ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 25 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 497 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
161 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน | กก. | 21/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนงาน/โครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้แก่ประชาชน ดังนี้ (๑) ด้านการท่องเที่ยว ได้แก่
การขยายระยะเวลาการใช้สิทธิ์โครงการทัวร์เที่ยวไทย และเพิ่มจำนวนห้องพักโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
การจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ประจำปี ๒๕๖๕
การยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่อใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวและใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์
การแจกจ่ายชุดตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเอง (ATK) สำหรับผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
จำนวน ๗,๐๐๐ ชุด และ (๒) ด้านกีฬา ได้แก่
การปรับลดอัตราค่าบริการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกายที่ตั้งในอาคารนิมิตรบุตร
สนามกีฬาแห่งชาติและศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย ณ
สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ ๖๐ พรรษา
จังหวัดปทุมธานี การส่งเสริมการออกกำลังกาย ด้วยแอโรบิค โดยให้บริการนำเต้นให้แก่ประชาชน
โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายบริเวณสนามกีฬาแห่งชาติ และสวนลุมพินี
โครงการออกกำลังกายและกีฬาสื่อมวลชน การขยายเวลาการเปิดให้บริการ (ฟรี)
ของศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ และสนามกีฬาจังหวัด ช่วงปีใหม่ เป็นต้น
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
162 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2565 ให้แก่ประชาชน | นร.01 | 21/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
๒๕๖๕ ให้แก่ประชาชน ได้แก่ (๑) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มอบบริการพิเศษเพิ่มความสุขและร้อยยิ้มให้ประชาชน
ในการรับแจ้งเหตุ แจ้งเบาะแส เรื่องร้องทุกข์ทั่วไป ผ่านช่องทางสายด่วนของรัฐบาล
๑๑๑๑ www.1111.go.th และ Application PSC 1111 ตลอด ๒๔ ชั่วโมง (๒) กรมประชาสัมพันธ์ มอบข้อมูลข่าวสารออนไลน์เกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
พร้อมทั้งข่าวสารเกี่ยวกับของขวัญปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๕
ของส่วนราชการทางสถานีโทรทัศน์วิทยุแห่งประเทศไทย และ (๓)
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ร่วมกับผู้ประกอบการออนไลน์ ลดค่าครองชีพของประชาชน
โดยจะมอบคูปองส่วนลดในการซื้อสินค้าออนไลน์ของผู้ประกอบการรายใหญ่ให้แก่ประชาชน
ระหว่างวันที่ ๑-๓๑ มกราคม ๒๕๖๕ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
163 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 20/2564 | นร. | 14/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานผลการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) แผนการให้บริการวัคซีน ปี ๒๕๖๕ ๔) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร
และมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในการจัดงานช่วงเทศกาลปีใหม่
และการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี และ ๕)
การปรับมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
164 | ร่างบันทึกการประชุม (Record of Discussion) ของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 11 | กต. | 14/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกการประชุม (Record of Discussion) ของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี
(Joint Commission for Bilateral Cooperation : JC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๑ ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘
ธันวาคม ๒๕๖๔ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเป็นประธานร่วม
ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างบันทึกการประชุมฯ
ในวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๔ โดยวัตถุประสงค์ของร่างบันทึกการประชุมฯ
เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมของรัฐบาลทั้งสองประเทศที่จะส่งเสริมความร่วมมืออย่างรอบด้านทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี
โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
รวมทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
ในฐานะ “หุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความเจริญ รุ่งเรือง”
ให้มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและก่อประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองฝ่าย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
165 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 16 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส. | 14/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม
ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๑-๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๔
ผ่านระบบการประชุมทางไหล
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
เข้าร่วมการประชุมฯ โดยการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑)
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๖
โดยไทยได้เรียกร้องให้สมาชิกอาเซียนดำเนินนโยบายเชิงรุกเพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
และให้เร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลด้วย
(๒) การประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียน เรื่อง มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน
ครั้งที่ ๑๖
เพื่อหารือสถานการณ์และการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในภูมิภาคอาเซียน
และ (๓) การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๑๗
เพื่อหารือความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมกับจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
166 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers: AEM) ครั้งที่ 53 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Minsters : AEM) ครั้งที่ ๕๓ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๘-๑๕ กันยายน
๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีเนการาบรูไนดารุสซาลาม (บรูไน)
เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม และมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ (นายสรรเสริญ
สมะลาภา) เข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. การประชุม AEM
ครั้งที่ ๕๓
มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจภายหลังโควิด-๑๙
การค้าบริการอาเซียน และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional
Comprehensive Economic Partnership : RCEP ๒.
การประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน ครั้งที่ ๓๕
มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นการขยายรายการสินค้าจำเป็นในบัญชีและการจัดตั้งคณะผู้พิจารณาอิสระ
(ไทยจะยังไม่เข้าร่วม) ๓.
การหารือของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับประเทศนอกภูมิภาค ได้แก่
การเข้าร่วมความตกลง RCEP และความตกลงต่าง ๆ ๔. การหารือระหว่าง AEM
กับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน
มีการแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นที่ภาคเอกชนให้ความสำคัญในปี ๒๕๖๔
โดยเฉพาะการสร้างสภาพแวดล้อมและการเสริมสร้างความสามารถของแรงงานในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ๕.
การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์
โดยไทยจะให้การสนับสนุน SMEs ในสาขาที่สิงคโปร์สนใจ
และขอให้สิงคโปร์สนับสนุนการนำเข้าสินค้าเกษตร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
167 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 5/2564 | นร.11 สศช | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๔
เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๔ ๑.๒
มอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตามมติคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19)
และข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
168 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2564 | กค. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่
๓ ปี ๒๕๖๔ ประกอบด้วย (๑)
การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๔ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๔ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ ๐.๕ ต่อปี และคาดว่าในปี
๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ร้อยละ ๐.๗ และ ๓.๙ ตามลำดับ (๒) การประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจการเงินเพื่อประกอบการดำเนินนโยบายการเงิน
ประเมินว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าในปี ๒๕๖๔ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้จากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-๑๙
และในปี ๒๕๖๕ คาดว่าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น และ (๓)
แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของไทย คาดว่าในปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ ๐.๗
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรควิด-๑๙ โดยคาดว่าประมาณการเศรษฐกิจในปี
๒๕๖๕ จะขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ ๓.๙ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัวและสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
169 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2564 | ศอบต. | 07/12/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔
ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑. เรื่องเพื่อทราบ
(๖ เรื่อง) ได้แก่ (๑)
รายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
(๒)
รายงานความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
(๓) รายงานความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความยั่งยืน
(๔)
รายงานความคืบหน้าและผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าแบบครบวงจรในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อความมั่นคง
มั่งคั่ง ยั่งยืน (๕)
รายงานความคืบหน้าโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วนและการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๖) รายงานความก้าวหน้าการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่
สำหรับดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
ไปสู่เมืองต้นแบบที่ ๔ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา
“เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. เรื่องเพื่อพิจารณา (๔ เรื่อง) ได้แก่ (๑)
การขยายผลโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ (๒)
ขออนุมัติหลักการโครงการแก้ไขปัญหาสุขภาวะและภาวะโภชนาการต่ำของเด็กเล็กในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ (๓)
ขออนุมัติหลักการและกรอบวงเงินโครงการเมืองปศุสัตว์ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล
จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๔)
การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองร่างยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ตามมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
170 | การจัดทำแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. 2021-2023) | กต. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้
ดังนี้ (๑) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบกำหนดแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสในระยะ
๓ ปี โดยเน้นความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
ภายใต้บริบทสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติของไทย การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) และเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส
ไปสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ภายในปี ๒๕๖๖ (๒) กรอบความร่วมมือ ๔ ส่วน ได้แก่
การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคง
การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน
การเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชน
เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนผ่านการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์
ภาษาและวัฒนธรรม และการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นระดับโลก
โดยให้ความสำคัญกับความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับทวิภาคี
ภูมิภาค และระหว่างประเทศ โดยให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เป็นผู้ลงนามร่างแผนการ (Roadmap)
สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
โดยปรับแก้ถ้อยคำในร่างแผนการฯ ฉบับภาษาไทย ส่วนที่ ๑ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสันติ
เสถียรภาพและความมั่นคง ให้ตรงกับกฎหมายและหลักปฏิบัติภายในประเทศ ดังนี้ ๑. (ง)
คำว่า “การบ่มเพาะความรุนแรงและแนวคิดสุดโต่ง” ปรับแก้เป็น
“การบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่ง” ๒. (ช) คำว่า “ขบวนการอาชญากรรม” ปรับแก้เป็น. “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ”
๓. (ช) คำว่า “การค้าอาวุธ” ปรับแก้เป็น “การลักลอบค้าอาวุธ” ทั้งนี้
เพื่อให้เป็นไปตามถ้อยคำจากร่างแผนการฯ
คู่ฉบับภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศสเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับกฎหมายรวมถึงแนวปฏิบัติของหน่วยงานรับผิดชอบของฝ่ายไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนการ (Roadmap) สำหรับการดำเนินความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส (ค.ศ. ๒๐๒๑-๒๐๒๓) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
171 | ถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 1 (First Meeting of the International Forum on COVID-19 Vaccine Cooperation) | กต. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ (First Meeting of the International Forum on COVID-19
Vaccine Cooperation) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการผลิตวัคซีนและความร่วมมือด้านเทคโนโลยีในการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙
ให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะที่สามารถเข้าถึงได้และมีราคาที่จัดหาได้มากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาและเพื่อระดมความเห็นเพื่อสนับสนุนประชาคมโลกในการเอาชนะโควิด-๑๙
โดยถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ครั้งที่ ๑ มีสาระสำคัญเพื่อเน้นย้ำว่าวัคซีนป้องกันโควิด-๑๙ เป็นสินค้าสาธารณะของโลก
และความสำคัญของแนวคิดวัคซีนพหุภาคีนิยม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
172 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 19/2564 | นร. | 30/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 สรุปได้ ดังนี้ ๑) รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานผลการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) ผลการดำเนินงานและแผนการเปิดประเทศ และการจัดทำเว็บไซต์หลักของประเทศไทย (Thailand.go.th) ๔) สถานการณ์แรงงานในประเทศและความก้าวหน้าในการนำแรงงานเข้าประเทศ ๕) การปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ๖) การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร และมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 (กิจการสถานบันเทิง) และ ๗) การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ ๑๕) ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับมาตรการป้องกันควบคุมโควิด-19 สำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรประเภท Test and Go นั้น ให้คงวิธีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ตามคำสั่ง ศบค. ที่ ๑๗/๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๑๗) ลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ ต่อไป ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายสาธิต ปิตุเตชะ) เสนอa
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
173 | สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน ไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.01 | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็นจากประชาชน
ไตรมาสที่ ๓ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ พร้อมผลการวิเคราะห์เรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น
พบว่า ประชาชนได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์และรับข้อคิดเห็น ผ่านช่องสายด่วนของรัฐบาล
๑๑๑๑ มากที่สุด โดยยื่นเรื่องประเด็นการรักษาพยาบาลมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเสนอข้อคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ๒. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะบูรณาการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการเรื่องร้องทุกข์
และการประสานความร่วมมือส่วนราชการเพื่อสนับสนุนการดำเนินการในระยะต่อไป ดังนี้ ๒.๑ ขอให้ทุกส่วนราชการพิจารณาเพิ่มการสร้างพันธมิตรในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์วิกฤติโควิด-๑๙
ร่วมกับภาคเอกชนและกลุ่มอาสาสมัครต่าง ๆ
เพื่อสนับสนุนในการให้ความช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ ๒.๒ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาสำรวจความต้องการและความคาดหวังของผู้รับบริการ
(ประชาชน) ให้มากยิ่งขึ้น
เพื่อนำไปสู่การพัฒนาหรือปรับปรุงการให้บริการให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ตลอดจนยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่องานบริการของภาครัฐอีกทางหนึ่งด้วย
ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม (Participation)
ในการบริหารจัดการภาครัฐ ๒.๓ ขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพิจารณาลดข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน
เพื่อให้สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
และลดอัตราการเสียชีวิตให้ได้โดยเร็ว
และสนับสนุนให้ใช้กลไกคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในการประสานแก้ไขสถานการณ์ในเชิงพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้อย่างเหมาะสม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
