ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 84 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 1664 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
921 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 15/2565 และครั้งที่ 16/2565 | นร.11 สศช | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
922 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2565 | กษ. | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๕ โดยมีมติที่สำคัญ
เช่น (๑) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน ติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างใกล้ชิดและสำรวจและรายงานสต็อกน้ำมันปาล์มดิบและปริมาณการส่งออกให้ทันต่อสถานการณ์
(๒) เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ
ชุดใหม่แทนชุดเดิมที่กำลังจะหมดวาระ (๓) เห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์มภายใต้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ มีอธิบดีกรมการค้าภายใน
เป็นประธาน และมีองค์ประกอบจากหน่วยงานรัฐ ภาคเกษตรกร และภาคเอกชน
โดยมีหน้าที่และอำนาจในการวิเคราะห์ด้านการผลิต การตลาด และการกำหนดมาตรการ
และแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดสมดุลน้ำมันปาล์มให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำมันปาล์ม
และ (๔) ให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รับผิดชอบเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของเกษตรกร เช่น
แนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องปุ๋ยราคาแพงและการตรวจสอบเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมันและต้นกล้าพันธุ์ปาล์มน้ำมันปลอม
ตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
923 | ขอความเห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 - 2569 | อว. | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการแผนอัตรากำลังของโรงพยาบาลกัลยาณิวัฒนาการุณย์
คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๖๙
จำนวน ๔๖๗ อัตรา สำหรับงบประมาณรองรับแผนอัตรากำลังดังกล่าว
ให้มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
โดยใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์เป็นลำดับแรก
ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงาน
ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. และข้อเสนอแนะของสำนกงาน ก.พ.ร. เช่น
ควรพิจารณารูปแบบการจ้างงานให้เหมาะสมกับลักษณะงานที่ปฏิบัติ
ควรวางแผนการบูรณาการความร่วมมือด้านการพัฒนาทางการแพทย์ควรวางแผนและสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนการพัฒนาการทางวิชาการ
บุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข ร่วมกับโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข
โรงพยาบาลของเอกชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนประเทศเพื่อนบ้าน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
924 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างท้องที่ของประธานกรรมการและกรรมการกิจการ กระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. .... | กสทช. | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างท้องที่ของประธานกรรมการและกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างท้องที่ของประธานกรรมการ
รองประธานกรรมการ และกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๔๕๖ โดยปรับค่าตอบแทนเหมาจ่ายเป็นรายเดือน
กำหนดเพิ่มเติมค่าเสียโอกาส และกำหนดค่าใช้จ่ายอันเกี่ยวกับการเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างท้องที่ของประธานกรรมการและกรรมการ
เพื่อให้สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นตามกฎหมายบัญญัติ
รวมทั้งสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ตามที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยไม่กำหนดค่าเสียโอกาสไว้ในร่างพระราชกฤษฎีกา ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
มอบหมายให้กรมบัญชีกลางรับไปพิจารณากำหนดแนวทางการปรับอัตราค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่น
ๆ ของคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการในสาขาต่าง ๆ เพื่อให้การกำหนดอัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายรายเดือนและสิทธิประโยชน์
สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินการและเป็นมาตรฐานเดียวกันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
925 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย - สหราชอาณาจักร ครั้งที่ 4 | กต. | 21/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.เห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์ร่วมของการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร
ครั้งที่ ๔
และให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ มีสาระสำคัญคือการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง
เพื่อส่งเสริมและขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างสองประเทศในสาขาต่าง ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน
อาทิ ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ไซเบอร์ ดิจิทัล
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม วัฒนธรรม และการศึกษา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมของการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร
ครั้งที่ ๔ ให้เหมาะสมและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
โดยพิจารณาเพิ่มประเด็นความร่วมมือทวิภาคี (Bilateral co-operation)
ในเรื่องที่สหราชอาณาจักรมีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญ เช่น
การทำการเกษตรอินทรีย์ (Organic Farming) การเพิ่มผลผลิตต่อพื้นที่
(Yield) ความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) เป็นต้น รวมทั้งให้พิจารณาทบทวนความจำเป็นในการกล่าวถึงปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศเพื่อมิให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศก่อนดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมของการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหราชอาณาจักร
ครั้งที่ ๔
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
926 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปี 2564 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ | กค. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานประจำปี
๒๕๖๔ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ สรุปได้ ดังนี้ (๑) การจัดเก็บ รวบรวม
และประมวลผลข้อมูล ด้านอุปทาน อุปสงค์ และราคาของกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และใน
๒๑ จังหวัดที่สำคัญในภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ชลบุรี และภูเก็ต โดยมีข้อมูล
เช่น โครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ
และข้อมูลสถิติและรายการดัชนีของที่อยู่อาศัย (๒) การเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลและข่าวสาร
ด้านอสังหาริมทรัพย์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น www.reic.or.th และวารสารศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ และ (๓) การจัดทำโครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์มือสองและประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งตลาดอสังหาริมทรัพย์มือสองได้ง่ายขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
927 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายนันทิวัฒน์ สามารถ) | กต. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายนันทิวัฒน์ สามารถ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
928 | การขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินงานโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG | อว. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อดำเนินงานโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG วงเงินรวมทั้งสิ้น ๓,๕๖๖,๒๘๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๑๑/๘๑๕๕
ลงวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๕) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแจ้งข้อมูลชุมชนขนาดใหญ่ (Thailand community Big Data : TCD) ที่รวบรวมได้ไปยังกระทรวงมหาดไทย
(ศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืน
ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง : ศจพ.) ด้วย
เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาใช้ประโยชน์ในการดำเนินการแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
929 | รายงานตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 | สม. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย
ปี ๒๕๖๔ และรายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับภาพรวมสถานการณ์ ปัญหา อุปสรรค
และข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในด้านต่าง ๆ ได้แก่ (๑)
ด้านสิทธิมนุษยชนในสถานการณ์เฉพาะ (๒) ด้านสิทธิพลเมืองและด้านสิทธิทางการเมือง
(๓) ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (๔) ด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มบุคคล ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้พิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่ปรากฏในรายงานผลการประเมินสถานการณ์ฯ
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งส่งเสริมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด
และนำข้อเสนอแนะในรายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนไปใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติมากขึ้น
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย
แล้วแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป ๒. ให้ส่งความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม
กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม
และสำนักงานอัยการสูงสุดไปเพื่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
930 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ. 1106-1123/2558 คดีหมายเลขแดงที่ อ. 1387-1404/2564 ระหว่าง นายเจ๊กกี้ อดุลยวิจิตร ที่ 1 กับพวกรวม 21 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | อส. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด
ในคดีหมายเลขดำที่ อ. ๑๑๐๖-๑๑๒๓/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ อ. ๑๓๘๗-๑๔๐๔/๒๕๖๔ ระหว่าง
นายเจ๊กกี้ อดุลยวิจิตร ที่ ๑ กับพวกรวม ๒๑ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย
จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง
คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร
และความรับผิดชอบอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย
ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำ พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น
เป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑๔ เป็นเงินจำนวน
๒๑๙,๗๖๐.๕๖ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี
ของเงินต้นจำนวนดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔
และดอกเบี้ยร้อยละ ๕ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
จนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้ชำระให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ยกฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖
คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ทำให้คดีนี้ถึงที่สุดแล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
931 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพุ่งพงษ์ สุวรรณเลิศ) | นร.06 | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพุ่งพงษ์
สุวรรณเลิศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านข่าวกรองความมั่นคงและสถาบันหลัก (นักการข่าวทรงคุณวุฒิ)
กลุ่มงานที่ปรึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
932 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (ศาสตราจารย์จิรประภา อัครบวร) | สธ. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง ศาสตราจารย์จิรประภา อัครบวร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕) เป็นต้นไป
โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
933 | การขอความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับรัฐบาลออสเตรเลียว่าด้วยข้อริเริ่มออสเตรเลียสำหรับอนาคตของอาเซียน | กต. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับรัฐบาลออสเตรเลียว่าด้วยข้อริเริ่มออสเตรเลียสำหรับอนาคตของอาเซียน
และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
ณ กรุงจาการ์ตาว่า
รัฐบาลไทยให้ความยินยอมให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในเอกสารดังกล่าว
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกิจกรรมความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนและออสเตรเลีย
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับรัฐบาลออสเตรเลียว่าด้วยข้อริเริ่มออสเตรเลียสำหรับอนาคตของอาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
934 | การขอความเห็นชอบต่อการร่วมรับรองปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส | กต. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
935 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่ จำนวน 2 โครงการ (โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดปราจีนบุรี และโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่) | กษ. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการชลประทานขนาดใหญ่
จำนวน ๒ โครงการ ประกอบด้วย โครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จังหวัดปราจีนบุรี จากเดิม ๑๓ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๖๕) เป็น ๑๕ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๖๗) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
๙,๐๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท และโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา
จังหวัดเชียงใหม่ จากเดิม ๑๑ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๖๕) เป็น ๑๖ ปี
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕-พ.ศ. ๒๕๗๐) ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม
๑๕,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐
บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
เร่งรัดการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น
ควรรายงานให้สำนักงบประมาณทราบภายในกำหนดระยะเวลา ตามนัยข้อ ๗ (๒)
ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ดำเนินการตามระเบียบ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ควรพิจารณาผลกระทบสุขภาพที่เกิดขึ้นกับชุมชนที่เป็นผลมาจากการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการ
ควรรายงานความคืบหน้าในการก่อสร้างเสนอคณะลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพื่อทราบทุก
๖ เดือน ต่อไป ควรเพิ่มการประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อสร้างการรับรู้
และการมีส่วนร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพิ่มเติมจากที่ดำเนินการอยู่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. มอหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
ประสานงานกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ
(องค์การมหาชน)
ศึกษาและพัฒนาเทคนิควิธีการสำรวจพื้นที่สำหรับการดำเนินโครงการชลประทานต่าง ๆ
ให้มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งให้มีการประเมินปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ
ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการให้ครบถ้วนรอบด้านในทุกมิติ
เพื่อมิให้เกิดปัญหาการดำเนินงานล่าช้าไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
936 | ขอให้พิจารณาประกาศพื้นที่อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | กอรมน. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประเมินพื้นที่อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
ประกอบการพิจารณาประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๑ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ๒. เห็นชอบ ๒.๑ ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ๒.๒ ร่างประกาศ เรื่อง
การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ๒.๓ ร่างประกาศ เรื่อง
การกำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๔ ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตร ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ รวม ๔ ฉบับ
ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
937 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายชุมพล เด็จดวง และนายสารสิน ศิริถาพร) | นร.07 | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.
นายชุมพล เด็จดวง ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณเชี่ยวชาญ)
สำนักงบประมาณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
(นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔ ๒.
นายสารสิน ศิริถาพร ที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ (นักวิเคราะห์งบประมาณเชี่ยวชาญ)
สำนักงบประมาณ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักงบประมาณ
(นักวิเคราะห์งบประมาณทรงคุณวุฒิ) สำนักงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
938 | (ร่าง) ข้อเสนอปรับลดบัญชีจระเข้น้ำจืดพันธุ์ไทย (Crocodylus siamensis) ต่อที่ประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 19 (CITES CoP19) | กษ. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
939 | การขอความเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 16 และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 9 | กห. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
940 | การขออนุมัติดำเนินงานก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ของกรมทางหลวง | คค. | 14/06/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กรมทางหลวงดำเนินงานก่อสร้างโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข
๗ ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๔,๕๐๘ ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ตามแผนบริหารหนี้สาธารณะ
และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ วงเงิน ๑๐๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการดำเนินโครงการในกรอบวงเงิน รวม ๔,๕๐๘ ล้านบาท ให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ
ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๒๐/๓๕๖๔ ลงวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๖๕) และให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ควรใช้เงินกู้ต่างประเทศในการดำเนินโครงการ
ให้กรมทางหลวงเร่งรัดการดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
และให้กรมทางหลวงเร่งแก้ไขรายงาน EIA เพื่อเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา/จัดทำ
ร่างพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดินฯ
ของที่ดินเอกชน/ดำเนินการขอใช้ที่ดินของรัฐ/สรรหาเอกชนไปพลางระหว่างรอผลการพิจารณารายงาน
EIA ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |