คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมชลประทานขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจากเดิม
ปีงบประมาณ  พ.ศ. 2543 - พ.ศ.  2544  เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2545  สำหรับค่าจ้างบริษัท
ที่ปรึกษาเพื่อดำเนินการสำรวจ - ออกแบบ  โครงการปรับปรุงระบบหนองหลวง   จังหวัดเชียงราย ในวงเงิน
9,492,719 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการพิจารณาดำเนินการตามข้อ   
สังเกตและข้อเสนอแนะของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี  งวดที่  1  ประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2542   
รวม 3 งาน/โครงการ ประกอบด้วย งานการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว  ได้แก่  การปรับปรุง  
แผน ฯ ให้ทันต่อสภาวการณ์ปัจจุบัน การจัดอบรมผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลให้มีความรู้ความเข้าใจ 
เกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว  
สนับสนุนบุคลากรให้มีความรู้ความเข้าใจสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ  ส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
หรือการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ งานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด  ได้แก่  การสนับสนุนการดำเนินงาน 
ของ  ศ.ปส.ก.  และ  ศ.ปส.จ.  ดูแลเด็กและเยาวชนตามโครงการโรงเรียนสีขาวและโครงการลานกีฬาต้านยา 
เสพติด กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับหมายค้น จัดตั้งแผนกพิจารณาคดียาเสพติด และเปิดตู้ ปณ. พิเศษเพื่อรับ 
เรื่องราวร้องทุกข์และแจ้งเบาะแส และการจับกุมผู้กระทำผิด รวมทั้งโครงการลงทุนเพื่อสังคม (แนวทางที่ 2) 
ได้แก่  การจัดฝึกอบรมให้ความรู้และความเข้าใจกับชุมชนต่าง ๆ  ที่เกี่ยวกับกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคม   
(กองทุนชุมชน) การให้คำปรึกษาแนะนำแก่องค์กรชุมชนตลอดจนหน่วยราชการในพื้นที่ การปรับปรุงแบบ     
ฟอร์มการเสนอโครงการ   และขั้นตอนในการพิจารณาอนุมัติโครงการ   ส่วนกองทุนพัฒนาเมืองในภูมิภาค
(กองทุนเมือง) นั้น ธนาคารออมสินได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เทศบาลและเงินทุนสมทบ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานผลการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายและประสาน  
งานการดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย  การดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายที่ต้องตราตาม   
รัฐธรรมนูญ  ได้แก่  กฎหมายที่ต้องตราให้เสร็จภายใน  2  ปี  3  ปี  และ  5  ปี  ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นทุก  
ฉบับแล้ว  รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่อง แผนพัฒนาการเมือง  โดยนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะ 
กรรมการพิจารณาจัดทำร่างแผนพัฒนา ฯ โดยมีนายธรรมรักษ์  การพิศิษฐ์  เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและ  
แผน ระดับ 11 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานกรรมการ  และ 
การจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงร่างแผนพัฒนา ฯ ของคณะกรรมการดังกล่าว  ทั้งนี้  เพื่อระดม
ความคิดเห็นจากทุกภาคีที่เกี่ยวข้องมาประกอบการดำเนินการปรับปรุงแผนพัฒนา ฯ  ให้มีความถูกต้องครบ  
ถ้วนชัดเจนสนองต่อความต้องการของสังคม และเป็นกลไกที่สำคัญในการพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง ตาม 
ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนปฏิบัติการของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและ 
สังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ระยะที่ 1 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2543 (ตุลาคม 2542 - มีนาคม 2543) ของสำนักนายก 
รัฐมนตรี ประกอบด้วย โครงการต่าง ๆ จำนวน 39 งาน 168 โครงการ 27 กิจกรรม ได้แก่  การพัฒนาศักยภาพ  
ของคนไทย การพัฒนาสภาพแวดล้อมของสังคมให้ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาคน  การเสริมสร้างศักยภาพ
การพัฒนาของภูมิภาคและชนบทเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและประชาชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งการพัฒนาสมรรถนะ 
ทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการพัฒนาคนและคุณภาพชีวิต การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  การ 
พัฒนาประชารัฐ และการบริหารจัดการเพื่อการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดย 
ให้ส่วนราชการต่าง ๆ  ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐ 
กิจและสังคมแห่งชาติ (เกี่ยวกับการรายงานผลการปฏิบัติงาน  ฯ  ควรจะมีการรายงานผลการดำเนินงานในเชิง   
คุณภาพ  โดยให้ความสำคัญกับการรายงานผลลัพธ์ (Outcome) ของโครงการ  ทั้งนี้  เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับ 
การปรับปรุงกระบวนการและผลกระทบ) ไปดำเนินการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมชลประทานดำเนินการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อสำรวจออกแบบโครงการ 
ปรับปรุงระบบชลประทานราษฎร์ลุ่มน้ำอิง จังหวัดพะเยา โดยวิธีคัดเลือก  ในวงเงิน  9,981,057  บาท  โดย  
ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2543  จำนวน  5,000,000  บาท   ผูกพันงบ 
ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2544  จำนวน  42,000  บาท   และผูกพันงบประมาณรายจ่าย 
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2545 จำนวน 4,939,057 บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) ในการ   
พิจารณาผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ  ไตรมาสที่สาม ปี 2543  รวมทั้งเห็นชอบให้รัฐวิสาหกิจดำเนิน  
การลงทุนในวงเงิน 262,855 ล้านบาท  โดยมีวงเงินเบิกจ่าย  209,585  ล้านบาท  ตามที่สำนักงานคณะ   
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ   แต่เนื่องจากมีการลงทุนที่อยู่ระหว่างการขออนุมัติ 
ดำเนินการตามขั้นตอนและผูกพันเพิ่มเติมระหว่างปี   จึงเห็นควรกำหนดกรอบการเบิกจ่ายลงทุนปี  2544   
ของรัฐวิสาหกิจที่ 236,200 ล้านบาท   โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง  
ชาติรับผิดชอบกำกับดูแลวงเงินเบิกจ่ายทั้งในส่วนที่ได้รับอนุมัติแล้ว และที่จะอนุมัติเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับ   
การเบิกจ่ายดังกล่าว  แล้วรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป   กับให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการตามข้อเสนอ 
แนะเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  พร้อมทั้งให้รับความเห็น  
และข้อสังเกตของ คศก. (เกี่ยวกับการขอขยายกรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ  1  ของ  GDP  
นั้น  ให้กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณพิจารณากำหนดแนวทางการบริหารหนี้สาธารณะเพื่อใช้   
เป็นหลักการในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว  ส่วนข้อเสนอแนะที่ให้มีการกำหนดแนวทางการพิจารณา 
การลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้สอดคล้องกับแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการเพิ่มคุณภาพชีวิต  ให้ 
ทบทวนทำความเข้าใจให้ชัดเจนระหว่างทิศทางการพัฒนาประเทศกับการกำหนดบทบาทและภารกิจของ  
องค์กร  นอกจากนี้  การกำหนดสมมติฐานในการจัดทำงบประมาณควรกำหนดแผนและมาตรการรองรับ 
ไว้ในกรณีที่ข้อเท็จจริงไม่เป็นไปตามสมมติฐาน  รวมทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐวิสาหกิจซึ่งยัง  
อยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง  ดังนั้น รัฐวิสาหกิจจะต้องเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพองค์กร และดำเนินการ  
สร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรัฐวิสาหกิจซึ่ง
จะทำให้ภาระของรัฐลดลง) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการ ก.พ. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการพิจารณาเงิน 
เดือนแห่งชาติ (กงช.) ครั้งที่ 4/2543 เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2543 ในการพิจารณาปรับปรุงอัตราเงินเดือนและ  
เงินประจำตำแหน่งข้าราชการอัยการ ซึ่งได้กำหนดแนวทางเลือรวม 3 แนวทาง  โดยที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วย   
กับทางเลือกที่ 3 คือ  ให้ชะลอการปรับปรุงอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการอัยการและข้า  
ราชการทุกประเภทไว้ก่อน  แล้วปรับปรุงในภาพรวมทั้งระบบให้เสร็จภายใน 1 ปี เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงระยะ  
การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ  และให้  กงช.  รับไปพิจารณาตามแนวทางและหลักการเกี่ยวกับอัตราเงินเดือน 
ของข้าราชการอัยการกับข้าราชการตุลาการที่มีความผูกพันกันโดยตลอด ซึ่งเมื่อมีการปรับปรุงอัตราเงินเดือน  
และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการตุลาการ ก็ควรปรับให้ข้าราชการอัยการด้วย   และเมื่อมีการปรับบัญชีอัตรา   
เงินเดือน ฯ ของข้าราชการอัยการแล้ว  ก็ให้พิจารณาปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรภายในและโครงสร้างระบบ 
การบริหารงานบุคคลของข้าราชการอัยการให้สอดคล้องกับบัญชี ฯ  ใหม่ด้วย    โดยให้แตกต่างจากระบบและ  
โครงสร้างการบริหารงานบุคคลของข้าราชการประจำอื่น ทั้งนี้ เพื่อลดความยึดโยงระหว่างอัตราเงินเดือนของ 
ข้าราชการประเภทอื่นซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่งดำเนินการเพื่อศึกษารูปแบบโครงสร้างและระบบ โดยให้แต่งตั้ง 
คณะทำงาน ประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงการคลัง กงช. และสำนักงานอัยการสูงสุด  เพื่อศึกษาและเสนอแนว 
ทางตามหลักการดังกล่าว ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้อุตสาหกรรมการต่อเรือเป็นงานก่อสร้างชนิดหนึ่งที่ได้ 
รับผลกระทบจากการปรับปรุงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และได้รับความช่วยเหลือเช่นเดียวกับงานก่อ 
สร้าง    สำหรับการให้ความช่วยเหลือชดเชยความเสียหายให้แก่ผู้ประกอบการต่อเรือที่เป็นคู่สัญญากับกอง  
ทัพเรือที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว  ตามข้อเสนอของกระทรวงกลาโหม  นั้น  มอบให้คณะกรรมการพิจารณา 
หลักเกณฑ์ในการช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้างและผู้ประกอบอาชีพงานอื่นกับทางราชการที่ได้รับ   
ผลกระทบจากการปรับปรุงระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรารับไปพิจารณาในรายละเอียด   แล้วนำเสนอคณะ 
รัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้าน 
การลักลอบค้ายาเสพติดและวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1988 และอนุมัติในหลักการให้กระทรวง
การต่างประเทศปรับปรุงคำแปลภาษาไทยของอนุสัญญาดังกล่าว โดยไม่เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของคำแปล    
ภาษาไทยฉบับชั่วคราว   ก่อนการส่งมอบภาคยานุวัติสารต่อเลขาธิการสหประชาชาติ   ตามที่สำนักงานปลัด 
สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงาน ป.ป.ส.) เสนอ  โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่าง   
ประเทศ และกระทรวงยุติธรรม (เกี่ยวกับการจัดทำข้อปฏิบัติในการเข้าตรวจค้นเรือที่กระทำความผิดเกี่ยวกับ  
ยาเสพติดในทะเลหลวงเพื่อชาติภาคีร้องขอ    และจัดตั้งสำนักงานที่มีข้อมูลทะเบียนเรือสินค้าไทย กรณีที่ชาติ 
