คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 340  เรื่อง  การส่งออก
สินค้าไทย ของนายอำนวย คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี สรุปได้ว่า รัฐบาลมีมาตรการด้าน
การค้าระหว่างประเทศที่สำคัญ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  ได้แก่  เร่งรัดการแก้ไขปัญหาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
ในการส่งออกของไทย การขยายตลาดเพื่อนบ้าน  ลดการพึ่งพาตลาดหลัก  และผลักดันการส่งออกไปตลาด
ใหม่ที่มีศักยภาพและในประเทศเพื่อนบ้าน  ส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่ก่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในประเทศ
สูง พัฒนาและส่งออกธุรกิจบริการ มุ่งเน้นธุรกิจการรักษาพยาบาลให้ไทยเป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล
ของเอเซีย  การศึกษา  สุขภาพและเสริมความงามและธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศ  แต่งตั้งที่ปรึกษา
กิตติมศักดิ์กระทรวงพาณิชย์ด้านการค้าระหว่างประเทศ (Honorary Trade Advisor (HTA) to the ministry of
Commerce) ส่งเสริมการส่งออกในระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์  การพัฒนาศักยภาพผู้ส่งออกไทย  การจัด
ตั้งศูนย์บริการส่งออกแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Export Service Center) และมีแนวทางที่จะส่งเสริมคุณภาพ
สินค้าไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้  โดยพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยการจัดฝึกอบรม การจัด
ทำ Website  เพื่อเป็นเครื่องมือลดต้นทุนทางการค้า และ E-commerce พัฒนาภาพลักษณ์สินค้าไทย  โดย
การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สินค้าไทยทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง  และมีโครงการสร้างภาพลักษณ์
ของประเทศและสินค้าไทย    รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาสินค้าหัตถกรรมในภูมิภาคตามโครงการหนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์ และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตอบในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอคำตอบกระทู้ถามที่ 760 ร. เรื่อง
ความเดือดร้อนของผู้ประกอบการที่จำเป็นต้องใช้งานอันมีลิขสิทธิ์ ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรจังหวัดขอนแก่น สรุปได้ว่า  (1)  การจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ได้บัญญัติ
ให้เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้กำหนดเงื่อนไข  วิธีการ และอัตราการจัดเก็บ ซึ่งทำให้ภาครัฐไม่สามารถใช้มาตรการตาม
กฎหมายฉบับนี้ในการควบคุมการบริหารการจัดเก็บได้ กระทรวงพาณิชย์จึงได้นำพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสิน
ค้าและบริการ พ.ศ. 2542  มาใช้โดยออกประกาศกำหนดให้สิทธิในการเผยแพร่งานลิขสิทธิ์เพลงเพื่อการค้าเป็น
บริการควบคุม มีระยะเวลา 1 ปี  ตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2545  เพื่อให้ภาครัฐสามารถควบคุมผู้ประกอบธุรกิจ
จัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ได้  นอกจากนี้ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้กำหนดมาตรการ
เพื่อใช้กับสินค้าควบคุมพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาพิจารณาเงื่อนไข วิธีการ 
การกำหนดต้นทุนและอัตราการจัดเก็บ  เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรม  (2)  สำหรับกรณีที่มีการร้อง
ขอให้มีการชะลอการจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์ในส่วนการเผยแพร่ต่อสาธารณชน รวมทั้งลด
เงินค่าประกันตัวเหลือเท่ากับคดีละเมิดลิขสิทธิ์เกี่ยวกับการค้า เพื่อให้ผู้ต้องหาสามารถประกันตัวเพื่อมาต่อสู้คดี
นั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาแล้วเห็นว่า การชะลอการจับกุมไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากจะเข้า
ข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเรื่องหลักประกันตัวผู้ถูกจับในข้อหาและฐานความผิดนี้ สำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติ  ได้กำหนดหลักประกันในการประกันตัวไว้จำนวน  50,000  บาท  และได้สั่งการให้ทุกหน่วยใน
สังกัดถือปฏิบัติให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันแล้ว  (3) อย่างไรก็ดีขณะนี้รัฐบาลได้ร่วมกันปรับปรุงแก้ไขพระราช
บัญญัติลิขสิทธิ์  พ.ศ. 2537   ในเรื่องอัตราโทษการกระทำผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ในการเผยแพร่ต่อสาธารณชน
และได้เพิ่มเติมบทบัญญัติเรื่องการบริหารจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์  หากพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเสร็จแล้วจะได้นำเสนอ
เข้าสู่ขบวนการทางนิติบัญญัติต่อไป และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวง
อุตสาหกรรม  กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  กระทรวงพลังงาน  กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทค
โนโลยี   กระทรวงการคลัง   และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่  12  พฤศจิกายน  2545  เกี่ยวกับเรื่อง สินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยมอบหมายให้ส่วนราชการ
ต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในด้านต่าง  ๆ  เช่น  การพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ไทยตำบลดอทคอม  การจัด
ทำห้องแสดงสินค้า  (Show Room)  และศูนย์แสดงสินค้าซึ่งผลิตในประเทศไทย  (Made  in  Thailand)  และการ
จัดตั้งศูนย์จำหน่ายสินค้า  (Outlet)  ของกรมการพัฒนาชุมชน ให้มีความคืบหน้าและแล้วเสร็จโดยเร็ว  และให้รอง
นายกรัฐมนตรี (นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม  กระทรวงมหาดไทย 
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาปรับปรุงรูป
แบบผลิตภัณฑ์และคุณภาพมาตรฐานสินค้าหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์  ให้เป็นที่น่าสนใจ  และแข่งขันได้ในตลาด
สินค้า  รวมทั้งให้พิจารณาแนวทางการเพิ่มแหล่งจำหน่ายสินค้า  (Outlet)  ดังกล่าวเพิ่มขึ้น ให้เพียงพอและมีการ
กระจายตัวอย่างเหมาะสมด้วย ทั้งนี้ ให้รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าภายใน) รายงานความคืบหน้าการ
ดำเนินการจัดตั้งศูนย์รวบรวมผักและผลไม้เพื่อการส่งออก  สรุปได้ว่า คณะกรรมการพิจารณาการจัดตั้งศูนย์ ฯ
ได้คัดเลือกบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท) เป็นผู้ดำเนินการศูนย์ ฯ มีระยะเวลาดำเนินโครง
การ  15  ปี   มีหน้าที่จัดหาอาคารสถานที่สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้าไปให้บริการภายในศูนย์  ฯ   และ
จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ให้บริการผู้ส่งออกอย่างครบวงจร  ในส่วนของภาครัฐ จะจัดหาเครื่องมือ เครื่อง
ใช้  อุปกรณ์ต่าง ๆ  ที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานภาคราชการที่จะเข้าไปให้บริการภายในศูนย์  ฯ  และให้การสนับ
สนุนด้านการตลาด และข้อมูลข่าวสารทั้งในและต่างประเทศในเชิงบูรณาการ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการ
ดำเนินโครงการ  ประกอบด้วย  หน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ให้บริการตามขั้นตอนพิธีการส่งออก  และหน่วย
งานสนับสนุนการดำเนินงานศูนย์  ฯ      ส่วนงบประมาณดำเนินโครงการ  ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี
พ.ศ. 2544  เป็นเงิน  16,003,500  บาท  เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์  ฯ     และได้รับการจัดสรรงบ
ประมาณปี พ.ศ. 2545-2549 เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องมือ  เครื่องใช้  วัสดุ  อุปกรณ์ต่าง ๆ
ที่จำเป็นให้แก่หน่วยงานภาคราชการที่ปฏิบัติการภายในศูนย์ ฯ  รวมถึงการจัดสรรพัสดุ ครุภัณฑ์ให้แก่หน่วย
งานดังกล่าวด้วย    สำหรับการดำเนินการต่อไป  จะได้ประสานและติดตามการจัดตั้งศูนย์  ฯ   อย่างต่อเนื่อง 
รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเพื่อขอรับการสนับสนุนส่งเสริมในด้านต่าง ๆ  และ
มีแผนการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ศูนย์ ฯ เป็นที่รู้จักและเป็นศูนย์กลางให้บริการด้านการส่งออกสินค้าประเภท
ผักและผลไม้  ซึ่งศูนย์ ฯ จะมีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์ 2546

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป
และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนพฤศจิกายน 2545  โดยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ
เดือนพฤศจิกายน 2545 เท่ากับ 104.6  เปรียบเทียบกับเดือนตุลาคม 2545 ซึ่งดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป เท่า
กับ 105.1 ลดลงร้อยละ 0.5 จากการลดลงของดัชนีราคาสินค้าหมวดอาหารเครื่องดื่มร้อยละ 0.6 ได้แก่  เนื้อ
สุกร ผักสด และไข่ไก่ และสินค้าหมวดอื่น ๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 0.5 ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง  ส่วน
ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศปี  พ.ศ. 2545  (คำนวณจากรายการสินค้าและบริการ 235 รายการ) 
คือ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศที่หักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสดและสินค้ากลุ่มพลังงาน จำนวน 91
รายการ คิดเป็นประมาณร้อยละ 25 ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมด

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอคำตอบกระทู้ถามที่  333  เรื่อง  ปัญหาแผ่น
ซีดีราคาสูง  ของนายอำนวย คลังผา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดลพบุรี   สรุปได้ว่า  นโยบายในการแก้ไข
ปัญหา แผ่น  ซี ดี  ราคาสูง  รวมทั้งการป้องกันไม่ให้สูงกว่าในปัจจุบัน   รัฐบาลมีมาตรการในการดูแลผู้บริโภค
ให้ได้รับความเป็นธรรมในการซื้อสินค้า    โดยดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ 
พ.ศ.  2542    และใช้อำนาจบริหารในการตรวจสอบติดตามการจำหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการโดยใช้มาตร
การกฎหมาย   โดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และใช้มาตรการบริหาร  สำหรับแถบบันทึกเสียง  
แถบบันทึกภาพคอมแพ็คดิสก์ได้ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการในการแจ้งตั้งราคาจำหน่ายใหม่    หรือการ
เปลี่ยนแปลงราคาจำหน่ายจากเดิมให้ทางราชการทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15  วัน ก่อนนำสินค้าออกจำหน่าย  
ทั้งนี้  ราคาคอมแพ็คดิสก์ (แผ่น ซี  ดี)  ที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง  ซีดีภาพยนตร์  ราคาเรื่องละ 39 - 199  บาท   ซีดี
เพลงไทย แผ่นละ 135 - 141  บาท     และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ตอบในที่ประชุมสภาผู้แทน
ราษฎรต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการดำเนินการต่าง ๆ เกี่ยวกับการคุ้มครอง
ทรัพย์สินทางปัญญาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ประกอบด้วย  พระราชนิพนธ์  "ทองแดง"  ภาพฝีพระหัตถ์
เพลงพระราชนิพนธ์  และการจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตร  ซึ่งได้ติดตามและสอดส่องดูแลเพื่อป้องกันไม่
ให้มีการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจะดำเนินการประสานสำนักงาน
ตำรวจแห่งชาติ เพื่อปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาตามแนวทางที่เหมาะสม ตลอดจนดำเนินการแก้ไขปัญหา
ตามพระราชประสงค์ด้วย 

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแต่งตั้ง นายพลาวุธ เชาวนโยธิน นายจรวย บุญยุบล 
นายเย็นใจ เลาหวณิช นายจุมพล ธรรมจรีย์ นายอำพล ไมตรีเวช นายเกรียงศักดิ์ ภัทราคม นายวีระศักดิ์ ว่องปรีชา 
นายอุดม ก๊กผล นางสาววรรณา ตุลยธัญ นายไพศาล สุริยะมงคล นายโยธิน อนาวิล และนายบูรพา อัตถากร เป็น
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิทธิบัตร แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนด
สองปีตามวาระ โดยให้แต่งตั้งตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (17 ธันวาคม 2545) เป็นต้นไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจดทะเบียน การบังคับ
ใช้สิทธิ  การสอบสวน  การอุทธรณ์  และแบบของเอกสารเกี่ยวกับแบบผังภูมิของวงจรรวม  พ.ศ. ....  (กำหนดหลัก
เกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการจดทะเบียนแบบผังภูมิของวงจรรวม  การอนุญาตให้ใช้สิทธิและการโอนสิทธิ
ในแบบผังภูมิของวงจรรวม การขอเพิกถอนการจดทะเบียนแบบผังภูมิของวงจรรวม  การบังคับใช้สิทธิในแบบผังภูมิ
ของวงจรรวม และการขอรับใบแทน  การสอบสวน  การอุทธรณ์  และแบบของเอกสารเกี่ยวกับแบบผังภูมิของวงจร
รวม)  และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับแบบผังภูมิของวงจรรวม  พ.ศ. ....  (กำหนดอัตราค่าธรรม
เนียมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแบบผังภูมิของวงจรรวม พ.ศ. 2543)  รวม  2  ฉบับ  ที่สำนักงานคณะกรรมการ
กฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งให้ นายพิษณุ เหรียญมหาสาร ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพาณิชย์
(นักวิชาการพาณิชย์ 10 ชช.)  สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์  ตั้งแต่วันที่  2  กันยายน  2545  เป็นต้นไป 
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี
เกี่ยวกับสาร 3-MCPD ในซอสปรุงรส สรุปได้ว่า  จากการตรวจติดตามสถานที่ผลิตและเก็บตัวอย่างซอสปรุงรส
ในจังหวัดที่มีแหล่งผลิตซอสปรุงรส โดยผลการตรวจวิเคราะห์สารในซอสปรุงรส 16 ตัวอย่าง ที่เก็บจากสถานที่
ผลิตและสถานที่จำหน่าย  ระหว่างวันที่ 5-29 สิงหาคม 2545  พบว่า  ซอสปรุงรส  2  ตัวอย่าง (จากผู้ผลิต  2 
รายซึ่งเป็นโรงงานที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการพัฒนากระบวนการผลิตกับกระทรวงสาธารณสุข) พบปริมาณสาร  3
-MCPD   8.19  มิลลิกรัม/กิโลกรัม   และ  3.80  มิลลิกรัม/กิโลกรัม    ซึ่งเกินข้อกำหนดตามประกาศกระทรวง
สาธารณสุข  (ฉบับที่  248)  พ.ศ. 2544  ที่กำหนดให้พบปริมาณสารได้ไม่เกิน  1  มิลลิกรัม/กิโลกรัม  ซึ่งทาง
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะได้พิจารณาดำเนินการตรวจสอบและเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสที่
จำหน่ายในท้องตลาดให้เป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดต่อไปอย่างต่อเนื่อง   และจะให้คำแนะ
นำช่วยเหลือโดยจะเร่งรัดให้พัฒนากระบวนการผลิต   เพื่อปรับลดปริมาณสารดังกล่าวให้เป็นไปตามข้อกำหนด
โดยเร็ว  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ผลจากการตรวจวิเคราะห์ปริมาณสาร  3-MCPD  ในซอสปรุงรส 16
ตัวอย่าง  ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดมีปริมาณสารน้อยกว่าที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนด   รวมทั้งผลจาก
การศึกษาในปัจจุบันค่าที่กำหนดยังต่ำกว่าค่าความปลอดภัย PMTDI  (Provisional  Maximum  Tolerable  Daily
Intake)  ถึง 20 เท่า ซึ่งปัจจุบันไม่มีปัญหาในการนำเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา  ญี่ปุ่น  และออสเตรเลีย  แต่ยังมี
ปัญหาในการนำเข้าประเทศในกลุ่มประชาคมยุโรป (EU) เนื่องจากมีการกำหนดค่ามาตรฐานของสารไว้ต่ำเกิน
ไป และโดยที่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดค่ามาตรฐานสากล (Codex) ของการปนเปื้อนนี้ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
ควรดำเนินการผลักดันให้มีการกำหนดค่ามาตรฐานสากล  ให้เป็นไปตามค่าที่กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศ
กำหนดเพื่อประโยชน์ต่อการส่งออก  และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงสาธารณสุข  และกระทรวง
อุตสาหกรรมเร่งพิจารณาปรับปรุงยกระดับมาตรฐานของสินค้าที่ผลิตในประเทศให้สูงขึ้น  และเพิ่มปริมาณผล
ผลิตที่มีมาตรฐานให้มากขึ้น    ในขณะเดียวกันมอบให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เร่งขยาย
ตลาดสินค้าในต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ
ระหว่างประเทศ พ.ศ. ....   ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ   และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา  แล้วดำเนินการต่อไปได้   โดยให้เพิ่มเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง
ชาติร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ  (กนศ.)  พร้อมทั้งให้เชิญผู้แทน
กระทรวงการต่างประเทศไปร่วมพิจารณาด้วย และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของคณะกรรมการกลั่น
กรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5  (เกี่ยวกับบทบาทและอำนาจหน้าที่ของ กนศ. ที่เกี่ยวข้องกับหลาย
หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และธนาคารแห่งประเทศไทย  จึงควร
เชิญมาประชุมเป็นคราว ๆ ไป รวมทั้งควรเพิ่มองค์ประกอบของ กนศ. และให้ตั้งคณะกรรมการประสานการ
พัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (กพบ.) เป็นคณะอนุกรรมการภายใต้  กนศ.)  ไป
พิจารณาด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการศึกษาวิจัย เรื่อง "การค้าปลีกของไทย : ผลกระทบของการแข่งขัน
จากผู้ประกอบการค้าปลีกขนาดใหญ่จากต่างประเทศ" ตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (นายสุวิทย์ คุณกิตติ)  เสนอ
โดยให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์ชี้แจงรายละเอียดและขั้นตอนการดำเนินการที่องค์กรรวม
ค้าปลีกเข้มแข็งจะให้การช่วยเหลือ  ส่งเสริม  สนับสนุนธุรกิจค้าปลีก  โดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายและแจกจ่าย เผย
แพร่ให้แก่ผู้ประกอบการค้าปลีก/ค้าส่งขนาดเล็กได้ทราบ เพื่อผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกที่สนใจจะได้ติดต่อขอรับ
การช่วยเหลือ  ส่งเสริม  และสนับสนุนต่อไป  ทั้งนี้  ให้กระทรวงการคลังจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์โครงการ
ธนาคารประชาชนของธนาคารออมสินซึ่งสามารถให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกผนวกเข้าไปด้วย และให้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายวัฒนา เมืองสุข) ซึ่งดูแลงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  กระทรวง
พาณิชย์ เร่งรัด ติดตาม และประสานงานกับกระทรวงมหาดไทย  เพื่อดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
19  พฤศจิกายน  2545   ที่ให้ใช้กฎหมายว่าด้วยผังเมืองในการกำกับดูแลธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ให้แล้วเสร็จ
โดยเร็ว

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสรุปผลการประชุมอย่างไม่เป็นทางการ
ระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับผู้แทนการค้าสหรัฐ  ฯ  (Informal  AEM-USTR Meeting)  เมื่อวันที่  20
พฤศจิกายน 2545 ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์  โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะ
ผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ซึ่งการประชุมครั้งนี้ AEM ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็น
ผู้เสนอความคิดเกี่ยวกับกรณีที่สหรัฐ ฯ เสนอ  Enterprise  for  ASEAN  Initiative  (EAI)  ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อ
กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ ฯ กับอาเซียน  โดยแบ่งแยกประเทศอาเซียนออกเป็น  3  กลุ่ม  อาจทำให้
เกิดการแบ่งแยกในอาเซียนได้  ซึ่งที่ประชุมให้การสนองตอบด้วยดี  โดยมีมติให้อาเซียนและสหรัฐ ฯ  เริ่มจัดทำ
ASEAN-wide-US TIFA  และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่อาวุโสของอาเซียนและสหรัฐ  ฯ  ไปเจรจาเพื่อจัดทำแผน
งาน (Work Plan) ให้เสร็จภายในเดือนกันยายน 2546 เพื่อนำเสนอที่ประชุม AEM-USTR  ซึ่งสหรัฐ ฯ รับเป็นเจ้า
ภาพจัดการประชุมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.  ในช่วงต้นเดือนกันยายน  ก่อนที่จะมีการประชุมรัฐมนตรีองค์การการ
ค้าโลก ครั้งที่ 5 สำหรับในส่วนของไทย ได้มีการหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐ ฯ ถึงการดำเนินงานภายใต้กรอบ
TIFA  ที่ได้ลงนามไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2545  ซึ่งมีแผนการทำงานสองส่วน คือ  ส่วนที่หนึ่ง เป็นความร่วม
มือในการแก้ไขปัญหาทางการค้าและการลงทุน  และส่วนที่สอง คือ  การเตรียมการเพื่อจัดทำเขตการค้าเสรี
ไทย-สหรัฐ ฯ  รวมทั้งได้หารือทวิภาคีกับฟิลิปปินส์เรื่องน้ำตาล  โดยไทยได้เรียกร้องค่าชดเชยความเสียหาย
จากกรณีที่ฟิลิปปินส์ได้ขอชะลอการลดภาษีน้ำตาลภายใต้  AFTA  และขอขึ้นภาษีนำเข้าน้ำตาลภายใต้กรอบ 
WTO

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 (คกก.2) 
เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาส่งออกสินค้ากุ้งและไก่  โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาหาแนว
ทางแก้ไขปัญหาความล่าช้าของการตรวจสอบสารตกค้างในสินค้ากุ้งและไก่    โดยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วน
ร่วมด้วยหากจำเป็นต้องจัดหาเครื่องมือที่ทันสมัยมารองรับ  ก็ให้จัดทำเป็นแผนงานโดยประสานหน่วยงานที่
เกี่ยวข้องแล้วนำเสนอ  คกก.2  ต่อไป  และมอบให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาถึงผลกระทบของ FTA  (Free
Trade Area)  ต่อผู้ส่งออกของประเทศไทยทั้งผลดีและผลเสีย  แล้วรวบรวมข้อมูลตลอดจนคำแนะนำประสาน
กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบดังกล่าวโดยเร่งด่วน   รวมทั้งเห็นชอบมาตร
การเพื่อสนับสนุนและรักษาสถานภาพการส่งออกของไทย ตามประเด็นอภิปรายในส่วนที่เกี่ยวกับความเห็น
ของ คกก.2 และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการตามแนวทางและมาตรการตามมติ คกก.2 ต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอเกี่ยวกับการปราบปรามการลักลอบผลิตและ
จำหน่ายผลิตภัณฑ์ซีดีที่ผิดกฎหมายและละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากในช่วงเวลาที่ผ่านมาการปราบปรามการลัก
ลอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ได้รับผลสำเร็จในระดับหนึ่ง  แต่ยังไม่หมดสิ้นไป   และขณะ
นี้เป็นช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่คาดว่า จะมีการลักลอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น  สมควร
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงพาณิชย์  จะได้ร่วมกันดำเนินการปราบปรามอย่างต่อเนื่องและจริง
จังต่อไป  รวมทั้งให้กระทรวงการคลังเร่งประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ในการพิจารณาความเหมาะสมใน
การนำระบบการติดแสตมป์สรรพสามิตหรือเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีอื่นใดมาปรับใช้เพื่อประโยชน์ใน
การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ซีดีที่ถูกต้องตามกฎหมายได้อย่างสะดวกและรวดเร็วต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้กระทรวงพาณิชย์รับเรื่องการกำหนดมาตรการและแนวทางในการตรวจ
สอบคุณภาพมาตรฐานของสินค้านำเข้าจากต่างประเทศไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยในระยะต้น ให้นำเอาข้อมูลของประเทศอื่น
ๆ  ที่ได้ดำเนินการในเรื่องทำนองนี้อยู่แล้วกับประเทศที่ส่งสินค้ามายังประเทศไทย มาเป็นข้อมูลพื้นฐานใน
การพิจารณากำหนดชนิด/ประเภทของสินค้าที่จะดำเนินการ แล้วรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป
และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศเดือนตุลาคม 2545 สรุปได้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ
เดือนตุลาคม 2545 เท่ากับ 105.1 เทียบกับเดือนกันยายน 2545  สูงขึ้นร้อยละ  0.6  จากการสูงขึ้นของดัชนี
ราคาสินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่มร้อยละ  0.7   และสินค้าหมวดอื่น  ๆ   ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 
0.5  ทั้งนี้   ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของประเทศปี พ.ศ. 2545 (คำนวณจากรายการสินค้าและบริการ  235
รายการ) คือ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศเมื่อหักรายการสินค้ากลุ่มอาหารสดและสินค้ากลุ่มพลังงาน
จำนวน  91  รายการ  ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ  25  ของสัดส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับดัชนีราคาผู้บริโภค
พื้นฐานของประเทศเดือนตุลาคม 2545 เท่ากับ 104.3 เมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2545 ไม่เปลี่ยนแปลง แต่
สูงขึ้นกว่าเดือนเดียวกับปีที่แล้วร้อยละ  0.2  เฉลี่ยเดือนมกราคม - ตุลาคม  2545  เทียบกับช่วงเดียวกันของปี
พ.ศ. 2544 สูงขึ้นร้อยละ 0.5

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาด
ไทย (กรมพัฒนาชุมชน) กระทรวงพาณิชย์ (กรมส่งเสริมการส่งออก) และกระทรวงอุตสาหกรรม  (กรมส่งเสริม
อุตสาหกรรม)  ประสานกับผู้จัดทำเว็บไซต์ไทยตำบลดอทคอม (WWW.THAITAMBON.COM) ในการพิจารณาคัด
สรรสินค้าจากโครงการหนึ่งตำบล  หนึ่งผลิตภัณฑ์  เข้าไปเสนอขายในเว็บไซต์ดังกล่าวให้มากขึ้น  โดยพิจารณา
ถึงระบบการส่งสินค้าให้มีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น   รวมทั้งเร่งรัดให้มีการเพิ่มเติมรายการสินค้าให้มากยิ่ง
ขึ้น    กับให้กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศและการสื่อสารปรับปรุงเว็บไซต์ดังกล่าว  ให้มีข้อมูลดึงดูดความ
สนใจของผู้เข้าชมมากยิ่งขึ้น เช่น  การจัดอันดับสินค้าขายดี 10  อันดับ  หรือแปลข้อมูลในเว็บไซต์ให้เป็นภาษา
อังกฤษให้สมบูรณ์   ส่วนห้องแสดงสินค้า  (Show Room)  ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับไปพิจารณาจัดให้มีห้อง
แสดงสินค้า OTOP โดยเฉพาะกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ ๆ  ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว  โดยอาจพิจารณาให้เอก
ชนเป็นผู้บริหารจัดการก็ได้   และพิจารณาจัดตั้งศูนย์ขนาดใหญ่ที่แสดงสินค้าต่าง ๆ  ทั้งหมดซึ่งผลิตในประเทศ
ไทย (Made in Thailand) ด้วย สำหรับการจัดตั้งศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าชุมชน หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์
ของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ที่จะจัดตั้งศูนย์ในส่วนภูมิภาค 5 แห่ง   และส่วนกลาง 1 แห่ง นั้น
ให้กรมการพัฒนาชุมชนดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ประสานข้อมูลกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการกระ
จายตัวและไม่เกิดความซ้ำซ้อนเกี่ยวกับทำเลที่ตั้ง ให้กระทรวงพลังงานสนับสนุนการเพิ่มจุดขายสินค้า (Outlet) 
เช่น สถานีจำหน่ายน้ำมัน โดยออกแบบและจัดทำชั้นวางสินค้า OTOP แบบ Knock Down  ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยีและกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันตรวจสอบ พัฒนา ปรับปรุง  คุณภาพสินค้า  โดยเฉพาะสินค้า
ที่ใช้บริโภคเพื่อให้มีคุณภาพได้มาตรฐาน     ตลอดจนความสวยงามของรูปแบบบรรจุภัณฑ์  (Packaging)  และ
ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพสามิต) พิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการทางภาษี  เพื่อส่งเสริมและ
สนับสนุนการผลิตและจำหน่ายของผู้ผลิตสินค้า ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีได้ช่วยดูแลและสนับสนุนการตลาดของสินค้า
OTOP  ในจังหวัดที่ตนมีภูมิลำเนา  โดยประสานกับกระทรวงมหาดไทย  กระทรวงอุตสาหกรรม  กระทรวงพลัง
งาน และกระทรวงพาณิชย์

               รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกัน
เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภา
ผู้แทนราษฎรเสนอ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ พิจารณาเห็นควรแก้ไขบันทึกเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติ
ฉบับนี้ให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ที่มีผู้ประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิตอยู่แล้วในปัจจุบัน   ส่วนคณะกรรมาธิการร่วม
กัน ฯ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับความหมายของคำว่า "ข้อมูลส่วนบุคคล" ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายทั่วไปในทำนองเดียว
กับความหมายในกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของทางราชการ   สำหรับกรณีบริษัทที่จะยื่นขอจดทะเบียนหนัง
สือบริคณห์สนธิเพื่อประกอบธุรกิจดังกล่าว   ต้องมีหนังสือให้ความเห็นชอบจากรัฐมนตรีก่อนตั้งแต่ขั้นตอนแรก
ส่วนประเภทของผู้ใช้บริการที่มีสิทธิได้รับข้อมูลอย่างเท่าเทียมกันจากบริษัทข้อมูลเครดิต    ผู้มีสิทธิได้รับความ
เสมอภาคต้องชัดเจน   ในทางปฏิบัติจะมีกฎเกณฑ์อย่างไรในการพิจารณาว่าเป็นผู้ใช้บริการที่จัดอยู่ในประเภท
เดียวกัน  ทั้งนี้ มอบให้กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์  รับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการร่วมกัน ฯ ไป
พิจารณาดำเนินการแล้วแจ้งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบ  เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป  และเห็น
ชอบให้นำบันทึกเหตุผลของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ เป็นบันทึกเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการประกอบ
ธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. .... ประกาศในราชกิจจานุเบกษาพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเมื่อได้ทรงลงพระ
ปรมาภิไธยในร่างพระราชบัญญัติแล้ว