ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 3 จากทั้งหมด 17 หน้า แสดงรายการที่ 41 - 60 จากข้อมูลทั้งหมด 327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
41 | ขอรับความเห็นชอบให้การประปานครหลวงกู้เงินตามพระราชบัญญัติการประปานครหลวง พ.ศ. 2510 มาตรา 43 (2) | มท | 13/03/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การประปานครหลวง (กปน.) กู้เงินเพื่อ Rollover หนี้เงินกู้สำหรับชดเชยรายได้จากมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ ๓ (๑ มกราคม - ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๕) จำนวน ๓๙๒,๐๖๓,๒๐๔.๒๑ บาท โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ดำเนินการจัดหาวงเงินกู้ และค้ำประกันต้นเงินกู้และดอกเบี้ยทั้งจำนวน ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กปน. นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติการกู้เงินของ กปน. ตามแผนการกู้เงินในแต่ละปี เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการประปานครหลวง พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๔๓ (๒) ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง |
|||||||||||||||||||||||||||
42 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัชพร จารุจินดา เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
43 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2552 และ 2553 | กค | 04/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ ผลการประเมินผลฯ คะแนนประเมินผลฯ ภาพรวมทุกหัวข้อของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งในระบบประเมินผลฯ [ไม่รวมบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)] มีการปรับปรุงดีขึ้นในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๒ - พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยค่าเฉลี่ยของคะแนนประเมินผลฯ ภาพรวมในปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ อยู่ที่ ๓.๕๙๑๗ คะแนน และ ๓.๗๑๐๑ คะแนน โดยรัฐวิสาหกิจที่มีคะแนนประเมินผลฯ สูงสุด ๕ อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีคะแนน ๔.๘๖๒๙ และ ๔.๘๗๑๘ คะแนน ธนาคารออมสิน มีคะแนน ๔.๗๗๘๓ และ ๔.๘๑๐๑ คะแนน การไฟฟ้านครหลวง มีคะแนน ๔.๘๕๖๘ และ ๔.๗๖๕๕ คะแนน การประปานครหลวง มีคะแนน ๔.๗๐๗๕ และ ๔.๗๕๒๙ คะแนน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีคะแนน ๔.๗๑๔๒ และ ๔.๗๓๓๗ คะแนน ๑.๑.๒ ผลการประเมินผลฯ รายสาขา ในปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ สาขาที่มีคะแนนประเมินผลฯ ในภาพรวมเฉลี่ยสูงสุด คือ สาขาพลังงาน มีคะแนนเฉลี่ย ๔.๗๗๙๒ และ ๔.๗๔๗๘ คะแนน โดยรัฐวิสาหกิจที่มีคะแนนสูงสุด คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีคะแนน ๔.๘๖๒๙ และ ๔.๘๗๑๘ คะแนน ๑.๑.๓ ผลการประเมินผลฯ ด้านบริหารจัดการองค์กรของรัฐวิสาหกิจ ในปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ รัฐวิสาหกิจที่มีคะแนนประเมินผลด้านการบริหารจัดการองค์กร สูงสุด ๕ อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีคะแนน ๔.๖๒๑๕ และ ๔.๖๗๕๘ คะแนน การไฟฟ้านครหลวง มีคะแนน ๔.๕๙๑๐ และ ๔.๕๙๒๖ คะแนน การประปานครหลวง มีคะแนน ๔.๓๖๖๘ และ ๔.๔๙๘๓ คะแนน ธนาคารออมสิน มีคะแนน ๔.๓๖๖๗ และ ๔.๔๕๗๔ คะแนน และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีคะแนน ๔.๓๑๕๕ และ ๔.๔๔๙๖ คะแนน ๑.๑.๔ ผลการดำเนินงานที่สำคัญที่เป็นตัวชี้วัดร่วม (Common KPIs) ของรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ มีดังนี้ ๑.๑.๔.๑ การเบิกจ่ายงบลงทุนเฉลี่ยของรัฐวิสาหกิจในปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ โดยในปี ๒๕๕๒ สาขาที่มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สาขาพลังงาน - ไฟฟ้า - น้ำมัน มีการเบิกจ่ายร้อยละ ๙๓ (วงเงินอนุมัติ ๔๘,๗๔๐ ล้านบาท) รัฐวิสาหกิจที่มีอัตราการเบิกจ่ายมากที่สุด คือ การประปาส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งมีการเบิกจ่ายร้อยละ ๑๐๐ ส่วนในปี ๒๕๕๓ สาขาที่มีอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สาขาพลังงาน - ไฟฟ้า - น้ำมัน มีการเบิกจ่ายร้อยละ ๙๙ และรัฐวิสาหกิจที่สามารถเบิกจ่ายได้เต็มวงเงินอนุมัติ ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และการไฟฟ้านครหลวง ๑.๑.๔.๒ การบริหารจัดการเพื่อสร้างมูลค่าเชิงเศรษฐศาสตร์ของรัฐวิสาหกิจ ผลการประเมินความคืบหน้าฯ ณ สิ้นปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ได้คะแนนเฉลี่ยที่ ๔.๒๗๑๓ และ ๔.๓๘๖๘ คะแนน โดยมีปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญ คือ การให้การสนับสนุนของคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูง ๑.๑.๔.๓ การบริหารจัดการองค์กรของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งผลการดำเนินงานในปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ โดยเฉลี่ยมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิม ๓.๒๗๕๐ เป็น ๓.๔๑๒๓ คะแนน โดยหัวข้อที่รัฐวิสาหกิจมีผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ หัวข้อการบริหารจัดการสารสนเทศ และหัวข้อการบริหารความเสี่ยง เพิ่มขึ้น ๐.๒๗ และ ๐.๒๔ คะแนน ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตจากการประเมินผลฯ และข้อสังเกตของคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ไปดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการนำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายโดยเฉพาะข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ (เรื่อง กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕) มาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมเพื่อให้ระบบการประเมินผลฯ มีประสิทธิภาพ สามารถเสริมสร้างความเข้มแข็งในการดำเนินงานและการจัดการของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะช่วยลดภาระงบประมาณได้ในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการกำกับติดตามผลการดำเนินงานและการบริหารจัดการของรัฐวิสาหกิจให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็วเหมาะสม เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
44 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) | มท | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางวิภารัตน์ อัศววิรุฬหการ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
45 | สรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 21 ตุลาคม 2554) | มท | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ๒๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี และสมุทรสาคร รวม ๑๗๔ อำเภอ ๑,๓๗๖ ตำบล ๑๐,๕๒๑ หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๘๒๑,๑๗๔ ครัวเรือน ๒,๔๗๙,๒๘๖ คน โดยพื้นที่ประสบอุทกภัยและมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมทั้งสิ้น ๖๒ จังหวัด มีผู้เสียชีวิต ๓๖๖ ราย สูญหาย ๒ คน ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างฟื้นฟู จำนวน ๓๔ จังหวัด ๒. การสนับสนุนภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ๒.๑ วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ร่วมหารือคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนการประปานครหลวงในการป้องกันน้ำไม่ให้ไหลทะลักเข้าคลองส่งน้ำของการประปานครหลวงบริเวณพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ๒.๒ วันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ รวบรวมข้อมูลเครื่องสูบน้ำของทุกจังหวัดเพื่อใช้สนับสนุนการปฏิบัติงานของ ศปภ. และจัดทำหนังสือแจ้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรุงเทพมหานคร และจังหวัดที่มีแนวท่อส่งก๊าซของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พาดผ่านในพื้นที่ ให้แจ้งหน่วยงานที่จะดำเนินการใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายกับระบบท่อส่งก๊าซ รวมทั้งประสานจังหวัดนนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม และกรุงเทพมหานคร เพื่อขอความร่วมมือจากสถานประกอบการเอกชนและรัฐวิสาหกิจในพื้นที่อำนวยความสะดวกจัดพื้นที่จอดรถให้ประชาชนโดยไม่คิดค่าบริการหรือคิดในอัตราที่ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ๒.๓ วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ แจ้งจังหวัดปทุมธานี นครนายก ฉะเชิงเทรา และจังหวัดสมุทรปราการ ให้ดำเนินการสนับสนุนกรุงเทพมหานครในการระบายน้ำจากคลองระพีพัฒน์ลงสู่อ่าวไทย และมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรีให้สนับสนุนการปฏิบัติของกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการแก้ไขน้ำเน่าเสียในพื้นที่ ๒.๔ วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ จัดทำโทรสารสั่งการของนายกรัฐมนตรี สั่งการเรื่อง การควบคุมการปิดประตูระบายน้ำพระอินทร์ราชา ของกรมชลประทาน บริเวณคลอง ๑ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และดำเนินการตามบัญชานายกรัฐมนตรี ยกร่างคู่มือการบริหารจัดการศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้ใช้เป็นคู่มือการปฏิบัติต่อไป รวมทั้งประสานแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา สมุทรปราการ และจังหวัดฉะเชิงเทรา ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ออกคำสั่งห้ามประชาชนเข้าเขตพื้นที่บริเวณที่กำหนด และให้สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสนับสนุนการปฏิบัติในการรักษาความสงบเรียบร้อย เพื่อแก้ไขปัญหาการระบายน้ำ ตลอดจนป้องกันประชาชนขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ๒.๕ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ จัดทำข้อเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาประกาศวันหยุดราชการในวันที่ ๒๘ และ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี อำเภอพุทธมณฑล และอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และเสนอนายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งที่ ๒๒/๒๕๕๔ ลงวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๔ เรื่อง มอบความรับผิดชอบป้องกันดูแลพื้นที่สำคัญ และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ๓. ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ ได้มีมติอนุมัติในหลักการในการดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย) ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ครั้งที่ ๓ ใน ๓๖ จังหวัด กรอบครัวเรือน จำนวน ๓๓๔,๐๓๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๖๗๐,๑๙๕,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมรายชื่อส่งธนาคารออมสินแล้ว ๓๐๒,๒๓๙ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๕๑๑,๑๙๕,๐๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๙๐.๔๘ ทั้งนี้ ธนาคารออมสินได้จ่ายเงินไปแล้ว ๑๘๗,๑๐๒ ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๙๑
|
|||||||||||||||||||||||||||
46 | กำหนดวันหยุดราชการในพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษ | นร | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ วันศุกร์ที่ ๒๘ และวันจันทร์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเติมเป็นกรณีพิเศษเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ที่ประสบอุทกภัยร้ายแรง ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๗/๒๕๕๔ เรื่อง กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรง ตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ (รวม ๒๑ จังหวัด) ทั้งนี้ โดยยกเว้น ๑.๑ ข้าราชการตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนักขึ้นไป ๑.๒ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันแก้ไขอุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ๑.๓ รัฐวิสาหกิจที่ต้องปฏิบัติงานด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ โครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคมขนส่ง เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค บริษัท ขนส่ง จำกัด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เป็นต้น ๒. กรณีที่หน่วยงานใดมีภารกิจในการให้บริการประชาชน หรือมีความจำเป็นเร่งด่วน หรือราชการสำคัญในวันดังกล่าวโดยกำหนดหรือนัดหมายไว้ก่อนแล้ว หากยกเลิกหรือเลื่อนไปจะเกิดความเสียหายหรือกระทบต่อการให้บริการประชาชน ให้หัวหน้าหน่วยงานนั้นพิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควร โดยมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการและประชาชน ๓. กรณีวันหยุดของธนาคารพาณิชย์ ให้เป็นไปตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยที่จะพิจารณาตามที่เห็นสมควร ๔. เห็นชอบในหลักการให้โรงเรียนและสถาบันการศึกษาที่ประสบปัญหาอุทกภัยเลื่อนวันเปิดเรียนในภาคการศึกษาที่ ๒ ไปเป็นวันอังคารที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงต่อไป ๕. ในส่วนของภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคชนิดต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานเพื่อขอความร่วมมือให้คงเปิดดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่องในช่วงวันหยุดเพิ่มเติมดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
47 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง | มท | 25/10/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้คณะกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวงพ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๓ คน ดังนี้ ๑.๑ นายจิตเกษม แสงสิงแก้ว ๑.๒ นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ๑.๓ นายวีระชัย คล้ายทอง ๒. อนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง ชุดใหม่ จำนวน ๑๒ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นที่ลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๒.๑ นายวัชร บุญชูเศรษฐ์ ประธานกรรมการ ๒.๒ นายศุภชัย จงศิริ กรรมการ ๒.๓ นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการ ๒.๔ นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ กรรมการ ๒.๕ นายสุรพล สุประดิษฐ์ กรรมการ ๒.๖ พลตำรวจเอก ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ กรรมการ ๒.๗ นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ กรรมการ ๒.๘ นายมารุต สิมะเสถียร กรรมการ ๒.๙ นายโชคชัย เดชอมรธัญ กรรมการ ๒.๑๐ นายวัลลภ พริ้งพงษ์ กรรมการ ๒.๑๑ พลโท อธิชาติ เจริญยิ่ง กรรมการ ๒.๑๒ นายประเสริฐ เกษมโกเมศ กรรมการ ๓. ยกเว้นนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ซึ่งต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||
48 | การแต่งตั้งประธานกรรมการการประปานครหลวง | มท | 03/05/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งนายถาวร พานิชพันธ์ เป็นประธานกรรมการการประปานครหลวง แทนพลเอก วิชิต ยาทิพย์ ที่มีอายุครบ ๖๕ ปี ในวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ โดยให้นายถาวร พานิชพันธ์ พ้นจากตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง ในวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
49 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (จำนวน 5 ราย 1. นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ฯลฯ) | มท | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวงแทนตำแหน่งที่ว่าง จำนวน ๕ คน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ เมษายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๑.๒ นายวัลลภ พริ้งพงษ์รอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ๑.๓ นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ๑.๔ นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ๑.๕ พล.อ. ภาษิต สนธิขันธ์ ข้าราชการบำนาญ ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ เรื่อง แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (นายวิชาญ ธรรมสุจริต อัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปกครอง ๑ สำนักงานอัยการสูงสุด)
|
|||||||||||||||||||||||||||
50 | ขออนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเป็นค่าดอกเบี้ยสำหรับนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ชดเชยให้การประปานครหลวง และขอขยายกรอบวงเงินงบประมาณ รวมทั้งขออนุมัติกู้เงินในประเทศเพื่อชดเชยรายได้ค่าน้ำตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ 3 | มท | 25/11/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นค่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่ การประปานครหลวง (กปน.) ได้ทดรองจ่ายไปก่อนแล้ว จำนวน ๒,๓๘๑,๘๑๔.๒๕ บาท ตามนโยบาย ๖ มาตรการ ๖ เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน คืนให้ กปน. ต่อไป ๑.๒ ขยายกรอบวงเงินงบประมาณของมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ ๓ (๑ มกราคม-๓๑ มีนาคม ๒๕๕๓) จำนวน ๓,๕๖๓,๓๐๐ บาท จากกรอบวงเงินเดิมที่ได้รับจัดสรร จำนวน ๓๘๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท เป็นตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง จำนวน ๓๙๒,๐๖๓,๓๐๐ บาท ๑.๓ ให้ กปน. กู้เงินในประเทศ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อชดเชยรายได้ค่าน้ำจากการ ดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ ๓ วงเงิน ๓๙๒,๐๖๓,๓๐๐ บาท โดยกระทรวง การคลังค้ำประกันเงินกู้ และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าใช้จ่ายใน การกู้เงินทั้งจำนวน ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในการพิจารณาการชดเชยรายได้ให้ถูกต้องตรงกันและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งพิจารณา สนับสนุนเงินชดเชยรายได้ให้แก่รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวโดยเฉพาะต้นเงิน กู้และดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะการเงินของรัฐวิสาหกิจต่อไป ไปดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
51 | ขออนุมัติใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาท สำหรับงานปรับปรุงอุโมงค์ส่งน้ำเดิมสัญญา G-TN-R2-7(R) และงานโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 8 | มท | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทสำหรับงานปรับปรุงอุโมงค์ส่งน้ำเดิม สัญญา G-TN-R2-7(R) ที่กำลังจะดำเนินการประกวดราคา และงานโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลักครั้งที่ 8 ซึ่ง ประกอบด้วย สัญญา G-BK-8 สัญญา S-BK-8 สัญญา G-PK/RB-8 สัญญา E-RW/TR(BK)/(MS)-8 สัญญา E-RW(SL)/(BK)-8 สัญญา E-BP-8 ที่จะดำเนินการประกวดราคาในลำดับต่อไป และสัญญา CS-802 ที่กำลังจะ ดำเนินการคัดเลือกที่ปรึกษา ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ให้การประปานครหลวง (กปน.) ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการโครงการทั้งในด้านการก่อสร้างและการเบิก จ่ายเงินลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด รวมทั้งในการจัดทำสัญญาเงินกู้ดังกล่าวควรพิจารณาถึงข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินงานของ กปน. ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
52 | สรุปรายงานการประชุมหารือเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการย่านราชประสงค์และพื้นที่เกี่ยวเนื่องเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง | นร | 04/05/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการและลูก
จ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการชั่วคราว อันเนื่องมาจากการชุมนุมทางการเมืองในพื้นที่บริเวณแยกราช ประสงค์ บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ บริเวณสีลมบางส่วน และบริเวณซอยสุขุมวิท 31 ตามข้อสรุปผลการประชุม หารือระหว่างผู้ประกอบการกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน 2553 ตามที่เลขาธิการ นายกรัฐมนตรีเสนอ โดยยกเว้นเรื่องการช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการชั่วคราว ให้สำนัก เลขาธิการนายกรัฐมนตรีนำเสนอคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประกอบการและ ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมเพื่อพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง โดยให้คณะกรรมการเร่งพิจารณา มาตรการช่วยเหลือเยียวยาแก่กลุ่มผู้ตกงาน ผู้ที่ต้องหยุดกิจการชั่วคราว หรือไม่สามารถดำเนินการกิจการได้ตาม ปกติ และผู้ที่ต้องรับภาระค่าเช่าพื้นที่โดยไม่สามารถประกอบกิจการได้ก่อนเป็นลำดับแรกให้ชัดเจน แล้วให้ดำเนิน การตามผลการพิจารณาต่อไป ยกเว้นเรื่องที่กฎหมายกำหนดให้เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรี ก็ให้นำเสนอคณะ รัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป สำหรับผลการประชุมหารือได้ข้อสรุปดังนี้ 1. ให้กรมสรรพากรเร่งจัดทำแบบฟอร์มขอขยายระยะเวลาในการยื่นแบบและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) ภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) และภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.3 และ ภ.ง.ด.53) ขึ้นเว็ปไซต์ ของกรมสรรพากร เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ 2. ให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เสนอรายละเอียดเพื่อ เสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในเขตพื้น ที่ราชประสงค์ ผ่านฟ้า และโรมแรมยูโร แกรนด์ โฮเต็ล วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท รวมทั้งใช้กลไกการค้ำ ประกันของบรรษัทสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาดำเนินการ เพื่อลดเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อ ให้กับผู้ประกอบการ SMEs โดยเร็ว 3. กระทรวงแรงงานจะขยายระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน ออกไปภายในเดือนสิงหาคม 2553 4. พิจารณามาตรการพิเศษช่วยเหลือลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการชั่วคราว ทั้งนี้ ยังไม่ รวมถึงลูกจ้างและพนักงานโรงแรมยูโร แกรนด์ โฮเต็ล ลูกจ้างร้านค้าบริเวณผ่านฟ้าลีลาศและสยามสแควร์ โดย เห็นควรใช้หลักเกณฑ์เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบ (เงินสงเคราะห์ลูกจ้าง แบบให้เปล่า) โดยหลักการต้องเป็นผู้ที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท จะได้รับเงินช่วยเหลือรายละประมาณ 3,000 บาท โดยให้กระทรวงแรงงานจัดทำรายละเอียดการคำนวณเงินเบื้องต้นเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป และให้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2553 5. เห็นควรกำหนดเป็นนโยบายให้กรุงเทพมหานครพิจารณาผ่อนปรนในเรื่อง ภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีป้าย โดยขอยกเว้นเบี้ยปรับในระหว่างผ่อนปรนด้วย และให้ผู้ประกอบการทำหนังสือเพื่อให้รองเลขาธิ การนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นางอัญชลี เทพบุตร) ประสานงานไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไป 6. เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อมีมติมอบหมายให้การไฟฟ้านครหลวง การประปานครหลวง รวมทั้งบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) พิจารณาผ่อนผันค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งกรณีการชำระค่าบริการและชะลอการงดให้บริการ น้ำประปา ไฟฟ้า และโทรศัพท์ กรณีมีการค้างชำระค่าบริการ โดยงดเว้นดอกเบี้ยระหว่างการผ่อนผัน และให้ผู้ ประกอบการทำหนังสือเพื่อให้รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (นางอัญชลี เทพบุตร) ประสานงาน ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป 7. ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ( คปภ.) รับไปดูแลใน เรื่องกรมธรรม์ที่ผู้ประกอบการได้ทำไว้ และเจรจากับบริษัทที่รับประกัน ทั้งนี้ ในการช่วยเหลือดังกล่าวข้างต้น ให้ครอบคลุมพื้นที่ราชประสงค์ ผ่านฟ้า บริเวณสีลมบางส่วนที่ไม่สามารถประกอบกิจการได้ และโรงแรมยูโร แกรนด์ โฮเต็ล
|
|||||||||||||||||||||||||||
53 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน (ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2553) | กค | 23/02/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 รับทราบแนวทางการจัดสรรเงินเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพ ของประชาชน ระยะที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-31 มีนาคม 2553 โดยให้รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินการตาม มาตรการ ฯ ได้แก่ การประปานครหลวง (กปน.) การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ เงินเพื่อชดเชยรายได้จากการดำเนินการตามมาตรการ ฯ ที่ได้มีการขยายระยะเวลาต่อไปอีก โดยสำนักงบประมาณ จะพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชำระคืนเงินต้น ดอกเบี้ยเงินกู้ และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินให้กับ รัฐวิสาหกิจดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป 1.2 เห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการ ฯ ต่อไปจนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2553 ในส่วนของมาตรการลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าของครัวเรือน มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง และมาตร การลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 โดยยกเลิกมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายน้ำประปาของครัวเรือน ทั้งนี้ ให้รัฐ วิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินการ ได้แก่ กฟน. กฟภ. ขสมก. และ รฟท. กู้เงินเพื่อชดเชยรายได้จากการดำเนินการ ตามมาตรการ ฯ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชำระคืนเงินต้นดอกเบี้ย เงินกู้ และค่าใช้จ่ายในการกู้เงินให้กับรัฐวิสาหกิจทั้ง 4 แห่งต่อไป 2. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น รับความเห็นของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดมาตรการด้านการประหยัดพลัง งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ทั้งในภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาคการผลิตของประเทศต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
54 | รายงานผลการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 | กค | 05/01/2553 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือทางการ เงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น และการลงนามในสัญญาเงินกู้และสัญญาค้ำประกันเงินกู้สำหรับโครงการปรับ ปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยน ฯ ใน นามรัฐบาลไทย และเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลญี่ปุ่น รวมทั้งได้มีการลงนาม ในสัญญาเงินกู้ระหว่างหัวหน้าผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทยในฐานะ ผู้ให้กู้ และผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ในฐานะผู้กู้ และการลงนามในสัญญาค้ำประกันเงินกู้โดยรัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2552 ทั้งนี้ รายละเอียดหนังสือแลกเปลี่ยน ฯ สัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำ ประกันเงินกู้ดังกล่าว มีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติทุกประการ 2. รับทราบความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับรายงานผลการกู้เงินดังกล่าว โดยไม่มี ข้อสังเกตเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||||||||
55 | ขอความเห็นชอบการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษสำหรับพนักงานการประปานครหลวงที่ได้รับเงินเดือนเต็มขั้น | มท | 15/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ใน
การประชุมครั้งที่ 8/2552 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 ที่มีมติเห็นชอบให้การประปานครหลวงจ่ายเงินตอบแทน พิเศษสำหรับพนักงานที่ได้รับเงินเดือนเต็มขั้นตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดดังนี้ 1. กรณีได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนหนึ่งขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ 2 ของเงินเดือนที่ถึงขั้นสูงของตำแหน่ง 2. กรณีได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนหนึ่งขั้นครึ่ง ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อย ละ 4 ของเงินเดือนที่ถึงขั้นสูงของตำแหน่ง 3. กรณีได้รับการพิจารณาระดับการให้ผลตอบแทนสองขั้น ให้ได้รับเงินตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ 6 ของเงินเดือนที่ถึงขั้นสูงของตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553) เป็นต้นไป และการจ่ายเงินดังกล่าว ไม่ถือเป็นค่าจ้าง และมีลักษณะการจ่ายเป็นการชั่วคราว รวมทั้งไม่เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ พนักงาน
|
|||||||||||||||||||||||||||
56 | มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน (ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552) | กค | 15/12/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการชดเชยให้รัฐวิสาหกิจ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพคำนวณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการลดภาระค่าครองชีพของประชา ชน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2552 1.2 ให้รัฐวิสาหกิจกู้เงินเพื่อชดเชยยอดค้างชำระสำหรับนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคน ไทยทุกคน จำนวน 3,803.218 ล้านบาท และกรอบวงเงินชดเชยสำหรับมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชา ชน ระยะที่ 2 จำนวน 11,117.000 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เพื่อชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวต่อไป 1.3 ขยายกรอบวงเงินสำหรับมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนระยะแรก เพิ่มเติม ให้แก่การ ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ในกรอบวงเงินงบประมาณ 62.151 ล้านบาท 37.418 ล้านบาท และ 39.407 ล้านบาท ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 138.976 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณจัด สรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือ จำเป็นที่ได้รับอนุมัติจากกรมบัญชีกลางให้กันไว้เบิกเหลื่อมปี ทั้งนี้ ในส่วนของเงินที่ได้จัดสรรงบประมาณให้แก่องค์ การขนส่งมวลชนกรุงเทพที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามหลักเกณฑ์การคำนวณในข้อ 1.1 จำนวน 21.934 ล้าน บาท ให้นำยอดเงินดังกล่าวไปหักออกจากการชดเชยภาระค่าใช้จ่ายขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพสำหรับมาตร การลดภาระค่าครองชีพของประชาชนระยะที่ 2 2. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนต่อไปอีก เป็นเวลา 3 เดือน (1 มกราคม-31 มีนาคม 2553) และให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณร่วมกันพิจารณา แนวทางการจัดสรรเงินเพื่อสนับสนุนการขยายระยะเวลาการดำเนินตามมาตรการดังกล่าว ให้แก่หน่วยงานที่รับผิด ชอบดำเนินการ ได้แก่ การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ส่วนการดำเนิน การขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ใช้จากงบประมาณที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเพื่อชดเชยรายได้ที่ลดค่าน้ำ ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นของตน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
57 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2553 ครั้งที่ 1 | กค | 03/11/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 ที่มีวงเงิน ดำเนินการสุทธิเพิ่มขึ้น 50,819.83 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 1,637,896.68 ล้านบาท เป็น 1,688,716.51 ล้าน บาท 2. อนุมัติการกู้เงินและการค้ำประกันเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 1 3. อนุมัติให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินและการค้ำประกันในแต่ละครั้ง ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ปรับปรุงครั้งที่ 1 แต่หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถ ดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ 4. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง 5. รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 ของ รัฐวิสาหกิจที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแผนงาน ย่อย จำนวน 2 แผน ได้แก่ 5.1 แผนการบริหารและจัดการเงินกู้ในประเทศของรัฐวิสาหกิจ วงเงินเดิม 288,531.92 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 49,124.27 ล้านบาท วงเงินหลังการปรับปรุง 337,656.19 ล้านบาท โดยการปรับเพิ่มวงเงินดังกล่าว ประกอบด้วยการกู้เงินใหม่ในแผนเงินกู้เพื่อลงทุน จำนวน 819.04 ล้านบาท แผนเงินกู้เพื่อดำเนินกิจการทั่วไปและ อื่น ๆ จำนวน 41.565 ล้านบาท และการบริหารและจัดการหนี้เดิมอีก จำนวน 6,740.23 ล้านบาท 5.2 แผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ วงเงินเดิม 118,662.30 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 1,695.56 ล้าน บาท วงเงินหลังการปรับปรุ ง 120,357.86 ล้านบาท เนื่องจากการประปานครหลวงได้ขอบรรจุเพิ่มโครงการใน แผน ฯ จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 วงเงินกู้ 1,695.56 ล้านบาท ที่กำหนดจะกู้เงินจาก JICA แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวยังไม่ได้รับการพิจารณาจากรัฐสภา จึงไม่สามารถลงนาม ในสัญญาเงินกู้ได้ทันตามที่กำหนดไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 จึงต้องเลื่อนการดำเนินการมาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||
58 | เงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 | กค | 25/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. รับหลักการของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับ โครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 และร่างสัญญาเงินกู้และร่างสัญญาค้ำประกันเงินกู้สำหรับโครง การปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป 2. ให้การประปานครหลวงเป็นผู้ลงนามในสัญญาเงินกู้ และกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ 3. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ในนามรัฐบาลไทยในหนังสือแลกเปลี่ยนว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น สัญญาค้ำประกัน เงินกู้กับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องกับโครงการ
|
|||||||||||||||||||||||||||
59 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของการประปานครหลวงในส่วนของอัตราค่าห้องและค่าอาหาร | มท | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้การประปานครหลวงปรับอัตราค่าห้องและค่าอาหารประเภทคนไข้ในของโรงพยาบาล สำหรับผู้ปฏิบัติงาน จากเดิม "เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 800 บาท" เป็น "เบิกได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่ เกินวันละ 1,200 บาท" ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในคราวประชุมครั้งที่ 3/2552 เมื่อ วันที่ 3 เมษายน 2552 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 2. ให้การประปานครหลวงรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันอาจ ส่งผลกระทบต่อรายได้จากการดำเนินงานของการประปานครหลวงในอนาคต เห็นควรให้การประปานครหลวง พิจารณาหามาตรการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุง สวัสดิการในครั้งนี้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
60 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (นายวิชาญ ธรรมสุจริต) (ยกเลิกโดยมติคณะรัฐมนตรี 10027/54) | มท | 05/08/2552 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิชาญ ธรรมสุจริต เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานคร
หลวง แทนนายชำนิ จันทร์ฉาย ที่ขอถอนตัวจากการเป็นกรรมการดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มี ผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (5 สิงหาคม 2552)
|
.....