะปลูก และปริมาณที่เหมาะสมกับการใช้ประโยชน์ ๑.๕ ให้ทุกส่วนราชการที่มีความจำเป็นต้องขอรับการจัดสรรงบกลางเพื่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาภัยแล้ง จัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณส่งให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๖๓ และเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้ปรับเปลี่ยนเป็นแผนงาน/โครงการที่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือระยะสั้นที่พร้อมดำเนินการ ๑.๖ ให้ทุกส่วนราชการร่วมกันดำเนินการการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังพิจารณาการให้สิทธิประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เพื่อการดูแลบุคลากรทางการแพทย์/สาธารณสุข ซึ่งปฏิบัติภารกิจให้การดูแลประชาชนภายใต้สภาวการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เช่น การเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ และการจัดทำประกันสุขภาพ และให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดการสนับสนุนโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการเพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยให้มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณความต้องการใช้งาน ๒. ให้แก้ไขข้อความในหนังสือสำนักงาน ก.พ. ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๐๐๗.๒/๑๕ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ในหน้า ๒ ข้อ ๓.๓ บรรทัดที่ ๒ จากเดิม “....พื้นที่ทับซ้อน...” เป็น “....พื้นที่อ้างสิทธิ์...”
|
.....