ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 110 จากทั้งหมด 137 หน้า แสดงรายการที่ 2181 - 2200 จากข้อมูลทั้งหมด 2735 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
2181 | สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค | พณ | 03/03/2541 | ||||||||||||
รับทราบการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 7/2541 วันที่ 2 มีนาคม
2541 พิจารณาเรื่อง สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบาย เศรษฐกิจ มีสาระสำคัญและมติดังนี้ 1. สรุปประเด็น กระทรวงพาณิชย์เสนอเรื่อง สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (1) ภาวะและแนวโน้มดัชนีราคาผู้บริโภค (2) สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและการแก้ไขปัญหา (3) บทบาทขององค์การคลังสินค้าในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 2. มติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ โดยที่รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไปราชการ ต่างประเทศ จึงให้นำเรื่อง สถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ของกระทรวงพาณิชย์ เสนอคณะรัฐมนตรี ทราบในวันอังคารที่ 3 มีนาคม 2541 |
|||||||||||||||
2182 | การบริจาคข้าวให้อินโดนีเซีย | กต | 03/03/2541 | ||||||||||||
อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดซื้อข้าวจำนวน 50,000 ตัน เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศ
อินโดนีเซียซึ่งกำลังประสบภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยเบิกค่าใช้จ่ายจากงบประมาณส่วนกลาง ตามที่ กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ |
|||||||||||||||
2183 | ดัชนีราคาผู้บริโภค (ไม่ยืนยันมติ ให้บันทึกไว้ในรายงานการประชุม) | พณ | 03/03/2541 | ||||||||||||
รับทราบการบรรยายสรุปเรื่อง ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index : CPI) ตามที่นายวิทูร
ดุลยานนท์ รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ เสนอ ได้แก่ ความหมายของดัชนีราคาผู้บริโภค การจัดทำ ดัชนีราคาผู้บริโภค วิธีการวัดดัชนีราคาผู้บริโภค และภาวะและแนวโน้มดัชนีราคาผู้บริโภค |
|||||||||||||||
2184 | หนังสือแสดงเจตจำนงต่อกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (หนังสือแสดงความจำนงขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการและการเงิน ฉบับที่ 3) | กค | 24/02/2541 | ||||||||||||
1. อนุมัติในหลักการและเงื่อนไขการขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ตามหนังสือ
แจ้งความจำนงขอรับความช่วยเหลือทางวิชาการและการเงิน ฉบับที่ 3 และมอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังและผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผู้ลงนามในหนังสือแจ้งความจำนง ฯ ฉบับที่ 3 แล้วดำเนินการต่อ ไปได้ ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ โดยหนังสือแจ้งความจำนงดังกล่าวได้มีการปรับปรุงสาระสำคัญต่าง ๆ 6 ประการ สรุปได้ดังนี้ 1.1 รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาระบบสถาบันการเงิน โดยใช้นโยบายในเชิงรุก เร่งรัดการปฏิรูประบบการเงิน ให้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแปรรูปธนาคาร รวมทั้งยกระดับธนาคารพาณิชย์ให้ได้มาตรฐานสากล นอกจาก นี้ จะปรับปรุงกฎหมาย และโครงการสร้างธนาคารแห่งประเทศไทย ระบบการกำกับตรวจสอ บ และการพัฒนา ตลาดทุนให้มีความเหมาะสมขึ้น 1.2 รัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงนโยบายการคลังให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอ ยรวมทั้งการปรับตัว ของดุลบัญชีเดินสะพัดที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนั้น รัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณในการแก้ไขปัญหาด้านสังคม ดดยที่ไม่ขัดกับวินัยทางการคลังในระยะปานกลาง 1.3 รัฐบาลจะดำเนินการนโยบายการเงินอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน และ จะจัดการให้ภาคเศรษฐกิจที่สำคัญได้รับสินเชื่ออย่างเพียงพอ 1.4 รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบทางสังคมด้วยความร่วมมือของธนาคาร โลก ธนาคารพัฒนาเอเซีย และกองทุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจโพ้นทะเลแห่งญี่ปุ่น 1.5 รัฐบาลมีเป้าหมายและมาตรการที่เป็นรูปธรรมในการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน ในระบบเศรษฐ กิจผ่านกระบวนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจและการแก้ไขกฎหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในภาคการเงิน และภาคเศรษฐกิจอื่น 1.6 การดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวข้างต้น จะทำให้ประเทศไทยสามารถระดมทุนจากตลาดการ เงินและตลาดทุนระหว่างประเทศได้ภายในเวลาที่เหมาะสม 2. เนื่องจากหนังสือแจ้งความจำนง ฯ ฉบับนี้ จะเปิดเผยสู่สาธารณะเพื่อความโปร่งใสในการบริหาร นโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาล และในหนังสือดังกล่าวปรากฎข้อความว่าจะมีการจัดตั้งภาระดอกเบี้ยของหนี้ ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2542 และจะ สามารถเริ่มชำระดอกเบี้ยของหนี้สินทั้งหมดจากงบประมาณได้ภายในปี 2543 ดังนั้น ให้กระทรวงการคลังชี้แจง ให้ประชาชนเข้าใจความเป็นมาและรายงานสถานภาพของกองทุนฟื้นฟู ฯ ให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย นอกจากนี้ เมื่อคณะกรรมการ ฯ ซึ่งได้ตั้งขึ้นตรวจสอบข้อเท็จจริงได้รายงานผลการดำเนินงานและข้อเสนอแนะแล้ว ให้ชี้แจง ทำความเข้าใจกับสาธารณชนด้วยว่า การดำเนินงานที่ผ่านมามีข้อบกพร่องผิดพลาดอย่างไร หรือไม่ และจะมี การปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นอย่างไร 3. ให้กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม รับไปศึกษา ตรวจสอบและติดตามให้ใกล้ชิดว่าการชะลอตัว ทางเศรษฐกิจซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะรุนแรงกว่าที่ประมาณไว้เดิม จะส่งผลต่อการว่างงานเพิ่มขึ้นหรือไม่ และจะ กระทบต่อสาขาใดเป็นพิเศษหรือไม่ เพื่อจะได้ป้องกัน แก้ไขเยียวยาได้ทัน 4. ขณะนี้ทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้ให้ความสนใจติดตามร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นอย่างมาก และยังมีความสงสัยว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีหลักการมุ่งไปในทางที่จะทำให้กระบวนการ ยึด อายัด ขายทอดตลาดเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นอันเป็นคุณแก่เจ้าหนี้ หรือจะมุ่งไปในทางจะเอื้อ อำนวยให้ลูกหนี้มีโอกาสได้ฟื้นฟู จึงให้กระทรวงยุติธรรมติดตามและเผยแพร่ให้ประชาชนได้เข้าใจให้ถูกต้อง ด้วย |
|||||||||||||||
2185 | รายงานภาวะการค้าต่างประเทศปี 2540 และเป้าหมายการส่งออกและประมาณการนำเข้าปี 2541 | พณ | 24/02/2541 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
1. รับทราบภาวะการค้า การนำเข้า และดุลการค้าปี 2540 และเห็นชอบเป้าหมายการส่งออก ประมาณการ นำเข้า และดุลการค้าปี 2541 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ 2. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก ดังนี้ 2.1 ปัญหาการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดิน ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดการประเมินภาษีโรงเรือน และที่ดินปีนี้ ในอัตราเดียวกับปี 2540 โดยให้ถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เดียวกันทั่วประเทศเพื่อไม่ให้มีการเลือก ปฏิบัติ 2.2 ปัญหาวัตถุดิบในการผลิตเพื่อการส่งออก ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รับ ผิดชอบร่วมกับกระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และสภาอุตสาหกรรม แห่งประเทศไทยวางระบบการจัดเก็บภาษีการส่งออกทางอ้อม (Indirec t Export) ทั้งกิจการที่ได้รับและไม่ได้รับการ ส่งเสริมการลงทุน เป็นไปด้วยความคล่องตัว โดยให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2541 2.3 ปัญหาการลดภาษีอากรอะไหล่ ชิ้นส่วน และอุปกรณ์เครื่องจักรสิ่งทอ ให้กระทรวงการคลังรายงาน ผลการดำเนินการลดภาษีอากรให้เหลือร้อยละ 5 ให้คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบในการ ประชุมครั้งต่อไป และให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งพิจารณาสินค้าที่สมควรลดภาษีอากรอีก 4 กลุ่มให้แล้วเสร็จโดย เร็ว 2.4 ปัญหาการโจรกรรมสินค้าระหว่างการขนถ่ายสินค้าจากเรือเล็กขึ้นเรือใหญ่ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมตำรวจ) ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปราบปรามอย่างจริงจัง และรายงานผลให้คณะกรรม การรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบเป็นระยะ ๆ โดยให้รายงานครั้งแรกภายใน 2 สัปดาห์ 2.5 ปัญหาขั้นตอนการส่งออกรถยนต์ มาตรการระยะสั้น ให้กระทรวงคมนาคมออกประกาศยกเว้นการ ขออนุญาตส่งออกรถยนต์ และรายงานให้คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบในการประชุมครั้ง ถัดไป สำหรับมาตรการระยะยาวให้กระทรวงคมนาคมรับไปแก้ไขพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 2.6 ปัญหาการขอรับเงินชดเชยภาษีวัตถุดิบที่นำมาผลิต เพื่อการส่งออกของสินค้ารถยนต์และกุ้งแช่แข็ง ล่าช้า ให้กระทรวงการคลังประกาศอัตราชดเชยภาษีวัตถุดิบของสินค้าดังกล่าว และสินค้าอื่น ๆ ที่อยู่ในข่ายนี้เพื่อ ประเมินภาษี ภายในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 2541 โดยรายงานผลการดำเนินการเรื่องรถยนต์ให้คณะ กรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบในการประชุมครั้งถัดไป และรายงานผลการดำเนินการเรื่องกุ้ง แช่แข็งภายใน 2 สัปดาห์ 2.7 ปัญหาการคืนภาษีตามโครงการส่งเสริมการผลิตสินค้ารถยนต์ภายในประเทศกลุ่มอาเซียน (Brand to Brand Complimentation : BBC) ให้กระทรวงการคลังพิจารณานำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน 2.8 ปัญหาสภาพคล่องอันเกิดมาจากกระบวนการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ผู้ส่งออก ให้กระทรวง การคลังถือเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาสภาพคล่องเพื่อสนับสนุนการส่งออก และรายงาน ผลการดำเนินการเกี่ยวกับกลไกค้ำประกันสินเชื่อเพื่อประกันความเสี่ยงของผู้ส่งออกและผลการดำเนินการสร้าง แรงกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ให้สินเชื่อผู้ส่งออกมากขึ้น โดยให้คณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ ทราบในการประชุมครั้งถัดไป และให้เชิญกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เข้าร่วมชี้แจงด้วย กับให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับไปประสานชี้แจงและขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้เพิ่ม อัตราส่วนของการให้ Packing Credit ของธนาคารพาณิชย์ จากอัตราร้อยละ 80 ของ L/C เป็นร้อยละ 90 - 95 และให้รองนายกรัฐมนตรี (นายศุภชัย พานิชภักดิ์) รับไปติดตามดูแลรายละเอียดการสนับสนุนให้บริษัทการ ค้าระหว่างประเทศเข้าช่วยบริษัทผู้ส่งออกขนาดเล็ก ขนาดกลางทางด้านสภาพคล่อง และทักษะการจัดการและ การตลาดโดยรัฐบาลจัดหาวงเงินให้จำนวนหนึ่ง และให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาให้ธนาคารของรัฐ ปล่อยเงินกู้โดยมีนโยบายสนับสนุนการส่งออกให้มากขึ้นและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ
|
|||||||||||||||
2186 | การเตรียมการรับภาวะภัยแล้งปี 2541 ใรภาระกิจกรมโยธาธิการ | มท | 17/02/2541 | ||||||||||||
รับทราบการเตรียมความพร้อมเพื่อรับภาระภัยแล้งกรมโยธาธิการ ตามที่กระทรวงมหาดไทย
เสนอ สรุปได้ดังนี้ 1. บ่อบาดาลที่ใช้การได้มีจำนวนทั้งสิ้น 36,847 บ่อ ได้ตรวจบำรุงรักษาและซ่อมแซม (กรณี ชำรุด) เสร็จสิ้นไปแล้ว 4,421 บ่อ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จครบทุกบ่อในเดือนพฤษภาคม 2541 และ ในส่วนงานเจาะบ่อบาดาล ปี 2541 คาดว่าจนถีงเดือนพฤษภาคมจะสามารถเจาะบ่อบาดาลได้จำนวนรวม 750 บ่อ (ผลการดำเนินงานจนถึงปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 210 บ่อ) 2. ระบบประปาหมู่บ้าน จากการสำรวจระบบน้ำสะอาดหมู่บ้าน จำนวนทั้งสิ้น 9,929 แห่ง พบว่า ไม่สามารถใช้งานได้ 775 แห่ง 3. ถังเก็บน้ำฝน จำนวนทั้งสิ้น 11,182 แห่ง สำรวจพบว่าเสียหาย 41 แห่ง เร่งดำเนินการซ่อมแซม แล้วเสร็จ 13 แห่ง คาดว่าจะสำรวจและซ่อมแซมแล้วเสร็จทั้งหมดภายในเดือนเมษายน 2541 |
|||||||||||||||
2187 | ขออนุมัติวงเงินงบกลาง ฯ ช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยแล้งปี 2541 | มท | 17/02/2541 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยประสานงานกับสำนักงบประมาณเพื่อร่วมกันพิจารณารายการและ
รายละเอียดค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งตามลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนให้ถูกต้องตาม ข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นระบบไม่เกิดความซ้ำซ้อน และสามารถพิจารณาวงเงินค่าใช้จ่ายได้ อย่างถูกต้อง เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทันต่อเหตุการณ์และสอดคล้องกับภาวะข้อจำกัดทางการเงินของประ เทศที่ต้องประหยัด ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะ ซ่อม แซมและบำรุงรักษาบ่อบาดาล ควรสำรวจบ่อที่อยู่ในความรับผิดชอบเพื่อทำการเป่าบ่อ ล้างบ่อ ทำนุบำรุง หรือซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ ซึ่งเมื่อดำเนินการดังกล่าวแล้วอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องเจาะบ่อ บาดาลใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||
2188 | ร่างพระราชกฤษฎีการะเบียบข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. .... | มท | 10/02/2541 | ||||||||||||
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการะเบียบข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. .....
ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็น เรื่องด่วน โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. องค์ประกอบของคณะกรรมการข้าราชการไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย มาตรา 288 เรื่อง ความเป็นกลางและความเป็นอิสระในการพิจารณา ขาดการเชื่อมโยงกับ สภาวะการเงินการคลัง และมาตรฐานการบริหารงานบุคคลของข้าราชการฝ่ายพลเรือน 2. องค์ประกอบ อ.ก.จ. จังหวัด และ อ.ก.จ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด ไม่มีองค์ประกอบของ ผู้ทรงคุณวุฒิไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และองค์การกลางบริหารงานบุคคล ทั่วไป 3. ร่างมาตรา 5 ควรแก้ไขให้ ก.จ. เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรง คุณวุฒิ และผู้แทนองค์กรปกครองท้องที่ 4. ร่างมาตรา 11 ควรให้อำนาจนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด บรรจุ และแต่งตั้งข้าราช การที่มิใช่ตำแหน่งบริหาร โดยอนุมัติ ก.จ. หรือกำหนดกลไกและวิธีการแต่งตั้งอื่น เพื่อให้มีหลักประ กันความเป็นธรรม 5. ร่างมาตรา 7 ไม่ควรกำหนดให้สำนักงาน ก.จ. มีหน้าที่รับรองคุณวุฒิ กำหนดเงินเดือน และระดับตำแหน่งเพื่อประโยชน์ในการบรรจุแต่งตั้ง เพราะสำนักงาน ก.พ. เป็นศูนย์กลางการ พิจารณาในเรื่องนี้ ทำให้มีมาตรฐานระหว่างข้าราชการประเภทต่าง ๆ |
|||||||||||||||
2189 | การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการคลังเอเซีย - ยุโรป | กค | 10/02/2541 | ||||||||||||
รับทราบรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการคลังเอเซีย - ยุโรป (Asia - Europe
Finance Deputies) ระหว่างวันที่ 4 - 5 กุมภาพันธ์ 2541 ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ของ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพิสิฐ ลี้อาธรรม) และการเข้าพบ นาย Gordon Brown รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงการคลัง รายงาน โดยมีสาระ สำคัญสรุปได้ดังนี้ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการคลังเอเซีย - ยุโรป การประชุมครั้งนี้ต่อเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเซีย - ยุโรป เมื่อ วันที่ 19 กันยายน 2540 ที่ประชุมได้เน้นความสำคัญของความร่วมมือระหว่างเอเซียและยุโรปและ ประเทศอังกฤษในฐานะประธานสหภาพยุโรปจะเป็นเจ้าภาพการประชุม ฯ ครั้งที่ 2 (ASEM II) โดย หวังว่าการประชุมครั้งนี้จะสามารถสรุปแนวทางร่วมในการแก้ไขปัญหา และการเสริมสร้างความมั่นคง ของระบบการเงินโลก เพื่อเสนอต่อการประชุมผู้นำในเดือนเมษายน 2540 และได้หารือถึงความ จำเป็นในการเรียกความเชื่อมั่นของตลาดกลับคืนมา ความสำคัญของการดำเนินการตามแผนงานที่ ตกลงไว้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ธนาคารโลก และธนาคารพัฒนาเอเซีย ซึ่งไทยได้ ดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจอย่างเหมาะสม ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น กับได้หารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของมาตรการริเริ่มต่าง ๆ เช่น การป้องกันการฟอกเงิน การจัดทำ เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมโยงกระทรวงการคลังของประเทศสมาชิก ความร่วมมือในการเสริม สร้างระบบการกำกับดูแลสถาบันการเงินและความร่วมมือทางศุลกากร การจัดตั้งสหภาพการเงิน ยุโรป (EMO) และการเริ่มใช้เงินตราสกุลเดียว (Euro) ในวันที่ 1 มกราคม 2542 สำหรับการดำเนิน การต่อไป กระทรวงการคลังไทยในฐานะผู้ประสานงานฝ่ายเอเซียร่วมกับกระทรวงการคลังญี่ปุ่นจะ ได้ร่วมกับกระทรวงการคลังสหราชอาณาจักรในฐานะประธานสหภาพยุโรปจัดทำรายงานความร่วม มือด้านการเงินการคลังในกรอบเอเซีย - ยุโรป และความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ ทางการเงิน เพื่อเสนอต่อการประชุม ASEM II ส่วนการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เอเซีย - ยุโรป ครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม 2542 ณ ประเทศเยอรมนี การเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหราชอาณาจักร ได้สนทนาหารือข้อราชการในเรื่องต่าง ๆ และหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยสหราช อาณาจักรรับที่จะให้การสนับสนุนประเทศไทยในการดำเนินมาตรการการตามกรอบ IMF และการ พิจารณาอนุมัติเงินกู้ งวดที่ 3 ในเดือนมีนาคม 2541 รวมทั้งจะให้การสนับสนุนด้านวิชาการใน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจแก่ไทยด้วย การชี้แจงภาวะเศรษฐกิจไทยแก่นักลงทุนอังกฤษ ภายหลังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยและการปรับโครงสร้าง นักลงทุนได้แสดง ความสนใจเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขปัญหาของสถาบันการเงิน และเห็นว่าไทยได้ปรับปรุงไปในแนว ทางที่ถูกต้องแล้ว การเข้าพบประธานธนาคาร Hong Kong and Shanghai Banking Corporation (HSBC) HSBC สนใจที่จะเข้าซื้อกิจการธนาคารของไทย และจะเสนอข้อเสนอแก่ทางการไทย ซึ่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้แนะนำให้ดำเนินการกับธนาคารแห่งประเทศไทยต่อไป การเข้าพบกับ British Airways British Airways แสดงความสนใจในการเป็น Strategic Partner กับการบินไทย และจะรับส่ง คณะผู้แทนมาเสนอข้อคิดเห็นในกรุงเทพ ฯ ภายในสองสัปดาห์ |
|||||||||||||||
2190 | การปฏิบัติตามแนวทางการแก้ไขปัญหาการชุมนุมเรียกร้องของผู้ใช้แรงงาน | รส | 10/02/2541 | ||||||||||||
รับทราบเกี่ยวกับผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (27 มกราคม 2541) เกี่ยวกับแนวทาง
การแก้ไขปัญหาการชุมนุมเรียกร้องของผู้ใช้แรงงาน และอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการไตรภาคีป้องกันและ แก้ไขปัญหาการชุมนุมเรียกร้องด้านแรงงาน ตามที่กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม เสนอ สรุปได้ ดังนี้ 1. กระทรวงแรงงาน ฯ ได้จัดทำแถลงการณ์ ชี้แจง ประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันและแก้ไข ปัญหาแรงงานให้นายจ้างและลูกจ้างได้ทราบ 2. ผู้แทนสภาองค์การนายจ้าง สภาองค์การลูกจ้าง และกระทรวงแรงงาน ฯ ได้ปรับปรุงแนว ปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2539 ให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันและได้ ลงนามร่วมกันแล้ว 3. กระทรวงแรงงาน ฯ ได้จัดประชุมผู้นำสภาองค์การนายจ้างและสภาองค์การลูกจ้าง ตลอดจน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหา และร่วมกันหาแนวทางมาตรการเรียกร้องด้านแรง งาน ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการไตรภาคีพิเศษขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งและข้อ พิพาทร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในภาวะวิกฤต |
|||||||||||||||
2191 | แผนเตรียมพร้อมด้านการขนส่ง | นร | 03/02/2541 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนเตรียมพร้อมด้านการขนส่ง ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนเตรียมพร้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2535 สาระสำคัญของแผนเตรียมความพร้อมด้านการขนส่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นกรอบนโยบายและแนวทาง ดำเนินการที่จะเสริมสร้างศักยภาพด้านการขนส่งให้สามารถสนองความต้องการของทหารและพลเรือนในภาวะไม่ปกติ จากสถานการณ์ภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ รวมทั้งสามารถปรับใช้กับการป้องกันและบรรเทาภัยจากสาธารณภัย และภัยธรรมชาติที่รุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งศูนย์อำนวยการเตรียมพร้อมด้านการขนส่งขึ้นที่กระทรวงคมนาคม และตั้งศูนย์ประสานการปฏิบัติการเตรียมพร้อมด้านการขนส่งขึ้นที่จังหวัด สำหรับการปฏิบัติการ จะประกอบด้วยขั้นเตรียมการ ขั้นปฏิบัติ และขั้นฟื้นฟูบูรณะ |
|||||||||||||||
2192 | สถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ | พณ | 03/02/2541 | ||||||||||||
รับทราบรายงานเรื่อง สถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ รายงาน และ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายไพฑูรย์ แก้วทอง) ชี้แจงเพิ่มเติม ตามมติคณะกรรมการ รัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ ดังนี้ กระทรวงพาณิชย์ รายงานว่า 1. ภาวะราคา ภาวะการผลิตโดยรวมของสินค้าเกษตรในปีนี้มีปริมาณลดลง สำหรับด้านราคา ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดีและสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกและสินค้าที่ต้อง นำเข้าจากต่างประเทศ 2. ภาวะการส่งออก จากการที่ค่าเงินบาทลดลง ทำให้ในครึ่งหลังของปี 2540 ถึงปัจจุบันมีการ ส่งออกขยายตัวเพิ่มมากขึ้น อาทิ สินค้าข้าว มันสำปะหลัง ไก่เนื้อ กุ้งกุลาดำ ส่วนปาล์มน้ำมันปกติไม่ได้มี การส่งออก ก็ได้ส่งออกโดยสามารถแข่งขันกับราคาตลาดโลกได้เป็นอย่างดี 3. ผลกระทบต่อค่าครองชีพ จากการที่มีการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สินค้าที่มีศักยภาพใน การส่งออกและต้องใช้บริโภคภายใน อาทิ ข้าวสาร น้ำมันพืช ไก่ มีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทรวง พาณิชย์ได้ใช้หลักบริหารการจัดการทั้งด้านกำกับดูแลปริมาณราคา และจัดระบบการค้า โดยมีจุดมุ่ง หมายให้เกษตรกรได้รับราคาที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์ในด้านนำเงินตราเข้าประเทศ สำหรับปัญหา ราคาสินค้าที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วขณะนี้ ได้แก่ ข้าวสาร ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากปริมาณการส่งออก หาก ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดอาจจมีผลกระทบต่อราคาข้าวนาปรัง จึงเห็นควรติดตามสถานการณ์ไป ระยะหนึ่ง ส่วนปาล์มน้ำมัน ได้มีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบโดยภาคเอกชนตั้งแต่เดือนกันยายน - มกราคม ประมาณ 50,000 ตัน หากปล่อยให้มีการส่งออกต่อเนื่องไป มีแนวโน้มให้ราคาน้ำมันปาล์ม สูงขึ้นและอาจขาดแคลนได้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายไพฑูรย์ แก้วทอง) ชี้แจงเพิ่มเติมว่า 1. สาเหตุที่กระทรวงพาณิชย์ต้องปรับราคาน้ำตาลทรายเพิ่มอีก 50 สตางค์ เนื่องจากเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดภาวะน้ำตาลทรายขาดตลาด มีการกักตุนจจำนวนมากโดยผู้ค้าปลีก กระทรวง พาณิชย์จึงได้ดำเนินมาตรการเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว โดยให้องค์การคลังสินค้าจำหน่ายน้ำตาล ทรายในราคากิโลกรัมละ 13 บาท และให้ร้านค้าที่ครอบครองปริมาณน้ำตาลเกิน 1,000 กิโลกรัม ต้องแจ้งการครอบครอง หากไม่แจ้งจะมีความผิดต้องได้รับโทษทางแพ่งและอาญารวมทั้งให้ดำเนินคดี กับผู้ปฏิเสธการจำหน่าย ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ และข้อ เสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||
2193 | การจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง ปี 2541 | กษ | 27/01/2541 | ||||||||||||
รับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี พ.ศ. 2541 และคณะทำงานศูนย์
เฉพาะกิจช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2540 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามที่กระทรวง เกษตรและสหกรณ์ เสนอ ดังนี้ 1. คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี พ.ศ. 2541 มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ เป็นประธาน และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวิรัช รัตนเศรษฐ) ปลัดกระ ทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธาน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในและ นอกสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมชลประทาน เป็นกรรมการและเลขานุ การ โดยมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้ 1.1 พิจารณาดำเนินการแก้ไขภาวะภัยแล้ง ตลอดจนดำเนินการช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบ จากภัยแล้งทั่วประเทศ 1.2 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานได้ตามความจำเป็น 1.3 พิจารณาสั่งการปิด - เปิด อาคารชลประทานต่าง ๆ รวมทั้งสั่งการสูบน้ำด้วยไฟฟ้าตามสถานี สูบน้ำต่าง ๆ ได้ในกรณีที่จำเป็น 1.4 สั่งการหรืออนุมัติการเคลื่อนย้ายเครื่องจักรกล - เครื่องสูบน้ำทุกประเภท เพื่อปฏิบัติการให้ เกิดประโยชน์สูงสุดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง 2. คณะทำงานศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง ปี พ.ศ. 2541 มีรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายวิรัช รัตนเศรษฐ) เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายรุ่งเรือง อิศรางกูร ณ อยุธยา) เป็นรองประธาน และผู้แทนหน่วยงานทั้งในและนอกสังกัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ เป็นคณะทำงาน รองอธิบดีกรมชลประทาน ฝ่ายก่อสร้าง (นายกิจจา ผลภาษี) เป็น คณะทำงานและเลขานุการ โดยมีหน้าที่พิจารณาวางแผน สั่งการ ตรวจสอบ ติดตาม และแก้ไขปัญหาการ ขาดแคลนน้ำ พร้อมทั้งให้การช่วยเหลือแก่เกษตรกร ตลอดจนรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อรายงานต่อคณะ กรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง |
|||||||||||||||
2194 | ผลการปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา | กค | 27/01/2541 | ||||||||||||
รับทราบรายงานสรุปผลการเยือนสหรัฐอเมริกาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและคณะ ระหว่าง
วันที่ 19 - 25 มกราคม 2541 ตามที่กระทรวงการคลัง รายงาน สรุปได้ดังนี้ 1. บุคคลสำคัญที่ได้มีโอกาสเข้าพบปรึกษาหารือข้อราชการ ได้มีโอกาสปรึกษาหารือข้อราชการกับ นายบิล คลินตัน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายอัลเบิร์ต กอร์ รองประธานาธิบดี นายโรเบิร์ต รูบิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางเมดอลิน อัลไบร์ท รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการต่างประเทศ นายซามวล เบอร์เกอร์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง นายมิเชล แคมเดอซู กรรมการ ผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ รวมทั้ง นาย ซาเวน แซมสตรอม กรรมการผู้จัดการธนาคารโลก (รักษาการประธานธนาคารโลก) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ธนาคารโลก 2. ผลการปรึกษาหารือข้อราชการกับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐ ฯ 2.1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เรียนให้ นายรูบิน ทราบถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยต่อการ ปฏิบัติตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้ตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างและสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันการเงิน ซึ่งนายรูบิน ได้ให้คำมั่นว่า สหรัฐอเมริกาจะ ให้การสนับสนุนการให้เงินทุนอย่างเพียงพอและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศเพื่อการปฏิรูปเศรษฐ กิจของไทย 2.2 นางอัลไบร์ท ได้เรียนให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบว่า ประธานาธิบดีคลินตัน และคณะ ผู้ดำเนินนโยบายต่างประเทศได้ติดตามเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด และแสดงความชื่น ชมต่อคณะทำงานด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็งของรัฐบาลไทย 2.3 นายเบอร์เกอร์ ย้ำว่าสหรัฐ ฯ มีความชื่นชมยกย่องการดำเนินการของรัฐบาลไทยท่านกลางภาวะ แวดล้อมที่ผันผวนในภูมิภาค และตระหนักว่าปัญหาของไทยกำลังได้รับการแก้ไขอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ 2.4 ประธานาธิบดีคลินตัน ได้กล่าวว่า สหรัฐ ฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ไทยในทุก ๆ ด้าน และ ให้ความมั่นใจว่าจำนวนเงินกู้ที่ไทยจะได้รับจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศจะมีจำนวนอย่างเพียงพอ นอกจาก นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ ฯ กำลังพิจารณาข้อเสนอของไทยเรื่องการชำระค่าอาวุธยุทโธป กรณ์อยู่ และได้เรียนเชิญนายกรัฐมนตรี (นายชวน หลีกภัย) อย่างเป็นทางการ เพื่อเดินทางมาเยือนสหรัฐ ฯ ประมาณกลางเดือนมีนาคม 2540 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงความสนับสนุนไทยในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 3. ผลการปรึกษาหารือกับ นายซาเวน แซมสตรอม กรรมการผู้จัดการธนาคารโลก และเจ้าหน้าที่ระดับ สูง เกี่ยวกับ 3.1 การจัดเงินกู้เพื่อรองรับปัญหาทางสังคม (Social Safety Net Loan) ธนาคารโลกกำลังพิจารณา ศึกษาการให้ความช่วยเหลือ การกำหนดมาตรการรองรับปัญหาทางสังคม เพื่อปกป้องผู้ยากไร้และผู้อ่อนแอใน สังคมช่วงวิกฤติการณ์เศรษฐกิจ 3.2 เงินกู้ค้ำประกันโดยธนาคารโลก (IBRD Guarantee Loan) ธนาคารโลกและกระทรวงการคลังจะ ได้ศึกษาร่วมกันเกี่ยวกับวิธีการระดมเงินทุนในตลาดการเงิน เพื่อใช้ตามความจำเป็นในอนาคต 4. ผลการปรึกษาหารือกับ นายมิเชล แคมเดอซู กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และ เจ้าหน้าที่ระดับสูง 4.1 กองทุนการเงินระหว่างประเทศมีความเห็นว่า รัฐบาลไทยดำเนินแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจได้ก้าว หน้าและน่าประทับใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลการดำเนินมาตรการตามแผนปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นไปตาม เกณฑ์ปฏิบัติที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้กำหนดไว้ 4.2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินมาตรการ ตามแผนปฏิรูปเศรษฐกิจในช่วงต่อไปว่าอาจจะมีความยากลำบากมากขึ้น ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังได้เสนอมาตรการเพิ่มเติม เพื่อให้ทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศพิจารณาปรับปรุงแผนปฏิบัติการ เพื่อ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป 4.3 กองทุนการเงินระหว่างประเทศทราบปัญหา อุปสรรค และเห็นด้วยที่จะต้องมีการปรับปรุงแผน การปฏิรูปเศรษฐกิจในทุกด้านเพื่อให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยจะให้มีการปรับปรุงระหว่างการทบทวนผล การปฏิบัติการครั้งที่สองที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 14 กุมภาพันธ์ 2541 ที่กรุงเทพ ฯ |
|||||||||||||||
2195 | ขอความเห็นชอบในหลักเกณฑ์การปรับเปลี่ยนโยกย้าย เพิ่มและยุบเลิกสำนักงานพาณิชย์และศูนย์พาณิชยกรรมในต่างประเทศ | พณ | 20/01/2541 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักเกณฑ์การปรับเปลี่ยนโยกย้าย เพิ่มและยุบเลิกสำนักงาน
พาณิชย์และศูนย์พาณิชยกรรมในต่างประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ไปดำเนินการเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในส่วนที่เกี่ยวกับการพิจารณาเปิด สำนักงานพาณิชย์และศูนย์พาณิชยกรรมในต่างประเทศ ซึ่งยังขาดนิยามปฏิบัติการขององค์ประกอบ ต่างๆ ที่ใช้ในการพิจารณา เช่น มูลค่าทางการค้า อัตราการขยายตัวทางการค้า สินค้าที่ไทยมีศักยภาพ และลู่ทางการส่งออกไปประเทศนั้น ๆ เป็นต้น และยังไม่มีองค์ประกอบที่แสดงถึงผลตอบแทนที่จะ ได้รับอย่างเป็นรูปธรรมหรือมีมูลค่าเป็นจำนวนเงินที่ชัดเจนว่า เมื่อได้มีการเปิดสำนักงานพาณิชย์ หรือศูนย์พาณิชยกรรมในต่างประเทศแห่งใหม่แล้วจะก่อให้เกิดผลลัพธ์และผลประโยชน์ต่อประเทศ ชาติ หรือมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างไร นอกจากนั้นการพิจารณาเปิดหน่วยงานต่างประเทศ แต่ละแห่งควรให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2540 เรื่อง การปรับลดงบ ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2541 และมติ ก.พ. เกี่ยวกับมาตรการปรับปรุงส่วน ราชการในสภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง คือ 1. ต้องไม่เป็นการเพิ่มอัตรากำลังและงบประมาณค่าใช้จ่าย 2. ต้องเป็นการเพิ่มพูนประสิทธิภาพหรือเป็นการแก้ไขปัญหาความไม่มีประสิทธิภาพ 3. ส่วนราชการต้องพิจารณาทบทวนภารกิจและพิจารณาปรับลดภารกิจที่ไม่จำเป็นให้ ภาพเอกชนเป็นผู้ดำเนินการแทน รวมทั้งการพิจารณาเรื่องความซ้ำซ้อนของงาน 4. ส่วนราชการต้องจัดทำรายละเอียดโครงการปรับปรุงส่วนราชการที่แสดงถึงผลสัมฤทธิ์ ของงานที่จะได้รับจากการปรับปรุงส่วนราชการอย่างเป็นรูปธรรม
|
|||||||||||||||
2196 | สรุปสถานการณ์ด้านการเงิน 1 - 14 มกราคม 2541 | นร | 20/01/2541 | ||||||||||||
รับทราบรายงานสรุปสถานการณ์ด้านการเงิน 1 - 14 มกราคม 2541 ตามที่ผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย รายงาน โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับข้อสังเกตของคณะกรรมการรัฐมนตรีว่า ด้วยนโยบายเศรษฐกิจไปดำเนินการ ดังนี้ 1. ธนาคารพาณิชย์ควรมุ่งดำเนินธุรกิจระยะยาว โดยปล่อยสินเชื่อจากเงินฝากลูกค้า และไม่ควร เป็นธุรกิจระยะสั้น โดยเฉพาะการหาประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยน 2. ธนาคารแห่งประเทศไทย ควรเน้นประฃาสัมพันธ์ให้เข้าใจว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่าง ธนาคารไม่ใช่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วไป แต่เป็นเงื่อนไขของ IMF ที่ต้องปฏิบัติตาม อย่างไรก็ดี ปัญหา ในปัจจุบันที่ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั่วไปสูงขึ้น รวมทั้งไม่ปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบ การทั้งในภาคอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร ทำให้เกิดภาวะขาดสภาพคล่อง ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจของประเทศนั้น เห็นควรให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุของ ปัญหา และหาแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้สถาบันการเงินที่เกี่ยวข้องได้เข้ามาช่วยแก้ ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการต่าง ๆ โดยเร็ว ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ ประกอบการ ทั้งนี้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานผลการดำเนินการในเรื่องนี้ให้คณะกรรมการ รัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจทราบภายใน 2 สัปดาห์ |
|||||||||||||||
2197 | มติคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ครั้งที่ 2/2540 | นร | 06/01/2541 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) ครั้งที่
2/2540 เรื่อง นโยบายเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาของสตรีในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ โดยที่ประชุม กสส. มีมติ ให้ขอความร่วมมือจากทุกกระทรวงว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ ตลอดจนการปรับ แผนการดำเนินงานของกระทรวง นั้น ขอให้คำนึงถึงผลกระทบทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะมีผลต่อสตรี เป็นกรณีพิเศษ อาทิ การจ้างงานแรงงานสตรีในชนบท การพัฒนาฝีมือแรงงานสตรี การให้การศึกษาแก่ สตรี ภาวะโภชนาการของแม่และเด็ก เกษตรกรสตรีรายย่อย แรงงานสตรีทั้งในและนอกระบบ ความปลอด ภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนศักดิ์ศรีและภาพลักษณ์ของสตรีไทย ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรีเสนอ |
|||||||||||||||
2198 | รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจปี 2540 แนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ | นร | 06/01/2541 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีว่าด้วยนโยบายเศรษฐกิจ (คศก.) คือ รับทราบ
รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจปี 2540 และแนวโน้มปี 2541 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ธนาคาร แห่งประเทศไทย สำนักงบประมาณ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม กระทรวง อุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ สศช. รับไป ดำเนินการเสนอความก้าวหน้าหรือประเด็นนโยบายเพิ่มเติมเข้าหารือกับ คศก. และมอบให้ฝ่ายเลขานุการของ คศก. กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเสนอเรื่องเร่งด่วนด้านนโยบายที่ คศก. ควรพิจารณาเข้าเป็นวาระการประชุม ครั้งต่อ ๆ ไป เช่น การแก้ไขปัญหาการว่างงาน ปัญหาการจัดเก็บรายได้และการปรับลดงบประมาณรายจ่าย ปี 2541 การช่วยเหลือด้านสภาพคล่องของธุรกิจการผลิตเพื่อการส่งออก ความก้าวหน้าของการแก้ไขปัญหา สถาบันการเงิน และความก้าวหน้าของการดำเนินงานภายใต้โครงการ IMF เป็นต้น รวมทั้งรับทราบแนวทาง และมาตรการการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้ส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของ คศก. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปดำเนินการตามอำนาจ หน้าที่ในส่วนที่รับผิดชอบต่อไป |
|||||||||||||||
2199 | แผนปฏิบัติการตามมาตรการปรับภาคราชการในสภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ | นร | 30/12/2540 | ||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการตามมาตรการปรับภาคราชการในสภาวะวิกฤตทาง
เศรษฐกิจ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก คือ 1. มาตรการปรับระบบงานภาครัฐ 2. มาตรการปรับปรุงคุณภาพข้าราชการ 3. มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ 4. มาตรการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น 5. มาตรการลดบทบาทการดำเนินกิจการของรัฐ 6. มาตรการอื่น ๆ ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ โดยให้ส่วนราชการรับไปดำเนินการต่อไป โดยให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับกระทรวงการคลังและ สำนักงบประมาณ ติดตามผลการดำเนินการและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณา ดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||
2200 | การลดการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง | นร | 09/12/2540 | ||||||||||||
เห็นชอบและอนุมัติการลดการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง และให้ดำเนินการต่อไปได้ ตามที่รัฐมนตรี
ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาวิตต์ โพธิวิหค) เสนอ โดยในการติดตามภาวะการค้าน้ำมันใน ตลาดโลกให้กรมทรัพยากรธรณีและการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยร่วมเป็นหน่วยงานติดตามด้วย ส่วน การจัดทำแผนปฏิบัติการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงร่วมกับผู้ค้าน้ำมัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับกรณี ที่อาจเกิดภาวะไม่ปกติในการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงให้กรมทรัพยากรธรณีเข้าร่วมดำเนินการด้วย และ มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาวิตต์ โพธิวิหค) รับความเห็นของคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการที่ประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศเป็นมูลค่าสูงถึงประมาณ ปีละ 200,000 ล้านบาท และประเทศผู้ค้าน้ำมันบางประเทศต้องการนำเข้าสินค้าเกษตร และสินค้า อื่น ๆ ที่ประเทศไทยมีอยู่เช่นกัน ดังนั้น จึงสมควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงแลก เปลี่ยนสินค้าของไทยกับน้ำมัน หรือดำเนินการในลักษณะของการค้าต่างตอบแทน โดยให้ประสานงาน กับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย และในปัจจุบันได้มี การนำสารหลายชนิดเข้ามาผสมกับน้ำมัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการสูญเสียเงินตราในการนำเข้าแล้ว อาจทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นด้วย จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติรับไป พิจารณาว่า สารต่าง ๆ ที่นำมาผสมในน้ำมันมีความจำเป็นเพียงใด และจะสามารถลดสารผสมใน น้ำมันบางชนิดลง เพื่อลดการนำเข้าและราคาขายปลีกของน้ำมันได้เพียงใด หรือไม่ |
.....