คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 14
ซึ่งประเทศเม็กซิโกเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ระหว่างวันที่ 23-24 ตุลาคม 2545 ณ เมืองลอส คาบอส โดย
มีนายอดิศัย  โพธารามิก  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  และนายสุรเกียรติ์  เสถียรไทย  รัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุม ผลการประชุมที่สำคัญ  ได้แก่  การ
ต่อต้านการก่อการร้าย และผลกระทบทางเศรษฐกิจ ซึ่งที่ประชุมได้สนับสนุนข้อเสนอของสหรัฐเกี่ยวกับการ
เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า การเดินทาง  และการท่องเที่ยว  โดยสมาชิกเอเปคได้
แสดงความกังวลว่า  การเพิ่มมาตรการดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มขั้นตอนและค่าใช้จ่ายในการส่งออกและนำเข้า
สินค้า  และจะมีผลกระทบต่อแผนการอำนวยความสะดวกทางการค้าของเอเปค  ซึ่งมีเป้าหมายที่จะลดค่าใช้
จ่ายดังกล่าวลงร้อยละ 5 ภายในปี พ.ศ. 2549 และได้พิจารณาบทบาทของเอเปคในด้านการเปิดเสรีการค้า
และการอำนวยความสะดวกทางการค้า  บทบาทของเอเปคในการสนับสนุนการค้าพหุภาคี  โดยผลักดันให้
การประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก ครั้งที่ 5 และการเจรจาการค้ารอบใหม่ประสบผลสำเร็จ ตามกรอบ
เวลาที่กำหนด    รวมทั้งการเจรจารอบโดฮา  เพื่อหาข้อยุติในรูปแบบการเจรจาลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรม
ภายในเดือนพฤษภาคม  2545   และผลักดันให้มีการดำเนินการเพื่อมุ่งไปสู่การค้าและการลงทุนที่เปิดและ
เสรี ตามเป้าหมายโบกอร์ ในปี พ.ศ. 2553/ 2563 นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบข้อเสนอแนะของ ABAC
เช่น  มาตรการต่อต้านการก่อการร้าย  บรรษัทภิบาล  การเสริมสร้างขีดความสามารถในเรื่อง  WTO  การ
ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็ก และการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง  ทั้งนี้  ใน
ระหว่างการประชุม  ได้มีการหารือทวิภาคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับสหรัฐ ฯ ออสเตรเลีย
จีน รัสเซีย และไต้หวัน เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและลงนามในกรอบความตกลงทางการค้า

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการประชุมผู้นำเศรษฐกิจ
เอเปค ครั้งที่ 11 ณ เมือง Los Cabos ประเทศเม็กซิโก  ระหว่างวันที่ 26-27 ตุลาคม 2545  โดยนายกรัฐมนตรี
และคณะได้เดินทางไปร่วมการประชุมดังกล่าว เพื่อร่วมหารือทวิภาคีกับผู้นำประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้ รัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังได้ลงนามใน TIFA (Trade and Investment Framework Agreement) กับ  USTR  ซึ่งจะ
นำไปสู่การจัดทำข้อตกลง FTA (Free Trade Area) ต่อไป   ทั้งนี้  ในการจัดทำ  FTA  กับประเทศต่าง  ๆ  ขอให้ผู้
ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายร่วมมือกันประสานและเร่งรัดติดตามการดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง  รวดเร็ว  และต่อเนื่อง
เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการนี้เต็มที่  นอกจากนี้ การติดต่อเจรจาเพื่อจัดทำ FTA กับประเทศต่าง ๆ  ต้องคำนึงถึง
ยุทธศาสตร์ของประเทศ   และมองภาพรวมเป็นหลัก เพื่อให้การเจรจาต่อรองกับประเทศนั้น ๆ  บรรลุผลอย่าง
รวดเร็ว และสามารถรักษาผลประโยชน์ส่วนใหญ่โดยรวมของประเทศเอาไว้ได้ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

          คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวง
ว่าด้วยการกำหนดให้สารกาเฟอีนเป็นโภคภัณฑ์ควบคุมและแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. .... 
