คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 666 ร. เรื่อง การส่งเสริมให้ปลูกทานตะวันเพื่อเป็นพืช 
เศรษฐกิจ  ของนายเปรมศักดิ์ เพียยุระ  สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่น  ตามที่สำนักเลขาธิการนายก    
รัฐมนตรีเสนอ  และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป  (โดยมีสาระสำคัญของคำถาม   สรุปได้ดังนี้   รัฐบาล  
มีนโยบายให้มีการศึกษาและวิจัยทางการตลาดถึงความต้องการเมล็ดทานตะวันสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการแปร 
รูปเป็นอาหาร และความเป็นไปได้ที่จะส่งเสริมการปลูกทานตะวันให้เป็นพืชเศรษฐกิจไว้บ้างหรือไม่ อย่างไร นอก 
จากนี้ มีนโยบายที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกทานตะวันหรือไม่และจะมีหลักประกันในเรื่องการรับซื้อเมล็ดพันธุ์
หลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อที่จะไม่ให้เกษตรกรประสบกับภาวะราคาผลผลิตตกต่ำอย่างไร   รวมทั้งจะสนับ
สนุนให้เกษตรกรในพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่นปลูกทานตะวันเพื่อสร้างรายได้เสริมและชดเชยรายได้ที่ขาดหายไป
จากการปลูกข้าวที่เสียหายจากภัยแล้งหรือไม่ อย่างไร)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก. ) คือ  รับทราบ
ผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการรับงานไปทำที่บ้านเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจ   บรรเทาปัญหาทางสังคม   และลดผล 
กระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ  ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเสนอ (เกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตเศรษฐ 
กิจที่มีต่อภาวะการมีงานทำ ประเภทของผู้รับงานไปที่บ้าน ข้อมูลจำนวนผู้รับงานไปทำที่บ้าน ลักษณะและประเภท 
ของการรับงานไปทำที่บ้าน ค่าตอบแทนการทำงานของผู้รับงานไปทำที่บ้าน  การรับงานไปทำที่บ้านกับการบรร  
เทาปัญหาเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาการรับงานไปทำที่บ้าน  และทิศทางการดำเนินการของกระทรวงแรงงาน ฯ) 
โดยให้กระทรวงแรงงาน ฯ  รับความเห็นและข้อสังเกตของ  คศก.  (เกี่ยวกับมูลค่าการส่งออกที่เกิดจากการรับงาน 
ไปทำที่บ้าน  ซึ่งกระทรวงแรงงาน ฯ รายงานว่า มีจำนวนสูงถึง  45,417  ล้านบาท  นั้น  เป็นการรวมถึงมูลค่าที่ผู้  
ประกอบการดำเนินการในสถานประกอบการด้วย ขอให้ระมัดระวังเกี่ยวกับความถูกต้อง และการเผยแพร่ข้อมูลดัง   
กล่าว นอกจากนี้ ข้อได้เปรียบของการรับงานไปทำที่บ้าน คือ ระบบการผลิตมีต้นทุนต่ำ  หากมีการออกกฎหมาย 
ควบคุมมากจะทำให้ข้อได้เปรียบดังกล่าวหมดไป   ดังนั้น  หน่วยงานของรัฐจึงควรเน้นการดูแลในเชิงพัฒนาและส่ง 
เสริมมากกว่าการควบคุม) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามรายงานการประชุมที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวง
การคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้รับรอง  โดย
ให้การช่วยเหลือเงินอุดหนุนส่งเสริมสวัสดิการผู้สูงอายุและครอบครัวในชุมชน (เบี้ยยังชีพ) คนละ 200 บาท/เดือน 
ตามระเบียบกรมประชาสงเคราะห์ ว่าด้วยการจ่ายเงินอุดหนุนกองทุนส่งเสริมสวัสดิการผู้สูงอายุและครอบครัวใน
ชุมชน พ.ศ. 2536 กับให้เพิ่มการช่วยเหลือเงินอุดหนุนเพิ่มพิเศษแก่ผู้สูงอายุที่ไดัรับเบี้ยยังชีพในภาวะเศรษฐกิจ
ถดถอยคนละ  100  บาท/เดือน  เฉพาะในปีงบประมาณ  พ.ศ. 2543    และให้จ่ายเงินสงเคราะห์ดังกล่าวเป็น
รายงวด ๆ  ละ 3  เดือน  ซึ่งหากผู้สูงอายุถึงแก่กรรมระหว่างงวดให้ถือเป็นสิทธิของผู้สูงอายุรายนั้น  สำหรับการ
ช่วยเหลือในปีงบประมาณต่อไปให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรับไปพิจารณาโดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์
ของโครงการซึ่งต้องการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีฐานะยากจนหรือถูกทอดทิ้งขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู    แล้วเสนอ
คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป  และให้กระทรวงแรงงาน ฯ  รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี  เกี่ยวกับจำนวนผู้สูงอายุ
ที่ได้รับเงินช่วยเหลือมีจำนวนมากขึ้นนั้น กระทรวงแรงงาน ฯ ควรจะได้สำรวจตรวจสอบคุณสมบัติผู้สูงอายุที่ยากจน
หรือถูกทอดทิ้งอย่างแท้จริงหรือไม่  ประกอบกับข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ  เช่น  การเสีย
ชีวิต จึงควรปรับปรุงทะเบียนรายชื่อผู้ขอสงเคราะห์ให้เป็นไปตามความเป็นจริงด้วย  และประสานขอความร่วมมือ
หน่วยงานอื่น ๆ  ที่มีเจ้าหน้าที่ประจำในระดับตำบล หมู่บ้าน เพื่อให้การส่งเงินช่วยเหลือไปถึงมือผู้สูงอายุอย่าง
รวดเร็วและถูกต้อง  รวมทั้งช่วยในการดูแลผู้สูงอายุดังกล่าวด้วย พร้อมทั้งติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน
และรายงานคณะรัฐมนตรีทราบด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ นางษากุล สินไชย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณ  
สุข 7 ว กลุ่มงานควบคุมและป้องกันภาวะทุพโภชนาการ กองโภชนาการ กรมอนามัย  ไปปฏิบัติงานที่สถาบันวิจัย  
ระบบสาธารณสุข เพื่อดำเนินโครงการจัดตั้งสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ภายใต้การกำกับดูแล
ของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข  เต็มเวลาเป็นเวลา 4 ปี  โดยไม่ได้รับเงินเดือนจากต้นสังกัด  และผู้บังคับบัญชา  
ต้องสั่งให้ออกจากราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  20  พฤษภาคม  2512 เรื่อง การสั่งให้ข้าราชการไปทำ  
การใด  ๆ   ตามมาตรา  28  แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาจข้าราชการ  พ.ศ.  2494  ด้วย   ตามที่กระทรวง 
สาธารณสุขเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ดำเนินการโครงการเครือ
ข่ายอินเทอร์เนตสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ฯ ที่ได้ปรับปรุงใหม่  โดยมีการลดขนาดโครงการลงจากเดิมเหลือพื้นที่   
ให้บริการ 800 อำเภอทั่วประเทศ ระยะเวลาโครงการเหลือ 1 ปี  ปรับลดงบประมาณเหลือ 385 ล้านบาท  ตามที่  
กระทรวงคมนาคมเสนอ   โดยให้กระทรวงคมนาคม  (กสท.)  รับความเห็นของกระทรวงการคลัง   สำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการคำนึงถึงสภาวะการเงินที่เริ่มลดลง โดยขยายระยะ  
เวลาดำเนินโครงการเป็น 2 - 3 ปี  เพื่อกระจายการลงทุน  และ/หรือ ควรลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบอินเทอร์เนต 
ลงประมาณร้อยละ 25   และลดการลงทุนเกี่ยวกับเครือข่ายเชื่อมโยงลงโดยเช่าวงจรที่มีอยู่เดิมมาใช้แทน    และให้ 
กสท. นำส่งรายได้แผ่นดินที่ค้างนำส่งทั้งหมดภายในปีงบประมาณ 2542  รวมทั้งสนับสนุนจูงใจให้ผู้ให้บริการอิน  
เทอร์เนตเอกชน (ISP)  ขยายบริการให้ทั่วถึงและเพียงพอในราคาที่เป็นธรรมเพื่อลดภาระทางการเงินของ  กสท. 
ในอนาคต) ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลก 
และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ประจำปี 2542 และการประชุมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง  ระหว่างวันที่ 28 - 30  
ตุลาคม  2542  ณ  กรุงวอชิงตัน  ดี.ซี.  สหรัฐอเมริกา  (โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการประชุมร่วมระหว่างคณะ 
กรรมการชั่วคราวและคณะกรรมการพัฒนาการ  การประชุมคณะกรรมการพัฒนาการ  ครั้งที่ 60  การประชุม 
คณะกรรมการชั่วคราว   การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน  -  ญี่ปุ่น   การประชุมสภาผู้ว่า
การ ฯ ประจำปี 2542 และการบรรยายในการสัมมนาเรื่องสรุปภาวะการณ์ของประเทศไทย)

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ  รับทราบ
รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระย ะ 10  เดือนแรกของปี 2542  (เกี่ยวกับการส่งออก  การนำเข้า 
และดุลการค้า ในรูปเงินเหรียญ สรอ.  และในรูปเงินบาท)  ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ    และให้หน่วยงานที่เกี่ยว 
ข้องรับประเด็นอภิปรายของ คศก. (เกี่ยวกับปัจจัยที่กระตุ้นให้การส่งออกของไทยขยายตัวมากขึ้น  ตัวเลขแสดงภาวะ
การค้า การขยายตัวของตลาดยังกระจุกอยู่เฉพาะบางพื้นที่ สินค้าเกษตรของไทยราคาสูง และปัญหาเรื่องดุลการค้า)
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ  
รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 9 -10 เดือนแรกของปี  2542  (เกี่ยวกับการส่งออก  การนำ 
เข้า และดุลการค้า) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ  และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นอภิปรายของ คศก. (เกี่ยว 
กับปัจจัยที่กระตุ้นให้การส่งออกของไทยขยายตัวมากขึ้น  ตัวเลขแสดงภาวะการค้า  การขยายตัวของตลาดยังกระจุก
อยู่เฉพาะบางพื้นที่ สินค้าเกษตรของไทยราคาสูง และปัญหาเรื่องดุลการค้า) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรายงานผลการดำเนินงาน 
เพื่อสนับสนุนภาวะการลงทุนในประเทศไทย ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ฯ (โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการ 
ลดปัจจัยที่จะเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน  โดยการแก้ไขปัญหาความล่าช้าของระบบราชการ และแก้ไขปัญหา  
การขาดแคลนแรงงานฝีมือ    การกระตุ้นเพื่อเร่งรัดให้การลงทุนขยายตัวมากขึ้น  โดยส่งเสริมการฝีกอบรม  
และพัฒนาฝีมือแรงงานกับการลดอุปสรรคและต้นทุนในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่นแก่
นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ    
รับทราบตามสรุปรายงานผลการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนตุลาคม 2542 ตามที่สำนักงาน  
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   สรุปได้ว่า   ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน
ตุลาคมปรับเพิ่มสูงขึ้นจากเดือนกันยายน ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจของไทยมากขึ้น โดย 
เฉพาะความเชื่อมั่นในอนาคตของผู้บริโภคที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจ ภาวะการจ้างงานและรายได้ในอนาคต  
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 10 เดือนแรกของปี 2542 มีทิศทางที่ดีขึ้นซึ่งทำให้มั่นใจว่าระดับ 
การใช้จ่ายของประชาชนจะกระเตื้องขึ้นตามดัชนี รวมถึงเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจรายเดือนของธนาคารแห่ง 
ประเทศไทย (ธปท.) และระดับการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคบริโภคของครัวเรือนที่ปรากฎในข้อมูลผลิตภัณฑ์
มวลรวมในประเทศ (GDP)  รายไตรมาสของปี  2542)  และที่ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ  ธปท.  (นาง  
อัจนา  ไวความดี) ให้ข้อสังเกตเพิ่มเติม (เกี่ยวกับสาเหตุที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกว่าภาวะเศรษฐกิจ  
ดีขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นเฉพาะบางธุรกิจ นอกจากนี้ ผู้บริโภคมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องการ 
ฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระดับที่แตกต่างกัน)

                คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนเตรียมพร้อมด้านการประชาสัมพันธ์และการจัดการด้านข่าวสาร  ตาม
ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรายงาน  (โดยมีสาระสำคัญเพื่อเป็นกรอบนโยบายและแนวทางดำเนินการใน  
อันที่จะเสริมสร้างศักยภาพด้านการประชาสัมพันธ์และการจัดการด้านข่าวสารให้สามารถสนองความต้องการของ
ทหารและพลเรือนในภาวะไม่ปกติที่เกิดจากสถานการณ์ภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ    รวมทั้งสามารถปรับใช้
กับการป้องกันและบรรเทาภัยจากสาธารณภัยและภัยธรรมชาติที่รุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ)

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง การชี้แจงภาวะการว่างงานและภาวะการมีงานทำของประชากรรอบที่ 3 :
สิงหาคม 2542 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สรุปได้ว่า การเปรียบเทียบตัวเลขอัตราการว่างงานของเดือนกุมภาพันธ์
2541 กับเดือนกุมภาพันธ์ 2542  และเดือนพฤษภาคม 2541 กับเดือนพฤษภาคม 2542 มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น 
ในขณะที่เดือนสิงหาคม 2541 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2542  มีอัตราการว่างงานลดลงเล็กน้อย) และเห็นชอบให้ 
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมติดตามตัวเลขดังกล่าว  รวมทั้งตัวเลขของผู้เอาประกันตนเพื่อนำไปเผยแพร่และชี้  
แจงให้ประชาชนได้รับทราบ  และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกับกระทรวงแรงงาน ฯ เพื่อชี้แจงภาพรวม 
ภาวะการว่างงานและภาวะการมีงานทำของประชากรให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ


          

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนน้ำ 
ปี 2541/2542 ในส่วนของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ตามที่กระทรวงแรงงาน ฯ เสนอ เกี่ยวกับแผน 
การดำเนินงานช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะขาดแคลนน้ำปี 2541/2542  พื้นที่ดำเนินการ  เกษตรกร 
กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งประกอบด้วย 3 โครงการย่อย  ได้แก่  โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวในชนบท  โครง 
การฝึกอาชีพแรงงานภูมิภาค   โครงการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเป็นระบบ   รวมทั้งงบประมาณในการดำเนิน 
งาน และผลประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินงานดังกล่าว

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงาน (เกี่ยวกับภาวะการส่งออกและนำเข้าซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกัน  
ของปีที่แล้ว และภาวะดุลการค้าในช่วง 8 - 9 เดือนแรกของปี 2542)  และตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (นายศุภชัย   
พานิชภักดิ์)  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  (นายกรพจน์  อัศวิน
วิจิตร) และปลัดกระทรวงพาณิชย์ชี้แจงเพิ่มเติม  (เกี่ยวกับการส่งออกซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและตลาด  
ปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำ  ปริมาณการส่งออกข้าวในปี 2542  ภาวะยางพาราในตลาดโลก  และการจัดตั้ง 
ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ 
การให้สินเชื่อของสถาบันการเงินและการระดมเงินทุนผ่านตลาดการเงินในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2542  ตามที่  
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงาน (สรุปได้ว่า ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2542 สินเชื่อรวมที่สถาบันการ  
เงินให้แก่ ภาคธุรกิจและครัวเรือนยังคงมียอดคงค้างลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยจำแนกตามประเภทสถาบันการเงิน      
ได้แก่  สินเชื่อธนาคาร  สินเชื่อของบริษัทเงินทุน  และสินเชื่อของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ     ส่วนการระดมเงิน  
ทุนผ่านตลาดการเงินของภาคเอกชนที่มิใช่สถาบันการเงินมีจำนวนลดลง   โดยภาคเอกชนมีการชำระคืนสินเชื่อ  
ธนาคารพาณิชย์และสินเชื่อบริษัทเงินทุนเป็นจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง    ในขณะเดียวกันสินเชื่อสถาบันการเงิน  
เฉพาะกิจที่ให้กับภาคเอกชนชะลอตัวลงเล็กน้อย    ภาคเอกชนจึงระดมทุนโดยตรงจากตลาดการเงินเพื่อทดแทน 
สภาพคล่องที่ลดลงโดยการออกตราสารทุน จำนวน 32,300 ล้านบาท  และตราสารหนี้ภายในประเทศ จำนวน   
47,900 ล้านบาท สำหรับปัจจัยอื่นที่ทำให้สินเชื่อสถาบันการเงินลดลงโดยมิได้กระทบสภาพคล่องทางการเงิน  
ธุรกิจ  ประกอบด้วย  การไหลเข้าของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มิใช่สถาบันการเงินที่เข้ามาร่วมลงทุน  
การแปลงหนี้เป็นทุน  ดุลเงินสดรัฐบาลที่ขาดดุล  และดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุล   รวมทั้งภาวะสภาพคล่องของ 
ธุรกิจที่น่าจะดีกว่าในปีก่อนโดยเฉพาะธุรกิจส่งออกจึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินทุนจากตลาดการเงิน) และที่ผู้ช่วย 
ผู้อำนวยการ ธปท.  (นายสุชาติ สักการโกศล)  ชี้แจงเพิ่มเติม  (เกี่ยวกับตัวเลขการออกตราสารทุนและตราสาร 
หนี้ของภาคเอกชนที่ ธปท. รายงานนั้น มีจำนวนแตกต่างจากตัวเลขที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด 
หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานต่อกระทรวงการคลัง เนื่องจากตัวเลขที่ ธปท. รายงานจะไม่รวมมูลค่าของตราสาร
ทุนและตราสารหนี้ที่ออกโดยสถาบันการเงิน   ทั้งนี้  เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการซ้ำซ้อนจากการที่สถาบันการเงิน 
จะนำเงินที่ได้จากการออกตราสารทุนและตราสารหนี้ไปปล่อยเป็นสินเชื่อให้แก่ธุรกิจต่อไป)

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ เห็นชอบผล 
การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐบาลและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.)  ครั้งที่ 3/2542  รวม 5 
เรื่อง ได้แก่ การปรับแนวทางการดำเนินการของ กรอ.  ผลการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย -  
แปซิฟิก (APEC) ครั้งที่ 7 รายงานภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งแรกและแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2542  พันธกรณี  
ของประเทศไทยในด้านความร่วมมือทางเศรษฐกดิจและข้อตกลงทางการค้าและนโยบายการกระจายอำนาจให้ท้อง 
ถิ่นกับการประกอบการของภาคธุรกิจ  ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ 
ตามที่กระทรวงการคลังรายงาน (เกี่ยวกับภาวะการส่งออกและนำเข้าซึ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกัน 
ของปีที่แล้ว และภาวะดุลการค้าในช่วง 8 - 9 เดือนแรกของปี 2542)  และตามที่รองนายกรัฐมนตรี  (นายศุภชัย 
พานิชภักดิ์)  และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์    รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  (นายกรพจน์  อัศวิน   
วิจิตร)  และปลัดกระทรวงพาณิชย์ชี้แจงเพิ่มเติม (เกี่ยวกับการส่งออกซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งด้านปริมาณและตลาด  
ปัญหาราคามันสำปะหลังตกต่ำ  ปริมาณการส่งออกข้าวในปี 2542  ภาวะยางพาราในตลาดโลก  และการจัดตั้ง 
ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า)

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนปฏิบัติการ 5 ปี (พ.ศ. 2540 - 2544) ของสำนักงานอัยการสูงสุด 
ช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2540 - 2543  ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ   และเห็นชอบในหลักการ  
แผนปฏิบัติการ  5  ปี  (พ.ศ. 2540 - 2544)  สำนักงานอัยการสูงสุด  ช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2544   เพื่อใช้
เป็นกรอบในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณต่อไป    โดยให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของกระทรวง 
การคลัง  กระทรวงการต่างประเทศ   สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   สำนัก  
งาน  ก.พ.   และสำนักงบประมาณ  (เกี่ยวกับการสนับสนุนเงินงบประมาณ โดยจัดสรรให้เป็นรายปีตามลำดับ    
ความสำคัญของโครงการ  และตามความเหมาะสมกับสถานการณ์การคลังของประเทศ  ประเด็นข้อกฎหมายที่ 
เกี่ยวข้อง    การให้ความสำคัญในการลดปริมาณคดีเข้าสู่ศาลให้น้อยลง    การขยายงานคุ้มครองสิทธิและช่วย 
เหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน  และการเพิ่มประสิทธิภาพการอำนวยความยุติธรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ 
ประชาชน  การเพิ่มเติมและปรับปรุงสาระสำคัญของรายงานดังกล่าวในเรื่องการจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่โดย  
เฉพาะการจัดตั้งสำนักงานอัยการเพื่อรองรับศาลเปิดใหม่    และการระงับการดำเนินการตามโครงการต่าง ๆ   
ควรปรับแก้สาระของรายงาน   เป็น  "ระงับการดำเนินการสำหรับโครงการที่มีผลกระทบต่อมาตรการดำเนิน    
การสำหรับโครงการที่มีผลกระทบต่อมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐ   จนถึงปี  2544"   เพื่อให้ 
สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านบุคคลภาครัฐในสภาวะวิกฤตทางเศรษฐ 
กิจ การพัฒนาทบทวนปรับลดกิจกรรมที่หมดความจำเป็นลง และการจัดลำดับความสำคัญของงาน/โครงการ 
ใหม่ตามแผนปฏิบัติการที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 ให้ชัดเจนโดยจะจัดสรรงบประมาณตามความ
จำเป็นและกำลังเงินงบประมารแผ่นดินในแต่ละปี) ไปดำเนินการด้วย 

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติยกเว้นภาษีอากรทุกชนิดสำหรับเครื่องจักร อุปกรณ์ และวัสดุต่าง ๆ  ในส่วนที่ 
องค์การพัฒนาพลังงานใหม่ และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (New Energy and Industrial Technology Development 
Organization - NEDO)  จัดหามาช่วยเหลือในโครงการเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียอุตสาหกรรม เพื่อป้องกันภาวะ 
เรือนกระจก ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำตอบกระทู้ถามที่ 030 ร. เรื่อง การออกแบบสร้างถนน  สะพาน ในภาวะ 
เศรษฐกิจตกต่ำขอให้ทำอย่างประหยัด   และชะลอโครงการในเมืองใหญ่ ๆ เพื่อนำงบประมาณไปพัฒนาชนบท ใน   
ด้านสาธารณูปโภคให้กระจายโดยทั่วถึง   และช่วยในด้านโภคทรัพย์  ของนายนิยม  วรปัญญา  สมาชิกสภาผู้แทน  
ราษฎรจังหวัดลพบุรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป (โดย  
มีสาระสำคัญของคำถาม สรุปได้ดังนี้ การออกแบบก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ เช่น  ถนน  สะพาน เป็นต้น  ควรจะทำอย่าง  
ประหยัด แต่ให้มีความคงทน แข็งแรงและถาวร นั้น รัฐบาลได้พิจารณาดำเนินการในเรื่องดังกล่าวอย่างไร สำหรับ   
การก่อสร้างสะพานต่างระดับควรชะลอไว้ก่อน เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นแล้วจึงปรับปรุงก่อสร้างใหม่ โดยนำงบประมาณ  
ในการก่อสร้างไปพัฒนาชนบทก่อน โดยให้เกษตรกรมีทุนในการดำเนินการผลิตให้ได้ผลผลิตสูง  ให้คนในชนบท      
มีงานทำ มีเงิน จึงขอให้รัฐบาลลดการพัฒนากรุงเทพ และเมืองใหญ่ ๆ  ไว้ก่อน   รวมทั้งจะมีแผนและนโยบายที่จะ 
ลดการออกแบบก่อสร้างถนน สะพาน ไฟฟ้า ทางเท้าในเมืองไว้อย่างไร)