ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 464 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9261 - 9280 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9261 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | ดศ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินแผนงาน/โครงการที่สามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชนได้ในมิติต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9262 | โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 สำหรับประชาชน ของกระทรวงคมนาคม | คค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับประชาชน ของกระทรวงคมนาคม ซี่งได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) การส่งเสริมการท่องเที่ยวของประชาชนเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ (๒)
การให้บริการฟรี/ยกเว้นค่าจัดเก็บค่าธรรมเนียม/การปรับลดอัตราค่าบริการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงคมนาคมในช่วงเทศกาลปีใหม่
(๓) ส่งความสุขด้วยการแจกของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ และ (๔)
การขยายเวลาให้บริการและการออำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9263 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ (๑)
ของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ สร้างสุขของคนไทย และ (๒) ของขวัญ สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9264 | ของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน ประจำปี พ.ศ. 2564 ของกระทรวงยุติธรรม | ยธ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการโครงการ/กิจกรรมของขวัญปีใหม่มอบให้แก่ประชาชน
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ของกระทรวงยุติธรรม
โดยส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดการดำเนินการโครงการ/กิจกรรม
ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกในการอำนวยความยุติธรรม
ลดความเหลื่อมล้ำเพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9265 | โครงการของขวัญปีใหม่ปี 2564 ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ปี
๒๕๖๔ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ได้แก่ (๑)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารออมสิน (๒) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(๓) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) (๔)
โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
(ธพว.) (๕) โครงการของขวัญปีใหม่ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (๖) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
และ (๗) โครงการของขวัญปีใหม่ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9266 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | พณ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชน โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ (๑) พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน “New
Year Grand Sale 2021” (๒) มหกรรมธงฟ้าต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๔ (๓)
ขยายเวลาการให้บริการประชาชนนอกเวลาทำการ (๔) ลดค่าธรรมเนียมและขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า
(๕) มอบส่วนลดให้ผู้ประกอบการและประชาชน (๖) งานแสดงและจำหน่ายสินค้า และ (๗)
กิจกรรมส่งเสริมความรู้ในการประกอบธุรกิจ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9267 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | นร.07 | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ และมอบหมายผู้มีอำนาจกำกับแผนงานบูรณาการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9268 | แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2563/64 | กษ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
ปี ๒๕๖๓/๖๔ ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยคณะทำงานป้องกันและเฝ้าระวังการเผาเศษซากพืชหรือวัชพืช
และเศษวัสดุทางการเกษตรในพื้นที่การเกษตร มีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน ได้จัดทำแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
ปี ๒๕๖๓/๖๔
เพื่อเป็นแนวทางการเฝ้าระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ
รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยกำหนดมาตรการดำเนินการแบ่งเป็น ๓ มาตรการ ได้แก่
มาตรการป้องกัน มาตรการยับยั้ง/เผชิญเหตุ และมาตรการแก้ไข/ฟื้นฟู
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9269 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2562 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
ประจำปีบัญชี ๒๕๖๒ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะอย่างเคร่งครัดต่อไป
โดยในการประชุมคณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๕
มิถุนายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจ
จำนวน ๕๓ แห่ง
รวมทั้งมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจในภาพรวมและในรายสาขาเพื่อให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งต้องทบทวนและปรับตัวให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงสู่ความปกติใหม่
และต้องเร่งพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ได้จัดทำแผนพัฒนาองค์กรปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘
และแผนปฏิบัติการประจำปี ๒๕๖๓ (ฉบับปรับปรุง ตุลาคม ๒๕๖๓)
โดยมีการวางแผนและกำหนดแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับสภาพการแข่งขัน
ปัจจัยการเปลี่ยนแปลง ทิศทางและแนวโน้มของธุรกิจสื่อ
รวมถึงตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้วยแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัท
อสมท จำกัด (มหาชน)
ควรให้ความสำคัญเรื่องการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการบริหารจัดการที่ดีที่อยู่ในพื้นที่ที่มีมูลค่าสูงด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9270 | บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary) ของประเทศไทยสำหรับการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 รอบที่ 2 | ปช. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบทสรุปผู้บริหาร
(Executive Summary) ของประเทศไทย
สำหรับการประเมินติดตามการปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต
ค.ศ. ๒๐๐๓ (United Nations Convention against Corruption : UNCAC) รอบที่ ๒ ประกอบด้วย ข้อมูลการต่อต้านการทุจริตและการติดตามทรัพย์สินคืนของประเทศไทย
และข้อเสนอแนะของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United
Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) เกี่ยวกับเรื่องมาตรการป้องกันการทุจริตและการติดตามทรัพย์สินคืน
รวมทั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสำเร็จและแนวปฏิบัติที่ดีในการดำเนินการดังกล่าว
ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9271 | การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ (ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินงานของโครงการกระตุ้นการเดินทาง
“Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้
รวมใจช่วยชาติ” และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ซี่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนาภายในประเทศ
จากเดิมที่มีผลใช้บังคับตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๙๗) พ.ศ. ๒๕๖๓ กำหนดให้สิ้นสุดวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวและการกระจายรายได้สู่พื้นที่เมืองรอง
รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมตามนโยบายของรัฐบาล
โดยให้กระทรวงการคลังประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินมาตรการ
ตลอดจนภาระทางการคลังที่เกิดขึ้นจริงจากการดำเนินมาตรการ
และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9272 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2565-2568) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๕-๒๕๖๘)
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บหรือหารายได้
การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ ๒.
ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทยที่เห็นว่า
ในการบริหารนโยบายการคลังในปี ๒๕๖๔
ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านรายรับและรายจ่าย เพื่อรักษาดุลการคลังให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และในระยะปานกลางควรให้ความสำคัญกับการเร่งรัดดำเนินการปฏิรูปการจัดเก็บรายได้โดยการทบทวนโครงสร้างภาษีในปัจจุบันควบคู่กับใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการจัดเก็บรายได้
การควบคุมการจัดสรรงบประมาณ
การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำงบประมาณให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และการเพิ่มศักยภาพการถ่ายโอนภารกิจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และการบริหารหนี้สาธารณะตามที่เสนอไว้ในแผนการคลังระยะปานกลาง
เพื่อรักษากรอบวินัยการเงินการคลังและฐานะการคลังของภาครัฐ นอกจากนี้
ควรมีการประเมินผลกระทบต่อฐานะการคลังภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (scenario
planning) เพื่อให้สามารถวางแผนรับมือได้อย่างทันการณ์
และให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อสาธารณชนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อแนวทางการดำเนินนโยบายการคลังและฐานะการคลังในระยะข้างหน้า
โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพสู่ความยั่งยืนทางการคลังผ่านหลัก 3Rs ได้แก่ (๑) Reform : การปฏิรูปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
(๒) Reshape : การปรับโครงสร้างการจัดสรรงบประมาณ และ (๓) Resilience
: การบริหารหนี้สาธารณะอย่างมีภูมิคุ้มกันและสามารถรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9273 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 15/2563 | นร. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19
(๓) การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน (๔) การดำเนินการให้เป็นไปตามข้ออนุมัติของนายกรัฐมนตรีตามการเสนอของคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (๕) ร่างเอกสารข้อเสนอการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือช่องทางพิเศษของฝ่ายไทย
(Special Arrangement) (๖) การรายงานความคืบหน้าแอปพลิเคชัน
Thailand Plus (๗) การให้ความช่วยเหลือจากบัญชี
“สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อรับบริจาคสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (COVID-19) (๘) การบูรณาการการบริหารสำหรับการป้องกัน
ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และ (๑๐)
ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9274 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 (โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2) | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบความเห็นและการดำเนินงานในโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๓
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๓
ที่เสนอให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ ๒.๑
ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ที่เห็นควรเร่งดำเนินการพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ
เพื่อรองรับการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือแบบมุ่งเป้าหมายหรือระบบสวัสดิการแห่งรัฐ
ซึ่งจะทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9275 | รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ ของกระทรวงคมนาคม | คค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์
รวมทั้งประเด็นปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาของจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์
เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร
และการเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวในรูปแบบวิถีใหม่ เป็นต้น
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการขับเคลื่อนไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดสุรินทร์ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในระดับพื้นที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม
และ (๒) ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ที่ได้รับจัดสรรแล้วในโอกาสแรก
และบูรณาการร่วมกันจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9276 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข
๙ สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มวิธีการชำระค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
สำหรับการใช้ยานยนตร์ผ่านทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร
(ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี
เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการชำระค่าธรรมเนียมแก่ประชาชนผู้ใช้ยานยนตร์ที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง
รวมถึงประโยชน์ในการเชื่อมต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และการได้มาซึ่งค่าธรรมเนียมผ่านทางภายหลังการใช้บริการควรจะทันต่อเวลาหรือกำหนดเวลาอย่างชัดเจน
รวมทั้งควรติดตามและประเมินผลการนำระบบเทคโนโลยีการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางสมัยใหม่มาใช้
ตลอดจนเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางด้วยระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ดังกล่าวให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง
นอกจากนี้ ควรประสานและบูรณาการร่วมกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยในการปรับปรุงพัฒนาระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางพิเศษและทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองด้วยระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้ครอบคลุมทุกโครงข่ายการบริการ
เพื่อมุ่งสู่การเดินทางแบบไร้รอยต่อ (Seamless) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9277 | ร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. | สธ. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาความเหมาะสมของการกำหนดอัตราโทษตามร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย ๑.๒
ให้สำนักงบประมาณเร่งพิจารณาเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแยกกัก กักกัน
หรือคุมไว้สังเกตอาการของบุคคลที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ
และค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากโรคดังกล่าว ทั้งที่เป็นคนไทย ชาวต่างประเทศ
และบุคคลไร้สัญชาติ แล้วแจ้งผลการพิจารณาไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็ว
เพื่อประกอบการพิจารณาด้วย ๒.
อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
พ.ศ. ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดต่อ
เพื่อให้มาตรการทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมีความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 หรือโรคโควิด 19 และโรคติดต่ออื่นที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้นำข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม)
รวมทั้งความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำหนดบทบัญญัติให้มีกลไกสำคัญในระดับพื้นที่ในการร่วมดำเนินการ
เช่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสา เป็นต้น
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา เฝ้าระวัง และติดตามกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่
ซี่งจะนำไปสู่การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที
และควรพิจารณาให้ครอบคลุมถึงบุคคลอื่นนอกจากผู้ที่พบว่าตนเป็นหรือสงสัยว่าเป็นโรคติดต่อ
เช่น บุคคลที่พบผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง
ควบคุม ป้องกันโรค ผู้ร่วมอาศัยกับผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรค เป็นต้น
เพื่อส่งเสริมภาคประชาชนให้มีส่วนสำคัญในการเฝ้าระวังโรคติดต่อ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๓.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๔.
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่าย
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
แล้วแจ้งผลการพิจารณาไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9278 | รายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 | กค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชียภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในสัญญาเงินกู้ COVID-19 Active Response and Expenditure Support Program (Loan Numbers 3945/3949-THA) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เพื่อกู้เงินวงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากธนาคารพัฒนาเอเชีย
โดยรายละเอียดสัญญาเงินกู้ดังกล่าวมีสาระสำคัญและเงื่อนไขเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ทุกประการ ทั้งนี้
กระทรวงการคลังได้ส่งประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกู้เงินดังกล่าวไปเพื่อนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไปด้วยแล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9279 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถีและทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 | คค. | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างประกาศกระทรวงคมนาคม
เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี)
ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)
กับทางพิเศษบูรพาวิถีเป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ
ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ
(ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๓ และร่างประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง
กำหนดให้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)
และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์) เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ
และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๓
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี
(ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี)
ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยไม่มีการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธันวาคม
๒๕๖๓ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๔ มกราคม เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9280 | ผลการดำเนินงานโครงการ Thailand-OECD Country Programme ของนโยบายด้านกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา | นร.09 | 22/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงานโครงการ Thailand OECD Country Programme ของนโยบายด้านกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
โดยเอกสารดังกล่าวมีเนื้อหาเป็นการวิเคราะห์และประเมินผลการดำเนินงานปฏิรูปกฎหมายตามหลักการด้านการพัฒนากฎหมายให้ดีขึ้น
(Better Regulation Principles) ตามมาตรา ๗๗
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินการปฏิรูประบบกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ไม่ว่าจะเป็นการวางหลักการกำกับดูแล กฎระเบียบ การตรวจสอบ
และการนำแนวปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ รวมทั้งเครื่องมือด้านการบริหารจัดการต่าง ๆ
มาปรับใช้ โดยข้อตรวจพบของ OECD แสดงให้เห็นว่า
ประเทศไทยได้ดำเนินการพัฒนากฎหมายตามหลักการดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
และเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในช่วง ๒
ทศวรรษที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเสนอข้อแนะนำ (Key recommendations) เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด
ข้อแนะนำชุดนี้เป็นแนวปฏิบัติทั้งในระยะสั้นและระยะกลางที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการอยู่แล้ว
จึงสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที ซึ่งจะมีผลดีต่อการพัฒนาระบบกฎหมายในระยะยาว
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดดำเนินการยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน
หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต หรือการประกอบอาชีพของประชาชน ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|