คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542   และมอบให้กระทรวงศึกษาธิการในนามคณะ
รัฐมนตรี  แจ้งแสดงความขอบคุณสภาที่ปรึกษา ฯ   ที่ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการ
แก้ไขพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ฯ  และให้จัดทำรายงานผลการพิจารณา   พร้อมทั้งผลการดำเนินการ
ของคณะรัฐมนตรีให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ ฯ ทราบว่า  ขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ดำเนินการแล้ว อย่างไร 
เห็นด้วยเรื่องใด ไม่เห็นด้วยเรื่องใด เพราะเหตุใด  แล้วเปิดเผยเหตุผลให้สาธารณชนทราบต่อไป ทั้งนี้  เพื่อเป็น
การสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน และเป็นการตอบสนองความเห็นและภารกิจของสภาที่ปรึกษา ฯ ซึ่งมีบทบาท
สำคัญและจำเป็นในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล   หากจำเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
จะไปชี้แจงในที่ประชุมสภาที่ปรึกษา ฯ ด้วยก็ได้

           รับทราบแผนเตรียมการรองรับการดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติระเบียบ
บริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ....
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการเป็นเจ้าของเรื่องในกิจกรรม
ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่  การจัดทำกฎกระทรวงและพระราชกฤษฎีกา ฯ  ที่เกี่ยวข้อง  มอบให้เลขาธิการคณะกรรม
การกฤษฎีกาเป็นเจ้าของเรื่อง  เว้นแต่ที่สำนักงาน ก.พ. ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว  การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราช
การระดับสูง (ระดับ 10-11) กรณีตำแหน่งในส่วนราชการใหม่และส่วนราชการเดิมที่ต้องปรับเปลี่ยนตาม   
โครงสร้างใหม่ รวมทั้งตำแหน่งรองปลัดกระทรวงที่จำเป็นต้องรอผลการพิจารณาของรัฐสภาก่อน  มอบให้
เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นเจ้าของเรื่อง   การแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการรองรับการปรับใช้พระราช
บัญญัติทั้ง 2 ฉบับ  มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปองพล อดิเรกสาร) เป็นเจ้าของเรื่อง   และการสร้าง
ความเข้าใจ มอบให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา)  เป็นเจ้าของเรื่อง 
ทั้งนี้ ในการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว   ให้ดำเนินการในรูปของคณะกรรมการ   โดยให้ผู้ที่ได้รับมอบหมาย
เป็นเจ้าของเรื่องพิจารณากำหนดตัวบุคคล/หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง    แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีตามความจำเป็นต่อไป  กับให้ทุกกระทรวงประสานและติดตามการดำเนิน
การของคณะกรรมการแต่ละด้าน  และให้เตรียมการในกระทรวงเพื่อรองรับในทุกด้าน ซึ่งอาจต้องกำหนด
ใหม่หรือโอนไป   โดยตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินงาน   และอาจให้มีข้าราชการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
เข้ามาร่วมด้วยก็ได้

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอรายงานผลการพิจารณาของคณะกรรม
การพิจารณาการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเอกชนตามคำสั่ง ปร. 37 ในความควบคุม
ของกระทรวงกลาโหม โดยเห็นชอบให้บริษัท ใช้อินเตอร์เนชั่นแนลดีเวลล้อปเม้นต์  จำกัด  ขายและขนย้าย
ผลิตภัณฑ์ โดยการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรให้แก่บริษัท  ORICA - CCM  ENERGY  SYSTEMS  จำกัด 
ประเทศมาเลเซีย มูลค่าในการส่งออกเป็นเงิน 11,860 ดอลลาร์สหรัฐ และ131,100 ดอลลาร์สหรัฐ และ
บริษัท  ORICA SINGAPORE PTE LTD.  ประเทศสิงคโปร์  มูลค่าในการส่งออกเป็นเงิน  35,050  ดอลลาร์
สหรัฐ โดยขนย้ายไปเก็บที่คลัง MERU ประเทศมาเลเซีย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง การมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ทำหน้าที่
CEO โดยกระทรวงศึกษาธิการแจ้งเพิ่มเติมว่า สามารถมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่ CEO ดำเนิน
การแทนได้   และให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาดำเนินการตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 
พฤศจิกายน 2544 (เกี่ยวกับการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด CEO) แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาความปลอดภัยจากการใช้บริการสวนสนุก จากกรณี
เกิดเหตุเพลิงไหม้เครื่องเล่นรถไฟลอยฟ้าของสวนสนุกเมจิคไอส์แลนด์  ห้างสรรพสินค้าแฟชั่นไอแลนด์  เป็นเหตุ
ให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ ด.ญ.วริศรา มโนถิระกุล อายุ 6 ขวบ  และ ด.ญ.มัณฑการณ์ ภูวิเศษแสง อายุ 8 ขวบ  และมี
ผู้ได้รับบาดเจ็บ  2  ราย นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวได้ประชุมหารือเพื่อพิจารณาหามาตรการใน
การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านความปลอดภัยของการให้บริการของสวนสนุก  โดยตั้งคณะทำงานตรวจสอบความ
ปลอดภัยจากการใช้บริการของสวนสนุกในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทำการตรวจสถานที่ประกอบกิจการ
สวนสนุกว่ามีความปลอดภัยของเครื่องเล่น  อุปกรณ์  และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องแต่ละชนิดให้แล้วเสร็จภายใน
10 วัน และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นายอำเภอ และราชการส่วน
ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสถานประกอบการที่ได้มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน   รวมถึงการที่จะอนุญาต
จัดให้มีการเล่นหรือมหรสพตามสถานที่ต่าง ๆ กับเร่งรัดดำเนินการออกกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับผู้ตรวจสอบ
อาคารและการควบคุมเครื่องเล่นไฟฟ้าของสวนสนุกและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตเครื่องเล่นไฟฟ้าสวน
สนุก   รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคติดตามช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายจากกรณีประสบอุบัติ
เหตุดังกล่าว เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเกี่ยวกับการชดเชยความเสียหาย    ทั้งนี้   การดำเนินการดังกล่าวเป็นการคุ้ม
ครองสิทธิผู้บริโภคตามมาตรา  4 (3)  และ  (4)  แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค  พ.ศ. 2522    ตามที่
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเร่งรัดประสานงานการจ้างต่อ
เรือขุดหัวสว่าน ขนาด 28 นิ้ว จำนวน 3 ลำ ของกรมเจ้าท่า ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
(นายประชา  มาลีนนท์)  เสนอ  และที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอเพิ่มเติมในส่วนของการสอบสวนข้อ
เท็จจริง   ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามขั้นตอนของการสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนต่อไปควรดำเนินการทางวินัยตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2535 โดยให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย  ไม่ต้องรอผลการพิจารณาในเรื่องนี้จาก  ป.ป.ช.
ส่วนการจะให้พักราชการ หรือสั่งให้ออกจากราชการเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาจะพิจารณาให้เป็นไปตาม
ความเหมาะสมและกฎหมาย  หรือระเบียบปฏิบัติทางราชการ    โดยให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนิน
การให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2545 และวันที่  26  มีนาคม  2545 ต่อไป
เมื่อดำเนินการแล้วให้รายงานคณะรัฐมนตรีทราบด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ที่มีมติ
รับทราบรายงานผลการพิจารณาและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการค่าจ้าง  ชุดที่ 14   และให้รับความเห็น
ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (เกี่ยวกับการให้คณะกรรมการ ฯ  เร่ง
พัฒนาระบบไตรภาคีในทุกจังหวัดให้สมบูรณ์  เพื่อรองรับการกระจายอำนาจการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ
ไปสู่จังหวัด พัฒนาศักยภาพของผู้ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนในคณะอนุกรรมการไตรภาคีระดับจังหวัดให้เข้มแข็ง
พัฒนาระบบข้อมูลภาวะเศรษฐกิจสังคมในระดับจังหวัด ซึ่งจะนำมาใช้เป็นฐานในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้น
ต่ำให้มีความสมบูรณ์ถูกต้อง ส่งเสริมให้สถานประกอบการภาคเอกชนเห็นประโยชน์ของการมีโครงสร้างค่า
จ้างเงินเดือน  ส่วนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรของคณะกรรมการ ฯ  ให้เป็นองค์กรอิสระภายใต้สำนัก
นายกรัฐมนตรี ควรศึกษาข้อกฎหมายเพิ่มเติมว่าจะขัดกับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541  หรือ
ไม่   อย่างไร)  ไปพิจารณาดำเนินการด้วย     ทั้งนี้    ให้คณะกรรมการค่าจ้างอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ
กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมตามเดิม  ตามความเห็นของสำนักนายกรัฐมนตรี  และสำนักงาน ก.พ. 
กับให้กระทรวงแรงงาน ฯ เสนอ  "โครงการบริหารแรงงานและพัฒนาระบบค่าจ้างเพื่อเพิ่มศักยภาพในการ
แข่งขันของประเทศ"  ให้คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาต่อไป และ
เห็นชอบมาตรการเสริมช่วยค่าครองชีพ ตามที่กระทรวงแรงงาน ฯ  เสนอ  โดยให้รับความเห็นของส่วนราช
การที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอขอแก้ไขการคำนวณเงิน
ที่กรมเจ้าท่าชำระเกินให้แก่บริษัท Ellicott ซึ่งเดิมเสนอไว้เป็นเงิน  11,126,561.98  เหรียญสหรัฐ ฯ  เป็น
17,793,249.83  เหรียญสหรัฐ ฯ   และเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการเร่งรัดประสานงานการ
จ้างต่อเรือขุดหัวสว่าน ขนาด 28 นิ้ว  จำนวน  3  ลำ  (กรมเจ้าท่าควรเลิกสัญญาและใช้สิทธิเรียกร้องหลัก
ประกันทั้ง 2 ฉบับ  กับไม่จ่ายเงินคืนค่าภาษีต่าง ๆ  พร้อมทั้งเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตาม
สัญญา)  ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ  และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนิน
การตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2545  เกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ผู้
เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 โดยไม่จำเป็นต้อง
รอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.)  แล้วรายงาน
คณะรัฐมนตรีทราบด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาเรื่อง การมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
ทำหน้าที่ CEO  ตามที่กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงศึกษาธิการ รายงาน  โดยแจ้งว่า  
สามารถมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่  CEO  ดำเนินการแทนได้ และให้กระทรวงมหาดไทย
รับไปพิจารณาดำเนินการตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2544 แล้วนำเสนอคณะ
รัฐมนตรีต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่  4
(คกก.4) ที่มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการประชุมและแสดงสินค้า
แห่งประเทศไทย พ.ศ. .... (ให้จัดตั้งสำนักงานส่งเสริมการประชุมและแสดงสินค้าแห่งประเทศไทยมีฐานะ
เป็นองค์การมหาชน เพื่อเพิ่มศักยภาพและสร้างโอกาสในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบธุรกิจ  การประชุม
การท่องเที่ยว และการจัดแสดงสินค้าให้สามารถแข่งขันในภูมิภาคได้) ตามที่คณะกรรมการปฏิรูประบบ
ราชการเสนอ และเห็นชอบตามผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ส่งสำนัก
งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประเด็น
อภิปรายของ   คกก.4  (เกี่ยวกับชื่อของร่างพระราชกฤษฎีกา  ควรให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการ
จัดตั้งเป็นองค์การที่ไม่แสวงหากำไร และควรกำหนดคุณสมบัติของผู้อำนวยการให้ชัดเจน)  ไปพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติรายงานผล
การดำเนินงานตามนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยผลการดำเนินงานตั้งกองทุนหมู่บ้านในส่วน
ของการจัดตั้งกองทุนและโอนเงินแล้ว  69,026  หมู่บ้าน จากเป้าหมาย  71,364  หมู่บ้าน  ส่วนที่เหลือขึ้น
ทะเบียนกองทุนแล้ว 1,926 หมู่บ้าน ผ่านการพิจารณาระดับอำเภอ/จังหวัดแล้ว 1,637 หมู่บ้าน รอผลการ
พิจารณาของสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.)  จำนวน  1,637  หมู่บ้าน  สำหรับ
กองทุนชุมชนเมืองมีการจัดตั้งกองทุนและโอนเงินแล้ว 1,415 ชุมชน  จากเป้าหมาย 3,517 ชุมชน  สำหรับ
ส่วนที่เหลือมีการขึ้นทะเบียนกองทุน 456 ชุมชน ผ่านการพิจารณาอนุกรรมการระดับอำเภอ/จังหวัด 181
ชุมชน รอผลการพิจารณาของ  สทบ.  181  ชุมชน  และมีการเบิกจ่ายเพื่อนำไปปล่อยสินเชื่อให้กับสมาชิก
จำนวน  48,607  ล้านบาท    ได้มีการติดตามผลการดำเนินงานในบางพื้นที่  พบว่า  ส่วนใหญ่ดำเนินการ
ด้วยดีมีประสิทธิภาพ  ปัญหาที่เกิดขึ้น   ได้แก่   ปัญหาเกี่ยวกับบัณฑิตได้รับเงินช้า  ไม่เข้าใจบทบาทหน้าที่
คณาจารย์นิเทศก์ไม่เพียงพอ สถานที่เรียนไม่เหมาะสม

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ที่มีมติ
เห็นชอบผลการพิจารณาเรื่อง การกำหนดค่าตอบแทนของประธานกรรมการ กรรมการ  และอนุกรรมการ
ในภาพรวม ของคณะทำงานเพื่อพิจารณากำหนดค่าตอบแทน ฯ  ตามที่สำนักงาน  ก.พ.  เสนอ  ยกเว้นการ
เสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี (15 กันยายน 2541) ซึ่งให้ปรับลดเงินสมนาคุณกรรมการ  โดยปรับลด
ลงร้อยละ  50  จากอัตราเดิม  และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับผลการพิจารณาของคณะทำงาน
ในส่วนของค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงานของประธานกรรมการ   กรรมการ   และ
อนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไปแก้ไขร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทน ฯ  ตามที่
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ  ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการและมอบให้สำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  เมื่อวันที่  12  มิถุนายน  2544  ให้สอดคล้องกันด้วย   แล้วให้ดำเนินการต่อ
ไปได้ สำหรับการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา16 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542
เพื่อรองรับสิทธิการรับเงินค่าประกันสุขภาพและบำเหน็จตอบแทน   ให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารับไป
พิจารณาดำเนินการต่อไป และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง
ค่าเช่าที่พัก    และค่าตอบแทนอย่างอื่นของกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินคดีต่อกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับผลการพิจารณาของคณะทำงาน แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้    กับอนุมัติในหลักการการกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การฟอกเงิน และประธานกรรมการธุรกรรม   ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (พลเอก  ธรรม
รักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา) เสนอ รวมทั้งให้สำนักงาน ก.พ. รับไปพิจารณาทบทวนการปรับระดับตำแหน่ง
ของเลขาธิการ และรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้สอดคล้องกับการ
ปรับบทบาทภารกิจตามแผนปฏิรูประบบบริหารราชการภาครัฐต่อไป

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่ส่วนราชการต่าง ๆ ได้แจ้งผลการพิจารณา เรื่อง การมอบอำนาจ  
ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่ CEO  โดยส่วนราชการที่แจ้งว่า สามารถมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำ  
หน้าที่ CEO  ได้แก่   หน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี   สำนักงานคณะกรรมการพิเศษ   
เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงบประมาณ  สำนักงานอัยการสูงสุด  กระทรวง   
มหาดไทย  กระทรวงวิทยาศาสตร์  เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม  สำหรับส่วนราชการที่เห็นว่า ไม่สามารถมอบ 
อำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่ CEO ได้แก่ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการ  
กฤษฎีกา  สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร   สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา   และสำนักงานคณะกรรม  
การการเลือกตั้ง ทั้งนี้ มอบให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาดำเนินการตามแนวทางตามมติคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 12  พฤศจิกายน 2544 แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการขอจดทะเบียนจัดตั้ง การบริหาร การควบ และ 
การยกเลิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร  พ.ศ. ....  (กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการขอจดทะเบียนจัดตั้ง  การบริหาร  การ  
ควบ และการยกเลิกนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร  โดยให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยการ  
ชำระบัญชี เลิกห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด และบริษัท  มาใช้บังคับกับการชำระบัญชีของนิติบุคคลหมู่  
บ้านจัดสรร)  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับ 
ข้อพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และวิธีการลงคะแนนเสียงของสมาชิกหมู่บ้านจัด
สรร และการกำหนดการควบนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร) ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติยกเว้นความผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน 
เครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาตมามอบให้แก่ทางราช
การ  พ.ศ. ....  (ยกเว้นความผิดทางอาญาให้แก่ผู้ที่นำอาวุธปืน  เครื่องกระสุนปืน  หรือวัตถุระเบิด  ที่ไม่ได้รับ 
อนุญาต และที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาตมามอบให้แก่ทางราชการ  ภายในระยะเวลาที่กำหนด)  และร่าง 
กฎกระทรวง  ฉบับที่ ..  (พ.ศ.  ....)  ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน  เครื่องกระสุนปืน  วัตถุระเบิด
ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490  (แก้ไขเพิ่มเติมอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธ 
ปืน และใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว)  รวม  2  ฉบับ  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  และให้ส่งสำนักงาน 
คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา   โดยให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับ
ประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี   คณะที่  1 (ที่เห็นว่า  ไม่ควรกำหนด
อัตราโทษไว้ในร่างพระราชบัญญัติ ฯ  เนื่องจากพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 มีอัตราโทษสูงอยู่แล้ว  
และเพิ่มข้อความในร่างพระราชบัญญัติยกเว้นความผิดทางอาญา  ฯ  พ.ศ. ....  ให้ครอบคลุมถึงอาวุธสงคราม 
ด้วย  ส่วนการขอปรับจำนวนปีการต่ออายุใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว จาก 1 ปี เป็น 2 ปี ให้นำความเห็น 
ดังกล่าวไปประกอบการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ พ.ศ. 2490 ในโอกาสต่อไป) และ 
ข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี (เกี่ยวกับการประกาศใช้บังคับร่างพระราชบัญญัติ ฯ ให้มีผลตั้งแต่วันประกาศใน 
ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป   รวมทั้งการยกเว้นความผิดกรณีผู้มีอาวุธปืน ฯ  ไว้ในครอบครองโดยพนักงาน 
เจ้าหน้าที่ไม่ทราบ แต่ได้นำอาวุธปืน ฯ มามอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนด ให้ยกเว้นเฉพาะกรณี  
ดังกล่าวเท่านั้น) ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการร่างกฎกระทรวงต่อไปได้ สำหรับร่างพระราชบัญญัติให้ส่ง 
คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินงานโครงการเงิน  
กู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร  ครั้งที่ 7  ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2544  โดยผลการพิจารณาโครง  
การของคณะกรรมการบริหารจัดการโครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตร ได้พิจารณาอนุมัติแผนงาน/ 
โครงการ รวมทั้งสิ้น 17 โครงการ  วงเงิน 18,044.44 ล้านบาท  โดยยกเลิก  1  โครงการ  และอยู่ระหว่างการ
พิจารณาเพื่อนำเสนอคณะกรรมการบริหาร  ฯ  2  โครงการ  โดยส่วนราชการที่ได้รับการอนุมัติโครงการได้จัด
ทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายของแต่ละโครงการให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติค่าใช้จ่าย ซึ่งสำนักงบประมาณ    
ได้อนุมัติค่าใช้จ่ายแล้ว รวมทั้งสิ้น 13 โครงการ  วงเงิน  11,576.77  ล้านบาท  เบิกจ่ายแล้ว  4,837.95  ล้าน 
บาท  รวมทั้งทำสัญญาและผูกพันที่จะต้องเบิกจ่ายอีก 2,458.84 ล้านบาท  ทั้งนี้  ผลการดำเนินงานโครงการ  
ส่วนใหญ่ได้ผลตามแผนในกิจกรรมการก่อสร้างปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวกับการสร้างงานในพื้นที่หรือการรวมกลุ่ม 
เพื่อเตรียมชุมชน สำหรับผลการดำเนินงานตามกรอบมาตรการด้านนโยบาย  (Policy Matrix)  รวม  72  ราย  
การ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 22 รายการ ส่วนที่เหลืออีก 50 รายการ ซึ่งประกอบด้วย มาตรการที่เป็นเงื่อนไข
การเบิกเงินกู้งวดจูงใจพิเศษ 10 รายการ ดำเนินการแล้วเสร็จ 7 รายการ มาตรการที่เป็นเงื่อนไขการเบิกเงิน
งวดสุดท้าย  11  รายการ  ได้จัดทำหลักฐานการดำเนินงานเพื่อนำเสนอ  ADB  แล้วเสร็จ  10  รายการ  และ 
มาตรการที่ไม่เป็นเงื่อนไขการเบิกเงินกู้ 29 รายการ ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว 18 รายการ

                คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 (คกก.1) 
ที่มีมติเห็นชอบร่างแผนแม่บทเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด  ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 
ฉบับที่ 9 (พ.ศ. 2545-2549) ที่ปรับปรุงใหม่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติ
การร่วมกัน   รวมทั้งใช้เป็นกรอบในการจัดสรรทรัพยากรต่อไป   และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยา  
เสพติด  (ป.ป.ส.)  และคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตามแนวทางการใช้พลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะยาเสพติดร่วมกับ  
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่  และรายงานผล 
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นระยะ ๆ ต่อไป ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของ คกก.1 (ที่ให้  ป.ป.ส.  พิจารณาเพิ่มเติมองค์ประกอบ     
ของคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตามแนวทางการใช้พลังแผ่นดินเพื่อเอาชนะปัญหายาเสพติด  เพื่อให้การดำเนิน  
ตามแผนแม่บทมีเอกภาพและประสิทธิภาพ   โดยให้มีผู้แทนของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง  เช่น  กระทรวงกลาโหม 
(ปลัดกระทรวงกลาโหม) ทบวงมหาวิทยาลัย (ปลัดทบวงมหาวิทยาลัย) ร่วมเป็นกรรมการด้วย) ไปประกอบการ
ดำเนินการด้วย

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ที่มีมติ 
เห็นชอบในหลักการของร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตตั้งสถานบริการ  โดยมีสาระ 
สำคัญเกี่ยวกับกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการงดอนุญาตตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครนายก  จังหวัดพิจิตร 
จังหวัดสุโขทัย  จังหวัดอ่างทอง  และจังหวัดสตูล  และกำหนดเขตพื้นที่เพื่อตั้งสถานบริการในท้องที่กรุงเทพ
มหานคร จังหวัดลำปาง จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดตาก จังหวัดภูเก็ต จังหวัดนครราชสีมา  
จังหวัดชลบุรี และจังหวัดเชียงราย  ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ  รวม 10 ฉบับ  และให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยนำข้อคิดเห็นต่าง ๆ ในที่ประชุม (ที่เห็นว่า สถานบริการที่อยู่ใกล้วัด 
และโรงเรียนควรจัดการให้ดีเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการจัดระเบียบสังคม  รวมทั้งการกำหนดเขตพื้นที่จัด 
ตั้งสถานบริการใหม่โดยยังคงให้สถานบริการเดิมยังดำเนินการอยู่ต้องปฏิบัติตามร่างพระราชกฤษฎีกา ฯ) 
ไปประกอบการพิจารณา

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณา เรื่อง การมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่     
CEO ตามที่กระทรวงคมนาคม  สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และ    
สำนักงาน  ก.พ.  เสนอ  และให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อเสนอดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการ   รวมทั้งให้  
กระทรวง ทบวง กรม รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. (เกี่ยวกับขั้นตอนการมอบอำนาจของปลัดกระทรวง   
และอธิบดีให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อทำหน้าที่  CEO) ไปพิจารณาดำเนินการ  โดยให้ประสานกับกระทรวง 
มหาดไทย  และให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าของเรื่องผู้รับผิดชอบ  และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบ
ต่อไป ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า ในชั้นต้น ให้แต่ละกระทรวงพิจารณามอบอำนาจของปลัดกระทรวง
ให้หัวหน้าส่วนราชการของตนในจังหวัดเพื่อบูรณาการเฉพาะ 5 จังหวัดนำร่องก่อน  และให้มีคณะผู้บริหาร
จังหวัด เพื่อกำหนดทิศทางของจังหวัด  โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด  CEO  เป็นหัวหน้าคณะผู้บริหาร  ตัวแทน 
หัวหน้าส่วนราชการของแต่ละกระทรวงในจังหวัดตามที่ได้รับมอบหมายกระทรวงละ  1  คน เป็นกรรมการ 
และให้ถือว่าทุกหน่วยงานมีสิทธิเท่ากัน  กับให้คณะผู้บริหารจังหวัดจัดทำยุทธศาสตร์ในการพัฒนาจังหวัด 
ร่วมกัน   โดยกระจายอำนาจหน้าที่แต่ละหน่วยงานอย่างเหมาะสม   ส่วนทรัพยากรบุคคลและงบประมาณ
ในการดำเนินการ  นั้น   ให้ดำเนินการตามที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วตามปกติ   โดยไม่มีการขอสิทธิพิเศษ 
ใด ๆ    และเมื่อดำเนินการไประยะหนึ่งอาจต้องพิจารณากำหนดคุณลักษณะของผู้ว่าราชการจังหวัด  CEO 
เพื่อกำหนดเป็นบรรทัดฐาน   มอบให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อควบคุม
ติดตามประเมินผล  และเสนอแนะทั้งระบบ   โดยให้รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน   และให้ทุก
กระทรวง  ทบวง  ที่มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในจังหวัดแต่งตั้งผู้แทนซึ่งเป็นข้าราชการในระดับ  10  ร่วมเป็น
กรรมการด้วย และให้รายงานผลให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดทราบด้วย

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาภาพรวมโครงการและแนวทางการพิจารณาโครงการที่ 
หน่วยงานต่าง  ๆ  เสนอขอรับการสนับสนุนจากค่าใช้จ่ายสำรองเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในงบประมาณราย 
จ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2545  (รายงานครั้งที่  5)  โดยภาพรวมโครงการ จากข้อมูล   ณ   วันที่  30 
กันยายน 2544 กระทรวง ทบวง และหน่วยงานต่าง ๆ ได้เสนอโครงการ จำนวน 814 โครงการ วงเงินลงทุน 
รวม 103,699.45 ล้านบาท  ซึ่งผลการพิจารณาโครงการในเบื้องต้นพบว่า  มีโครงการที่ผ่านการกลั่นกรอง
จากกระทรวง/ทบวงเจ้าสังกัดแล้ว จำนวน 775 โครงการ  วงเงิน 102,966.71 ล้านบาท  และโครงการที่ยัง  
ไม่ผ่านการกลั่นกรองจากกระทรวง/ทบวงเจ้าสังกัด (หน่วยงานเสนอโดยตรง) จำนวน  39  โครงการ วงเงิน 
732.74 ล้านบาท  ทั้งนี้ โครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากกระทรวง/ทบวงเจ้าสังกัดดังกล่าวส่วนใหญ่อาจมี 
ผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มากเท่าที่ควร  คณะกรรมการกลั่นกรองโครงการเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 
จึงเห็นควรส่งคืนโครงการทั้งหมดให้กระทรวง/ทบวงเจ้าสังกัดเพื่อไปพัฒนาและจัดเตรียมโครงการให้มีความ 
สมบูรณ์ สามารถก่อให้เกิดผลประโยชน์ในวงกว้าง และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง โดยให้ประมวล/รวบ
รวมโครงการต่าง ๆ  จัดทำเป็นแผนงาน  หรือ National Program ที่มีจุดเน้น (Focus) ชัดเจน ครบวงจร และ 
สามารถก่อให้เกิดผลประโยชน์ในวงกว้าง  (Mass)  ทุกพื้นที่  และการจัดเตรียม  National  Program  ในแต่
ละเรื่องต้องประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญที่มีความเกี่ยวข้องและสนับสนุนสอดคล้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 
ทั้งนี้   ได้มอบหมายให้คณะทำงานพัฒนาและจัดเตรียมโครงการ   ประกอบด้วย   เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะ 
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงการคลัง  และสำนักงบประมาณ  เป็นผู้ประสาน  
การจัดทำแผนงานร่วมกับหน่วยงานรับผิดชอบหลัก    ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ
และสังคมแห่งชาติเสนอ