กระทรวงอุตสาหกรรม เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบแนวทาง แก้ไขปัญหาเพื่อทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ซึ่งกรมทรัพยากรธรณี กรมป่าไม้ และสำนักงาน - คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้ตกลงและให้ความเห็นชอบร่วมกันดังนี้ 1.ให้กันพื้นที่ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาทรัพยกากรธรณีตามนโนบายของรัฐบาล และข้อผูกพันที่รัฐบาลต่อภาคเอกชนออกจากพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งกรมป่าไม้จะดำเนินการ จำแนกเพิ่มเติมอีก 44 ล้านไร่ ได้แก่พื้นที่แหล่งหินปูนซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อการผลิตของ อุตสาหกรรมปูนซิเมนต์ 2.คำขอประทานบัตร และประทานบัตรให้เข้าทำการสำรวจแหล่งแร่และทำเหมืองแร่ ได้ ในพื้นที่คาบเกี่ยวหรือทับซ้อนกับพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (44 ล้านบาท) 3.แนวทางการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่เขตนิคมสร้างตนเอง กรมประชาสงเคราห์ กระทรวง- มหาดไทย และเขตนิคมสหกรณ์ กรมส่งเสริม สหกรณ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอให้ พิจารณาอนุมัติในหลักการให้ผู้ประกอบการเข้าทำประโยชน์ได้ในกรณีที่มีแหล่งแร่ในเชิง พาณิชย์ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงานมีความเห็นว่า การกันพื้น ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาทรัพยากรธรณีออกจากพื้นที่ ป่าอนุรักษ์ทั้งการจะจำกัด เฉพาะพื้นที่รัฐได้อนุญาตให้มีการขยาย และจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมซิเมนต์ไปแล้วเท่านั้น และต้องไม่รวมพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 เอ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบไว้แล้ว ทั้งนี้ไม่ควรอนุญาต ให้ผู้ประกอบการรายเดียวถือประทานบัตรเป็นเนื้อที่จำนวนมาก และหากผู้ถือประทานบัตร ไปดำเนินการทำเหมืองในเวลาอันสมควรก็สมควรเรียกประทานบัตรคืน เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม ,กระทรวง- เกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รับความเห็นไปพิจารณา ดำเนินการดังนี้ 1.1 ความเห็นของ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการพลังงาน 1.2 ในการอนุญาตให้เช่าทำประโยชน์ ให้คำถึงการรักษาทัศนียภาพ 2.สำหรับการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่เขตนิคมสร้างตนเอง ของกรมประชาสงเคราะห์ มท.ให้ส่งเรื่องกลับไปยัง คกก.ฯฝ่ายเศษฐกิจเพื่อรับข้อสังเกตของ คณะรัฐมนตรีไปพิจารณา ว่า 2.1วัตถุประสงค์ของการจัดที่ดินให้แก่ประชาชน ตาม พระราชบัญญัติจัดที่ดิน เพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 นั้นเพื่อให้ประชาชนใช้เป็นที่ทำกิน ดังนั้นหากพบแหล่งแร่ ในพื้นที่ดังกล่าว จะต้องมีการดำเนินการจัดทำแร่ในกรณีที่ยังมิได้จัดสรรที่ดินให้ประชาชน และคงไม่สามารถใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้ จึงสมควรพิจารณา ว่าจะสมควรเพิกถอนพื้นที่ออกจากการเป็นนิคมฯแล้วให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบเข้าไป ควบคุมดูแล 2.2กรณีที่จำเป็นต้องอพยพโยกย้ายราษฎรออกจากพื้นที่ที่ราษฎรได้รับ การจัดสรรทำกินอยู่เพื่อนำพื้นที่ดังกล่าวไปทำแร่นั้นสมควรให้ การชดเชยแก่ราษฎร ให้เหมาะสม การพิจารณาจ่ายค่าชดเชยพิเศษนอกเหนือจากค่าขนย้ายและค่าทดแทน อื่น ๆ รวมทั้งให้คำนึงรายได้ของท้องถิ่นที่พึงได้รับด้วย
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย