ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 611 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 12201 - 12220 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
12201 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ และคณะ) | ยธ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายพยนต์ สินธุนาวา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายมณฑล แก้วเก่า ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12202 | การโอนข้าราชการเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสมเกียรติ ธงศรี) | นร | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน นายสมเกียรติ ธงศรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (นักบริหารระดับต้น) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12203 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ | อว | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จำนวน ๒๐ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ๑.๑ นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ๑.๒ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ ๑.๓ นายชูศักดิ์ ลิ่มสกุล ๑.๔ นายประสงค์ พูนธเนศ ๑.๕ นางบุษยา มาทแล็ง ๑.๖ นายสุวิทย์ แซ่เตีย ๑.๗ นายปิยะมิตร ศรีธรา ๑.๘ นายประเสริฐ เอื้อวรากุล ๑.๙ นายศุภชัย ปทุมนากุล ๑.๑๐ นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ ๒. ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ ๒.๑ นายเข็มชัย ชุติวงศ์ ๒.๒ นายสุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ๒.๓ นายชาติศิริ โสภณพนิช ๒.๔ นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ ๒.๕ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ๒.๖ นายวีระชัย เชาว์ชาญกิจ ๒.๗ นายกลินท์ สารสิน ๒.๘ นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ๒.๙ นายประวิทย์ ประกฤตศรี ๒.๑๐ นายประพันธ์ เจริญประวัติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12204 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย (จำนวน 7 คน 1. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ฯลฯ) | คค | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย รวม ๗ คน แทนผู้ที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. นายจิรุตม์ วิศาลจิตร ประธานกรรมการ ๒. นายชยธรรม์ พรหมศร กรรมการ ๓. นายอำนวย ปรีมนวงศ์ กรรมการ ๔. นางสาวไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล กรรมการ ๕. นายธันวา เลาหศิริวงศ์ กรรมการ ๖. นายพินิจ พัวพันธ์ กรรมการ ๗. นางศุกร์ศิริ บุญญเศรษฐ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12205 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (นายกุลิศ สมบัติศิริ) | พน | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกุลิศ สมบัติศิริ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แทนผู้ที่ลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12206 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ด้านรัฐศาสตร์) | นร12 | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายไมตรี อินทุสุต เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ด้านรัฐศาสตร์) แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12207 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ และนายสราวุธ แก้วตาทิพย์) | พน | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพลังงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้
๑. นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12208 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 9/2562 เรื่อง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน | สกพอ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๙/๑๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ เรื่อง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ซี่งที่ประชุมฯ รับทราบผลการเจรจาของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินในเรื่องการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และเห็นชอบเกี่ยวกับมาตรกรและแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินให้แก่เอกชนคู่สัญญา ๑.๒ มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๔/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ เรื่อง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์กระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในประเด็นมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินรถ การดำเนินงานศูนย์รับเรื่องร้องเรียน และการสอบถามเกี่ยวกับความวิตกกังวลของผู้ได้รับผลกระทบ และให้หน่วยงานรับไปดำเนินการตามมติดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การรถไฟแห่งประเทศไทย) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วนตามขั้นตอนและสาระสำคัญที่กำหนดอย่างโปร่ง รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในทุกภาคส่วน และสัดส่วนอย่างเหมาะสมของประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12209 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 15th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๘-๙ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศไทยได้กล่าวถ้อยแถลงพร้อมให้ความร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสำคัญของภูมิภาค อาทิ การจัดการขยะทะเล โดยประเทศไทยให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้า ๔๓ แห่ง งดการแจกถุงพลาสติกให้แก่ลูกค้า ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๓ และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้ความสำคัญต่อการเร่งเสริมสร้างภูมิต้านทานผ่านมาตรการการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ประเทศไทยร่วมรับรองการขึ้นทะเบียนอุทยานมรดกอาเซียนแห่งใหม่ จำนวน ๕ แห่ง เป็นอุทยานมรดกอาเซียน ได้แก่ ลำดับที่ ๔๕ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง และลำดับที่ ๔๖ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ของประเทศไทย ลำดับที่ ๔๗ อุทยานแห่งชาติ Lo Go-Xa Mat และลำดับที่ ๔๘ เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ Ngoc Linh ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และลำดับที่ ๔๙ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Htamanthi ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๓. ที่ประชุมเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนสำหรับการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ ซึ่งยกร่างและเสนอโดยประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน และจะมีการเสนอร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนดังกล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาให้การรับรองต่อไป ๔. ประเทศไทยรายงานให้ที่ประชุมทราบถึงข้อริเริ่มของประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยได้ยกร่างและพัฒนาเอกสาร ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และกรอบปฏิบัติการอาเซียนวาด้วยขยะทะเล โดยการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ได้ให้การรับรองปฏิญญากรุงเทพฯ และรับทราบกรอบปฏิบัติการอาเซียนฯ และ (๒) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุม Climate Action Summit 2019 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงในนามอาเซียนต่อการประชุมดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๒ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12210 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 | นร04 | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง ๑ (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) โดยนายกรัฐมนตรีตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดราชบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ จังหวัดกาญจนบุรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12211 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2562 | กษ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๒ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ในฐานะรองประธาน กนย. เป็นประธานการประชุม ซึ่ง กนย. มีมติรับทราบสถานการณ์ยางพาราโลกและสถานการณ์ยางพาราไทย ในช่วงปี ๒๕๕๗-๒๕๖๒ และผลการดำเนินงานโครงการตามมติ กนย. ด้านการผลิตด้านการตลาดและการแปรรูประหว่างปี ๒๕๕๗-๒๕๖๒ รวมทั้งมีมติให้ความเห็นชอบเรื่องสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ (๑) โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ (๒) ขออนุมัติขยายวงเงินสินเชื่อและปรับปรุงวิธีการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตผลิตภัณฑ์ยาง วงเงินสินเชื่อ ๑๕,๐๐๐ ล้านบาท (๓) ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) วงเงินสินเชื่อ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท (๔) ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง วงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท (๕) ขออนุมัติขยายระยะเวลาและปรับปรุงวิธีการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานภาครัฐ และ (๖) แนวทางการจัดการสวนยางอย่างยั่งยืน ตามที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กนย. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12212 | การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานครและนนทบุรี เนื่องในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้วันจันทร์ที่ ๔ และวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี เพื่อบรรเทาปัญหาด้านการจราจรและเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี รวมทั้งเพื่อให้การอารักขาและการรักษาความปลอดภัยผู้นำต่างประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. สำหรับสถานที่ราชการที่ประชาชนจำเป็นต้องติดต่อและมีกำหนดนัดไว้แล้ว เช่น ศาล โรงพยาบาล ให้พิจารณาตามความเหมาะสม ในส่วนของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจเห็นควรกำหนดให้ช่วงวันดังกล่าวเป็นวันทำการตามปกติของสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เนื่องจากสถาบันการเงินและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ถือเป็นตัวกลางสำคัญในการให้บริการทางการเงินแก่ภาคธุรกิจและประชาชน ตามความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12213 | ขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาโอกายามะของรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 | สธ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาโอกายามะของรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 (Okayama Declaration of the G20 Health Ministers) มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมให้แต่ละประเทศเพิ่มความเข้มแข็งของระบบสุขภาพ เพื่อบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถของแต่ละประเทศในการวิจัยและพัฒนาเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามของโรคระบาดและภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพอื่น ๆ รวมทั้งแสดงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาการดื้อยาต้านจุลชีพทั้งในระดับชาติและระดับภูมิภาค ทั้งนี้ จะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในที่ประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๒ ณ เมืองโอกายามะ ประเทศญี่ปุ่น ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุข G20 หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12214 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง | สกพอ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง และอนุมัติให้เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ของฝ่ายไทย โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับมณฑลกวางตุ้งและเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า ความร่วมมือในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ด้านการวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม รวมทั้งด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยจะมีการรับรองร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในช่วงการเยือนมณฑลกวางตุ้งและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ สกพอ. ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้ สกพอ. รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกต่อไป สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการภายหลังจากการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานหรือแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมแล้วแต่กรณี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้ สกพอ. ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12215 | เอกสารผลลัพธ์ของกระทรวงศึกษาธิการสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | ศธ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบถ้อยและสารัตถะในเอกสารผลลัพธ์ของกระทรวงศึกษาธิการสำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ณ ประเทศไทย ได้แก่ ๑.๑.๑ ปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางการศึกษาเพื่อบรรลุเป้าหมายตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Bangkok Declaration on Advancing Partnership in Education for 2030 Agenda for Sustainable Development in ASEAN) จัดทำขึ้นเพื่อประกาศเจตนารมณ์ของผู้นำอาเซียนในการยกระดับความร่วมมือด้านการศึกษา และใช้โอกาสในการเป็นประธานอาเซียนของประเทศไทยในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมให้บรรลุตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ให้สัมฤทธิ์ผลอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๑.๒ แผนปฏิบัติการระดับภูมิภาคเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ตกหล่น (Regional Action Plan for the Implementation of the ASEAN Declaration on Strengthening Education for Out-of-School Children and Youth) เป็นเอกสารระบุประเด็นสำคัญที่เห็นควรเร่งดำเนินการและแนวทางการจัดกิจกรรมตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนที่ตกหล่น ที่มุ่งเน้นการขจัดปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงการศึกษาของเด็กและเยาวชนในภูมิภาคผ่านการจัดการศึกษาแบบยึดหยุ่น ตลอดจนเสริมสร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามศักยภาพและความจำเป็นของแต่ละบุคคล ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้ความเห็นชอบร่างปฏิญญาฯ และรับรองแผนปฏิบัติการฯ ร่วมกับรัฐมนตรีศึกษาอาเซียนหรือผู้แทน ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมเห็นชอบร่างปฏิญญาฯ และแผนปฏิบัติการฯ ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๒ ในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๑.๔ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายให้การรับรองร่างปฏิญญาฯ และแผนปฏิบัติการฯ ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ (แผนปฏิบัติการฯ เป็นเอกสารที่เสนอเพื่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ รับทราบ) ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ และแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12216 | ขออนุมัติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2562 | กษ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๑ ในกรอบวงเงินไม่เกิน ๒๔,๒๗๘,๖๒๖,๕๓๔ ล้านบาท การขยายวงเงินสินเชื่อและปรับปรุงวิธีดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง วงเงิน ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท ภายในระยะเวลาเดิม การขยายระยะเวลาการดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) วงเงินสินเชื่อ ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ขยายเวลาจากเดิมเดือนมกราคม ๒๕๖๓ ต่อเนื่องจนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ การขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยาง วงเงินสินเชื่อ ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท โดยขยายเวลาจากเดิมตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๗ และการขยายระยะเวลาและปรับปรุงวิธีดำเนินงานโครงการส่งเสริมการใช้ยางของหน่วยงานรัฐ เป้าหมายปริมาณการใช้น้ำยางสด จำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ ตัน ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๒ ถึงเดือนกันยายน ๒๕๖๕ (๓ ปี) และปรับปรุงวิธีการดำเนินงาน รวมทั้งงบประมาณดำเนินงาน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยการยางแห่งประเทศไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ เช่น ควรพิจารณาแนวทางกำหนดราคาประกันรายได้เท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อมิให้ส่วนต่างของต้นทุนการผลิตที่สูงเกินความจำเป็น ควรศึกษามาตรการหรือแนวทางเพิ่มเติม เพื่อดูดซับยางในระบบให้มากยิ่งขึ้นโดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน ควรพิจารณาแนวทาง มาตรการการเร่งรัด และจัดให้มีระบบการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน และควรปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับเป็นสำคัญ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12217 | ขออนุมัติการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยปี 2562 | กษ | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัยปี ๒๕๖๒ จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ (๑) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเพื่อสร้างรายได้แก่เกษตรกร (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ถั่วเขียว) (๒) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าวปี ๒๕๖๓/๖๔ (๓) โครงการพัฒนาเสริมทางเลือกอาชีพด้านประมง : การเลี้ยงปลานิลแปลงเพศในบ่อดิน (๔) โครงการสร้างรายได้จากอาชีพประมงในแหล่งน้ำชุมชน และ (๕) โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ปีก เพื่อฟื้นฟูเกษตรกรที่ประสบปัญหาอุทกภัย ภายในกรอบวงเงิน ๓,๑๒๐.๘๖๑๘ ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒,๙๖๗.๕๐๐๐ ล้านบาท งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องที่ได้รับเงินจัดสรรไว้แล้ว จำนวน ๑๕๒.๓๑๑๘ ล้านบาท และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน ๑.๐๕๐ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดให้มีคู่มือ หลักเกณฑ์ ขั้นตอนในการขอรับการจัดสรรงบประมาณการเบิกจ่ายเงิน การคืนเงินค่าสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และปัจจัยการผลิตต่าง ๆ อย่างโปร่งใส ผ่านกระบวนการประชาคม การพิจารณาแนวทาง วิธีการจัดสรรเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือเยียวยาถึงกลุ่มเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง เพื่อให้สามารถติดตาม ตรวจสอบก่อน-หลังการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ และการรายงานผลการดำเนินงาน รวมทั้งการพิจารณาถึงศักยภาพและความพร้อมของเกษตรกรและพื้นที่ตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ การเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการผลิต แปรรูป และการตลาดที่จำเป็นให้กับเกษตรกร ตลอดจนการพิจารณาสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมและจำเป็นต่อการรับมือกับภัยพิบัติอย่างทั่วถึง เพื่อรองรับการปรับระบบการผลิตในไร่นาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12218 | ขออนุมัติโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยาเกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี 2562 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | ทส | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการเพิ่มน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการฟื้นฟู เยียวยา เกษตรกรผู้ประสบภัยฝนทิ้งช่วงและอุทกภัย ปี ๒๕๖๒ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในกรอบวงเงิน ๒,๐๐๐,๐๐๐ ล้านบาท จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ไปพลางก่อน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจและตรวจสอบพื้นที่ดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพื้นที่ประสบภัยพิบัติที่ประกาศโดยกระทรวงมหาดไทย และให้พิจารณาดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานเป็นลำดับแรก สำหรับกรณีนอกเขตพื้นที่ประสบภัยที่ประกาศโดยกระทรวงมหาดไทย นั้น ให้กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สำรวจพื้นที่โดยคำนึงถึงอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายการจัดตั้งหน่วยงาน รวมถึงบูรณาการเป้าหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดตัวชี้วัดที่เกษตรกรจะได้รับ และเสนอแผนงานโครงการต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อนำเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติพิจารณาก่อนและนำเสนอคณะรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12219 | การใช้เงินของกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อการเพิ่มทุนธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | กค | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น แต่มิได้เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ พ.ศ. ๒๕๕๘ สามารถใช้เงินจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อการเพิ่มทุนได้ ๑.๒ อนุมัติกรอบวงเงินที่จะจัดสรรจากกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อการเพิ่มทุนเพื่อขยายการดำเนินงานให้แก่ ธพว. ไม่เกิน ๖,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ให้ความเห็นชอบไว้แล้ว และหากในอนาคต ธพว. ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเพิ่มทุน สามารถนำเสนอกระทรวงการคลังและคณะกรรมการกองทุนฯ พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ กองทุนฯ เห็นควรให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการขยายการดำเนินงาน โดยวัดผลจากความสามารถในการขยายสินเชื่อและความสามารถในการบริหารจัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ตามแผนงานของ ธพว. ด้วย ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันพิจารณาจัดสรรเงินเป็นงวดเวลาตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ และกำหนดตัวชี้วัดในการประเมินผลสัมฤทธิ์ของการขยายผลการดำเนินงาน โดยวัดผลจากความสามารถในการขยายสินเชื่อและความสามารถในการบริหารจัดการสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตามแผนงานของ ธพว. ตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อให้การดำเนินการปล่อยสินเชื่อไม่มีความเสี่ยงหรือความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ โดยกำกับควบคุมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ และเงินทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และรายงานผลการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ นอกจากนี้ ในการกำหนดเป้าหมายการขยายสินเชื่อ ควรพิจารณาถึงขีดความสามารถและความพร้อมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับการดูแลคุณภาพของสินเชื่อควบคู่ไปด้วย เพื่อมิให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้สะสมจนเกิดความเสี่ยงต่อการดำเนินงานของ ธพว. และระบบสถาบันการเงินในภาพรวม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
12220 | เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน 2562) | นร | 15/10/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ในวันจันทร์ที่ ๔ และวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดนนทบุรี เพื่อบรรเทาปัญหาด้านการจราจรและเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๕ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ในการนี้ นายกรัฐมนตรีจึงให้เลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ไปเป็นวันพุธ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
|
.....