ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 13 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 252 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
161 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา | สว. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
คุณูปการของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและฝ่ายนิติบัญญัติ
ของคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
162 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) | สผ. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันที่
๓๐กันยายน ๒๕๖๖ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว เห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
163 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... | ทส. | 28/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง
กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ในบริเวณอำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด
อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เห็นว่าความหมายของคำว่า “ประมงพื้นบ้าน”
ตามความในข้อ ๕ (๑)(ก) ที่ให้ทำการประมงพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการประมง
ในบริเวณพื้นที่ตามข้อ ๔ บริเวณที่ ๑ ได้นั้น หากหมายความถึง ความหมายของ “ประมงพื้นบ้าน”
และ “ที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ” ตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ควรให้ความเห็นชอบต่อร่างประกาศกระทรวงดังกล่าว
แต่หากความหมายของ “ประมงพื้นบ้าน” ตามร่างประกาศกระทรวงดังกล่าว ไม่ได้หมายความรวมถึง
ความหมายของ “ที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ” ตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และร่างประกาศกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับ
อาจส่งผลกระทบต่อการกำหนดเขตพื้นที่ที่อนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตพื้นที่จังหวัดพังงาได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
และกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม เห็นว่าหากมีการดำเนินการใด ๆ
ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเล หรือบนชายหาดของทะเล
ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช
๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
164 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง
อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตั้งแต่แนวชายฝั่งทะเลออกไปในทะเลเป็นระยะทาง
๑,๐๐๐ เมตร ของตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว
จังหวัดชุมพร เป็นเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ กระทรวงคมนาคม เห็นว่าตามมาตรา ๑๑๗ และมาตรา ๑๒๐ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือน่านน้ำไทย
พระพุทธศักราช ๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมบัญญัติห้ามปลูกสร้างอาคาร
หรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปเหนือน้ำ ในน้ำ ใต้น้ำ ของแม่น้ำ ลำคลอง บึง
อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทย
หรือบนชายหาดของทะเล และห้ามขุดลอก แก้ไข หรือทำด้วยประการใด ๆ
อันเป็นการเปลี่ยนแปลงร่องน้ำทางเดิน ลำคลอง ทะเลสาบ
และทะเลภายในน่านน้ำไทยเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ดังนั้น การดำเนินการใด
ๆ ในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ ทะเล หรือบนชายหาดของทะเล
ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช
๒๔๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวด้วย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่าเมื่อร่างกฎกระทรวงนี้มีผลใช้บังคับแล้ว
ก็ควรจะแก้ไขปรับปรุงร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว
เพื่อยกเลิกมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในส่วนที่มีความซ้ำซ้อนหรือขัดแย้งกับมาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามร่างกฎกระทรวงนี้ต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย เช่น สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรจัดทำแผนปฏิบัติการสำหรับทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในพื้นที่ให้ชัดเจน ทั้งหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากร่างกฎกระทรวงกำหนดเขตพื้นที่ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
165 | ร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย พ.ศ. .... | อว. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับความปลอดภัยในการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัย
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าหากร่างกฎกระทรวงฯ
มีผลบังคับใช้ ผู้รับใบอนุญาตควรปฏิบัติตามร่างกฎกระทรวงฯ อย่างเคร่งครัด
รวมถึงหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับด้วย
เพื่อให้ประชาชนมั่นใจในความปลอดภัยจากการดำเนินการสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ที่ใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์วิจัยภายในประเทศ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรเตรียมความพร้อมในการกำหนดแนวทางการตรวจสอบเชิงรุก
ณ สถานประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตควบคู่ไปด้วย เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความประมาทหรือการขาดความรู้เท่าทัน
อันจะนำไปสู่การเพิ่มระดับความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ประชาชน
และสิ่งแวดล้อมโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
166 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส. | 21/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้วาฬสีน้ำเงิน (Balaenoptera musculus) และนกชนหิน หรือนกหิน (Buceros
vigil หรือ Rhinoplax vigil) เป็นสัตว์ป่าสงวน
เพิ่มเติม จากที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.
๒๕๖๒ ตามลำดับ และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงชนิดสัตว์ป่าคุ้มครองตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
พ.ศ. ๒๕๖๒ รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
มีผลใช้บังคับไปพร้อมกัน ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
ดังนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เห็นควรพิจารณาแจ้งเรื่องการปรับปรุงสถานะความคุ้มครองสัตว์ป่าตามกฎหมายของประเทศไทยให้ประเทศภาคีอนุสัญญา
CITES รับทราบ
เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย
ทั้งยังเป็นการแสดงบทบาทที่แข็งขันของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เห็นควรดำเนินการตามระเบียบ กฎหมาย
มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
167 | การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่ตั้งฐานบริเวณชายแดน | นร. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ
(๒ เมษายน ๒๕๖๗) กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเร่งบูรณาการการปฏิบัติงานตามหน้าที่และอำนาจร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง
ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์
นั้น เนื่องจากผู้ก่อปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีดังกล่าว
รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมจากการผลิตและลักลอบค้ายาเสพติด
ส่วนหนึ่งมักตั้งฐานอยู่บริเวณชายแดนและใช้ทรัพยากรของไทย ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา
และการสื่อสารในการกระทำความผิด จึงขอให้กระทรวงมหาดไทย
(การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค)
เร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการระงับการให้บริการสาธารณูปโภคข้ามพรมแดน
รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการด้านการสื่อสารดำเนินการควบคุมการให้บริการให้อยู่เฉพาะภายในพื้นที่อาณาเขตของประเทศไทยเท่านั้น
โดยมิให้มีการปล่อยสัญญาณการสื่อสารข้ามแดนไปยังพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวข้างต้นเกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
168 | การขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี 2567 [2024 APEC Women and the Economy Forum (WEF) Statement] | พม. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจประจำปี
๒๕๖๗ [2024 APEC Women and the Economy Forum (WEF) Statement]
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
ในการประชุมระดับสูงสำหรับผู้กำหนดนโยบายด้านสตรีและเศรษฐกิจ (High - Level Policy Dialogue on Women and the
Economy : HLPDWE) ในวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗ ณ
เมืองอาเรกิปา สาธารณรัฐเปรู โดยร่างแถลงการณ์ฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างพลังสตรีในทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก
โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเสริมสร้างพลังแก่สตรีและเด็กหญิง เช่น ด้านการศึกษา
อาชีพที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (Science,
Technology, Engineering and Mathematics : STEM) รวมถึงการสร้างโอกาสด้วยการเข้าถึงบริการทางการเงิน
การส่งเสริมความเสมอภาคเท่าเทียมด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อป้องกันความรุนแรงต่อสตรี
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป กระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่าร่างแถลงการณ์ฯ
ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ประกอบกับไม่มีการลงนามในร่างถ้อยแถลงการณ์ฯ ดังนั้น ร่างถ้อยแถลงการณ์ฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตาม
มาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรพิจารณาให้ความสำคัญในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้หญิง
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการตีตราในสังคมตามมา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
169 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ (ASEAN Recommendations on Quality Health Care) | สธ. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
(ASEAN Recommendations on
Quality Health Care) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขร่วมรับรองร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
โดยร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสนอแนวทางที่สำคัญในการยกระดับและส่งเสริมการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนและในภูมิภาค
เพื่อมุ่งให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาการให้บริการสุขภาพปฐมภูมิและการแพทย์ดั้งเดิมและการแพทย์เสริมในประเทศสมาชิกอาเซียน
รวมถึงการเข้าถึงระบบการให้บริการสุขภาพถ้วนหน้าและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนฯ
มิได้มีการใช้ถ้อยคำที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตาม ม. ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารข้อเสนอแนะอาเซียนว่าด้วยการให้บริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
170 | การเป็นประธานกรอบความร่วมมือเอเชียของประเทศไทยและการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชียในปี 2568 | กต. | 14/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเสนอตัวเป็นประธานการประชุมกรอบความร่วมมือเอเชีย
(Asia Cooperation Dialogue :
ACD) วาระปี ๒๕๖๗ - ๒๕๖๘ ของประเทศไทย เพื่อขอรับ ความเห็นชอบจากประเทศสมาชิก
ACD ต่อไป เห็นชอบในหลักการการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงที่ประเทศไทยเป็นประธาน
ACD ซึ่งรวมถึง ๑) การประชุมระดับรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ
๒) การประชุมระดับรัฐมนตรีคู่ขนานกับการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ๓)
การประชุมระดับรัฐมนตรี และ ๔) การประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยไทยจะเสนอตัวเป็นประธาน
ACD ให้แก่ประเทศสมาชิกพิจารณาในการประชุมระดับรัฐมนตรี ACD ครั้งที่ ๑๙ ที่สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ ๑๑ -
๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ และจะมีการส่งมอบตำแหน่งประธาน ACD ในช่วงการประชุมระดับรัฐมนตรีในช่วงเดือนกันยายน
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
171 | รายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ | พณ. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของรองนายกรัฐมนตรี
(นายภูมิธรรม เวชยชัย)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๒๒ มกราคม ๒๕๖๗ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดและผลักดันให้เกิดการนำเข้าสินค้าไทยในสหรัฐอเมริกา
โดยเฉพาะสินค้าข้าวและอาหารไทย รวมถึงเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์
สร้างเครือข่ายพันธมิตรและความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน
ส่งเสริมภาพลักษณ์ซอฟท์พาวเวอร์ผ่านอาหารไทย และผลักดันและส่งเสริมการขายสินค้าไทย
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
172 | ร่างประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ในคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน พ.ศ. .... | คค. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้งประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ
ในคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแต่งตั้งประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการ
ในคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน ที่คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี
คณะที่ ๕ ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมสนอ
โดยให้ปรับแก้ไขชื่อของร่างประกาศตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
173 | การจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2567 | นร.04 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๗ ณ จังหวัดเพชรบุรี
และติดตามการตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๒ (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๗
และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
174 | มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้
คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ
ดังนี้ ๑.๑
นายภูมิธรรม เวชยชัย ๑.๒
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ๑.๓
นายพิชัย ชุณหวชิร ๑.๔
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ๑.๕ พลตำรวจเอก
พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ๑.๖
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ๒. ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น
จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
175 | การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงฤดูการท่องเที่ยว (High Season) | นร. | 07/05/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
รวมทั้งได้ทำการประชาสัมพันธ์ผ่านโครงการและการจัดงานเทศกาลต่าง ๆ มาเป็นลำดับ
ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยในช่วงฤดูการท่องเที่ยว (High Season) ในปีนี้เป็นจำนวนมาก
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดแผนการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในช่วงฤดูการท่องเที่ยวดังกล่าวให้เหมาะสมและเต็มรูปแบบทั้งในด้านการบริการ
สถานที่ท่องเที่ยว และความปลอดภัย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างความประทับใจในการเดินทางมาประเทศไทยด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
176 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง อาชีวศึกษา : คุณภาพ มาตรฐาน และแรงจูงใจ ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง อาชีวศึกษา : คุณภาพ มาตรฐาน และแรงจูงใจ
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงแรงงาน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
177 | ร่างกฎกระทรวงสำมะโนหรือสำรวจตัวอย่างการเกษตร พ.ศ. .... | ดศ. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงสำมะโนหรือการสำรวจตัวอย่างการเกษตร
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการจัดทำสำมะโนหรือการสำรวจตัวอย่างการเกษตรในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการทำการเกษตร
สำหรับการวางแผน เฝ้าระวัง ติดตามประเมินผลการพัฒนาประเทศด้านการเกษตร และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรในภาคการเกษตร
รวมทั้งใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการกำหนดนโยบายและมาตรการในการช่วยเหลือเกษตรกร ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
178 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 | นร.01 | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ ตามที่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ เสนอ ๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง พิจารณายกร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ๒๕๖๔ ในประเด็นตามรายงานดังกล่าว โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปประกอบการพิจารณา และหากมีร่างพระราชบัญญัติที่มีลักษณะในทำนองเดียวกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อยู่ระหว่างการบรรจุวาระการประชุมหรือได้บรรจุวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็ให้นำร่างพระราชบัญญัติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย แล้วเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๖๐ ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ในการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ เมื่อร่างพระราชบัญญัติตามข้อ ๒
ได้มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมาย และคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้มีการออกเสียงประชามติแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
179 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายชำนาญ กายประสิทธิ์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | พน. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑. นายชำนาญ กายประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายโสภณ มณีโชติ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
180 | แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา | นร. | 23/04/2567 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่สถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมามีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และอาจส่งผลกระทบต่อไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมในหลายมิติทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ
และสังคม รวมถึงการดำเนินชีวิตของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง
นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
จึงได้มีคำสั่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๗ เรื่อง
แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร)
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานกรรมการ มีหน้าที่และอำนาจ ๗
ประการ ซึ่งรวมถึงการติดตาม ตรวจสอบ
ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์ในภาพรวมที่เกี่ยวข้องกับเมียนมาที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย
การให้ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี
หรือคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการหรือแนวทางในการดำเนินการ
เพื่อปกป้องและรักษาผลประโยชน์แห่งชาติในการแก้ไขปัญหาและผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์ในเมียนมา
และการดำเนินการทางการทูตเชิงรุกที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนให้เกิดสันติภาพในเมียนมา
|