และร่างระเบียบกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาใน
ราชอาณาจักรซึ่งสารกาเฟอีน (Caffeine) พ.ศ. .... และอนุมัติร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การส่งออกไป
นอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสารกาเฟอีน (Caffeine) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ร่วมกับส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้องยกร่างขึ้นทั้ง 4 ฉบับ และให้ดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้าจากการเยือนสหพันธรัฐ
รัสเซียของนายกรัฐมนตรี  ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2545  โดยนายกรัฐมนตรีได้สนทนาแลกเปลี่ยนข้อคิด
เห็นในการขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับสหพันธรัฐรัสเซียกับนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี
แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ เป็นข้าราชการการเมือง ดำรงตำแหน่ง
ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวัฒนา เมืองสุข) ทั้งนี้  ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2545 เป็น
ต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมความร่วมมือเรื่องข้าว (Rice
Trade Cooperation) ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 8-10 ตุลาคม 2545 ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยรัฐมนตรี
ของประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย จีน อินเดีย ปากีสถาน และเวียดนาม  โดยสาระสำคัญ
ของการประชุม ได้มีการเห็นชอบและร่วมกันลงนามข้อตกลงการประชุมความร่วมมือเรื่องข้าว (Agreed Minutes
of Ministerial Meeting  on  Rice  Trade  Cooperation) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อให้รัฐมนตรีของประเทศผู้ส่งออก
ข้าวที่สำคัญทั้ง 5 ประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของการค้าข้าวในตลาด
โลก   รวมทั้งตกลงที่จะแสวงหาแนวทางการขยายความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน  และขยายความร่วมมือระหว่าง
กันอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ และได้มีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งคณะมนตรีว่าด้วยความร่วมมือ
ค้าข้าว ประกอบด้วย 3 ส่วน  คือ  การประชุมระดับรัฐมนตรีซึ่งจะจัดให้มีขึ้นอย่างน้อยปีละครั้ง  การประชุมหา
รือระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งแรกจะจัดให้มีขึ้นภายใน 3 เดือนนับจากนี้  และฝ่ายเลขานุการร่วม โดยมอบหมาย
ให้ฝ่ายเลขานุการร่วมจัดตั้งระบบอินทราเน็ต (Intranet) และเว็บไซต์ (website) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการ
ค้าข้าวของทุกประเทศ ทั้งนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการประชุมในครั้งนี้ ประเทศผู้ส่งออกข้าวสำคัญจะมีการร่วม
มือกันในการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลข้าวอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ   ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้น
อย่างมีเสถียรภาพ และเพิ่มอำนาจต่อรองในการขายข้าวได้มากขึ้น

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างความตกลงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศ
สหรัฐอเมริกา โดยมอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สามารถปรับปรุงถ้อยคำในร่างความตกลง ฯ
ได้โดยไม่มีผลกระทบต่อหลักการสำคัญของความตกลง และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนามใน
กรอบความตกลง ฯ ในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นางอรทัย ฐานะจาโร เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุ
การรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  (นายวัฒนา  เมืองสุข)  ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธรรมนูญ เชี่ยวสกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
(ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายราเชนทร์ พจนสุนทร ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี
กรมการค้าต่างประเทศ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป  ตามที่กระทรวง
พาณิชย์เสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์  (กรมการค้าภายใน)  รายงานความเคลื่อนไหว
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปและดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนกันยายน และระยะ 9 เดือนแรกของ
ปี พ.ศ. 2545 โดยดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศเดือนกันยายน 2545 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2545 สูงขึ้น
ร้อยละ 0.4 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 0.6 ได้แก่  ข้าวสารเจ้าหอม
มะลิ สัตว์น้ำ ผัก  และผลไม้  และสินค้าหมวดอื่น ๆ  ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ  0.3  ได้แก่  น้ำมันเชื้อ
เพลิง และการบันเทิง ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศระยะ  9  เดือนแรกของปี พ.ศ. 2545  เท่ากับ
104.0 สูงขึ้นร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับดัชนีราคาช่วงเดียวกันของปี พ.ศ. 2544 ซึ่งเท่ากับ 103.6  จากการสูง
ขึ้นของดัชนีราคาหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ  0.6  ได้แก่  ราคาแก๊สหุงต้ม  ค่ากระแสไฟฟ้า
ค่ารักษาพยาบาล ของใช้ส่วนบุคคล ยานพาหนะ ยาสูบ และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค
พื้นฐานของประเทศปี พ.ศ. 2545  (คำนวณจากรายการสินค้าและบริการ 235 รายการ)  คือ  ดัชนีราคาผู้
บริโภคทั่วไปของประเทศที่หักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสดและสินค้ากลุ่มพลังงานจำนวน  91  รายการ ซึ่ง
คิดเป็นประมาณร้อยละ 25 ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง ยุทธศาสตร์เพื่อการแข่งขันของเศรษฐ
กิจไทยภายใต้สถานการณ์ใหม่ของเศรษฐกิจโลก  เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2545  ณ  ตึกสันติไมตรี  ทำเนียบ
รัฐบาล ซึ่งสาระสำคัญของการประชุม ฯ เพื่อระดมความคิดเห็นร่วมกันเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การแข่งขันของ
ประเทศทั้งในระดับมหภาคและระดับสาขาการผลิต  โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวง
อุตสาหกรรมกระทรวงพาณิชย์   กระทรวงการต่างประเทศ   กระทรวงการคลัง   สำนักงานคณะกรรมการส่ง
เสริมการลงทุน   และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  นำยุทธศาสตร์ที่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมไปจัด
ทำแผนปฏิบัติการ (Action  Plan) โดยมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็น
แกนกลางในการบูรณาการ  และสนับสนุนด้านงบประมาณ   รวมทั้งให้แต่ละหน่วยงานแถลงแก่สาธารณชน
เพื่อรับทราบยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันจัดทำประเด็น
นำเสนอยุทธศาสตร์จากการประชุมดังกล่าวในรายละเอียดเสร็จเรียบร้อยแล้ว    ตามที่สำนักงานคณะกรรม
การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะทำงานยุทธศาสตร์สินค้าผลไม้ ของกระทรวงพาณิชย์ จำนวน
6 คณะ ได้แก่ คณะทำงานยุทธศาสตร์ทุเรียน และคณะทำงานยุทธศาสตร์มังคุด  มีนายสมชาย  ชาญณรงค์กุล
ผู้อำนวยการกองควบคุมพืช และวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้า
คณะทำงาน คณะทำงานยุทธศาสตร์สับปะรด มีนายอภิวัฒน์ อสมาภรณ์  ผู้อำนวยการกองนโยบาย  อุตสาห
กรรมรายสาขา 2  สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม  เป็นหัวหน้าคณะทำงาน  คณะทำ
งานยุทธศาสตร์เงาะ คณะทำงานยุทธศาสตร์ลิ้นจี่ และคณะทำงานยุทธศาสตร์ลำไย มีนายกรณรงค์  ฤทธิ์ฤา
ชัย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน  โดยให้คณะทำงานดังกล่าวทั้ง 6 
คณะ มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณากำหนดนโยบาย แผนงาน  และมาตรการด้านการผลิต  การแปรรูปและ
การตลาด อย่างเป็นระบบ กำหนดนโยบายและมาตรการแทรกแซงตลาดและการกระจายสินค้า  หลักเกณฑ์
และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประสานงาน  กำกับดูแล  และติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้เป็นไปตามกรอบแนวทางที่กำหนด และรายงานผลการดำเนินการต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เพื่อนำ
เสนอนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐ
กิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers Meeting : AEM) ครั้งที่ 34  และการประชุมระหว่าง AEM  กับประเทศ
คู่เจรจา  (จีน  ญี่ปุ่น  เกาหลีใต้  ออสเตรเลีย  นิวซีแลนด์  และอินเดีย)  ระหว่างวันที่ 12 - 15 กันยายน 2545
ณ  บันดาร์ เสรี  เบกาวัน  ประเทศบรูไน  ดารุสซาลาม  โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะ
ผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม  มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีเขตการค้าเสรีอาเซียน  (AFTA)
โดยระหว่างการประชุมไทยได้มีการหารือสองฝ่ายกับมาเลเซีย   ฟิลิปปินส์   และอินโดนีเซีย  เกี่ยวกับเรื่องการ
โอนย้ายสินค้าน้ำตาลของฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย และการที่มาเลเซียชะลอการลดภาษีสินค้ายานยนต์  ซึ่งผล
การหารือดังกล่าวเป็นที่น่าพอใจ โดยทั้งสามประเทศรับที่จะให้ผลประโยชน์ต่อไทยโดยเฉพาะฟิลิปปินส์ที่ตกลง
กำหนดปริมาณนำเข้าน้ำตาลจากไทยเป็นสัดส่วนสูง  และจะลดอัตราภาษีนำเข้าน้ำตาล  ซึ่งทำให้มีการซื้อขาย
น้ำตาลกันโดยตรงโดยไม่ต้องผ่านบริษัทคนกลาง  สำหรับแผนงานการรวมกลุ่มของอาเซียน  AEM  มีมติให้จัด
ตั้งคณะทำงานระดับนโยบายประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอาเซียน เพื่อพิจารณาการรวมตัวของอาเซียน
ต่อไปหลังการดำเนินการ AFTA สมบูรณ์แล้ว  รวมทั้งตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อกำกับและแก้ไขปัญหาการดำเนินการ
ในทางปฏิบัติของ  AFTA  โดยมอบให้เจ้าหน้าที่อาวุโสพิจารณากำหนดกรอบการทำงานของหน่วยงานนี้ต่อไป
นอกจากนี้   ได้มีการหารือเรื่องการจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน   ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
ระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (CER)  ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียน
และญี่ปุ่น  และการประชุมระหว่าง AEM  กับรัฐมนตรีของอินเดีย โดยในส่วนของไทยได้มีการหารือทวิภาคีไทย
-จีน และการหารือทวิภาคีไทย-อินเดีย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการเมือง จำนวน 2 ราย ได้แก่  นายสุนัย  จุลพงศธร  ดำรง
ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายทศพร เสรีรักษ์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางในการดำเนินการควบคุมสารกาเฟอีนจากการประชุมระดมสมอง
ของ  7  หน่วยงาน  เกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้าสารกาเฟอีน  การควบคุมสารกาเฟอีนภายในประเทศ  (ใช้
จำหน่าย  ครอบครอง  และขนย้าย)  และการควบคุมบริเวณชายแดนและการส่งออก   ตามที่สำนักเลขาธิการ
นายกรัฐมนตรีเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปดำเนินการยกร่าง  ประกาศ  และระเบียบ
ตามความในพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้าในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522  และพระ
ราชกฤษฎีกาตามความในพระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495   รวมทั้งประกาศตามความในพระราช
บัญญัติยา พ.ศ. 2510 ตามแนวทางในการดำเนินการควบคุมสารกาเฟอีนร่วมกับกระทรวงพาณิชย์  กระทรวง
มหาดไทย  กระทรวงสาธารณสุข  และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง   แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน  3 
สัปดาห์

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะ
รัฐมนตรีเรื่อง รายการอ่อนไหว  (Sensitive List : SL)  สำหรับภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร  ประมง
ป่าไม้  และเหมืองแร่  และแนวทางการเร่งระยะเวลาการเปิดเสรีสำหรับนักลงทุนนอกอาเซียน  ภายใต้ความ
ตกลงเขตการลงทุนอาเซียน (AIA) ซึ่งประเทศสมาชิกเดิม และไทย จะต้องเปิดเสรีการลงทุนในอุตสาหกรรม
การผลิต เกษตร ประมง ป่าไม้  เหมืองแร่  และบริการที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตทั้ง  5  สาขาดังกล่าว  และ
ให้การประติบัติเยี่ยงคนชาติแก่นักลงทุนอาเซียนภายในปี  พ.ศ. 2553  และนักลงทุนนอกอาเซียนภายในปี
พ.ศ. 2563 โดยสามารถจัดทำรายการขอสงวนรายการที่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเสรีภายใต้กรอบเวลา แบ่งเป็น
3  ประเภท  ได้แก่  รายการขอสงวนชั่วคราว (Temporary Exclusion List-TEL) รายการอ่อนไหว (Sensitive
List-SL) และรายการยกเว้นทั่วไป  (General Exception  List-GEL)  ซึ่งในการประชุมคณะกรรมาธิการเขต
การลงทุนอาเซียน (AIA Council) ครั้งที่ 5  ในวันที่ 11 กันยายน 2545  ณ  ประเทศบรูไน  ดารุสซาลาม
ไทยได้ยื่น  SL  จำนวน  22  รายการ   ซึ่งรายการดังกล่าวเป็นกิจการที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมและอยู่ใน
บัญชี 2  หมวดที่ 3  และบัญชี  3  ของพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว  พ.ศ. 2542  เนื่อง
จากที่ประชุม AIA Council ครั้งที่ 4  ได้มีมติให้ร่นระยะเวลาการเปิดเสรีสำหรับนักลงทุนนอกอาเซียน จากปี 
พ.ศ. 2563 เป็นปี  พ.ศ. 2553  ประเทศไทยได้พิจารณาทบทวนจัดทำรายการขอสงวนของภาคเกษตรใหม่  
และจะยื่นรายการ TEL และ SL สำหรับภาคเกษตร  แยกเป็น 2 ชุด  ที่แตกต่างกันระหว่างนักลงทุนอาเซียน
และนักลงทุนนอกอาเซียน  โดยรายการที่ได้ยื่นไปแล้ว  ถือว่าเป็นรายการสำหรับนักลงทุนอาเซียนเท่านั้น
ทั้งนี้ จะได้มีการยื่นรายการสำหรับนักลงทุนนอกอาเซียนต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการดำเนินการรับจำนำลำไยอบแห้งปี
2545  ตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร  (คชก.)  โดยผลดำเนินการรับจำนำ
ลำไยอบแห้งในส่วนขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.)  ได้เริ่มรับจำนำ
ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2545  ถึงวันที่  27  กันยายน  2545  โดยเปิดหน่วยรับจำนำ 43 หน่วย  ที่จังหวัด
เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา  และแพร่  ปริมาณที่รับจำนำ จำนวน 70,278 ตัน  ซึ่งยังมีปริมาณที่ยังค้าง
รับจำนำอยู่  28,120  ตัน   จากการตรวจสอบเบื้องต้นของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการรับจำนำลำไยอบ
แห้งปี 2545 ปรากฏว่า  ลำไยอบแห้งมีปริมาณมาก  อาจเกิดปัญหาขึ้นในปริมาณผลผลิตลำไยโดยรวม  ส่วน
ราคาลำไยอบแห้ง ก่อนรับจำนำ เกรด AA ราคาตลาด กก.ละ 50-52 บาท  เมื่อดำเนินการรับจำนำราคาได้
ปรับตัวสูงขึ้นเป็น กก.ละ 64-66 บาท   สำหรับปัญหาที่พบ ได้แก่ ปริมาณลำไยอบแห้งที่รับจำนำไว้แล้วรวม
กับปริมาณที่เกษตรกรแจ้งความประสงค์จะนำมาจำนำมีปริมาณค่อนข้างมาก ลำไยอบแห้งที่นำมาจำนำอาจ
มีบุคคลอื่นสวมสิทธิ์ของเกษตรกรนำลำไยอบแห้งมาจำนำ และการปฏิบัติไม่ถูกต้องและแสวงหาประโยชน์ที่มิ
ควรได้ทุกขั้นตอนของการปฏิบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในในฐานะ
ฝ่ายเลขานุการ คชก. ดำเนินการคลี่คลายปัญหาดังกล่าวเพื่อให้ประโยชน์ตกถึงเกษตรกรอย่างแท้จริงและไม่
เกิดการรั่วไหล  และได้ปิดการรับจำนำตามเวลาที่กำหนดซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2545 โดยลำไยอบ
แห้งที่ยังค้างอยู่จะเร่งดำเนินการรับจำนำให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2545   โดยให้มีการตรวจสอบ
ก่อนว่าลำไยอบแห้งที่นำมาจำนำเป็นของเกษตรกรอย่างแท้จริง

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานผลการเยือนเครือรัฐออสเตรเลีย
อย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่  29  พฤษภาคม - 1  มิถุนายน  2545  สรุปได้ว่า  ผลการ
เยือนออสเตรเลียในครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย  เนื่องจากนายกรัฐมนตรี
ออสเตรเลียได้ตอบสนองประเด็นที่ได้ยกขึ้นหารือทุกเรื่อง  ได้แก่   การจัดทำ  Free  Trade  Agreement   Plus
หรือ  Closer  Economic  Relations (CER)  โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างกันภายใต้โครงการ Working
Holiday  Visa    การให้ความร่วมมือและสนับสนุนโครงการปลูกพืชทดแทนที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือทางวิชา
การแก่พม่าความร่วมมือในด้านการศึกษาระหว่างกันเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษาในประเทศเพื่อน
บ้าน รวมทั้งความร่วมมือทวิภาคีในด้านการต่อต้านการก่อการร้าย และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติด
ตามผลการเยือนครั้งนี้ต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศติดตามความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการ
ปฏิบัติตามผลการหารือในการเยือนครั้งนี้ให้มีผลเป็นรูปธรรม  กับให้กระทรวงพาณิชย์ประสานกับหน่วยราช
การต่าง ๆ  ในการเจรจาจัดทำ CER ให้สามารถดำเนินการได้ภายใน 3 เดือน  ให้สำนักงานคณะกรรมการส่ง
เสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติและกระทรวงการต่างประเทศดำเนินโครงการ  Working  Holiday  Visa 
ให้เป็นผลสำเร็จ   กับให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดดำเนินการเพื่อให้ออสเตร
เลียมีบทบาทและสนับสนุนช่วยเหลือโครงการปลูกพืชทดแทนในพม่าตามนโยบายของรัฐบาล   ให้ทบวงมหา
วิทยาลัยดำเนินการเสริมสร้างการเชื่อมโยงและการติดตามระหว่างมหาวิทยาลัยของทั้งสองประเทศ   และเร่ง
รัดให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงความร่วมมือทางด้านการศึกษาระหว่างกันให้มีผลเป็นรูปธรรม   และให้สำนัก
งานสภาความมั่นคงแห่งชาติจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างไทย-ออสเตร
เลีย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  งบกลาง  รายการ
เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 288.02 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาสารตกค้างในกุ้งและไก่ของ
กรมประมงและกรมปศุสัตว์   ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ    โดยให้ตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ร้อยเอก สุชาติ เชาว์วิศิษฐ) กับรัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายเนวิน ชิดชอบ) ควรประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลในการสืบสวนซึ่งกันและกัน รวม
ทั้งตรวจสอบการนำเข้ายา เภสัชเคมีภัณฑ์ และเกลือของเภสัชเคมีภัณฑ์ ที่ได้ผ่านพิธีการทางศุลกากร เมื่อประกาศ
กระทรวงพาณิชย์เรื่อง   การห้ามนำยา    เภสัชเคมีภัณฑ์    และเกลือของเภสัชเคมีภัณฑ์เข้ามาในราชอาณาจักร
พ.ศ. 2545  มีผลใช้บังคับแล้ว   และหากไม่มีหลักฐานการได้รับอนุญาตการนำเข้าที่ถูกต้องให้ดำเนินคดีทางกฎ
หมาย   ถ้าพบว่ามีการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  ก็ให้ดำเนินการลงโทษทางวินัยอย่างเฉียบขาด   และ
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ไขปัญหาสารตกค้างดังกล่าวอย่างจริงจังและให้บรรลุผลตามแผนปฏิบัติการที่
ได้แจ้งไว้กับสหประชาชาติ   เพื่อให้ประเทศไทยได้รับการพิจารณาให้พ้นจากรายชื่อประเทศที่ต้องตรวจสอบคุณ
ภาพสินค้าอย่างเข้มงวดของสหภาพยุโรป  และให้กระทรวงสาธารณสุขหารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อ
กำหนดมาตรการ ตัวยา  สาร  หรือเคมีภัณฑ์ที่สามารถจะใช้ทดแทนสาร  16  ชนิด ที่ห้ามนำเข้า โดยระหว่างนี้
ให้กระทรวงเกษตร ฯ  ดำเนินการแจกจ่ายน้ำสกัดชีวภาพที่สามารถใช้ทดแทนยาและเคมีภัณฑ์ในการเลี้ยงกุ้งให้
แก่เกษตรกร     และเมื่อการหารือได้ข้อยุติแล้วให้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง  ๆ  ของรัฐให้ประชาชนได้ทราบว่า
รัฐบาลได้ดำเนินการมาตรการนี้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ดำเนินการไปแล้วได้ประโยชน์อย่างไร  และได้มีการเตรียม
มาตรการรองรับการแก้ไขปัญหาในช่วงนี้อย่างไร

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 748 ร. เรื่อง  มาตรฐานข้าวหอมมะลิ  ของนายอำนวย  
คลังผา  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี  ซึ่งถามว่า  รัฐบาลมีมาตรการตรวจสอบมาตรฐานข้าวหอมมะลิ
ร้อยละ 92 และมีข้าวอื่นผสมร้อยละ 8 อย่างไร และมีมาตรการควบคุมข้าวหอมมะลิเพื่อการส่งออกและจำหน่าย
ในประเทศโดยจะให้ความเป็นธรรมและรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคอย่างไร   ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป