ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 529 จากทั้งหมด 6211 หน้า แสดงรายการที่ 10561 - 10580 จากข้อมูลทั้งหมด 124206 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10561 | การเตรียมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา 2563 ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | ศธ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเตรียมการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก่อนการเปิดภาคเรียนปีการศึกษา ๒๕๖๓ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ประกอบด้วย (๑) การจัดทำแนวทางการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) (๒) การสำรวจความพร้อมการเปิดเรียน ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๓ ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (๓) แนวทางการใช้จ่ายเงินอุดหนุนสำหรับโรงเรียนที่จัดสถานที่พักนอนให้กับนักเรียนในพื้นที่ยากลำบาก ห่างไกล ไม่สามารถเดินทางไป-กลับได้ (๔) แนวทางการใช้จ่ายงบอุดหนุนสำหรับโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย (๕) การอนุมัติการจบการศึกษาปีการศึกษา ๒๕๖๒ ภายหลังวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ (ระหว่างวันที่ ๑๖ พฤษภาคม-๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓) และ (๖) การขอรับจัดสรรกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ระบบดิจิทัลจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จำนวน ๑,๑๕๘,๙๓๑ กล่อง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10562 | มาตรการช่วยเศรษฐกิจ "พลังงานสร้างไทย" | พน | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการช่วยเศรษฐกิจ “พลังงานสร้างไทย” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและผู้ประกอบการ สืบเนื่องจากผลกระทบจาก COVID-19 ประกอบด้วย (๑) การลดค่าครองชีพของประชาชนและช่วยเหลือผู้ประกอบการ (๒) การเร่งรัดการลงทุนตามแผนด้านพลังงาน และ (๓) การกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) เริ่มคลี่คลาย ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10563 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 7 | นร10 | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๗ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งได้รับข้อมูลจาก ๑๔๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของส่วนราชการทั้งหมด (๑๔๗ ส่วนราชการ) ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) ส่วนราชการร้อยละ ๘๔ (๑๒๓ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ และส่วนราชการร้อยละ ๓๘ (๕๕ ส่วนราชการ) กำหนดให้มีจำนวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งร้อยละ ๕๐ ขึ้นไป (ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งมี ๖๐ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๔๑) โดยในจำนวนนี้มีส่วนราชการร้อยละ ๑๔ (๒๑ ส่วนราชการ) มอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งมี ๒๓ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๑๖) โดยมีการมอบหมายให้ปฏิบัติงานที่บ้านในหลายรูปแบบ เช่น ปฏิบัติงานที่บ้านสลับกับการมาปฏิบัติงาน ณ สถานที่ตั้งของส่วนราชการวันเว้นวัน สัปดาห์ละ ๑ วัน สัปดาห์ละ ๒ วัน สัปดาห์เว้นสัปดาห์ เป็นต้น ๒. การเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ มีส่วนราชการกำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเมื่อจำเป็นต้องปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ ส่วนใหญ่ร้อยละ ๔๕ กำหนดการเหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเป็น ๓ ช่วงเวลา คือ เวลา ๐๗.๓๐-๑๕.๓๐ น. เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. และเวลา ๐๙.๓๐-๑๗.๓๐ น. ส่วนราชการร้อยละ ๑๒ (๑๗ ส่วนราชการ) กำหนดให้เหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานมากกว่า ๓ ช่วงเวลา และส่วนราชการร้อยละ ๑๖ (๒๓ ส่วนราชการ) ไม่ได้กำหนดให้มีการเหลื่อมเวลาการปฏิบัติงาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10564 | โครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย | พม | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) ได้จัดทำโครงการบ้านเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย เพื่อให้ผู้สูงอายุ คนพิการ ข้าราชการชั้นผู้น้อย หรือข้าราชการเกษียณและประชาชนที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้บุกรุกในพื้นที่สาธารณะให้มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย โดยดำเนินการสร้างบ้านเช่า จำนวน ๑๐๐,๐๐๐ หลัง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘) โดยในเดือนกรกฎาคมของทุกปี จะมีผู้มีรายได้น้อยมีบ้านอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ปีละ ๒๐,๐๐๐ ครอบครัว เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔ และเมื่อโครงการดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๘ จะมีผู้มีรายได้น้อยที่มีที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นรวมทั้งสิ้น ๑๐๐,๐๐๐ ครอบครัว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10565 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 9/2563 | นร | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๙/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) ข้อเสนอแนะของคณะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (๓) ข้อเสนอมาตรการผ่อนคลายระยะที่ ๕ (๔) การพิจารณาความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (๕) มาตรการผ่อนคลายการเข้ามาในราชอาณาจักร (๖) ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10566 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการจ้างแรงงานไทยทำงานชั่วคราวในภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล | รง | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอลและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการจ้างแรงงานไทยทำงานชั่วคราวในภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ลงนามในนามของผู้แทนฝ่ายไทยในความตกลงฯ รวมทั้งอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งทางการอิสราเอลเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับต่อไป และออกหนังสือมอบอำนาจเต็มให้แก่เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในความตกลงฯ โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานชั่วคราวในภาคเกษตรของอิสราเอล ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้กระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นสารัตถะและถ้อยคำเกี่ยวกับประโยคที่ ๒ ของข้อ ๖ ควรปรับให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในการส่งกลับคนไทยที่อยู่อย่างผิดกฎหมายในอิสราเอลเป็นกรณีที่เกิดขึ้นหลังจากสิ้นสุดสัญญาจ้างงานโดยอยู่ภายในกรอบของความตกลงฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10567 | การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 | พณ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดสินค้าและบริการควบคุมปี ๒๕๖๓ จำนวน ๕๑ รายการ จำแนกเป็น ๔๖ สินค้า ๕ บริการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10568 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับองค์การห้ามอาวุธเคมีสำหรับการบริจาคเงินเพื่อสมทบกองทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ขององค์การห้ามอาวุธเคมี | กต | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทยกับองค์การห้ามอาวุธเคมีสำหรับการบริจาคเงินเพื่อสมทบกองทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการแห่งใหม่ขององค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons : OPCW) และอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ของฝ่ายไทย และโดยที่องค์การห้ามอาวุธเคมีแจ้งว่า ไม่จำเป็นต้องแสดงหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ในกรณีนี้จึงไม่ต้องจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็มให้ผู้ลงนาม โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ระบุสาระสำคัญเกี่ยวกับความประสงค์ของประเทศผู้บริจาคในการสมทบกองทุนสำหรับการก่อสร้างศูนย์ปฏิบัติการ แนวทางการบริหารจัดการเงินบริจาค รายละเอียดของกิจกรรมที่จะดำเนินงานภายใต้กองทุนดังกล่าว โดยการบริหารเงินบริจาคจะอยู่ภายใต้กระบวนการตรวจสอบตามข้อบังคับและกฎระเบียบด้านการเงินขององค์การห้ามอาวุธเคมี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเงินบริจาค เห็นควรให้กระทรวงการต่างประเทศใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสันถวไมตรี โดยให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10569 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... | คค | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน-บางพลี และตอนพระประแดง-บางแค ช่วงพระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนคมเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงวันหยุดราชการดังกล่าว พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10570 | ร่างข้อบังคับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสารฯ สายเฉลิมรัชมงคล สายฉลองรัชธรรม และอัตราค่าโดยสารร่วม รวม 3 ฉบับ | คค | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10571 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 5 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลสระยายโสม อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. ....) | กษ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลสระยายโสม อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลสระยายโสม อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน อันจะเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10572 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 5 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลหัวเขา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. ....) | กษ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลหัวเขา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลหัวเขา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน อันจะเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10573 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน รวม 5 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลคำหยาด และตำบลทางพระ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลพานพร้าว และตำบลหนองปลาปาก อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ) | กษ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลคำหยาด และตำบลทางพระ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลหนองแม่ไก่ ตำบลคำหยาด และตำบลทางพระ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน อันจะเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลพานพร้าว และตำบลหนองปลาปาก อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลพานพร้าว และตำบลหนองปลาปาก อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน อันจะเป็นการส่งเสริมเกษตรกรรมของประเทศให้เจริญก้าวหน้า ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10574 | มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ | นร04 | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้เริ่มคลี่คลายลง และภาครัฐได้มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ จึงมีมติ ดังนี้
๑. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณและให้สามารถจัดการประชุม อบรม และสัมมนา ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศได้ตามความเหมาะสม โดยให้คำนึงถึงการรักษาสุขอนามัยในการจัดกิจกรรมและความปลอดภัยในการป้องกันโรคด้วย ทั้งนี้ ให้รายงานผลการจัดประชุมสัมมนาและการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย ๒. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งรัดการดำเนินการจ้างงานในกิจกรรม/โครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบเพื่อรองรับแรงงานที่ว่างงานจำนวนมากเนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10575 | การแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด | นร | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า เพื่อเพิ่มอุปสงค์ของการใช้น้ำนมดิบให้มากขึ้น อันเป็นแนวทางหนี่งในการแก้ปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดและบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณากำหนดมาตรการสนับสนุนให้มีการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศเพิ่มขึ้น รณรงค์ส่งเสริมการบริโภคน้ำนมโคพร้อมดื่มและผลิตภัณฑ์นมที่ใช้น้ำนมโคเป็นส่วนประกอบ รวมทั้งพิจารณาแจกจ่ายผลิตภัณฑ์นมให้แก่กลุ่มต่าง ๆ เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก ผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์คนชรา