ภาคีร้องขอให้ตรวจสอบ     สำหรับการปรับปรุงถ้อยคำภายในอนุสัญญา ฯ  ให้สำนักงาน  ป.ป.ส.  สามารถ    
ดำเนินการได้เองโดยลำพัง หรือหากต้องการความละเอียดรอบคอบก็อาจพิจารณาเชิญประชุมหน่วยราชการ 
ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณาดำเนินการก็ได้  รวมทั้งเห็นควรให้มีการแก้ไขและออกกฎหมายในเรื่องการส่ง  
มอบยาเสพติดภายใต้การควบคุม (Controlled delivery) ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการเงินกู้รัฐบาลญี่ปุ่น ครั้งที่ 25  โดยรับหลักการของร่างหนังสือแลก  
เปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงิน   ร่างสัญญาเงินกู้   และเอกสารที่เกี่ยวข้อง   และให้กระทรวงการคลัง  
ดำเนินการกู้เงินในนามรัฐบาลไทยจากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น  สำหรับโครงการ  
ก่อสร้างทางสายหลักให้เป็น 4 ช่องจราจร  (ระยะที่ 2)  ของกรมทางหลวง   และโครงการพัฒนาระบบมาตร   
วิทยาแห่งชาติ (ระยะที่ 2) ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม   และให้รัฐวิสาหกิจเจ้าของ  
โครงการกู้เงินจากธนาคารเพื่อความร่วมมือ  ฯ  สำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก  ครั้งที่  7  
(ระยะที่ 2)  ของการประปานครหลวง    โครงการท่าอากาศยานสากลกรุงเทพ  ฯ  แห่งที่  2  ของบริษัทท่า
อากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่  และโครงการรถไฟฟ้ามหานคร    โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ  
แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการบริหารโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุ 
เป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งดูแลการบริหารหนี้ให้สามารถชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องเป็นภาระของรัฐบาล ทั้งนี้  
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น  
สำหรับหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการเงินกับธนาคารเพื่อความร่วมมือ  ฯ    สำหรับสัญญา  
เงินกู้ สัญญาค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการทั้ง 5 โครงการ ตามที่กระทรวงการคลัง 
เสนอ

             อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองเกาะสมุย พ.ศ. ....
(จัดตั้งเทศบาลตำบลเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขึ้นเป็นเมืองเกาะสมุย โดยยกฐานะเทศ  
บาลตำบลเกาะสมุยขึ้นเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ซึ่งมีผู้บริหารคือ  นายกเมืองเกาะสมุย  เพื่อ 
ให้สามารถแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความเป็นอิสระในการกำหนดนโยบาย  การ 
ปกครอง การบริหาร การเงินและการคลัง  รวมทั้งการบริหารกิจการและการให้บริการประชาชนในเขตพื้นที่ 
ตลอดจนนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบกิจการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ)  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอและ 
คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายปกครองท้องถิ่นและการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นเสนอ    และให้ส่งสำนัก  
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา    โดยรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี  (เกี่ยวกับการให้ตัดข้อความ 
ว่า "อีกไม่เกินหนึ่งแขวง" ในพระราชบัญญัติออก เนื่องจากจะเป็นข้อจำกัดในอนาคต  นอกจากนี้ การกำหนด
จำนวนสมาชิกสภาเมืองเกาะสมุยสำหรับแขวงที่ตั้งเพิ่ม  ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกของสภา  
เมืองเกาะสมุยด้วย      ส่วนกรณีที่กำหนดให้บุคคลผู้อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในวันเลือกตั้งเป็น 
บุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง นั้น  หากคณะกรรมการการเลือกตั้งยังมิได้เข้ามาดูแลการเลือกตั้งในองค์  
กรปกครองส่วนท้องถิ่น การกำหนดไว้เช่นนี้จะมีปัญหาหรือไม่ อย่างไร)  ไปประกอบการพิจารณาด้วย  แล้ว
ส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนสภาสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 478 ร. เรื่อง  การปรับปรุงซ่อมแซมบ่อน้ำบาดาล 
ของนางวรศุลี เชาว์ศิริกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดมุกดาหาร  ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 
เสนอ  และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  (โดยมีสาระสำคัญของคำถาม   สรุปได้ดังนี้   รัฐบาลจะมี  
นโยบายที่จะจัดงบประมาณเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมบ่อน้ำบาดาลให้ใช้การได้อย่างเร่งด่วนหรือไม่  ซึ่งปัจจุบัน 
ยังไม่มีการซ่อมแซมแต่อย่างใด และมีโครงการช่วยเหลือผู้ใช้น้ำในการที่จะให้มีแหล่งเก็บกักน้ำให้ทั่วถึงอย่าง 
ไรบ้าง รวมทั้งปัญหาที่ราษฎรกำลังประสบภัยแล้งในปัจจุบันนั้น ได้จัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไร)
 

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) เกี่ยวกับ
รายงานการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 
2543  ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอ  สรุปได้ว่า  การปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสถาบันการ 
เงิน ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2543 มีลูกหนี้ที่ปรับปรุงโครงสร้างแล้วเสร็จจำนวนทั้งสิ้น 281,225 ราย  มูลหนี้   
รวม 1,656.768 ล้านบาท โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้ที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรม  การสาธารณูปโภค  และ 
การค้าส่งค้าปลีก ซึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและภาคกลางเป็นสำคัญ    ส่วนความคืบหน้าในการปรับปรุง  
โครงสร้างหนี้ของลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายของคณะกรรมการเพื่อส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้  (คปน.)  ณ     
วันที่ 30 สิงหาคม 2543 มีลูกหนี้ที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้สำเร็จ 5,147 ราย  มูลหนี้รวม  1,070,970  ล้าน   
บาท  โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในภาคการพาณิชย์  การอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล  และการอุตสาหกรรม  ตาม
ลำดับ    สำหรับการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้  (NPL)  ยอด  NPL  คงค้าง  ณ  สิ้นเดือนกรกฎาคม 
2543 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,597,400 ล้านบาท และสินเชื่อรวม 5,107,100 ล้านบาท  NPL  ต่อสินเชื่อรวมเท่า  
กับร้อยละ  31.28   รวมทั้งรับทราบตามที่ผู้ว่าการ  ธปท.  ชี้แจงเพิ่มเติมว่า  ธปท.  ได้กำหนดให้สถาบันการ  
เงินเปิดเผยข้อมูล  NPL  ให้เร็วขึ้น และมีความระมัดระวังในการบริหารงานยิ่งขึ้น  ในส่วนของการดำเนินการ 
สนับสนุนสินเชื่อแก่ลูกหนี้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  (SMEs)  เป็นเงินทุนหมุนเวียน รายละไม่เกิน   
20  ล้านบาท  นั้น  บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ต้องใช้เวลาพิจารณาเรื่องการค้ำ  
ประกันสินเชื่อค่อนข้างนาน เนื่องจากเป็นวงเงินจำนวนมาก     นอกจากนี้  ธปท.  อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล 
เบื้องต้นเกี่ยวกับการกลับเข้ามาเป็น NPL ใหม่ และข้อมูลเกี่ยวกับคดีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่ค้างในศาล  
เพื่อนำมาประมวลเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอยุทธศาสตร์ด้านการจราจรและขนส่งเพื่อรองรับยุคน้ำมันแพง
โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับมาตรการระยะเร่งด่วน ประกอบด้วย รัฐบาลต้องเน้นย้ำเป็นนโยบายให้หน่วยงาน 
