ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1965 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 39281 - 39300 จากข้อมูลทั้งหมด 124242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
39281 | การกำกับดูแลและตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล | พณ | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 โดยให้กระทรวงพาณิชย์เป็นหน่วยงานหลักในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดตั้งคณะ กรรมการเพื่อกำกับ ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลแทน สำนักนายกรัฐมนตรี และให้แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน 2 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการกำกับการ ตรวจสอบข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล และคณะกรรมการสอบการดำเนินการตามโครง การรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล ทำหน้าที่กำกับติดตามและตรวจสอบการดำเนินการตามโครงการรับจำ นำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ที่จะดำเนินการ ต่อไปให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการและป้องกันการทุจริต 2. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการเพิ่มศูนย์รับจำนำข้าวเปลือกในภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2552 (เรื่อง มาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรับ ปี 2552 และคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ) รวมทั้งการแก้ไขปัหาราคาข้าวโพดตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรยังมีข้อร้อง เรียนอยู่ เช่น กรณีจังหวัดชลบุรี เป็นต้น ให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||
39282 | ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. .... | ยธ | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและ
ครอบครัว พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว รวมทั้งปรับปรุงเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองสิทธิ สวัสดิภาพ และวิธีปฏิบัติต่อเด็ก เยาวชน สตรี และบุคคลใน ครอบครัว และกระบวนการพิจารณาคดีของศาลเยาวชนและครอบครัวเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญอนุสัญญา ว่าด้วยสิทธิเด็ก และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ และเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
39283 | (ร่าง) ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2552 | สธ | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับประเด็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับร่างประกาศ
สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2552 ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความ ในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ว่าจะขัดหรือแย้งกับประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ที่กำหนดให้ผู้ได้รับใบอนุญาตให้จำหน่ายสุราสามารถจำหน่ายสุราได้ตามเวลา ที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ในขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 28 กำหนดให้นายกรัฐมนตรี สามารถออกประกาศกำหนดวันและเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ หรือไม่ ตามที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอ ไปพิจารณาโดยด่วน แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
39284 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม
2552 ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญทั่วไป) วันอังคารที่ 24 มีนาคม 2552 และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2ครั้งที่ 19 (สมัยสมัญทั่วไป) วันพุธ ที่ 25 มีนาคม 2552 และครั้งที่ 20 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2552
|
|||||||||||||||||||||
39285 | การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลครบ 1 ไตรมาส | นร | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า วันที่ 30 มีนาคม 2552 จะครบ 1 ไตรมาส
ของการเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลนี้ จึงขอให้รัฐมนตรีทุกท่านเร่งรัดติดตามการดำเนินงาน รวมทั้ง ทบทวนแนวทางปฏิบัติในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ และหากเห็นสมควรจะประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผล การดำเนินงานในเรื่องใดให้ประชาชนทราบ ให้ประสานการดำเนินการในรายละเอียดกับรัฐมนตรีประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
39286 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการประกอบอาชีพ พ.ศ. .... | รง | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการประกอบอาชีพ พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
39287 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2552 (ครั้งที่ 124) | พน | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในการประชุมครั้งที่ 2/ 2552 (ครั้งที่ 124) เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2552 ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งที่ประชุม กพช. ได้พิจารณา เรื่องต่าง ๆ ได้แก่ 1.1 แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2564 (PDP 2007 : ฉบับปรับ ปรุงครั้งที่ 2) 1.2 ข้อเสนอเพื่อปรับปรุงแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 1.3 นโยบายการนำส่งเงินและการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามพระราชบัญญัติการประกอบ กิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 1.4 แนวทางการชำระเงินชดเชยราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) จากการนำเข้า 1.5 รายงานการดำเนินการการใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการปรับเพิ่ม อัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 2. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการ ด้วย ดังนี้ 2.1 เรื่อง แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2556 (PDP 2007 : ฉบับ ปรับปรุงครั้งที่ 2) ในส่วนของการจัดทำแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า ของประเทศไทย พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2556 มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเป็นหน่วยงานรับผิด ขอบดำเนินการ โดยขอให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ให้การสนับสนุนข้อมูลและการดำเนินงานต่าง ๆ ที่เกี่ยว ข้อง และนำเสนอต่อ กพช. เพื่อพิจารณาต่อไป 2.2 เรื่อง ข้อเสนอเพื่อปรับปรุงแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในส่วน ของการกำหนดเป้าหมายปริมาณพลังไฟฟ้ารับซื้อใหม่โดยการกำหนดส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าในแต่ละปีให้สอด คล้องกับเป้าหมายในแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปี นั้น ในการดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ยื่นข้อเสนอขาย ไฟฟ้า ให้สามารถรับซื้อไฟฟ้าเกินกว่าปริมาณเป้าหมายที่กำหนดได้เท่าที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อค่า Ft
|
|||||||||||||||||||||
39288 | แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ (ระยะ 5 ปี) | มท | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
1. แผนแม่บทป้องกันและบรรเทาภัยจากคลื่นสึนามิ (ระยะ 5 ปี) มีเป้าหมายเพื่อลดความสูญเสีย ชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย ฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยและสร้างความมั่นคงของผู้ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ โดยเร็วที่สุด ตลอดจนบูรณาการปฏิบัติงานระหว่างหน่วยงาน เครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน และให้ หน่วยงานต่าง ๆ สามารถนำไปสู่การจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์ 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1.1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การป้องกันและลดผลกระทบ มี 9 กลยุทธ์ (44 กิจกรรมหลัก) 1.2 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเตรียมพร้อมรับภัย มี 6 กลยุทธ์ (21 กิจกรรมหลัก) 1.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การจัดการในภาวะฉุกเฉิน มี 7 กลยุทธ์ (31 กิจกรรมหลัก) 1.4 ยุทธศาสตร์ที่ 4 การจัดการหลังเกิดภัย มี 5 กลยุทธ์ (36 กิจกรรมหลัก) 2. ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานประสานหลักร่วม กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนงบประมาณรองรับแผนแม่บทดังกล่าว รวมทั้งให้รับความ เห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ควรมีการกำหนดเป้าหมายของแผนแม่บท ฯ ให้มี ลักษณะเป็นรูปธรรมหรือมีเป้าหมายเชิงปริมาณมากขึ้น เช่น จำนวนระบบเตือนภัยที่จะต้องดำเนินการ จำนวน ระบบสื่อสารที่จำเป็นต้องจัดหา จำนวนศูนย์อำนวยการที่จะต้องจัดตั้ง จำนวนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่ต้อง ดำเนินการปรับปรุงหรือพัฒนา เพื่อให้เกิดความชัดเจนในขั้นตอนการแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งกระบวน การจัดทำงบประมาณ และการจัดทำแผนแม่บท ฯ ควรสอดคล้องกับกรอบแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัยแห่งชาติ กรอบแผนปฏิบัติการการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการระดับกระทรวง และแผน การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และให้นำผลการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤตการณ์ด้านสาธารณภัย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2550 และวันที่ 11 พฤศจิกายน 2551 เรื่อง การฝึกซ้อมการ บริหารวิกฤตการณ์ด้านสาธารณภัย โดยเฉพาะการฝึกซ้อมระดับชาติกรณีภัยพิบัติสึนามิ ไปประกอบแผนแม่ บท ฯ เพื่อให้แผนมีความรอบด้านยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