และผู้ด้อยโอกาสตามความเหมาะสมด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10576 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2563) | นร | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๙ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๑๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ๒. เห็นชอบให้แก้ไขจำนวนกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ จาก “จำนวน ๖๔ คน ประกอบด้วย กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๖ คน และกรรมาธิการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๔๘ คน โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๒๗ คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๒๑ คน” เป็น “จำนวน ๗๒ คน ประกอบด้วย กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๘ คน และกรรมาธิการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๕๔ คน โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๓๐ คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๒๔ คน”
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10577 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2563)] | นร | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แก้ไขจำนวนกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ จาก “จำนวน ๖๔ คน ประกอบด้วย กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๖ คน และกรรมาธิการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๔๘ คน โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๒๗ คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๒๑ คน” เป็น “จำนวน ๗๒ คน ประกอบด้วย กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๘ คน และกรรมาธิการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๕๔ คน โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๓๐ คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๒๔ คน”
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10578 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 5 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองชะอวด แพรกเมือง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองชะอวด แพรกเมือง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองชะอวด แพรกเมือง จากกิโลเมตรที่ ๒.๘๔๗ ในท้องที่ตำบลหัวไทร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงกิโลเมตรที่ ๒๖.๙๘๑ ในท้องที่ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ ในท้องที่ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี และตำบลหนองหญ้าปล้อง ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปากพนัง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปากพนัง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงกิโลเมตรที่ ๖๐.๒๔๐ ในท้องที่ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว และตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๕ ขวา ของเหมืองแม่แฝก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๕ ขวา ของเหมืองแม่แฝก จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเมืองเล็น อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๑.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแดง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแดง ในท้องที่ตำบลกุสุมาลย์ อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10579 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 5 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๕ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองชะอวด แพรกเมือง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองชะอวด แพรกเมือง จากกิโลเมตรที่ ๒.๘๔๗ ในท้องที่ตำบลหัวไทร อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงกิโลเมตรที่ ๒๖.๙๘๑ ในท้องที่ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ ในท้องที่ตำบลยางหัก อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี และตำบลหนองหญ้าปล้อง ตำบลยางน้ำกลัดเหนือ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปากพนัง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปากพนัง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหูล่อง อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงกิโลเมตรที่ ๖๐.๒๔๐ ในท้องที่ตำบลแม่เจ้าอยู่หัว และตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๕ ขวา ของเหมืองแม่แฝก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย ๑๕ ขวา ของเหมืองแม่แฝก จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเมืองเล็น อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๑.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแดง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแดง ในท้องที่ตำบลกุสุมาลย์ อำเภอกุสุมาลย์ จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
10580 | การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ | นร.11 | 30/06/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ
จำนวน ๑๓ คณ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ดังนี้ ๑. แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศแทนผู้ที่พ้นจากตำแหน่งและแต่งตั้งเพิ่มเติม
จำนวน ๑๑ คณะ ได้แก่ ๑.๑
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง รวม ๑๓ คน
๑.๒
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน รวม ๑๕ คน ๑.๓
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย รวม ๑๔ คน ๑.๔
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม รวม ๑๕ คน ๑.๕
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ รวม ๑๕ คน ๑.๖
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๑๕ คน ๑.๗
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข รวม ๑๕ คน ๑.๘
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ รวม ๑๕ คน ๑.๙
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม รวม ๑๔ คน ๑.๑๐
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน รวม ๑๕ คน ๑.๑๑ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ
รวม ๑๔ คน ๒.
แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศขึ้นใหม่ จำนวน ๒ คณะ ได้แก่ ๒.๑
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา รวม ๑๑ คน
๒.๒
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
รวม ๑๔ คน
|