หรือเจ้าหน้าที่ภาครัฐประหยัดพลังงานอย่างจริงจังเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่สังคม  จัดระบบการจราจรให้เกิด
ประสิทธิภาพสูงสุด จัดทำป้ายบอกเส้นทางลัด แจ้งเตือนล่วงหน้าให้ผู้ใช้รถหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจร 
หนาแน่น   มาตรการระยะปานกลาง  ประกอบด้วย  การปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพการให้บริการ 
ของระบบขนส่งสาธารณะ และกึ่งสาธารณะ  ปรับเปลี่ยนแนวทางในการจัดเก็บภาษี  ส่งเสริมการจำหน่าย
รถยนต์ที่ประหยัดเชื้อเพลิง ปรับเปลี่ยนระบบการจัดส่งพัสดุและไปรษณีย์ภัณฑ์ การจำกัดการใช้รถใช้ถนน   
และมาตรการระยะยาว  ประกอบด้วย   การสนับสนุนให้มีการนำผังเมืองที่มีผลต่อการลดความต้องการใน  
การเดินทางมาใช้อย่างจริงจัง ปรับปรุงโรงเรียนให้มีคุณภาพใกล้เคียงกัน รวมทั้งควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ 
ดิน  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก  (สจร.)  เสนอ   และมอบให้  สจร.  รับไป 
ดำเนินการแจ้งให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องทราบ และพิจารณาดำเนินการต่อไป




       

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.)  โดยรับทราบ 
รายงานผลการประชุมและมติคณะกรรมการปรับโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (กปพ.) ครั้งที่
3/2543 วันพุธที่  12  กรกฎาคม  2543  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ    
รายงาน ซึ่งมีการพิจารณาวาระที่สำคัญ 3 เรื่อง คือ  การพัฒนาระบบชี้วัดขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย     
รายงานผลการใช้จ่ายเงินกู้ในโครงการมิยาซาวาที่มีต่อระบบเศรษฐกิจและการปรับโครงสร้าง   และรายงานการ 
วิเคราะห์ผลกระทบภาระหนี้สาธารณะที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของไทย  โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ  
เศรษฐกิจ ฯ รับไปประสานและติดตามการชี้แจงของสถาบัน  International Institution for Management Develop  
ment (IMD)  เกี่ยวกับหลักเกณฑ์  เหตุผล  วิธีการ   และข้อมูลที่ใช้ในการจัดลำดับขีดความสามารถในการแข่งขัน 
ของสถาบันให้กับผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทราบเพื่อประกอบการปรับปรุงข้อมูลและดัชนีชี้วัดขีด
ความสามารถในการแข่งขันต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) โดยอนุมัติ
โครงการภายใต้แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ระยะที่ 2  รวม 4 โครงการ  ได้แก่  โครงการคัดเลือกพ่อแม่  
พันธุ์กุ้งกุลาดำ Penaeus Monodon Fab เพื่อผลิตลูกกุ้งพันธุ์ดีและการตรวจรับรองคุณภาพพันธุ์กุ้ง  โครงการ 
ฝึกอบรมการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล  โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดกลาง  
และขนาดย่อม โครงการพัฒนาการออกแบบในระบบคอมพิวเตอร์ สำหรับการพิจารณาอัตราและรายการใช้   
จ่ายเงินของโครงการตามแผน ฯ ดังกล่าว ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติในหลักการไปแล้ว  จำนวน  59  โครงการ  
วงเงิน 2,999.4088 ล้านบาท  นั้น   มอบให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานผู้พิจารณาอนุมัติต่อไป  ตามที่ 
กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ  (คศก.)  โดยอนุมัติ  
โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรที่คณะกรรมการบริหารจัดการโครงการเงินกู้ ฯ  ได้พิจารณาอนุมัติ  
แล้วใน 3 โครงการใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย  10  โครงการย่อย  รวมวงเงิน  5,483.19  ล้านบาท  ได้แก่  โครงการ
ปรับปรุงระบบชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลาง  โครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการจัดการผลผลิตของ 
ของสถาบันเกษตรกร  และโครงการกองทุนพัฒนางานวิจัยการเกษตรและบุคลากร   ตามที่กระทรวงเกษตรและ  
สหกรณ์เสนอ  โดยให้กระทรวงเกษตร ฯ รับความเห็นและข้อสังเกตของ คศก.  (เกี่ยวกับโครงการปรับปรุงระบบ  
ชลประทานขนาดใหญ่และขนาดกลางควรกระจายโครงการให้ทั่วถึงในทุกภูมิภาค  กับให้กระทรวงเกษตร ฯ ร่วม
กับกระทรวงอุตสาหกรรม   และกระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม  สนับสนุนอุตสาหกรรมการ    
เกษตรขนาดกลางและขนาดย่อมในพื้นที่ตามโครงการให้ได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด และเกิดการสร้างมูลค่าเพิ่ม  
ในส่วนของโครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าและการจัดการผลผลิตของสถาบันเกษตรกร ควรกำหนดเวลาและราย   
ละเอียดที่ชัดเจนให้สหกรณ์คืนเงินอุดหนุนในการจัดทำโครงการให้แก่กองทุนส่งเสริมสหกรณ์ สำหรับโครงการ  
กองทุนพัฒนางานวิจัยการเกษตรและบุคลากรนั้น การจัดตั้งกองทุนจะต้องมีกฎหมายรองรับหน่วยงานที่รับผิด 
ชอบ จึงควรตรวจสอบประเด็นดังกล่าวอย่างรอบคอบ   นอกจากนี้   การตรวจสอบบัญชีกองทุนควรกระทำโดย   
สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน     และการตรวจสอบภายในควรกระทำโดยคณะผู้สอบบัญชีซึ่งได้รับการแต่งตั้งจาก  
คณะรัฐมนตรีให้เป็นผู้สอบบัญชีประจำกระทรวง เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการกองทุนที่ดี)  ไปดำเนินการต่อไป 

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) เกี่ยวกับการ
แก้ไขมติ คศก. และมติคณะรัฐมนตรีเรื่อง สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อ
แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2543 โดยขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีในข้อ  2  เรื่อง  การปรับปรุงองค์ประกอบ 
คณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด   ตามหนังสือฝ่ายเลขานุการ  คศก.
ด่วนมาก ที่ นร. 020 (คศก.)/130/ท ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2543 หน้า 3 ซึ่งมีข้อความไม่สมบูรณ์  ตามที่สำนัก 
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ 

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติรายงานผล 
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 18 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม  ระหว่างวันที่ 2 - 3 
กรกฎาคม 2543  สรุปได้ว่า  ที่ประชุมเห็นชอบให้เร่งดำเนินการพัฒนาเครือข่ายด้านพลังงานอาเซียน  ซึ่ง 
ประกอบด้วย โครงการเชื่อมโยงระบบสายส่งไฟฟ้าของอาเซียนและโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติในภูมิภาค 
อาเซียนให้แล้วเสร็จ เพราะจะส่งผลดีต่อการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน และที่ประชุมได้เน้นย้ำ  
ความสำคัญใน 3 ด้าน คือ การจัดทำแผนแม่บทระบบสายส่งไฟฟ้าและท่อส่งก๊าซธรรมชาติ   การเร่งระดม      
ทุนทั้งภายในและภายนอกภูมิภาคเพื่อสนับสนุนการดำเนินการโครงการด้านพลังงานให้สำเร็จลุล่วง  และ  
การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน   
พลังงาน  การกระจายแหล่งพลังงานให้มีความหลากหลาย  การปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน  และการ 
ใช้เทคโนโลยีด้านพลังงานใหม่และพลังงานทดแทน กับรับทราบความก้าวหน้าด้านต่าง ๆ ของการดำเนิน 
การตามแผนปฏิบัติการอาเซียนสำหรับความร่วมมือด้านพลังงาน (พ.ศ.  2542  -  2547)  ในรอบระยะ  
เวลา  1  ปี    การประชุมหารือประจำปีระหวางเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านพลังงานกับเจ้าหน้าที่อาวุโส
กระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น  และเห็นชอบการจัดการประชุมรัฐมนตรี 
อาเซียนด้านพลังงาน   ครั้งที่  19    ที่ประเทศบรูไนดารูสซาลาม      ในสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม
พ.ศ. 2544 ต่อไปด้วย