39289 | แผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ | มท | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบแผนปฏิบัติการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติแห่งชาติในเชิงยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2562 (Strategic National Action Plan (SNAP) on Disaster Risk Reduction 2010-2019) เพื่อกำหนดทิศทางการลด ความเสี่ยงจากภัยพิบัติของประเทศไทยให้เป็นระบบที่บูรณาการและเสริมกำลังกัน โดยให้หน่วยงานทุกภาคส่วน มีแผนปฏิบัติการระยะยาวสอดรับกับแผนปฏิบัติการ ฯ และให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย เป็นหน่วยประสานงาน กำกับ ดูแลทิศทางการนำแผนปฏิบัติการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติและติดตาม ประเมินผล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ที่เห็นควรให้กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยเป็นหน่วยงานประสานงาน กำกับ ดูแล ทิศทางการนำแผนปฏิบัติการ ฯ ไปสู่การปฏิบัติและตรวจ สอบติดตามประเมินผลดำเนินการกำหนดตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถติดตามความก้าวหน้าได้ อย่างต่อเนื่อง และเป็นข้อมูลย้อนกลับในการปรับปรุงแผนในแต่ละช่วงเวลา (3 ปี 5 ปี 8 ปี และ 10 ปี) และ ควรพิจารณาความชัดเจนเชิงนโยบายเพื่อเพิ่มศักยภาพแผนปฏิบัติการ ฯ กับแผนปฏิบัติการป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยแบบบูรณาการภายใต้แผนป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งชาติให้สามารถสนับสนุนการดำเนินงานซึ่งกัน และกัน และเห็นควรจัดตั้งคลังข้อมูลด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติที่เชื่อมต่อกับระบบข้อมูลสารสนเทศภัยพิบัติ ระหว่างฝ่ายพลเรือน กองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ควรเพิ่มเติมกิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการ ฯ เพื่อรองรับภัยพิบัติขนาดใหญ่ โดยเน้นการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคหรือนานาชาติเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ ระบบบริหารจัดการภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ เป็นต้น ไปพิจารณดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
39290 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตรเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | กษ | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำ
และบำรุงรักษาชลหารพิจิตรเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ตาม ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการ ต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองด่าน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่า ชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองด่าน จากคลองสำโรง กิโลเมตรที่ 0.000 ในท้องที่ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ ถึงกิโลเมตรที่ 10.000 ในท้องที่ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองลำปลาทิว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียก เก็บค่าชลประทาน พ.ศ .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองลำปลาทิว จากคลองแสนแสบ กิโลเมตรที่ 0.000 ในท้องที่แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก ถึงกิโลเมตรที่ 17.500 ในท้องที่แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||
39291 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำพูน พ.ศ. .... | มท | 24/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองลำพูน พ.ศ. .... ตามที่
กระทรวงมหาดไทยเสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวมในท้องที่ตำบลอุโมงค์ ตำบลมะเขือแจ้ ตำบล เหมืองง่า ตำบลในเมือง ตำบลบ้านกลาง ตำบลต้นธง ตำบลเวียงยอง ตำบลป่าสัก และตำบลศรีบัวบาน อำเภอ เมืองลำพูน จังหวัดลำพูน และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
39292 | มาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 และคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ | พณ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 และรับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 7 คณะ ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 และ 13 มีนาคม 2552 โดยหากเงินที่ใช้ในการรับจำนำข้าวนาปรัง ปี 2552 ที่จะขอใช้จากวงเงินกู้สำหรับการรับจำนำผลิตผลทาง การเกษตร (110,000 ล้านบาท) ไม่เพียงพอให้ขอใช้เงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งองค์การคลังสินค้าได้ส่งคืนเงินค่าจำหน่ายข้าวโครงการรับจำนำปีเก่า ประมาณ 20,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการบริหารจัดการวงเงินงบประมาณที่จะใช้ในการดำเนินการข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ควรแยกวงเงิน ออกจากการรับจำนำสินค้าทั้ง 5 ชนิด (ข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา) เพื่อให้การช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังเป็น ไปอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิผลในการบริหารจัดการ และข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรเพิ่มศูนย์รับจำนำ ข้าวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติม ว่า เพื่อให้สามารถระบายข้าวจากโครงการรับจำนำได้อย่างมีเสถียรภาพด้านราคาและไม่เกิดปัญหาข้าวค้างสต๊อก อาจนำวิธีการค้าต่างตอบแทนและการค้าแบบแลกเปลี่ยนมาดำเนินการ เพื่อให้ประเทศผู้ขายสินค้าให้ไทยต้องซื้อ ข้าวสารจากไทยด้วย โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
39293 | ของบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2551 | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติ ปี 2551 เป็นเงินผ่านธนาคารเพื่อการ เกษตรและสหกรณ์การเกษตร วงเงิน 1,194,240,040 บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ เบิกจ่ายในงบเงินอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป 2. ในกรณีเกิดภัยพิบัติครั้งต่อไป ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินการสำรวจความ เสียหายและขั้นตอนการดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณอย่างเร่งด่วนและไม่ควรปล่อยให้เกินระยะ เวลา 3 เดือน เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 เพื่อที่จะสามารถให้การช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรได้ทันต่อความต้องการและสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่เป็นภาระต่องบ ประมาณในปีใดปีหนึ่งมากจนเกินไป
|
|||||||||||||||||||||
39294 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการของคณะกรรมการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ได้รับความเสีย
หายกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่อง (กยส.) และเห็นชอบตาม ข้อพิจารณาและความเห็นของ กยส. ที่เห็นควรยุติการดำเนินงานของ กยส. เนื่องจากขณะนี้ได้ใช้ระยะเวลาในการ ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหาย ฯ มาพอสมควร ซึ่งล่วงเลยตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีได้กำหนด ประกอบกับได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเสียหาย ฯ ที่มายื่นขอรับความช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ ครบถ้วนแล้ว สำหรับกรณีมีผู้ร้องเรียนขอรับความช่วยเหลือ หากกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการพิจารณาแล้วเห็น ว่า อยู่ในหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ ก็ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นำเรื่องดังกล่าวเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นราย ๆ ไป แต่หากกรณีที่อยู่นอกเหนือหลักเกณฑ์การให้ความช่วย เหลือ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณาให้ความช่วยเหลือไปตามอำนาจหน้าที่ภาย ใต้ระเบียบปฏิบัติที่มีอยู่ต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธาน กยส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
39295 | ขอความเห็นชอบหลักการในการส่งเสริมคุณค่าประเพณีสงกรานต์ | วธ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการในการส่งเสริมคุณค่าประเพณีสงกรานต์ โดยให้กระทรวง ทบวง กรม
และหน่วยงานที่ดำเนินการอันเกี่ยวเนื่องกับประเพณีสงกรานต์ โดยคำนึงถึงคุณค่าและสาระของประเพณีสงกรานต์ เป็นสำคัญ ประกอบด้วย คุณค่าต่อตนเอง คุณค่าต่อครอบครัว คุณค่าต่อชุมชน คุณค่าต่อสังคม รวมทั้งคุณค่าต่อ ศาสนา และร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ผ่านสื่อมวลชน เพื่อธำรงรักษาความงดงามของประเพณีสงกรานต์ให้คงอยู่ สืบไป และเป็นการใช้มิติทางวัฒนธรรมในการสร้างความอบอุ่นให้กับสถาบันครอบครัว การสร้างความสมานฉันท์ ปรองดองของคนในชุมชน สังคม และประเทศ ตลอดจนการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนอันจะช่วยส่ง ผลต่อเศรษฐกิจ สังคม ความสงบสุข และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
39296 | มาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี | กค | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. เห็นชอบให้แก้ไขข้อความในหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 1010/4677 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2552 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 หน้า 1 ย่อหน้าที่ 2 บรรทัดที่ 8-12 ให้แก้ไขถ้อยคำจากเดิม "... เพื่อหารือในรายละเอียด ในการจัดตั้งกองทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสัดส่วนการลงเงินของแต่ละประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งในเบื้องต้นสามารถตกลงกันได้แล้ว โดยฝ่ายไทยจะต้องลงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในกองทุน CMIM ประมาณ 4.77 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ แต่ไม่เกิน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ซึ่งการผูกพันวงเงินดังกล่าว จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและจากรัฐสภาตามมาตรา 109 ของรัฐธรรมนูญ ..." เป็น "... เพื่อหารือแนวคิดในการจัดตั้งกองทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องสัดส่วนการลงเงินของแต่ละประเทศใน กลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งไทยอาจจะต้องลงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในกองทุน CMIM ประมาณ 4.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ไม่เกิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการผูกพันวงเงินดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับ ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและจากรัฐสภาตามมาตรา 109 ของรัฐธรรมนูญ ..." 1.2 หน้า 2 บรรทัดที่ 1-3 ให้แก้ไขถ้อยคำจากเดิม "... เพื่อให้ความเห็นชอบให้ธนาคารแห่ง ประเทศไทยผูกพันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฯ เพื่อใช้ในการ ลงเงินในกองทุน CMIM ตามนัยข้างต้น" เป็น "... เพื่อให้ความเห็นชอบกรอบการเจรจาที่จะให้ธนาคารแห่ง ประเทศไทยพิจารณาการผูกพันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในการลงเงินกองทุน CMIM ได้ในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้นำเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาก่อนดำเนินการต่อไป" 2. เห็นชอบกรอบการเจรจาที่จะให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พิจารณาการผูกพันเงินทุน สำรองระหว่างประเทศในการลงเงินในกองทุนภายใต้มาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ได้ในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และให้นำเสนอขอ ความเห็นชอบต่อรัฐสภาก่อนดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
39297 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2552 ซึ่งมี การพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 2 ครั้งที่ 16 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 และครั้งที่ 17 (สมัยสามัญทั่วไป) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม 2552 และครั้งที่ 18 เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม 2552 2. ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลให้มีการ ถ่ายทอดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT และให้กระทรวงต่าง ๆ จัดเตรียมและสนับสนุนข้อมูลที่เกี่ยวข้องสำหรับ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจใช้ประกอบการชี้แจงประเด็นที่ถูกอภิปราย ฯ โดยด่วน
|
|||||||||||||||||||||
39298 | โครงการเรียนฟรี 15 ปี อย่างมีคุณภาพ | นร | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอว่า โครงการเรียนฟรี
15 ปี อย่างมีคุณภาพตามนโยบายของรัฐบาล เป็นโครงการที่ครอบคลุมนักเรียนนักศึกษาทุกคนทุกสังกัด ทั้งสถานศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสถาน ศึกษาของเอกชน ดังนั้น การดำเนินโครงการดังกล่าวควรมีแนวทางปฏิบัติทำนองเดียวกันกับที่กระทรวง ศึกษาธิการดำเนินการอยู่ จึงเห็นสมควรให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ประสานงานการดำเนินโครงการอย่างมี คุณภาพ
|
|||||||||||||||||||||
39299 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรม และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. .... ตาม ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยการป้องกันการทารุณกรรมและการ จัดสวัสดิภาพสัตว์ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า การจัดตั้งกองทุน ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ และได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจะส่งผลกระทบต่อภาระงบ ประมาณในอนาคต รวมไปถึงการจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ประจำ ในทุกจังหวัดน่าจะไม่เหมาะสมและจำเป็นอีกทั้งจะก่อให้เกิดภาระงบประมาณ ไปประกอบการพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
39300 | ร่างพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. .... | กษ | 17/03/2552 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ มีสาระสำคัญคือ ให้จัดตั้งสภาเกษตร กรแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งแก่เกษตรกร และองค์กรเกษตรกร ส่งเสริมและพัฒนาการทำเกษตร ให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีในการแก้ไขปัญหาของเกษตรกร จัดทำแผนแม่บท เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และสนับสนุนวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านพันธุกรรมพืชและสัตว์ท้องถิ่น และให้นำเสนอ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|