ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 320 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 6381 - 6400 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
6381 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร (1. นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ฯลฯ รวม 7 ราย) | นร.04 | 24/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนคร รวม ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) เสนอ ดังนี้ ๑. นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวบุษราภรณ์
กอบกิจพานิชผล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายปกรณ์ คุณสาระ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. พลเอกโกศล ประทุมชาติ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายนฤทัต เจริญเศรษฐศิลป์ กรรมการภาคเอกชน ๖. พลตำรวจโทประหยัชว์ บุญศรี กรรมการภาคเอกชน ๗. นางศรีมาลา พรรณเชษฐ์ กรรมการภาคเอกชน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6382 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2550 [1. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) ฯลฯ จำนวน 10 รูป/คน] | วธ. | 24/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่ชาติ จำนวน ๑๐ รูป/คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. พระพรหมบัณฑิต (ประยูร
ธมฺมจิตฺโต) ๒. นายสมัย เจริญช่าง ๓. นายสยาม ม่วงศักดิ์ ๔. นางกัมเลซ มันจันดา ๕.นายสัตนามชิงห์ มัตตา ๖. นายปรารพ เหล่าวานิช ๗. นายสด แดงเอียด ๘. นายประเสริฐ
เล็กสรรเสริญ ๙. นายธาดา เศวตศิลา ๑๐. นางพิมพ์กาญจน์
ชัยจิตร์สกุล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6383 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | ตผ. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
การรายงานผลการดำเนินงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ซึ่งได้ตรวจสอบและแสดงความเห็นต่อรายงานการเงิน จำนวน ๘,๕๖๐ รายงาน รวม ๘,๔๕๐ หน่วยงาน
เป็นรายงานแบบไม่มีเงื่อนไข ๗,๗๔๘ รายงาน แบบมีเงื่อนไข ๖๘๖
รายงาน รายงานการเงินไม่ถูกต้อง จำนวน ๑๙ รายงาน และไม่แสดงความเห็น ๑๐๗ รายงาน
การตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย จำนวน ๘,๒๕๕
รายงาน/สัญญา/ประกาศ รวม ๔,๒๖๔ หน่วยงาน พบข้อบกพร่อง รวม ๔,๖๐๒ รายงาน/สัญญา/ประกาศ รวม ๒,๘๒๑ หน่วยงาน
การตรวจสอบผลสัมฤทธิ์และประสิทธิภาพการดำเนินงาน จำนวน ๕๕ เรื่อง/โครงการ รวม ๕๙
หน่วยงาน (๒) การดำเนินการด้านความผิดวินัยการเงินการคลังของรัฐ
ซึ่งมีผู้ถูกลงโทษจะต้องชำระเงินค่าปรับทางปกครองและนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน จำนวน ๔๖
ราย เป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๙.๙๗ ล้านบาท ได้ชำระค่าปรับแล้ว จำนวน ๑๕ ราย เป็นเงิน ๒.๖๕
ล้านบาท (๓) การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจรับ
โดยจัดอบรมสัมมนาเพื่อพัฒนาบุคลากรหน่วยงานภาครัฐ (๔) การให้คำปรึกษา แนะนำ
และตอบข้อสอบถามแก่หน่วยรับตรวจในประเด็นกฎหมายว่าด้วยการเงินการคลังของรัฐ (๕)
การพัฒนาแนวทางปฏิบัติในการให้ความเห็นชอบผู้สอบบัญชีเอกชน (๖) การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
หน้าที่ บทบาท และภารกิจของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (๗)
การพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการบริหารงานตรวจสอบและการบริหารจัดการองค์กรและการบูรณาการภาครัฐ
(๘) การแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิชาการและประสบการณ์ด้านการตรวจเงินแผ่นดินระหว่างประเทศ
และ (๙) ผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity
and Transparency Assessment : ITA)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งได้คะแนนจากการประเมินรวม ๙๓.๔๔ คะแนน อยู่ในระดับ A สูงกว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งได้คะแนนรวม ๙๒.๑๒ คะแนน
ตามที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6384 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 | ดศ. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่
๔ มีนาคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย ๑) เรื่องเพื่อทราบ (จำนวน ๕ เรื่อง) เช่น
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๗/๒๕๖๕ ลงวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เรื่อง
แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ จำนวน ๙ คน
ความคืบหน้าการจัดทำ (ร่าง) แผนแม่บทอวกาศแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐
โครงการศึกษาทิศทาง รูปแบบการให้บริการดาวเทียมในอนาคต
และแนวทางในการกำกับดูแลการให้บริการดาวเทียมในประเทศไทย เป็นต้น และ ๒)
เรื่องเพื่อพิจารณา (จำนวน ๒ เรื่อง) เช่น ข้อเสนอขอแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำนโยบายการดำเนินงานดาวเทียมแห่งชาติ
การทบทวนคำสั่งคณะอนุกรรมการ/คณะทำงานภายใต้คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติ
ตามที่คณะกรรมการนโยบายอวกาศแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6385 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของเวทีทบทวนการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศและคำมั่นโดยสมัครใจของไทย | กต. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาความคืบหน้าของการดำเนินการตามการรับรองข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย
เป็นระเบียบ และปกติ (Global Compact for
Safe, Orderly and Regular Migration : GCM)
และเห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยร่วมรับรองร่างปฏิญญาความคืบหน้าฯ ในเวทีทบทวนการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ
รวมทั้งให้ความเห็นชอบต่อร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อตกลงระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย
เป็นระเบียบ และปกติ เพื่อให้คณะผู้แทนไทยประกาศในเวทีทบทวนการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าอาจไม่มีความจำเป็นในการตั้งเป้าหมายตัวเลขค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ
เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการดำเนินการและเป็นไปตามระดับความพร้อมของแต่ละประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาความคืบหน้าของเวทีทบทวนการโยกย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6386 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 | ศย. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินสำนักงานศาลยุติธรรม
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6387 | ขอส่งคำขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย ปี พ.ศ. 2565 และผลงานสำคัญของรัฐบาล | นร. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน
๒๕๖๕ จำนวน ๓๙๙,๕๗๒,๔๐๐ บาท
ให้กรมประชาสัมพันธ์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการประชาสัมพันธ์การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทย
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ และผลงานสำคัญของรัฐบาล ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์)
เสนอ และให้กรมประชาสัมพันธ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในส่วนของการเบิกจ่ายงบประมาณฯ
ให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับของทางราชการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณ
และความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์เชิงบวกทางด้านเศรษฐกิจของไทยและบทบาทของไทยในประชาคมโลก
ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6388 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 | รง. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงินกองทุนความปลอดภัย
อาชีวอนามัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยงบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบรับรองแล้ว
และเห็นว่ารายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6389 | แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.14 | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ และใช้พิจารณาในการจัดทำงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามนัยมาตรา
๑๗ (๒) แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมภิบาลให้ถูกต้องและครบถ้วน รวมทั้ง พิจารณากลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญของแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องกับกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรรในแต่ละปีต่อไปด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6390 | ขออนุมัติกรอบวงเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 เพิ่มเติม | พณ. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบการเพิ่มกรอบวงเงินงบประมาณโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๔/๖๕ จากเดิม
๕๔,๙๗๒.๗๒
ล้านบาท เป็น ๕๕,๕๖๗.๓๖ ล้านบาท จำแนกเป็น ๑.๑ วงเงินที่จ่ายให้เกษตรกร จากเดิม จำนวน
๕๓,๘๗๑.๘๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้น
๕๘๓.๑๐ ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๕๔,๔๕๔.๙๔ ล้านบาท ๑.๒ ค่าชดเชยต้นทุนเงิน จากเดิม จำนวน ๑,๐๗๗.๔๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑๑.๕๔ ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น
๑,๐๘๘.๙๘ ล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจะใช้จ่ายจากงบประมาณคงเหลือจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปี ๒๕๖๔/๖๕ (โครงการประกันรายได้ฯ) ๒.
รับทราบการขยายระยะเวลาตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติเห็นชอบแล้ว
ดังนี้ ๒.๑ ขยายระยะเวลาการจ่ายเงิน จากเดิม
สิ้นสุดวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๕ เป็น สิ้นสุดวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ ๒.๒ ขยายระยะเวลาโครงการ จากเดิม
สิ้นสุดวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ เป็น สิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น
ควรมีการวางระบบที่สามารถตรวจสอบและประมาณการจำนวนครัวเรือนเกษตรกรทั้งพื้นที่ขึ้นทะเบียนที่ถูกต้อง
รัดกุมให้เป็นไปตามข้อเท็จจริง มีกระบวนการตรวจสอบและรับสิทธิ
การสำรวจพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมย่างรัดกุมตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการรับสิทธิ และคุ้มค่ากับงบประมาณในการดำเนินโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6391 | การต่ออายุความตกลงว่าด้วยการก่อตั้งศูนย์อาเซียน – ญี่ปุ่น (ASEAN - Japan Centre : AJC) | พณ. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการต่ออายุความตกลงว่าด้วยการก่อตั้งศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
(The Agreement
Establishing the ASEAN Promotion Centre on Trade, Investment and Tourism) ออกไปอีก ๕ ปี [๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒)-๒๔ พฤษภาคม ๒๕๗๐ (ค.ศ. ๒๐๒๗)]
และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ซึ่งเป็นผู้แทนประเทศไทยในสมาชิกคณะมนตรีของศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น
เป็นผู้แทนในการลงนามให้การรับรองการต่ออายุความตกลงฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6392 | ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ในโอกาสครบรอบ 75 ปี ของการก่อตั้งคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก : วาระร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในเอเชียและแปซิฟิก | กต. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ในโอกาสครบรอบ ๗๕ ปี
ของการก่อตั้งคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก
: วาระร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในเอเชียและแปซิฟิก และเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมฯ
หรือผู้แทน ร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกเอสแคปในการจัดการกับความท้าทายด้านการพัฒนา
เพื่อเร่งขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
การฟื้นฟูอย่างเท่าเทียม ยั่งยืน และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
รวมทั้งย้ำความสำคัญของการระดมทุนเพื่อการพัฒนาในการช่วยบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยเฉพาะการระดมทรัพยากรทางการเงินจากทุกแหล่ง
การส่งเสริมการให้และถ่ายทอดเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญากรุงเทพฯ
ในโอกาสครบรอบ ๗๕ ปี ของการก่อตั้งคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก
: วาระร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในเอเชียและแปซิฟิก ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6393 | ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.07 | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๖ โดยมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
เป็นจำนวนเงินไม่เกิน ๓,๑๘๕,๐๐๐ ล้านบาท ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีตรวจพิจารณาแล้ว
พร้อมเอกสารประกอบงบประมาณ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6394 | การตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | นร.07 | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้กำหนดจำนวนกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๖๔ คนประกอบด้วย ๑.
กรรมาธิการที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ จำนวน ๑๖ คน โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
(นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์)
ปลัดกระทรวงการคลัง (นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ) และผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ
(นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร) เป็นกรรมาธิการในสัดส่วนที่คณะรัฐมนตรีเสนอชื่อ
สำหรับจำนวนกรรมาธิการที่ยังไม่ระบุรายชื่ออีกจำนวน ๑๒ คน
ให้ผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
เพื่อแจ้งรายชื่อกรรมาธิการในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีให้สำนักงบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป
และ ๒.
กรรมาธิการที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเลือก จำนวน ๔๘ คน
โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาล จำนวน ๒๗ คน
และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน จำนวน ๒๑ คน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6395 | การเข้าร่วมถ้อยแถลงว่าด้วยกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด - แปซิฟิกเพื่อความเจริญรุ่งเรือง (Statement on Indo - Pacific Economic Framework for Prosperity) | กต. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6396 | ข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาพันธรัฐสวิส (Implementing Agreement to the Paris Agreement between the Kingdom of Thailand and the Swiss Confederation) | ทส. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาพันธรัฐสวิส
(Implementing Agreement to the Paris Agreement
between the Kingdom of Thailand and the Swiss Confederation)
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้มีอำนาจลงนามในข้อตกลงฯ
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในข้อตกลงฯ
มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานตามข้อตกลงนี้ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
(องค์การมหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับมาตรฐานของกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกและระบบทะเบียน
โดยข้อตกลงฯ
มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือโดยสมัครใจในการดำเนินงานและการยอมรับการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ
เพื่อใช้สำหรับการดำเนินการตามเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อตกลงการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสมาพันธรัฐสวิส ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ที่ควรเน้นย้ำถึงความโปร่งใส
และการไม่นับซ้ำของคาร์บอนเครดิตที่ลดได้พร้อมทั้งความช่วยเหลือในการดำเนินงานของภาคกิจกรรมที่เข้าร่วมในภาคการตกลงต่อไป
ให้ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) พิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดโครงการหรือกิจกรรมตามข้อตกลงฯ
ที่จะดำเนินการในประเทศไทยอย่างละเอียดรอบคอบ เหมาะสม
โดยคำนึงถึงผลกระทบและประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ๒.๒
ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาระบบฐานข้อมูลการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย
เพื่อใช้ในการกำกับติดตาม การบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตของประเทศ
รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานภายใต้ข้อตกลงฯ (เช่น
คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ เกณฑ์ในการคำนวณประมาณคาร์บอนเครดิต เป็นต้น)
ให้มีความชัดเจน ครบถ้วน
เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทราบและถือปฏิบัติได้อย่างถูกต้องโดยเร็วด้วย ๒.๓
ร่วมมือ/กำกับติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
(Nationally Determined Contribution : NDC)
ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6397 | (ร่าง) แผนการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมระดับชาติ (พ.ศ. 2564 - 2580) และแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ภายใต้แผนฯ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2564 -2565) และระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 - 2570) | สธ. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมระดับชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๘๐) ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมเสนอ และรับทราบแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ภายใต้แผนการเฝ้าระวัง การป้องกันระยะที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) และระยะที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๖๖–๒๕๗๐) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย (ร่าง) แผนฯ และแผนปฏิบัติการ ภายใต้แผนฯ จัดทำขึ้นเพื่อใช้เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินงานในการสื่อสารสร้างความเข้าใจระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน NGOs และภาคประชาชนในการดำเนินงานดูแลสุขภาพผู้ประกอบอาชีพและผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษสิ่งแวดล้อม ด้วยการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาชน รวมถึงการให้บริการอาชีวเวชกรรมและเวชกรรมสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐานอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ๒.
มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนการเฝ้าระวังฯ และแผนปฏิบัติการฯ ไปดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
ในส่วนของค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓.
ให้คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน
และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เช่น พิจารณาเพิ่มเติมแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม
ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง
และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพกลุ่มเสี่ยงจากมลพิษทางเสียงและความสั่นสะเทือน ด้านนโยบาย/มาตรการทางการเงินการคลัง
โครงการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคเชิงรุกในสถานประกอบการ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6398 | รายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 (สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร) | สผ. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑.รับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบการเงินดังกล่าวแล้วไม่สามารถแสดงความเห็นต่อรายงานการเงินดังกล่าวได้
เนื่องจากไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ และการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ เช่น การกำหนดรหัสสินทรัพย์ในระบบ GFMIS
และรหัสสินทรัพย์ตามทะเบียนคุมทรัพย์สินไม่สอดคล้องกัน จึงไม่สามารถอ้างอิงกันได้ วัสดุคงเหลือมียอดคงเหลือตามบัญชีต่ำกว่ายอดคงเหลือตามรายละเอียดวัสดุ
และที่ดินอาคาร อุปกรณ์ มีการรวบรวมรายการที่มีข้อคลาดเคลื่อน ๒. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรรับความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินต่อรายงานการเงิน
สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๔ เกี่ยวกับประเด็นที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินไม่สามารถหาหลักฐานการสอบบัญชีที่เหมาะสมอย่างเพียงพอ
และการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ
ไปดำเนินการตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน
รวมทั้งนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำรายงานการเงินของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในปีต่อ
ๆ ไป ให้ถูกต้อง
ตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6399 | แผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566 - 2580) | พม. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐)
มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางปฏิบัติงานด้านผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่อง
รวมทั้งสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บท
เพิ่มคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุได้เพิ่มพูนศักยภาพของตนเองอย่างเต็มกำลังความสามารถ
ให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ รองรับสังคมสูงวัยเชิงรุก ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นข้อเสนอแนะ
และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณสำนักงาน ก.พ.
และสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น ควรกำหนดบทบาทของหน่วยงานรับผิดชอบหลัก/หน่วยงานรับผิดชอบร่วมในรูปของผังกระบวนงานหรือ
Work Flow ให้ชัดเจน
ควรมีแนวทางในการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการที่ชัดเจน
อาจเพิ่มตัวชี้วัดที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการเสริมสร้างพลังให้กับผู้สูงวัย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงสาธารณสุข
และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช) ที่เห็นว่าในการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุตามแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ
ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๘๐) นั้น เห็นควรมอบหมายเพิ่มเติมให้กระทรวงกลาโหม
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพาณิชย์
กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อส่งเสริมการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยอาจร่วมมือกับภาคเอกชนด้วย
เพื่อผลิตสิ่งอำนวยความสะดวก/อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ
และให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้ในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม
รวมทั้งอาจพิจารณาผลิตสิ่งอำนวยความสะดวก/อุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อการส่งออกอีกด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
6400 | ข้อเสนอสมัชชาสตรีระดับชาติ ปี 2563 | พม. | 17/05/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบข้อเสนอสมัชชาสตรีระดับชาติ ปี ๒๕๖๓ เรื่อง
การพัฒนากฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องในการขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบ
เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายและการปรับปรุงกฎหมาย
และมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาดำเนินการพัฒนากฎหมายและนโยบาย
ซึ่งมีประเด็นข้อเรียกร้องจากสมัชชาสตรี ๔ ประเด็น ได้แก่ ๑) สุขภาพของผู้หญิง ๒)
การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ๓) งานของผู้หญิง และ ๔) ความรุนแรงต่อผู้หญิง
โดยที่ประชุมมีข้อเสนอที่สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นนโยบายยุทธศาสตร์
หรือมาตรการภายใต้ประเด็นข้อเรียกร้องดังกล่าว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการขับเคลื่อนการพัฒนากฎหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องในการขยายความคุ้มครองประกันสังคมสู่แรงงานนอกระบบยังไม่บรรลุผลเท่าที่ควร
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |