ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1127 จากทั้งหมด 6217 หน้า แสดงรายการที่ 22521 - 22540 จากข้อมูลทั้งหมด 124327 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22521 | รายงานการพิจารณาศึกษาข้อเสนอเชิงนโยบายการปฏิรูประบบหลักสูตรและการเรียนการสอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และรายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางการปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | สว | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
22522 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงมหาดไทย) (นายกาศพล แก้วประพาฬ) | มท | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายกาศพล แก้วประพาฬ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการปกครอง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22523 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง สะเต็มศึกษา (STEM Education) นโยบายเชิงรุกเพื่อพัฒนาเยาวชนและกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ | สว | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
22524 | ร่างกฎกระทรวงการขนส่งน้ำมันโดยถังขนส่งน้ำมัน พ.ศ. .... | พน | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขนส่งน้ำมันโดยถังขนส่งน้ำมัน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการประกอบกิจการขนส่งน้ำมันโดยถังขนส่งน้ำมัน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22525 | รายงานสรุปผลการประชุมพิจารณา เรื่อง เสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีขอให้ตรวจสอบการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกตามข้อเสนอของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สม | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||
22526 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงวัฒนธรรม) (นางอมรา ศรีสุชาติ) | วธ | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอมรา ศรีสุชาติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโบราณคดี (โบราณคดีและพิพิธภัณฑ์) (นักโบราณคดีทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่ผู้ดำรงตำแหน่งเดิมพ้นจากราชการเนื่องจากการเกษียณอายุราชการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22527 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2556 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ ผลการดำเนินงาน งบการเงินและบัญชีทำการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและกองทุนพัฒนาไฟฟ้า รวมถึงแผนการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบ รวมถึงให้กระทรวงพลังงานเปิดเผยรายงานนี้ต่อสาธารณชนตามกฎหมายต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดการจัดทำรายงานประจำปีเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ รัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทุกสิ้นปีงบประมาณ ตามนัยมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๐ ต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22528 | ผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เรื่อง ระบบวิจัยเพื่อเป็น โครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของประเทศ ระบบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรมของประเทศ และ การปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศ (Connected Government as National Agenda) | วท | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ระบบวิจัยเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญาของประเทศ ระบบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรมของประเทศ และการปฏิรูประบบข้อมูลเพื่อการพัฒนาประเทศ (Connected Government as National Agenda) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22529 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวเยาวนุช วิยาภรณ์) | กค | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวเยาวนุช วิยาภรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง (นิติกรทรงคุณวุฒิ) กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22530 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพและ คุณภาพการบริหารงานแห่งรัฐ) | นร12 | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการบริหารงานแห่งรัฐ ซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้พิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมตามข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติดังกล่าว โดยเห็นด้วยกับแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการบริหารงานแห่งรัฐตามที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ อย่างไรก็ดี สมควรที่จะรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้เสียก่อนแล้วจึงจะดำเนินการกำหนดภารกิจในเรื่องต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจรัฐเพื่อให้เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่ในช่วงระยะเริ่มแรกนี้ หากรัฐบาลต้องการดำเนินการเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพการบริหารงานแห่งรัฐ ก็อาจใช้วิธีในทางบริหาร โดยอาจมีการออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีหรือออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินได้ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22531 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิแรงงาน กรณีเรือประมงถูกจับกุมและดำเนินคดีในประเทศอินโดนีเซีย | สม | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องที่มีข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิแรงงาน กรณีเรือประมงถูกจับกุมและดำเนินคดีในประเทศอินโดนีเซีย ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด พิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอแนะสรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินนโยบายอันเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของรัฐ ควรยึดถือแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการดำเนินธุรกิจและสิทธิมนุษยชน : การดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบขององค์การสหประชาชาติว่าด้วย “การปกป้อง การเคารพ และการเยียวยา” (Guiding Principles on Business and Human Rights Implementing the United National “Protect, Respect and Remedy” Framework) ของสหประชาชาติ ๒. ประเด็นการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ทิศทางการพัฒนาประเทศควรวางอยู่บนกรอบความคิดเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยอยู่บนความมุ่งหมายที่จะส่งเสริมการขยายตัวทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ภายใต้สภาพสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ๓. ประเด็นการคุ้มครองแรงงานภาคอุตสาหกรรมประมง ควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการพัฒนาวิธีการต่าง ๆ ในภูมิภาคโดยพิจารณาถึงเกณฑ์มาตรฐานของอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ ๑๘๕ ว่าด้วยเอกสารประจำตัวของคนประจำเรือ (Seafarers’ Identity Documents Convention) และอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ ๑๘๘ ว่าด้วยการทำงานในภาคประมงทะเล และมาตรฐานแรงงานประมง (Work in Fishing Convention, 2007) รวมถึงการพิจารณาการให้สัตยาบันอนุสัญญาแรงงานระหว่างประเทศฉบับที่ ๑๘๕ และ ๑๘๘ ดังกล่าว ๔. การบังคับใช้กฎหมายและกำหนดมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายของรัฐ พึงคำนึงถึงหลักความพอสมควรแก่เหตุที่ได้รับการรับรองโดยมาตรา ๒๙ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และพึงคำนึงถึงดุลยภาพระหว่างการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และหลักสิทธิมนุษยชนอันเป็นหลักการสากลที่รัฐมีหน้าที่ในการเคารพ (Duty to Respect) ปกป้องคุ้มครอง (Duty to Protect) และทำให้สิทธิต่าง ๆ บรรลุตามพันธะหน้าที่ (Duty to Fulfill) ตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี
|
||||||||||||||||||||||||
22532 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบงบประมาณ) | นร07 | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบงบประมาณ) ในประเด็นปฏิรูปวิธีการงบประมาณให้ประชาชนมีอำนาจตัดสินใจใช้งบประมาณเพื่อบริหารท้องถิ่นและประเทศ กระบวนการจัดทำคำของบประมาณ การวิเคราะห์งบประมาณเพื่อจัดลำดับความสำคัญของแผนงาน/โครงการ กระบวนการชี้แจงงบประมาณ รวมทั้งการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของการใช้งบประมาณและการตรวจสอบ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงบประมาณให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22533 | การพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ | นร11 | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดน (Joint Economic Development Areas)] ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวแล้ว โดยที่ประชุมมีข้อสังเกต ๓ ประการ คือ (๑) การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนร่วมกันภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความก้าวหน้า (๒) ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านควรเตรียมความพร้อมและยกระดับการพัฒนาพื้นที่ชายแดนในประเทศตนเองให้สามารถรับมือกับประเด็นที่มีความอ่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อน และ (๓) การที่ไทยจะเร่งผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านในช่วงเวลานี้เป็นเรื่องที่น่าจะมีความอ่อนไหวค่อนข้างสูง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22534 | สรุปผลการประเมินการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 - 2557 | นร12 | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประเมินการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ กลุ่มที่ ๑ ดีเด่น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ๑.๒ กลุ่มที่ ๒ ทั่วไป ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ องค์การมหาชน จำนวน ๒๗ แห่ง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ องค์การมหาชน จำนวน ๒๙ แห่ง ๑.๓ กลุ่มที่ ๓ ควรพัฒนา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดตัวชี้วัดการปฏิบัติงานขององค์การมหาชนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์การมหาชนและผลสัมฤทธิ์ในการบรรลุภารกิจขององค์การมหาชนแต่ละแห่งประกอบการประเมินการปฏิบัติงานขององค์การมหาชนในครั้งต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22535 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 37 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กษ | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry : AMAF) ครั้งที่ ๓๗ การประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๐-๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๗ ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ความก้าวหน้าในการดำเนินการตาม Roadmap for an ASEAN Community (2009-2015) ความก้าวหน้าของความร่วมมือด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ ความคืบหน้าในการปรับปรุงโครงสร้างและกลไก (Streamline) ภายใต้ SOM-AMAF/AMAF รวมทั้งรับทราบการที่ไทยให้การสนับสนุน in-kind แก่ ASEAN-WEN Project Coordination Unit (PCU) และเห็นชอบในหลักการให้ไทยดำเนินการตามขั้นตอนภายในประเทศเพื่อให้สถานะทางกฎหมายแก่ ASEAN-WEN PCU สำหรับการประชุม AMAF ครั้งที่ ๓๘ จะจัดขึ้น ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ๒. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (AMAF Plus Three) ครั้งที่ ๑๕ ในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมืออาเซียนบวกสาม [ASEAN Plus Three Cooperation Strategy (APTCS) Framework] ๓. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-อินเดียด้านการเกษตรและป่าไม้ (AIMMAF) ครั้งที่ ๔ ในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมยกเลิกการประชุมเนื่องจากฝ่ายอินเดียไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้
|
||||||||||||||||||||||||
22536 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 | ทส | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ได้มีมติรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยเป็นเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวนทั้งสิ้น ๘ เรื่อง ดังนี้
๑. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ คำขอประทานบัตรที่ ๒๐/๒๕๕๔ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับคำขอประทานบัตรที่ ๒๑/๒๕๕๔, ๒๒/๒๕๕๔, ๒๓/๒๕๕๔ และ ๒๔/๒๕๕๔ ของบริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ๒. โครงการเหมืองแร่แบไรต์ และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๔๗ (ประทานบัตรที่ ๑๕๖๐๓/๑๔๗๐๔) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของบริษัท เชียงใหม่จำรัสขนส่ง จำกัด ๓. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์) และแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๕/๑๕๗๒๔) ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองแร่เดียวกันกับคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๒/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๖/๑๕๖๒๕) คำขอต่ออายุประทานที่ ๓/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๙/๑๕๖๒๖) และคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๔/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๔๐/๑๕๖๒๗) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๕ และหมู่ที่ ๑๐ ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๔. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด คำขอประทานบัตรเลขที่ ๑๐-๒๒/๒๕๕๓ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรเลขที่ ๓๒๔๕๑/๑๕๖๘๗, ๓๒๔๕๔/๑๕๖๘๘, ๓๒๔๕๒/๑๕๖๘๙, ๑๙๙๑๗/๑๕๖๙๐, ๓๒๔๕๓/๑๕๖๙๑ และใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่เพื่อเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ เลขที่ ๑/๒๕๔๘, ๒/๒๕๔๘, ๓/๒๕๔๘ ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขาวงและตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ๕. ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๗ ๖. การเสนอขอควบคุมสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน (สาร POPs) ภายใต้อนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ที่ยังไม่ได้กำหนดเป็นวัตถุอันตราย ๗. การกำหนดบังคับใช้มาตรฐานการระบายสารมลพิษจากรถจักรยานยนต์ใหม่ ระดับที่ ๗ ๘. การเข้าร่วมโครงการ The Ratification and Early Implementation of the Minamata Convention on Mercury
|
||||||||||||||||||||||||
22537 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 4/2558 | นร11 | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และภาคเอกชน เพื่อทบทวนค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินและอัตราค่าเช่าที่ดินที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และกำหนดแนวทางการให้เช่าที่ดินในระยะหลังจาก ๕๐ ปีแรก ๒. คณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการ จัดลำดับความสำคัญการจัดหาพื้นที่ของรัฐเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ ๒ และพิจารณาทบทวนการจัดสรรที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและเอกชนเช่า ๓. คณะอนุกรรมการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่มีเนื้อหาสั้น เข้าใจง่าย มีแผนภูมิ แผนผัง หรือแผนภาพประกอบ เพื่อใช้ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ๔. กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพหารือกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อหาข้อสรุปสัดส่วนการลงทุนก่อสร้างสะพานข้ามคลองพรมโหด บ้านหนองเอี่ยน และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนเรื่องการยกเว้นวีซ่าทั้งระบบ รวมทั้งการให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในจังหวัดเดียวหรือหลายจังหวัด โดยให้มีมาตรการควบคุมให้เข้าออกได้ตามกติกา และร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเจรจากับฝ่ายเมียนมาเพื่อหารือเรื่องการพัฒนาด่านพรมแดนทั้งสองฝั่งบริเวณพื้นที่ชายแดน จังหวัดกาญจนบุรี ๕. กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบทขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๒ ล้านบาท เพื่อปรับปรุงแบบก่อสร้างพร้อมสำรวจอสังหาริมทรัพย์ ถนนสายแยก ทถ.๓๔๘-บ้านป่าไร่ ๖. กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการก่อสร้างลานตรวจสินค้าด้วยระบบ X-ray วงเงิน ๑๑๕ ล้านบาท การปรับปรุงอาคารที่ทำการด่านพรมแดนบ้านคลองลึก วงเงิน๕๐ ล้านบาท การปรับปรุงด่านศุลกากรสะเดาเพิ่มเติม วงเงิน ๔๐ ล้านบาท ค่าครุภัณฑ์และค่าวางสาย Fiber Optic ด่านศุลกากรสะเดา วงเงิน ๑๐ ล้านบาท และกรมธนารักษ์ดำเนินการตามระเบียบการให้หน่วยงานของรัฐใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ เพื่อให้กรมทางหลวงใช้ประโยชน์พื้นที่พัฒนาในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากเพื่อการก่อสร้างถนนและ CIQ ตามโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ ๒ ของกรมทางหลวง ๗. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดแนวทางในการกักเก็บน้ำบริเวณบ้านหนองเอี่ยนให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งประเทศไทยและกัมพูชา ยกระดับศักยภาพสหกรณ์การเกษตรให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นโดยเชื่อมโยงกับวิสาหกิจชุมชน และพิจารณาส่งเสริมการอำนวยความสะดวกการนำเข้าผลผลิตสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจากเกษตรกรรายย่อยเพื่อลดปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร ๘. กระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งคณะทำงานระดับพื้นที่ทำหน้าที่อำนวยการหรือปฏิบัติการหรือแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และมอบหมายจังหวัดที่มีเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสร้างความเข้าใจแก่ภาคส่วนในพื้นที่เรื่องกิจการเป้าหมายและการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอย่างต่อเนื่อง และให้ประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้าน ๙. กระทรวงแรงงาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขเรื่องผลกระทบจากแรงงานต่างด้าวที่นำครอบครัวเข้ามาในประเทศไทย ๑๐. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ปรับปรุงร่างแผนบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง โดยให้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ให้ขัดแย้งกัน ๑๑. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพิจารณาออกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพิ่มเติมกิจการเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และจัดทำข้อมูลส่งเสริมการลงทุนในเรื่องการลงทุนตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนระยะ ๗ ปี (๒๕๕๘-๒๕๖๔) การลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) พร้อมทั้งเผยแพร่ให้นักลงทุนรับทราบอย่างทั่วถึง |
||||||||||||||||||||||||
22538 | การประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 21 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) และร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 21 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) | นร11 | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT Minister) เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานของประเทศไทยภายใต้แผนงาน IMT-GT รวมทั้งเพื่อปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๑ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ในวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ เมืองอลอร์สตาร์ รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนระดับรัฐมนตรีของไทยในแผนงาน IMT-GT โดยต่อเนื่องต่อไป ๑.๒ เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๑ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Draft Joint Media Statement of the Twenty First Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle Ministerial Meeting) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการชื่นชมการดำเนินงาน นโยบายความร่วมมือ และการตกลงในด้านเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินงานด้านเมืองสีเขียวเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ เห็นควรดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการเชิงนโยบายด้านการจัดการพื้นที่สีเขียวชุมชนเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว รวมทั้งคู่มือการจัดการพื้นที่สีเขียวชุมชนเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่งจัดทำขึ้นตามเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการเชิงนโยบายดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำในแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการปรับเปลี่ยนได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22539 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการต่าง ๆ (จำนวน 9 ราย) | นร05 | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และส่วนราชการต่าง ๆ รวมจำนวน ๙ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายนพปฎล สุนทรนนท์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ๒. พลโท นาวิน ดำริกาญจน์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ๓. นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔. นายพงษ์ศักดิ์ สมใจ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงคมนาคม ๕. นายชวลิต พิชาลัย ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงพลังงาน ๖. นางสาววิไลลักษณ์ ชุลีวัฒนกุล ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๗. นายบุญเลิศ ธีระตระกูล ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงแรงงาน ๘. นายปณิธาน จินดาภู ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงอุตสาหกรรม ๙. นายมนตรี บุญพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
||||||||||||||||||||||||
22540 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) คดีระหว่างเด็กหญิงวานิษา วงศ์คำชิน โดยนายพชร หรือ เหมือน วงศ์คำชิน ผู้แทนโดยชอบธรรม ที่ 1 กับพวกรวม 17 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศ ยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาท เกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ | อส | 10/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) คดีระหว่างเด็กหญิงวานิษา วงศ์คำชิน โดยนายพชร หรือ เหมือน วงศ์คำชิน ผู้แทนโดยชอบธรรมที่ ๑ กับพวกรวม ๑๗ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
.....