174 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 13 | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และให้นายกรัฐมนตรี
หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ โดยร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญ ได้แก่ (๑)
ร่างแถลงการณ์ประธานการการประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๓ เน้นย้ำบทบาท ASEM ในการส่งเสริมพหุภาคนิยมเพื่อการเจริญเติบโต
โดยเฉพาะในบริบทของโลกหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
(โควิด-๑๙) ในประเด็นในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม (๒)
แถลงการณ์พนมเปญว่าด้วยการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจและสังคมหลังวิกฤติการแพร่ระบาดของโรค-๑๙
ซึ่งกล่าวสนับสนุนบทบาทขององค์การอนามัยโลกในการรับมือกับโรคระบาด
ย้ำความจำเป็นในการเข้าถึงยาและวัคซีนที่มีคุณภาพอย่างปลอดภัยและเท่าเทียม การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
เป็นต้น (๓) ร่างเอกสารเส้นทางสู่ความเชื่อมโยงระหว่างเอเชีย-ยุโรป เป็นเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่อาวุโส
ASEM กับกลไกความร่วมมือรายสาขาต่าง ๆ ของ ASEM ที่มีอยู่แล้ว เพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านความเชื่อมโยงในกรอบ ASEM และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโครงการด้านความเชื่อมโยงต่าง ๆ ในกรอบ ASEM ต่อสาธารณชน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมผู้นำเอเชีย-ยุโรป
ครั้งที่ ๑๓ จำนวน ๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหุตผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
175 | มาตรการสินเชื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ | กค. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการสินเชื่อสร้างงาน
สร้างอาชีพ รวมถึงอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม ๑,๕๐๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเยียวยาฟื้นฟูให้แก่ประชาชน ผู้เริ่มประกอบการ
ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบการขนาดย่อม
และผู้ขับขี่รถสาธารณะที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด ๑๙ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเริ่มต้นในการประกอบอาชีพหรือเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ
ให้สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป
จัดลำดับความสำคัญของผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งติดตามดูแล
และควบคุมการดำเนินมาตรการให้เป็นไปตามคำสั่งและระเบียบภายในของธนาคาร
และพิจารณาเพิ่มกรอบวงเงินของมาตรการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณให้ธนาคารออมสินดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
176 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-รัสเซีย สมัยพิเศษ | กต. | 23/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน-รัสเซีย
สมัยพิเศษ ในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ความสัมพันธ์คู่เจรจาอาเซียน-รัสเซีย เมื่อวันที่ ๖
กรกฎาคม ๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป โดยมีสาระสำคัญ เช่น
การหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของความร่วมมือภายใต้แผนปฏิบัติการอย่างครอบคลุมเพื่อดำเนินการความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-รัสเซีย
ฉบับใหม่ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘)
ความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยารักษาโรคโควิด-๑๙
การนำเสนอรายชื่อโครงการความร่วมมืออาเซียน-รัสเซีย ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
และนวัตกรรม เพื่อนาคตที่มั่งคั่งร่วมกัน และการย้ำความสำคัญของความเป็นแกนกลางของอาเซียนในสถาปัตยกรรมภูมิภาค
และกลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
177 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 18/2564 | นร.04 | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.)
ครั้งที่ ๑๘/๒๕๖๔ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ สรุปได้ดังนี้ ๑)
รายงานสถานการณ์และคาดการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ๒) รายงานการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๓) ผลการดำเนินการเปิดประเทศ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ ๔) การดำเนินการโครงการ Factory Sandbox ในระยะที่ ๒ ๕)
แผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ๖) มาตรการควบคุมโรคและปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร
๗) แนวทางการนำแรงงานต่างด้าวเข้าราชอาณาจักรภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19
และ ๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
178 | ข้อกำหนดและคำสั่งที่ออกตามความในมาตรา 7 และมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 รวม 3 ฉบับ | นร.05 | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๗ และมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ รวม ๓
ฉบับ ดังนี้ ๑.
ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๘) ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ขึ้นใหม่
เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการควบคุมและป้องกันโรคจำแนกตามเขตพื้นที่สถานการณ์
(พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม
พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว)
และกำหนดให้บรรดามาตรการควบคุมแบบบูรณาการ ข้อห้าม ข้อยกเว้น
และข้อปฏิบัติสำหรับพื้นที่สถานการณ์ต่าง ๆ
รวมทั้งมาตรการเตรียมความพร้อมภายใต้พระราชกำหนดฯ (ฉบับที่ ๓๗) ลงวันที่๓๐ ตุลาคม
พ.ศ. ๒๕๖๔ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป ๒.
คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ที่ ๒๑/๒๕๖๔ เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม และพื้นที่เฝ้าระวังสูง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา
๙ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน
๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดระดับของพื้นที่สถานการณ์เพื่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมแบบบูรณาการ
ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งสิ้น ๖ จังหวัด (จังหวัดตาก
จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา)
พื้นที่ควบคุมสูงสุด รวมทั้งสิ้น ๓๙ จังหวัด (เพิ่มจังหวัดจันทบุรี) พื้นที่ควบคุม
รวมทั้งสิ้น ๒๓ จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวังสูง รวมทั้งสิ้น ๕ จังหวัด ๓. คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๒/๒๕๖๔ เรื่อง การจัดโครงสร้างของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๙) ลงวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีศูนย์ปฏิบัติการด้านการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน
ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นโครงสร้างภายในของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
โดยมีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหัวหน้าศูนย์
และผู้ปฏิบัติงานในศูนย์ดังกล่าว เป็นผู้ปฏิบัติงานในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
179 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 21 | กต. | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
(Indian Ocean Rim
Association Council of Ministers : IORA COM)
ครั้งที่ ๒๑ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างแถลงการณ์ธากาในการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย
ครั้งที่ ๒๑ โดยไม่มีการลงนาม ในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ โดยร่างแถลงการณ์ธากาเป็นเอกสารผลผลลัพธ์การประชุมฯ
เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองระดับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกในการขับเคลื่อนความร่วมมือในภูมิภาค
โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) ยินดีต่อการรับตำแหน่งประธานของบังกลาเทศ (๒)
รับทราบถึงการทำหน้าที่อย่างดียิ่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธาน
ระหว่างปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔ (๓) ส่งเสริมความร่วมมือและสนับสนุนให้สมาคมฯ
มีบทบาทหลักในการใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรอินเดียอย่างยั่งยืน เพื่อการพัฒนาโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
และการรับมือกับความท้าทาย รวมถึงประเด็นสำคัญอื่น ๆ โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-๑๙
(๔) รับทราบผลการคัดเลือกเลขาธิการสมาคมฯ คนใหม่ (๕) รับรองสหพันธรัฐรัสเซียและซาอุดิอาระเบียเป็นประเทศคู่เจรจา
ลำดับที่ ๑๐ และ ๑๑ ของสมาคมฯ (๖)
รับทราบการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (ค.ศ. ๒๐๑๗-๒๐๒๑)
และผลการจัดทำแผนปฏิบัติการสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ฉบับที่สอง (ค.ศ. ๒๐๒๒-๒๐๒๗)
และ (๗) รับทราบการปรับปรุงการบริหารจัดการของสมาคมฯ เกี่ยวกับกฎระเบียบเรื่องบุคลากรและด้านการเงิน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแถลงการณ์ธากา
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
180 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2564 และแนวโน้มปี 2564 - 2565 | นร.11 สศช | 16/11/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๔ และแนวโน้มปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๔ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๐.๓
เทียบกับการขยายตัวร้อยละ ๗.๖ ในไตรมาสก่อนหน้า (%YoY) และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๔ ลดลงจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๔ ร้อยละ ๑.๑ (QoQ_SA) รวม ๙ เดือนแรก ของปี ๒๕๖๔ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๑.๓ โดยด้านการใช้จ่าย
การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง ขณะที่การส่งออกสินค้า การลงทุนภาคเอกชน
และการใช้จ่ายภาครัฐบาลขยายตัว การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ลดลงร้อยละ ๓.๒ เทียบกับการขยายตัวร้อยละ
๔.๘ ในไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาครัฐบาล
การลงทุนรวมโดยการลงทุนภาคเอกชน การส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัวในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น
เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ รถยนต์นั่ง และลดลงในกลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าลดลง
ได้แก่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนด้านการผลิต
สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม และสาขาก่อสร้าง สาขาเกษตรกรรม การป่าไม้และประมง
สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร สาขาการเงิน ขยายตัว
การผลิตสาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า
สาขาการไฟฟ้าและก๊าซ สาขาการขายส่งการขายปลีกและการซ่อมแซมฯ ลดลงต่อเนื่อง ๒.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๒ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ
จากการลดลงร้อยละ ๖.๑ ในปี ๒๕๖๓ อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๑.๒
และบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ ๒.๕ ต่อ GDP เทียบกับการเกินดุลร้อยละ ๔.๐ ต่อ GDP ในปี ๒๕๖๓ ๓.
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี ๒๕๖๕ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๕-๔.๕ ปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า
ๆ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก (๑) การฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและภาคการผลิตตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่มีแนวโน้มคลี่คลายลงและความคืบหน้าของการกระจายวัคซีน (๒) การฟื้นตัวอย่างช้า ๆ
ของภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศภายใต้นโยบายการเปิดประเทศของภาครัฐ (๓)
การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการส่งออกสินค้า (๔)
การขับเคลื่อนจากการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และ (๕) ฐานการขยายตัวที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. จะขยายตัวร้อยละ ๔.๙
ขณะที่การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวร้อยละ ๔.๓ และร้อยละ ๔.๒
ตามลำดับ ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๖ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วงร้อยละ
๐.๙-๑.๙ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๑.๐ ของ GDP ๔.
การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของในปี ๒๕๖๔ และ ปี ๒๕๖๕ ควรให้ความสำคัญกับ
(๑) การป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศให้อยู่ในวงจำกัด (๒) การสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจ
(๓) การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการท่องเที่ยวภายในประเทศ
(๔) การขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า (๕) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน (๖)
การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ และ (๗) การติดตามและเฝ้าระวังความผันผวนของภาคเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีแนวโน้มที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
|