คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดย
เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  3  กุมภาพันธ์  2547 เกี่ยวกับหน่วยงานที่จะทำหน้าที่รับผิด
ชอบการบริหารจัดการโครงการแผนผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่ถนนราชดำเนินและบริเวณต่อเนื่องโดยให้จัด
ตั้งคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน ภายใต้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  และมี
สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการ ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ดำเนินการบริหารจัดการโครงการแผนผังแม่บท ฯ  แทน   และเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายก
รัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน  พ.ศ. ....    และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขถ้อยคำในร่างข้อ 6 เกี่ยวกับองค์ประกอบคณะกรรมการ ฯ  โดยให้
นายกรัฐมนตรีอาจมอบหมายให้รัฐมนตรีท่านใดท่านหนึ่งเป็นประธานกรรมการได้ด้วย  เพื่อให้คล่องตัวยิ่ง
ขึ้น  แล้วดำเนินการต่อไปได้  สำหรับสาระสำคัญร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  ฯ  เป็นการกำหนดให้มี
คณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษถนนราชดำเนิน  (กบพร.)  โดยมีนายกรัฐมนตรี  เป็นประธาน
กรรมการ รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งไม่เกิน 5 คน เป็นกรรม
การ  ให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมและเลขานุการ   และให้
ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษราชดำเนิน  และผู้แทนสำนักงานทรัพย์
สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ   และให้มีสำนักงานคณะกรรมการบริหารการ
พัฒนาพื้นที่พิเศษราชดำเนิน  (สพร.)  เป็นหน่วยงานภายในสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการของ กบพร.

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการมอบอำนาจให้รัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ แทนนายก
รัฐมนตรี  พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาโดยด่วน  แล้วให้ดำเนินการต่อ
ไปได้ โดยร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ในกรณีที่ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฉบับ
ต่าง ๆ กำหนดให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ โดยให้นายกรัฐมนตรี  รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่นายก
รัฐมนตรีมอบหมาย  เป็นประธานกรรมการ   ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจมอบหมายให้รัฐมนตรีคนหนึ่งคนใด
เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าวแทนได้  และกรณีนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการ
ในคณะกรรมการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีคนหนึ่ง
คนใด เป็นประธานกรรมการไปแล้วในวันก่อนวันที่ระเบียบนี้ใช้บังคับ   ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป   เว้นแต่นายก
รัฐมนตรีจะมีคำสั่งมอบหมายเป็นอย่างอื่น

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า
ด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  และให้ส่ง
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรีฉบับนี้เป็นการกำหนดให้การแสดงธงชาติไว้ที่สิ่งบรรจุ   หีบห่อ   สิ่งหุ้มห่อ   สิ่งผูกมัด   ผลิตภัณฑ์
สินค้าใด ๆ อาคาร สถานที่ ยานพาหนะ  เครื่องแต่งกาย  ร่างกาย  หรือสิ่งอื่นใด  ที่มิได้มีลักษณะเป็นการเหยียด
หยามต่อธงชาติ ประเทศไทย หรือชาติไทย  ให้ทำได้โดยสมควรในกรณีเป็นการแสดงธงชาติที่กระทำโดยส่วนราช
การ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เป็นการแสดงธงชาติที่กระทำโดยเอกชนเพื่อประโยชน์ทางการพาณิชย์
และเป็นการแสดงธงชาติที่กระทำโดยเอกชนในกรณีอื่น  ๆ   ทั้งนี้   หลักเกณฑ์และวิธีการขอความเห็นชอบในการ
แสดงธงชาติให้เป็นไปตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างระเบียบสำนักนายก
รัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง  (ฉบับที่ 3)  พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ มีสาระสำคัญ
ดังนี้ เปลี่ยนชื่อคณะกรรมการจากคณะกรรมการอำนวยการและประสานงานมูลนิธิโครงการหลวง (กอป.) เป็น
คณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนโครงการหลวง  (กปส.)  พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อสำนักงานเลขานุการคณะ
กรรมการดังกล่าวให้สอดคล้องกัน  แก้ไของค์ประกอบของกรรมการให้สอดคล้องกับการปฏิรูปราชการ  รวม  3
หน่วยงาน คือ ปลัดกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของ
มนุษย์ ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็นปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ
ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย เป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการ  รวมทั้งเพิ่มเติมปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง
แวดล้อม  และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นคณะกรรมการ กำหนดให้ในการให้คำ
รับรองผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโครงการหลวง เพื่อให้หน่วยงานต้นสังกัดรับไปประกอบการ
พิจารณา  ให้  กปส.  พิจารณาข้อเสนอแนะของมูลนิธิโครงการหลวง  และคำนึงถึงคุณภาพของผลงานและความ
ประหยัด  แก้ไขในเรื่องการโอนหรือเปลี่ยนแปลงงานหรือโครงการ   เพื่อให้เกิดความสะดวกและคล่องตัวในการ
ปฏิบัติงาน และแก้ไขวิธีการควบคุมและติดตามประเมินผล

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอความเห็น
และข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกรณีการปรับโครงสร้างกิจการพลังงานภายใต้
(ร่าง)  พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน รวมทั้งรับทราบความเห็น  ผลการพิจารณา  และผลการ
ดำเนินการต่อความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ ของกระทรวงพลังงาน  ดังนี้  จากการประชุมเชิง
ปฏิบัติการยุทธศาสตร์พลังงานเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2546 ได้มีการกำหนดเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการพัฒนา
พลังงานทดแทน จากร้อยละ 0.5 เป็นร้อยละ 8 ใน 10 ปี ข้างหน้า  และการดำเนินมาตรการสนับสนุนและส่ง
เสริมการพัฒนาพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ  และตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2546 ให้จัด
ตั้งองค์กรกำกับดูแลกิจการพลังงานขึ้นภายใต้กระทรวงพลังงานโดยมีการแยกอำนาจหน้าที่ของการกำกับดูแล
ผู้ประกอบกิจการและผู้กำหนดนโยบายออกจากกันอย่างชัดเจน แต่อยู่ภายใต้นโยบายของรัฐ เพื่อให้การจัดตั้ง
องค์กรดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์จะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายและรวบรวมความเห็นทุกฝ่าย รวมไปถึงความ
เห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา ฯ เพื่อประกอบการพิจารณาเพื่อให้กฎหมายมีความสมบูรณ์ครอบคลุม
ประเด็นต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้กิจการไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงสุด  นอกจากนี้  คณะรัฐมนตรีได้มีมติในเรื่องรูปแบบ
โครงสร้างกิจการไฟฟ้า Enhanced Single Buyer (ESB) โดยกำหนดให้แยกบัญชีการเงินระหว่างธุรกิจผลิตกับ
ธุรกิจระบบส่งไฟฟ้า เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนสามารถแข่งขันในการผลิตไฟฟ้าได้อย่างเป็นธรรม  ตลอดจนส่ง
เสริมให้กิจการไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง  สำหรับการส่งเสริมให้ชุมชนท้อง
ถิ่นและรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีส่วนร่วมในการจัดการพลังงานและผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุน
เวียน  ขยะ  วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและอุตสาหกรรม นั้น  ปัจจุบันได้มีการสนับสนุนให้ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจาก
พลังงานหมุนเวียน ขยะ  และวัสดุเหลือใช้ทางเกษตรและอุตสาหกรรม  ร้อยละ 3.5  ของกำลังการผลิตใหม่ทั้ง
หมด  ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2545   เห็นชอบร่างระเบียบการรับซื้อไฟฟ้า
จากผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขนาดเล็กมาก ซึ่งเป็นการกระจายโอกาสไปยังพื้นที่ห่างไกลให้เข้ามามีส่วน
ร่วมในการผลิตไฟฟ้า   โดยเฉพาะส่งเสริมให้ชุมชนท้องถิ่นและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเข้ามามีส่วน
ร่วมในการผลิตไฟฟ้าอันเป็นการใช้ทรัพยากรจากท้องถิ่นในการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองหรือขายให้กับการไฟฟ้า

              คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ  ดังนี้
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ครั้งที่ 4/2546 ซึ่งได้
พิจารณาและมีมติในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่เรื่อง  การจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและ
การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ กรอบแนวคิดยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน และการพัฒนาโลจิส
ติกส์ในประเทศไทย   และเห็นชอบให้รวมคณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและ
คณะกรรมการพัฒนาที่ยั่งยืนเข้าด้วยกันโดยใช้ชื่อว่า "คณะกรรมการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและ
การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ" กับเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี   ว่าด้วยการพัฒนา
ขีดความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนของประเทศ พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภาย
ในส่วนราชการ  พ.ศ. ....   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   โดยให้รับความเห็นและข้อ
สังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  และประเด็นอภิปรายของ คกก.7 เกี่ยวกับการให้หัวหน้าส่วนราชการพิจารณา
อนุมัติให้ใช้น้ำ  กระแสไฟฟ้า  และสิ่งสาธารณูปโภคอื่น   เพื่อการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการได้โดยประหยัด
ตามร่างข้อ  16(3)  ควรปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  22  กรกฎาคม  2546  ให้ส่วนราชการแยกมิเตอร์
หรือเครื่องวัดการใช้สาธารณูปโภคในส่วนที่เป็นการใช้ในราชการกับที่มิได้ใช้ในราชการออกจากกันให้ชัดเจนและ
ทั่วถึง   และห้ามมิให้นำเงินงบประมาณไปจ่ายชำระค่าสาธารณูปโภคในส่วนที่มิได้ใช้ในราชการ   ส่วนการให้กอง
ทุนสวัสดิการอาจมีรายได้จากการกู้เงินจากสวัสดิการภายในส่วนราชการของส่วนราชการอื่นหรือสถาบันการเงิน
ตามร่างข้อ  18(4)  นั้น   เนื่องจากสวัสดิการภายในส่วนราชการไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล  การกู้เงินเป็นความยิน
ยอมกันระหว่างคู่สัญญา  แล้วแต่ผู้ให้กู้และผู้กู้  ดังนั้น  หากคณะกรรมการสวัสดิการของส่วนราชการเป็นผู้กู้  โดย
ยอมรับผิดผูกพัเป็นรายบุคคล และไม่มีผลผูกพันส่วนราชการก็น่าจะกระทำได้ ไปพิจารณาด้วย แล้วให้ดำเนินการ
ต่อไปได้   และเห็นชอบในหลักการของข้อเสนอเพิ่มเติมของ  ก.พ.  เพื่อให้การจัดสวัสดิการตามร่างระเบียบ  ฯ  มี
ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณา  โดยให้รับความเห็นของ คกก.7 ไปพิจารณาดำเนิน
การต่อไปด้วยดังนี้ กรณีการให้ส่วนราชการต่างๆ ที่มีอำนาจจัดเก็บค่าธรรมเนียมการบริการประชาชน ปรับปรุง
กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง  เพื่อนำเงินที่เก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวเข้ากองทุนสวัสดิการ  และนำไปจ่ายเป็น
สวัสดิการเพิ่มให้กับข้าราชการและลูกจ้างในสังกัด  โดยไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน  นั้น  โดยที่คณะรัฐมนตรี
ได้มีมติเมื่อวันที่  16  ธันวาคม  2546 อนุมัติให้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการจัด
สรรค่าตอบแทนให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้งระบบ  โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการ
พิจารณาเกี่ยวกับการจัดเก็บอัตราค่าบริการ  ค่าธรรมเนียมต่าง  ๆ  เพื่อนำไปจัดสรรเป็นค่าตอบแทนนอกเหนือ
จากเงินเดือนให้กับข้าราชการทั้งระบบในภาพรวม  จึงเห็นควรให้คณะกรรมการเฉพาะกิจ ฯ  รับข้อเสนอเพิ่มเติม
ในประเด็นนี้ ไปพิจารณาต่อไปด้วย     รวมทั้งการปรับปรุงพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติแห่งประมวลรัษฎากร
พ.ศ. 2481  เพื่อให้ผู้บริจาคเงินเข้ากองทุนที่เป็นบุคคลนำเงินที่บริจาคไปหักลดหย่อนภาษีและให้ผู้บริจาคเงินที่
เป็นนิติบุคคลนำเงินที่บริจาคไปถือเป็นรายจ่ายเพื่อการคิดคำนวณในการเก็บภาษีรายได้  โดยที่การยกเว้นภาษี
อากรเป็นเรื่องสิทธิประโยชน์ที่บังคับใช้แก่บุคคลทั่วไป   ดังนั้น   จึงควรส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาโดย
ตรง

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 3  (คกก.3)
ที่มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายด้าน
สิ่งแวดล้อม  พ.ศ. ....  ที่สำนักงานอัยการสูงสุดยกร่าง  โดยร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  ฯ  มีสาระสำคัญ
ดังนี้จัดตั้งคณะกรรมการว่าด้วยการประสานงานเพื่อบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อทำหน้าที่ในการติด
ตาม ดูแล และเร่งรัดประสานงานระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันเอง  และระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน  และ
วินิจฉัยปัญหาข้อขัดข้องในทางปฏิบัติเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยสะดวก   รวดเร็ว   และมีเอกภาพ
ขอความร่วมมือจากประชาชนผู้เสียหาย  องค์กรเอกชน   และองค์กรชุมชนให้มาร่วมสอดส่อง   ดูแล   ป้องกัน
และปราบปรามการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมอย่างใกล้ชิดโดยสอดคล้องกับมาตรา 56 แห่งรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย   ซึ่งรับรองสิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการคุ้มครองส่งเสริมและรักษา
คุณภาพสิ่งแวดล้อม และกำหนดมาตรการแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบและให้เพิ่มเติมผู้
แทนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรธรณี กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
และกรมอุทยานแห่งชาติ  สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  เป็นกรรมการในคณะกรรมการ ฯ  ในร่างระเบียบข้อ 5  ตามที่
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและข้อสังเกตของ คกก.3 ไปพิจารณา แล้วดำเนิน
การต่อไปได้ โดยในส่วนของข้อสังเกตของ คกก.3  มีดังนี้  (1)  แก้ไขร่างข้อ 12.1 เป็น "ในกรณีที่ปรากฏว่ามี
การกระทำความผิดตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและไม่ปรากฏผู้ร้องทุกข์หรือกล่าวโทษตามกฎหมายภายใน
ระยะเวลาอันสมควรให้กรมควบคุมมลพิษกล่าวโทษตามกฎหมายโดยเร็ว แต่ทั้งนี้ ไม่เกิน 7 วัน นับแต่ทราบว่า
ได้มีการกระทำความผิด"  (2)  เพิ่มเติมผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
อยู่ในองค์ประกอบของคณะกรรมการ ฯ  (3)  ปรับปรุงชื่อศูนย์ข้อมูลการกระทำความผิดด้านสิ่งแวดล้อม และ
บทบาทของศูนย์ซึ่งเป็นเครื่องมือของคณะกรรมการ ฯ ให้มีความชัดเจน ตลอดจนกรมควบคุมมลพิษต้องดูด้วย
ว่า ส่วนนี้ควรพัฒนาขึ้นมาหรือไม่  (4)  ปรับปรุงกลไกด้านการบริหารจัดการ  ด้านบุคลากร  และโครงสร้าง
การทำงานของฝ่ายเลขานุการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของระเบียบด้วย  และ  (5)  ปรับปรุงเพิ่มเติมให้มี
กระบวนการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมไว้ในระเบียบด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า
ด้วยกองทุนให้ความช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ฉบับนี้เป็นการแก้ไขวัตถุประสงค์ของกองทุนให้ความช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ตามระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนให้ความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน  พ.ศ. 2539  เพื่อ
ให้กองทุน ฯ สามารถให้ความช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจด้านการเงินแก่ประเทศเพื่อนบ้านสำหรับโครงการพัฒนา
ประเทศที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีโดยให้ช่วยเหลือแบบให้เปล่าได้  ตามที่คณะกรรมการกองทุน  ฯ  กำหนด
โดยความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี จากเดิมที่ได้กำหนดให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่ไม่ใช่ลักษณะการให้เปล่า
ตามที่คณะกรรมการกองทุน  ฯ  กำหนด  ทั้งนี้  รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับร่างระเบียบ ฯ  มีเนื้อความ
บางส่วนที่ซ้ำซ้อนกับเนื้อความในระเบียบเดิมที่กำหนดไว้แล้วจำเป็นต้องบัญญัติไว้ในลักษณะนี้หรือไม่  ส่วนนิยาม
ของคำว่า "ประเทศเพื่อนบ้าน" ที่ให้หมายความถึง ประเทศที่กำหนดในระเบียบรวม 4 ประเทศ และประเทศอื่นที่
คณะกรรมการประกาศกำหนด  จึงหมายความถึงประเทศอื่นใด แม้ไม่มีเขตแดนติดต่อกับประเทศไทยก็ได้  โดยจะ
เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะประกาศกำหนดอาจทำให้เข้าใจได้ไม่ชัดเจนและอาจไม่ถูกต้องตามหลักภาษา
ไทย ไปพิจารณาด้วย  และให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาดำเนินการเจรจากับประเทศที่รับความช่วย
เหลือ เพื่อให้มีมาตรการคุ้มครองกิจการหรือการลงทุนของไทยที่เข้าไปดำเนินการเพื่อช่วยเหลือในประเทศนั้น ๆ
ตามความเหมาะสมด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างระเบียบคณะกรรมการ
อ้อยและน้ำตาลทราย ฉบับที่ .. พ.ศ. ....  ว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินจากการจำหน่าย
น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์   น้ำตาลทรายขาว   และน้ำตาลทรายสีรำภายในราชอาณาจักรเข้ากองทุนอ้อยและ
น้ำตาลทราย   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   แล้วดำเนินการต่อไปได้   โดยร่าง
ระเบียบดังกล่าวมีสาระสำคัญ  ดังนี้  เพิ่มเติมวรรคสองของข้อ  8   แห่งระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล
ทราย  ฉบับที่ 1  พ.ศ. 2543  ฯ  เพื่อยกเว้นดอกเบี้ยให้แก่โรงงานที่ไม่สามารถชำระเงินให้กองทุนอ้อยและน้ำ
ตาลทรายเนื่องจากต้องปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย  เว้นแต่คณะกรรมการ  ฯ  ได้มี
มติเป็นอย่างอื่น

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแล
กิจการประปาแห่งชาติเสนอ การแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลกิจ
การประปาแห่งชาติ พ.ศ. 2539 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ในเรื่องนี้  แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ฯ  เป็นการกำหนดให้มี
สำนักงานคณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลกิจการประปาแห่งชาติ หรือ  คปช.  เป็นหน่วยงานสังกัด
กระทรวงมหาดไทย รวมทั้งให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลกิจการประปาแห่งชาติเป็นผู้แต่งตั้งผู้
อำนวยการสำนักงาน คปช. กำหนดอำนาจหน้าที่ คุณสมบัติ และวาระการดำรงตำแหน่ง ของผู้อำนวยการสำนัก
งาน คปช.

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการรับบริจาคและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ฉบับนี้เป็นการปรับปรุงในส่วนขององค์ประกอบคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย และผู้มี
อำนาจสั่งจ่ายเงินจากบัญชีกองทุนไปยังสำนักงานจังหวัดเพื่อส่งให้แก่ผู้ยื่นคำขอรับความช่วยเหลือ รวมทั้งเพิ่มเติม
หลักเกณฑ์การช่วยเหลือเชิงป้องกันและบรรเทาความรุนแรงของภัย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติถอน
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารการพัฒนาเพื่อกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาคและท้อง
ถิ่น (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. 2546 เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
(ฉบับที่ ..)  พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รวมพิจารณาเป็นร่างเดียว
กับร่างระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2546  เห็น
ชอบในหลักการ ซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยสาระ
สำคัญของร่างระเบียบฉบับนี้เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนของผู้มีอำนาจอนุมัติฎีกา โดยเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจใน
การอนุมัติฎีกาจากผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นคลังจังหวัด เพื่อให้การตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินจากคลังเป็นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7)(ฝ่ายกฎหมาย)
ที่มีมติเกี่ยวกับเรื่อง  การเข้าเป็นภาคีพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาเจนีวา  ฉบับวันที่  12  สิงหาคม  ค.ศ.1949  และที่เกี่ยวกับการ
คุ้มครองผู้ประสบภัยจากการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ ค.ศ. 1977 (พิธีสารฉบับที่  1) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ
เสนอ โดยอนุมัติการเข้าเป็นภาคีพิธีสาร ฯ  ดังกล่าว  และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา     ก่อน
นำเสนอที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบ    โดยให้ส่งพิธีสารฉบับภาษาไทยและฉบับภาษาอังกฤษเป็นเอกสาร
ประกอบการพิจารณา  รวมทั้งอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติบังคับการให้เป็นไปตามพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาเจนีวา ฉบับ
วันที่   12   สิงหาคม   ค.ศ.   1949      และที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ  ฉบับ
วันที่    8    มิถุนายน    ค.ศ. 1977  (พิธีสาร ฉบับที่ 1)  พ.ศ. ....  และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติตาม
พันธกรณีในพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาเจนีวา  ฉบับวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1949  และที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจาก
การขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ ค.ศ. 1977 (พิธีสารฉบับที่ 1) พ.ศ. ....  รวม  2  ฉบับ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้  โดยร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ ให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทน
ราษฎรพิจารณา  ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป  เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบพิธีสาร ฯ แล้ว   ส่วนร่างระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้มีผลใช้บังคับพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้   รวมทั้งอนุมัติ
ร่างคำแถลงตีความข้อบทต่าง ๆ ในพิธีสารฉบับที่ 1 ของไทย โดยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรั บไปตรวจสอบว่า ได้มีการ
แก้ไขประมวลกฎหมายอาญาในเรื่องเกี่ยวกับการห้ามลงโทษประหารชีวิตแก่ผู้กระทำผิดที่มีอายุไม่เกิน  18  ปีบริบูรณ์   ในขณะ
ที่ได้กระทำความผิดแล้วหรือไม่    โดยให้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา       ได้ผลเป็นประการใดให้แจ้งกระทรวง
การต่างประเทศทราบเพื่อดำเนินการแก้ในร่างคำแถลงตีความข้อบท ฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปนอกจากนี้ เห็นชอบให้กระทรวง
การต่างประเทศดำเนินการเพื่อเข้าเป็นภาคีพิธีสารฉบับที่ 1 โดยการภาคยานุวัติต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติเห็น
ชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอให้แก้ไขร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลหรือเงินสิน
บนคดีผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซีดีหรือผลิตภัณฑ์เทปที่ละเมิดต่อกฎหมาย  พ.ศ. ....  ข้อ 12  และข้อ  13  ซึ่ง
ประสงค์จะให้ร่างระเบียบนี้ใช้บังคับได้ตลอดไป อันเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักการเดิมที่เสนอขอให้ใช้บังคับเพียง
6 เดือน  รวมทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจ่ายเงินรางวัลและเงินสินบนตามร่าง ฯ ข้อ 16 โดยให้กระทรวง
การคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยด่วน    เมื่อได้ข้อสรุป
แล้ว ให้กระทรวงพาณิชย์ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตรวจพิจารณาร่างระเบียบ ฯ อีกครั้งหนึ่ง แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้ สำหรับเงินงบประมาณเพื่อใช้จ่ายตามร่างระเบียบ ฯ นี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตาม
ความเห็นของสำนักงบประมาณ

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง 
ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการสร้างระบบบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี  พ.ศ. 2542 
พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้เมื่อร่างพระราช
กฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบการก่อหนี้ของประเทศ (ฉบับที่ 5)
พ.ศ. 2546   แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้   โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบฉบับนี้เป็นการปรับปรุงชื่อหน่วยงานใน
คณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศให้ถูกต้อง ดังนี้  ผู้อำนวยการสำนักรัฐวิสาหกิจและหลักทรัพย์ของรัฐ แก้ไข
เป็น ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ แก้ไขเป็น
ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักบริหารหนี้สาธารณะ
แก้ไขเป็น ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 1199 ร.
เรื่อง การบริหารการเบิกจ่ายงบประมาณ ของนายพงษ์ศักดิ์ วรปัญญา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี
และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยสาระสำคัญของคำตอบสรุปได้ว่า กระบวนการงบประมาณแผ่น
ดินที่ใช้ในปัจจุบันเป็นเครื่องมือในการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ ต้องได้รับการปรับเปลี่ยนตามสถาน
การณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป   จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงระบบงบประมาณให้เป็นระบบงบประมาณแบบมุ่งเน้น
ผลงานตามยุทธศาสตร์  โดยการปรับปรุงระเบียบว่าด้วยการใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณได้กำหนดให้ส่วน
ราชการและรัฐวิสาหกิจจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่แสดงผลผลิตและผลลัพธ์ที่สอด
คล้องกับเป้าหมายการให้บริการของกระทรวง และสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลตามที่ได้
รับการจัดสรรงบประมาณ โดยการปรับเปลี่ยนงบประมาณส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจะสามารถดำเนินการ
ได้เท่าที่จำเป็น ภายใต้ความรับผิดชอบต่อเป้าหมายผลผลิตและผลลัพธ์ที่กำหนดไว้ตามแผนปฏิบัติงาน    และ
แผนการใช้จ่ายงบประมาณ   รวมทั้งการมอบอำนาจเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการ
ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด  เพื่อให้การบริหารราชการส่วนภูมิภาคมีความสะดวกคล่องตัว   สามารถตอบสนอง
ความต้องการของประชาชนได้ทันต่อสถานการณ์ และความต้องการของประชาชนในเชิงมิติพื้นที่      ส่วนการ
ให้แต่ละส่วนราชการดำเนินการเพื่อยกร่างระเบียบการเบิกจ่ายงบประมาณ   โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะ
รัฐมนตรี  เพื่อให้การใช้จ่ายและการเบิกจ่ายงบประมาณบรรลุเป้าหมายผลผลิตและผลลัพธ์ตามที่ได้รับอนุมัติ
จึงต้องกำหนดระเบียบหรือหลักเกณฑ์การใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นมาตรฐานกลางร่วมกัน และต้องมีการวาง
ระบบการตรวจสอบและติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของการใช้จ่ายงบประมาณตลอดระยะเวลาที่กำหนด  เพื่อ
ให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลซึ่งจะเหมาะสมกว่าการให้แต่ละกระทรวง
ยกร่างระเบียบ ฯ ขึ้นใช้บังคับ  สำหรับในกรณีการเร่งรัดให้เบิกจ่ายงบประมาณที่มักจะมีการทุจริต  รัฐบาลจะ
พิจารณาประสิทธิภาพในการบริหารงบประมาณโดยจะต้องมีมาตรการหรือเครื่องมือในการควบคุมตรวจสอบ
ที่เด็ดขาด รัดกุม เคร่งครัด  รวมทั้งพิจารณาโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมาย  และเมื่อมีการทุจริต ได้มีมาตรการ
ลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างเหมาะสมและรวดเร็วตามที่กฎหมายและระเบียบปฏิบัติของทางราชการกำหนด
ไว้อย่างเคร่งครัด

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อย
และน้ำตาลทราย ว่าด้วยการกำหนดระยะเวลาในการนำส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติอ้อย
และน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 พ.ศ. ....  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  แล้วดำเนินการ
ต่อไปได้ โดยสาระสำคัญของร่างระเบียบฉบับนี้กำหนดให้โรงงานนำส่งเงินตามมาตรา 57  เข้ากองทุนภายใน 30 
วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากกองทุน  และระเบียบนี้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจา
นุเบกษาเป็นต้นไป