ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 530 จากทั้งหมด 6210 หน้า แสดงรายการที่ 10581 - 10600 จากข้อมูลทั้งหมด 124197 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10581 | ร่างข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างอาเซียนและสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐอเมริกา | พณ | 30/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10582 | รายงานผลการเข้าร่วมชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูหนาว ครั้งที่ 3 (Winter Youth Olympic Games 2020) และการประชุมร่วมกับประธานและคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (IOC) ณ สมาพันธรัฐสวิส | กก | 30/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูหนาว ครั้งที่ ๓ (Winter Youth Olympic Games 2020) ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๐ มกราคม ๒๕๖๓ และการประชุมร่วมกับประธานและคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (The International Olympic Committee : IOC) ณ โอลิมปิกเฮ้าส์ สมาพันธรัฐสวิส เพื่อแสดงเจตจำนงในการที่ประเทศไทยจะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูร้อน ครั้งที่ ๕ ค.ศ. ๒๐๒๖ (พ.ศ. ๒๕๖๙) และขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วมหารือในการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนฤดูหนาว ครั้งที่ ๓ มีนักกีฬาจากประเทศไทย จำนวน ๕ คน เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาประเภทสกี ซึ่งผลการแข่งขันแม้นักกีฬาจากประเทศไทยไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันดังกล่าวได้ แต่นักกีฬาทุกคนทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ ๒. การประชุมร่วมกับประธานและคณะกรรมการโอลิมปิกระหว่างประเทศ (IOC) ได้รับทราบถึงข้อมูลกระบวนการรูปแบบใหม่ในการคัดเลือกเจ้าภาพ ซึ่งคณะกรรมการ IOC ได้ปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ IOC ในการปรับปรุงกีฬาโอลิมปิกเยาวชนให้มีความทันสมัย โดยใช้ชื่อว่า YOG 2.0 มุ่งเน้นให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเยาวชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน ขยายการจัดออกไปยังดินแดนประเทศใหม่ ๆ ประหยัดงบประมาณ สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามบริบทของสังคม และทำให้เมืองเจ้าภาพได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ประเทศไทยในการวางแนวทางสำหรับการเสนอตัวในขั้นตอนต่อ ๆ ไป ตามปฏิทินของคณะกรรมการ IOC
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10583 | การนำเสนอพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสก และพื้นที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน ให้เป็นพื้นที่อุทยานมรดกแห่งอาเซียน | ทส | 30/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10584 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤษภาคม 2563 | นร11 | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น เผยแพร่สื่อวีดิทัศน์ประกอบการชี้แจงวิธีการและขั้นตอนการจัดทำโครงการสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ให้หน่วยงานระดับกรมหรือเทียบเท่าเข้าใจบทบาทและหน้าที่ การหารือร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ขององค์กรต่าง ๆ ในการเข้ามามีส่วนร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศร่วมกับหน่วยงานของรัฐ การพัฒนาและขยายการใช้ประโยชน์จาก (Thailand People Map and Analytics Platform : TPMAP) และการพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR) ให้สามารถรองรับการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้เงื่อนไขของพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10585 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของส่วนราชการต่าง ๆ (จำนวน 4 ราย) | นร05 | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการต่าง ๆ (จำนวน ๔ ราย) ประกอบด้วย กระทรวงแรงงาน สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายสมบูรณ์ ตรัยศิลานันท์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงแรงงาน ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ๒. นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข ปฏิบัติหน้าที ปคร. สำนักงาน ก.พ.ร. รองเลขาธิการ ก.พ.ร. ๓. นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ๔. นางดวงตา ตันโช ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานราชบัณฑิตยสภา เลขาธิการราชบัณฑิตยสภา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10586 | การลงนามหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) และการส่งมอบเรือลาดตระเวนจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ | ยธ | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงนามหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ (Deed of Grant) และการส่งมอบเรือลาดตระเวนจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ (ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๒ และ ๓ มีนาคม ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยเดินทางไปลงนามในหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์รับมอบเรือลาดตระเวนจากสาธารณรัฐสิงคโปร์ จำนวน ๓ ลำ ได้แก่ เรือลาดตระเวนแบบ PT จำนวน ๑ ลำ และเรือลาดตระเวนแบบ SU จำนวน ๒ ลำ เพื่อส่งมอบให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ สำนักงานใหญ่หน่วยงานตำรวจตระเวนชายฝั่งสิงคโปร์ (Police Coast Guard : PCG) โดยมีนายเชียง เคง ค็อง ผู้บังคับการ PCG เป็นผู้แทนสาธารณรัฐสิงคโปร์ในการลงนาม ๒. สำนักงาน ป.ป.ส. ได้จัดพิธีลงนามหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบเรือลาดตระเวน ระหว่างไทย-สปป.ลาว และไทย-เมียนมา เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ ท่าเรือ BMT Pacific Ltd. (BMTP) จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายเควิน ฉ็อก เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทยร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม โดยมีเลขาธิการ ป.ป.ส. นายวงเพ็ด แสนวงสา รองเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อตรวจตราและควบคุมยาเสพติดสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชนลาว และพันตำรวจเอก ลา มิน ผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการและแผน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นผู้แทนในการลงนามหนังสือตราสารการโอนกรรมสิทธิ์ ๓. ผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ส. ดำเนินการส่งมอบเรือลาดตระเวนแบบ SU จำนวน ๒ ลำ ให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ประเทศละ ๑ ลำ เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ๑ จังหวัดเชียงราย และดำเนินการส่งมอบเรือลาดตระเวนแบบ PT จำนวน ๑ ลำ ให้แก่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๓ ณ ท่าเรือระนอง จังหวัดระนอง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10587 | การลงคะแนนรับรองข้อเสนอเลื่อนกำหนดจัดงาน World Expo 2020 Dubai | ดศ | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการลงคะแนนรับรองข้อเสนอเลื่อนกำหนดจัดงาน World Expo 2020 Dubai ซึ่งเดิมงานนิทรรศการ World Expo 2020 Dubai มีกำหนดจัดในวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓-๑๐ เมษายน ๒๕๖๔ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในฐานะประเทศเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2020 Dubai จึงได้ยื่นเสนอเลื่อนกำหนดจัดงานต่อองค์การนิทรรศการนานาชาติ เป็นวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔-๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ โดยยังคงใช้ชื่องานว่า “Expo 2020 Dubai” ซึ่งประเทศสมาชิกได้ลงคะแนนผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อรับรองข้อเสนอดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และองค์การนิทรรศการนานาชาติได้มีหนังสือแจ้งผลการรับรองข้อเสนอในการเลื่อนกำหนดการจัดงานแล้วเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10588 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์ฯ) | กค | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยการยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรให้แก่มูลนิธิภัทรมหาราชานุสรณ์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัติยราชนารี ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน สำหรับใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว นอกจากนี้ ตามประกาศของกระทรวงการคลังกำหนดให้นำรายจ่ายบริจาคให้องค์กรสาธารณกุศลอื่น ๆ ตามมาตรา ๔๗ (๗) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร มาหักลดหย่อนในการคำนวณภาษีได้เท่าที่บริจาคจริง แต่ไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10589 | ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... | ยธ | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการคุ้มครองบุคคลจากการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายซึ่งกระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ และป้องกันปราบปรามและเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีหรือร่วมลงนาม ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้พิจารณาในประเด็นความจำเป็นในการใช้ระบบคณะกรรมการ ตามหมวด ๒ คณะกรรมการ โดยเห็นควรตัดออก เนื่องจากเป็นภารกิจของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ระบบคณะกรรมการอีก ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เห็นควรบรรจุประเด็นเรื่องการห้ามทรมานหรือกระทำให้บุคคลสูญหายในสถานการณ์ฉุกเฉิน และการห้ามผลักดันกลับไปยังสถานที่ที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าบุคคลนั้นจะถูกทรมานหรือถูกกระทำให้บุคคลสูญหาย รวมทั้งเห็นควรกำหนดนิยาม “ทรมาน” ให้ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นว่า เจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการตระหนักรู้และปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10590 | การส่งคืนพื้นที่สวนป่าคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ เนื้อที่ 366 ไร่ 78 ตารางวา ให้กรมป่าไม้ เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ส่งคืนพื้นที่สวนป่าคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๗ แปลง รวมพื้นที่ ๓๖๖ ไร่ ๗๘ ตารางวา ให้กรมป่าไม้ เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำมาตรการป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์และพื้นที่สวนป่าให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้ความสำคัญกับการพิจารณาหลักเกณฑ์การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติให้ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งเคร่งครัดในการพิจารณาประเภทและคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการจัดที่ดิน ตลอดจนการปฏิบัติตามข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ในที่ดินของผู้ที่ได้รับการจัดที่ดิน เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการจัดที่ดินของรัฐในพื้นที่ที่มีราษฎรบุกรุกเข้าไปครอบครองอย่างผิดกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. การนำพื้นที่สวนป่าคอนสารเข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินในครั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่มีที่ดินทำกินและสมควรได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างแท้จริง โดยต้องบริหารจัดการและกำกับติดตามมิให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10591 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (เพิ่มเกณฑ์อายุเด็กกรณีที่เด็กกระทำความผิดอาญา) | ยธ | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกณฑ์อายุของเด็กที่ไม่ต้องรับโทษทางอาญา จากปัจจุบันกำหนดไว้ไม่เกิน ๑๐ ปี เป็นไม่เกิน ๑๒ ปี และเกณฑ์อายุของเด็กที่ใช้มาตรการอื่นแทนการรับโทษทางอาญา จากเดิมกำหนดไว้เกิน ๑๐ ปี แต่ไม่เกิน ๑๕ ปี เป็นเกิน ๑๒ ปี แต่ไม่เกิน ๑๕ ปี ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กและกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และเป็นไปตามแผนการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะที่ประเทศไทยได้ตอบรับและให้คำมั่นโดยสมัครใจภายใต้กลไก Universal Periodic Review (UPR) รอบที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๙ ถึง พ.ศ. ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม พิจารณาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการและการบริหารจัดการเพื่อรองรับการแก้ไข บำบัด และฟื้นฟูจำนวนเด็กที่เพิ่มขึ้นเหล่านี้ โดยจำแนกวิธีการแก้ไข บำบัด และฟื้นฟูเด็กในกลุ่มที่มีอายุต่างกันเพื่อให้สอคดล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10592 | การเสนอพื้นที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ | ทส | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้เสนอพื้นที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ ต่อโครงการมนุษย์และชีวมณฑล ขององค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ต่อไป [การเสนอเอกสารเพื่อเสนอพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ในแต่ละปี กำหนดให้ส่งไปยังฝ่ายเลขานุการของโครงการมนุษย์และชีวมณฑลของยูเนสโก ภายในสิ้นเดือนกันยายน เพื่อเข้าสู่รอบการพิจารณาของ Advisory Committee of Biosphere Reserve (ACBR) ในปีถัดไป] ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า การเสนอพื้นที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลแห่งใหม่ ไม่เข้าข่ายเป็นการจัดทำหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรมีการพิจารณารูปแบบในการบริหารพื้นที่สงวนชีวมวลให้มีบทบาทชัดเจนนอกเหนือจากภารกิจของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีเครื่องมือ มีบุคลากรดำเนินงาน และได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเพียงพอเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายตามแผนปฏิบัติการลิมา ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10593 | กรอบการเจรจาความตกลงที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของอาเซียน ภายใต้รัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ | กษ | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานและการตรวจสอบรับรองระบบการผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารของอาเซียน ภายใต้รัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายพิจารณาใช้ดุลยพินิจตามสถานการณ์ตามความเหมาะสมในเรื่องนี้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อไป (กำหนดการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อพิจารณาร่างความตกลงฯ ภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓) โดยร่างความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีและอำนวยความสะดวกทางการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นอาหารระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงจัดทำกรอบการเจรจาร่างความตกลงฯ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การกำหนดมาตรฐานด้านระบบการผลิต พืช ปศุสัตว์ และประมง และกฎระเบียบเพื่อตรวจสอบและรับรองสินค้าเกษตรที่เป็นอาหาร (๒) การกำหนดเงื่อนไขในการยอมรับผลการตรวจสอบและรับรองสินค้าดังกล่าว (๓) การพัฒนากลไกการประสานงานและการปฏิบัติตามความตกลงในการนำเข้าและส่งออกในภูมิภาคอาเซียน และ (๔) ประเด็นอื่น ๆ เช่น การระงับข้อพิพาท และการแก้ไขความตกลง เป็นต้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เรื่องนี้เป็นการกำหนดท่าทีของไทยในการเจรจาจัดทำความตกลงฯ โดยยังไม่มีการทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร จึงยังไม่มีประเด็นที่จะต้องพิจารณาเกี่ยวกับการเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการเจรจาหรือการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10594 | การกู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่อง หรือเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไป จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย | พม | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การเคหะแห่งชาติกู้เงินเพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องหรือเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการทั่วไป จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ (ปรับปรุงครั้งที่ ๑) โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ขอให้การเคหะแห่งชาติกู้เงินในประเทศ จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้การเคหะแห่งชาติเบิกจ่ายเงินกู้เท่าที่จำเป็น และการเคหะแห่งชาติควรดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรา ๔๙ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่บัญญัติให้การก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐต้องเป็นไปตามกฎหมาย และอยู่ภายใต้ขอบวัตถุประสงค์อำนาจหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐผู้กู้ โดยต้องก่อหนี้ด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ การกระจายภาระการชำระหนี้ ตลอดจนดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบและหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10595 | การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2523 ในกรณีที่ปรากฏว่ายังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต | ทส | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต และให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินการตามมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๓ (เรื่อง การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้) ในกรณีที่ปรากฏว่ายังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และหากปรากฏว่ายังมีส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตอีก ให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งกับหน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ ในส่วนของการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ ภายใน ๑๘๐ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ นั้น ให้หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเป็นผู้รวบรวมคำขออนุญาตของหน่วยงานในสังกัดให้ครบถ้วนเพื่อส่งไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เช่น (๑) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ของแต่ละหน่วยงานอย่างรอบคอบและให้มีความเหมาะสม (๒) ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการมาตรการที่เสนออย่างจริงจัง ไม่ควรมีการผ่อนผันอีกในอนาคต และพิจารณาดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปล่อยปละละเลยและมีส่วนเกี่ยวข้อง (๓) ให้ส่วนราชการผู้มีอำนาจอนุมัติ/อนุญาต เร่งรัดขั้นตอนการยื่นคำขอและการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตในการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าเป็นไปอย่างรวดเร็ว และให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (๔) ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงบประมาณได้ใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาความพร้อมของพื้นที่ดำเนินการประกอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี และ (๕) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรกำหนดกลไกและแผนการติดตามประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดวิธีการที่เหมาะสมและไม่ขัดต่อกฎหมายในการดำเนินการกรณีที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเข้าใช้พื้นที่ป่าไม้เพื่อทำประโยชน์ในการดำเนินโครงการเกี่ยวกับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและดิจิทัล กรณีที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำพื้นที่ป่าไม้ที่ได้รับอนุญาตไปให้ภาคเอกชนเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่อ/ถือกรรมสิทธิ์ในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อประกอบกิจการ เช่น ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว กรณีการตั้งสำนักสงฆ์ในพื้นที่ป่า และกรณีการนำที่ดินของเกษตรกรที่รัฐอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่ไปให้เอกชนเช่าต่อ ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการเพิ่มเติมด้วย ดังนี้ ๔.๑ วางแผนและจัดลำดับความสำคัญในการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตโครงการที่ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๓ เพื่อบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่โครงการต่าง ๆ จะต้องหยุการดำเนินการเพื่อรอผลการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ๔.๒ ในระยะต่อไป ให้จัดทำแนวทางปฏิบัติในกรณีที่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนจะต้องดำเนินการเพื่อขออนุมัติ/อนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ในแต่ละประเภท ตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้มีความชัดเจน ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน พร้อมทั้งกำหนดกรอบระยะเวลาของแต่ละขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ/อนุญาตทั้งกระบวนการ รวมทั้งให้พิจารณานำระบบเทคโนโลยีนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนงานด้วย ๕. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องดำเนินโครงการในพื้นที่ป่าประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป คำนึงถึงความพร้อมในการดำเนินโครงการอย่างละเอียดรอบคอบให้ถูกต้องเรียบร้อยก่อนเสนอขออนุมัติโครงการ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ (เรื่อง การเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) เพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีการเสนอขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีใด ๆ ภายหลังจากเริ่มดำเนินโครงการไปแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10596 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมฯ ได้มีมติเห็นชอบโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์ โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๒ รวมทั้งเห็นชอบการดำเนินการที่สำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรชาวสวนยาง เช่น การขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง การเพิ่มกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) ในสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ภายใต้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) วงเงินสินเชื่อ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท และการเพิ่มเติมวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ ตามที่คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10597 | รัฐบาลสาธารณรัฐสโลวีเนียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐสโลวีเนียประจำประเทศไทย (นางสาวอาเลงกา ซูฮาดอลนิก) | กต | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวอาเลงกา ซูฮาดอลนิก (Ms. Alenka Suhadolnik) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวีเนียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายยาเนส เปรโมเจ (Mr. Janez Premoze) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10598 | รัฐบาลสาธารณรัฐเบนินเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งสาธารณรัฐเบนินประจำประเทศไทย (นายซีมง ปีแยร์ อาดอเวอล็องด์) | กต | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายซีมง ปีแยร์ อาดอเวอล็องด์ (Mr. Simon Pierre Adovelande) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเบนินประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน สืบแทน นายเซโดซาน ชอง-โกลด อาปีที (Mr. Sedozan Jean-Claude Apithy) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10599 | รัฐบาลราชอาณาจักรเบลเยียมเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทย (นางซีบีย์ เดอ การ์ตีเย ดีฟว์) | กต | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางซีบีย์ เดอ การ์ตีเย ดีฟว์ (Ms. Sibille de Cartier d’Yves) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายฟีลิป ครีแดลกา (Mr. Philippe Kridelka) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10600 | ขอเพิ่มเติมองค์ประกอบในคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ | ทส | 23/06/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการเพิ่มเติมองค์ประกอบในคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการถ้ำแห่งชาติ จำนวน ๔ คน ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
|
.....