คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการนโยบายหนี้
ของประเทศ รายงานการปรับปรุงแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ครั้งที่ 1 โดย
ในส่วนของแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  ได้มีการถอนโครงการออกจากแผน
ดังกล่าว 3 โครงการ วงเงินรวม  215.18  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  และบรรจุโครงการหลักเพิ่มเติม  1  โครงการ  คือ
โครงการจัดซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 ลำที่ 18 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) วงเงิน 190.48 ล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งแผนการก่อหนี้จากต่างประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ภายหลังการปรับปรุงครั้งที่
1 มีโครงการลดลงเหลือ 4 โครงการ เป็นโครงการหลักทั้งหมด  และวงเงินรวมลดลงจาก  972.90 ล้านดอลลาร์
สหรัฐ เป็น  948.20  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  ส่วนแผนเงินกู้ในประเทศทดแทนเงินกู้จากต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546  ได้มีการถอนโครงการออกจากแผน ฯ  3  โครงการ ของการรถไฟแห่งประเทศ
ไทยเนื่องจากไม่สามารถกู้เงินได้ทันภายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 ปรับลดวงเงิน  1  โครงการ  คือ  โครงการ
ปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 7 ของการประปานครหลวง จาก  850  ล้านบาท  เป็น  650  ล้านบาท
และบรรจุโครงการเพิ่มเติมรวม 3 โครงการ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค  ซึ่งแผนเงินกู้ในประเทศทดแทนเงินกู้จาก
ต่างประเทศดังกล่าว ภายหลังการปรับปรุงครั้งที่ 1 จะมี 6 โครงการ วงเงินรวมลดลงจาก  5,524.04  ล้านบาท
เป็น 4,020.08 ล้านบาท ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายหนี้ของประเทศได้ให้ความเห็นชอบในการกำหนดเพดาน
เงินกู้ในประเทศทดแทนเงินกู้จากต่างประเทศของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ  พ.ศ. 2546   ในวงเงินไม่เกิน
9,000 ล้านบาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ
พิจารณากำหนดสำนักงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษระดับจังหวัด โดยให้มีองค์ประกอบใหม่ ดังนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัด
เป็นประธานกรรมการ ปลัดจังหวัด  สาธารณสุขจังหวัด  นายช่างแขวงการทาง  หัวหน้าทางหลวงชนบท  ผู้แทน
กระทรวงศึกษาธิการ 3 คน เป็นกรรมการ คลังจังหวัด  เป็นกรรมการและเลขานุการ  และเจ้าหน้าที่บริหารงาน
การคลังที่คลังจังหวัดมอบหมาย เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการปรับปรุงโครงสร้างสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่
จาก 75 พื้นที่ เป็น 81 พื้นที่ และพื้นที่สาขา จาก 124 สาขา เป็น 178 สาขา  เพื่อให้การจัดเก็บภาษีมีความคล่อง
ตัวและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2545 เรื่อง มาตรการการกำหนด
อัตรากำลังและการแต่งตั้งข้าราชการในระหว่างการปรับโครงสร้างกระทรวง   ทบวง   กรมใหม่   โดยรับความเห็น
และข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ  สำนักงาน ก.พ.  และสำนักงบประมาณ ไป
พิจารณาดำเนินการด้วย  โดยในส่วนของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการมีข้อสังเกตว่า การจัดแบ่งพื้นที่จัดเก็บ
ภาษี กรมสรรพสามิตควรคำนึงถึงความสะดวกของลูกค้า หรือผู้เสียภาษี  และควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะต้อง
นำมาใช้สนับสนุนการบริหารจัดการจัดเก็บภาษีด้วย    ส่วนสำนักงาน ก.พ.  มีความเห็นว่า  การจัดอัตรากำลังเจ้า
หน้าที่เพื่อปฏิบัติงานในสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่และพื้นที่สาขาที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ควรให้กรมสรรพสามิตและสำนัก
งาน ก.พ. ร่วมกันพิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังจากส่วนราชการต่าง ๆ ภายในกรม มากำหนดเป็นอัตรากำลังเจ้าหน้า
ที่เพื่อปฏิบัติงาน  โดยไม่มีผลกระทบต่องบประมาณด้านบุคคล  สำหรับสำนักงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นว่า  งบ
ประมาณเพื่อการบริหารการจัดเก็บภาษีในปีต่อไปนั้น ให้กรมสรรพสามิตเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยรับทราบผลการเจรจาต่อรองปรับลดหนี้ค่าน้ำมัน
พร้อมดอกเบี้ยขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้ข้อสรุปว่า ขสมก.
จะต้องชำระหนี้ค่าน้ำมันพร้อมดอกเบี้ยให้แก่บริษัท ปตท. ฯ เป็นเงิน 1,883.88 ล้านบาท (ค่าน้ำมัน 1,838.52
+ดอกเบี้ย 45.36 ล้านบาท) และอนุมัติให้ ขสมก. กู้เงินจำนวน 1,883.88 ล้านบาท  เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว  โดย
ให้  ขสมก.  เป็นผู้ชำระต้นเงิน  ดอกเบี้ย   และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน   โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธี
การกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆ ในการกู้เงินได้ตามความเหมาะสมและค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้
กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการ
แก้ไขปัญหาขาดทุน และฐานะการเงินของ ขสมก.  โดยให้  ขสมก.  เร่งรัดการปรับปรุงกิจการตามมาตรการเพิ่ม
รายได้และลดค่าใช้จ่าย  รวมทั้งเร่งรัดการดำเนินการกำหนดบทบาทที่ชัดเจนของ  ขสมก.  ที่จะให้ดำเนินกิจการ
เดินรถต่อไป  หรือโอนกิจการให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานท้องถิ่น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย  นอกจากนี้  คณะ
รัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า  การแก้ไขปัญหาการขาดทุน และการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ของ ขสมก. ให้ดียิ่งขึ้น  ขสมก.  จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบทบาทและแนวทางการดำเนินงานจากเดิมให้สอดคล้อง
กับแผนหลักด้านการจราจรขนส่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่จะมีระบบการขนส่งมวลชนอื่น ๆ  เข้า
มามีบทบาทในการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และ ขสมก. จะต้องลดบทบาทจากหน่วยงานรับส่งหลัก (main trunk)
ลงมาเป็นหน่วยงานรับ-ส่งต่อ  (feeder)  มากขึ้น กับให้  ขสมก.  พิจารณาแนวทางการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้าน
เชื้อเพลิงลง เช่น การนำก๊าซธรรมชาติมาใช้แทนน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพ
มหานครและปริมณฑลได้อีกทางหนึ่งด้วย

                      รับทราบรายงานการศึกษาวิจัยตามโครงการศึกษาวิจัยเรื่อง การใช้ชื่อสกุลของหญิงที่
สมรสแล้ว ของคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย และอนุมัติหลักการตามที่คณะกรรมการปรับปรุงกฎหมายเพื่อการ
พัฒนาประเทศเสนอ ร่างพระราชบัญญัติชื่อบุคคล  (ฉบับที่  ..)  พ.ศ.  ....  (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การใช้ชื่อสกุล
ของหญิงและอัตราค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยชื่อบุคคล) และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ
พิจารณา โดยให้รับร่างพระราชบัญญัติชื่อบุคคล (ฉบับที่  ..) พ.ศ. ....  ที่กระทรวงมหาดไทยเสนอไปประกอบการ
พิจารณาด้วย    แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา    ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร
พิจารณาต่อไป สำหรับรายงานการศึกษาวิจัยของโครงการศึกษาวิจัยเรื่องการใช้ชื่อสกุลของหญิงที่สมรสแล้วของ
คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย  สรุปได้ว่า  กรณีจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายให้หญิงที่สมรสแล้วมีสิทธิเลือกใช้
ชื่อสกุลได้   ไม่น่าจะเกิดปัญหาหรือผลกระทบต่อสถาบันครอบครัว  หากครอบครัวนั้นอยู่กันด้วยความเอื้ออาทร
และความเข้าใจ   จึงเห็นควรมีการเปิดโอกาสให้หญิงที่สมรสแล้วมีสิทธิในการเลือกใช้ชื่อสกุลได้  โดยการแก้ไขบท
บัญญัติมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 เพื่อให้สิทธิแก่หญิงที่สมรสแล้วในการเลือกใช้ชื่อสกุล 
โดยจะเลือกใช้ชื่อสกุลเดิมของตนหรือใช้ชื่อสกุลของสามีก็ได้

          คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ
เอเชีย-ยุโรป  ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 23 - 24 กรกฎาคม 2546  ที่เมืองบาหลี  ประเทศอินโดนีเซีย  และเห็นชอบข้อ
พิจารณาเกี่ยวกับการติดตามผลการประชุมดังกล่าว  โดยผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป  ครั้งที่
5 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและผู้แทนจากประเทศสมาชิก ASEM รวม  26  ราย  เข้าร่วมการ
ประชุมและหารือในเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การหารือด้านการเมืองและความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและอื่น ๆ
และให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอโครงการ ASEM Seminar on the Management  of  Public  Health  Emergency
ของจีน  พร้อมทั้งรับทราบข้อเสนอโครงการใหม่อีก  3  โครงการ ได้แก่ โครงการ  ASEM Oceans Initiative  ของ
ฟิลิปปินส์  โครงการ Human Rights Education : Manual on Understanding Human Rights ของออสเตรีย  และ
โครงการ  ASEM  Symposium  on  an  Iron  Silk  Road  ของเกาหลีใต้ และในโอกาสดังกล่าว ฝ่ายไทยได้แจ้งให้
ที่ประชุมทราบความคืบหน้าของการเตรียมการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชน  ASEM (ASEM Youth Games) ที่ไทย
จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในปี  พ.ศ. 2547   โดยได้เวียน  Concept  Paper  ของโครงการดังกล่าวให้ที่ประชุม
พิจารณาเป็นผู้ร่วมสนับสนุน  (Co-Partner) โดยรัฐบาลเดนมาร์กยินดีที่จะเป็นผู้ร่วมสนับสนุนโครงการดังกล่าว
ของไทย  นอกจากนี้  ที่ประชุมได้พิจารณาเกี่ยวกับการขยายสมาชิกภาพของ  ASEM  การปรับปรุงกระบวนการ
ASEM  การเตรียมการประชุมระดับผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 5  (ASEM 5 )  ที่กรุงฮานอย ระหว่างวันที่  8 - 9 
ตุลาคม  2547    ซึ่งมีหัวข้อหลักของการประชุมที่เน้นเรื่องการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างเอเชียและยุโรป 
(Further  Revitalizing  and  Substantiating  the  Asia-Europe  Partnership)  และการจัดการประชุมรัฐมนตรี
ต่างประเทศเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 6  ที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ระหว่างวันที่ 19 - 21 เมษายน 2547 
ในการนี้   ที่ประชุมได้ออกแถลงการณ์ทางการเมืองว่าด้วยการป้องกันการแพร่ขยายของอาวุธที่มีอำนาจทำลาย
ล้างสูง โดยเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ปฏิบัติตามพันธกรณีของสนธิสัญญาและอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยว
ข้อง  ตลอดจนรับรองเอกสาร Chair's Statement ซึ่งเป็นเอกสารสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-
ยุโรป ครั้งที่ 5

           คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอให้องค์การแบตเตอรี่กู้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร
กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ภายในวงเงิน 30 ล้านบาท  ต่อไปอีก  1  ปี  ตั้งแต่วันที่  16  กรกฎาคม  2546  ถึงวันที่ 
15 กรกฎาคม 2547 โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน และให้องค์การแบตเตอรี่รับความเห็นของกระทรวง
การคลัง  ที่เห็นควรให้เร่งปรับปรุงการบริการสินค้าคงเหลือ และลูกหนี้การค้าให้สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดเร็วขึ้น
เพื่อให้มีเงินสดเพียงพอเพื่อใช้หมุนเวียนในการดำเนินการได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากภายนอกองค์กร ซึ่ง
จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ยเงินกู้ลงได้ ไปดำเนินการด้วย และให้รองนายกรัฐมนตรี  (นายสมคิด จาตุศรี
พิทักษ์)  รับไปพิจารณาร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  กระทรวงการคลัง  และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
 ถึงแนวทางในการปรับปรุงโครงสร้างการดำเนินงาน    และการบริหารจัดการขององค์การแบตเตอรี่ให้มีประสิทธิ
ภาพ ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น หากจำเป็นต้องโอนขายให้เอกชน (Privatize) ก็ให้กระทำได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า  ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเกี่ยวกับการ
ยกเลิกหรือปรับปรุงคณะกรรมการชุดต่าง ๆ  โดยให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านรับไปพิจารณา
ทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการคงไว้ของคณะกรรมการต่าง  ๆ      หากไม่มีความจำเป็นหรือเห็นควร
ปรับปรุง  ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป  นั้น  เนื่องจากยังมีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดต่าง ๆ เพิ่มเติมอีก
ทั้งที่เป็นคณะกรรมการตามมติคณะรัฐมนตรีและตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีทำให้ยังคงมีจำนวนคณะกรรมการ
ในภาพรวมจำนวนมากสมควรที่จะมีการพิจารณาทบทวนความจำเป็นเหมาะสมของการคงไว้ของคณะกรรม
การต่าง ๆ อีกครั้งหนึ่ง   ประกอบกับตามร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการ
บ้านเมืองที่ดี พ.ศ. .... มาตรา 25 กำหนดว่า การตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาใด ๆ ให้
ดำเนินการได้เท่าที่จำเป็นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้   จึงขอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายเลขา
นุการของคณะกรรมการเพื่อศึกษาตรวจสอบ      และเสนอแนะการปรับปรุงการบริหารงานในรูปของคณะ
กรรมการรับไปพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมของคณะกรรมการคณะต่าง ๆ ว่าจะสมควรยุบ ยุบรวม หรือ
ยกเลิกคณะกรรมการคณะใดที่หมดความจำเป็น เพื่อให้เหลือจำนวนคณะกรรมการต่าง ๆ น้อยที่สุด  ทั้งนี้ 
ในการดำเนินการให้ประสานและตรวจสอบข้อมูลกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย   และ
นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

           คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานโครงการธนาคารประชาชน
ครบรอบ  2  ปี สรุปได้ว่า โครงการธนาคารประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาลของธนาคารออมสิน ซึ่งเริ่มดำเนิน
การอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่  25  มิถุนายน  2544  จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 2 ปี  โดยผลการดำเนินโครงการ ฯ 
ณ  วันที่ 30 มิถุนายน 2546  มีจำนวนสมาชิกทั้งหมด  596,478  ราย  จำนวนสมาชิกที่ยื่นขอกู้  700,023  ราย 
จำนวนสมาชิกที่อยู่ระหว่างรออนุมัติ 63,132 ราย จำนวนสมาชิกที่ได้รับเงินกู้ 636,891 ราย  จำนวนเงินที่อนุมัติ
กู้ 12,156.40 ล้านบาท จำนวนเงินที่ได้รับชำระคืน  6,708.95  ล้านบาท จำนวนเงินกู้คงเหลือ  5,447.45  ล้าน
บาท จำนวนเงินกู้คงเหลือของหนี้ค้างชำระเกิน  3  เดือน  359.58  ล้านบาท  โดยมีจำนวนสมาชิกค้างชำระเกิน  3  
เดือน  27,244 ราย  หนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือนต่อสินเชื่อคงเหลือ ร้อยละ 6.57 และหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือนต่อสิน
เชื่อทั้งหมด ร้อยละ  3.05  โดยในส่วนของการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างชำระที่เกิน  3  เดือน   ธนาคารออมสินได้ดำเนิน
มาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร่งรัดและติดตามในลักษณะถึงตัวลูกค้าและผู้ค้ำประกันทั้งในส่วนกลางและสาขา 
และออกรับฝากเงินนอกสถานที่อย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งสอบถามปัญหากับลูกค้าที่ผิดนัดเพื่อหาทางช่วยเหลือและ
แนะนำ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้ผลเป็นที่น่าพอใจ  โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ ฯ  และปริมณฑล ทำให้จำนวนสิน
เชื่อค้างชำระลดลง   นอกจากนี้  ธนาคารออมสินได้กำหนดแผนการและยุทธศาสตร์สำหรับการดำเนินงานในระยะ
ต่อไปเพื่อขยายผลการดำเนินงานโครงการ ฯ  โดยส่งเสริมและพัฒนาให้มีการจัดตั้งกลุ่ม  โดยมีแกนนำหรือ Nucleus 
เพื่อส่งเสริมให้เกิดกระบวนการรวมกลุ่มโดยให้สมาชิกเลือกตัวแทนทำหน้าที่รวบรวมเงินฝาก     และเงินที่จะชำระคืน  
รวมทั้งรับรองสมาชิกภายในกลุ่มก่อนมีการขอกู้เงินจากธนาคาร พัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้เฉพาะโครงการ  ฯ
พิจารณาให้สินเชื่ออื่น ๆ  กับสมาชิกโครงการ ฯ อาทิ  สินเชื่อธุรกิจห้องแถว  สินเชื่อโครงการบ้านออมสินเพื่อประชา
ชน  เป็นต้น    ตลอดจนการนำระบบบริหารจัดการสินเชื่อโครงการแบบบูรณาการมาใช้ทั้งในส่วนกลางและระดับ
ปฏิบัติการ โดยเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปรับปรุงกระบวนการติดตามสินเชื่อคงค้าง

             คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ที่มีมติ
เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์โอนเงินงบประมาณรายจ่ายประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 งบเงินอุดหนุนรายการเงินอุดหนุนทั่วไป จำนวน 600 ล้านบาท  เข้าเป็นกองทุน
พัฒนาสหกรณ์ (กพส.) เพื่อให้สหกรณ์กู้ยืมไม่เสียดอกเบี้ย  และนำไปให้สมาชิกกู้โดยไม่เสียดอกเบี้ยรายละ
3,000  บาท  เพื่อฟื้นฟูอาชีพตามแผนการดำเนินการผลิตของสมาชิกแต่ละราย โดยมีเงื่อนไขเปลี่ยนแปลง
ไปจากมติคณะรัฐมนตรีเดิมเมื่อวันที่  12  พฤศจิกายน  2544  ดังนี้ ถ้าสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการได้รับการ
ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และสามารถชำระหนี้ได้ตามแผน กพส. จะยกหนี้เงินกู้รายละ  3,000  บาท ให้  แต่
ถ้าสมาชิกผิดนัดชำระหนี้ตามที่ได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้  สมาชิกจะต้องส่งเงินกู้คืน กพส.  นอกจาก
นี้ เงินที่สถาบันเกษตรกรส่งคืนเข้า กพส.  และเงินช่วยเหลือจากการดำเนินงาน ให้ กพส. นำไปใช้ตามวัตถุ
ประสงค์ของ กพส. ต่อไป

                         อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี  คณะที่ 7  (คกก.7)
ที่มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....  และร่างพระราช
บัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรม
การกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว   โดยมอบให้ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติล้ม
ละลาย  (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปแก้ไขเพิ่มเติมตามความเห็นของ คกก.7  ที่เห็นว่าการปรับปรุงแก้ไขค่าธรรมเนียม 
เช่น ค่าขึ้นศาล  ค่ายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเสียใหม่ นั้น  อาจมีปัญหาในทางปฏิบัติว่า คดีล้มละลาย
ที่ได้ดำเนินการ  หรือที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนวันที่กฎหมายใช้บังคับจะคิดคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมตามกฎหมายใด  
จึงสมควรกำหนดบทเฉพาะกาลในเรื่องดังกล่าวตามแนวทางที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรี
ต่อไป  ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบสมควรส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อน
นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอร่าง
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี  ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ  (ฉบับที่ 2)  พ.ศ. ....  โดยสาระ
สำคัญของร่างประกาศฉบับนี้เป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการในคณะกรรมการแก้ไขปัญหา
การบุกรุกที่ดิน โดยเพิ่มเติมอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคง
ของมนุษย์  และอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการดังกล่าว 
และเพิ่มเติมคำว่า "หรือผู้แทน" ในร่างข้อ 5 (5)-(22)  เพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ 
กรณีที่หัวหน้าส่วนราชการติดภารกิจสำคัญไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่การประชุมได้   แล้วให้ส่งสำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้กรมชลประทานเปลี่ยนแปลง
ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการปรับปรุงระบบกักเก็บน้ำ  โครงการชลประทานอุทัยธานี
(เขาขี้ฝอย)  1 แห่ง  ในวงเงิน 113,622,728 บาท  จากเดิมปีงบประมาณ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2548  เป็นปี
งบประมาณ พ.ศ. 2546-พ.ศ. 2549 สำหรับการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนัก
งบประมาณ  โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2546 จำนวน  24,000,000  บาท  
และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2549 จำนวน 89,622,728 บาท

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประธานคณะกรรมการพิจารณาค่าใช้
จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ  (16,500 ล้านบาท)  เสนอโครง
การที่ขอใช้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม จำนวน  2  โครงการ วง
เงิน 286.152 ล้านบาท ได้แก่  โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ  จังหวัดเชียงใหม่  วงเงิน
230.202 ล้านบาท และโครงการพัฒนาระบบเครือข่ายสื่อสารข้อมูลของกระทรวงการคลัง วงเงิน 55.950 ล้าน
บาท  ทั้งนี้  คณะรัฐมนตรีมีข้อสังเกตว่า โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดเชียงใหม่
ควรมีการพิจารณาในภาพรวมร่วมกับโครงการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก 2549 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวัน
ที่ 24 มิถุนายน 2546 อนุมัติให้จัดที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงเชียงใหม่  จึงให้กระทรวงการคลังนำข้อสังเกตดังกล่าว
ไปหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  เพื่อพิจารณาในเชิงบูรณาการ
ด้วย

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหมวงรอบ 
มีนาคม-เมษายน 2546 และวงรอบพฤษภาคม-มิถุนายน 2546 ซึ่งประกอบด้วยผลการดำเนินงานทางการทูตทาง
ทหาร  การจัดระเบียบชายแดน  การเตรียมความพร้อมรบ  การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพ  และการปฏิบัติการทาง
ทหารที่มิใช่สงคราม

            คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ประธานคณะกรรมการพิจารณาค่าใช้
จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ (16,500  ล้านบาท) เสนอโครง
การที่ขอใช้งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 6 โครงการ  วง
เงินทั้งสิ้น 624.28 ล้านบาท   โดยให้สำนักงบประมาณรับไปตรวจสอบข้อมูลการเบิกจ่ายเงินค่าใช้จ่ายของโครง
การต่าง ๆ  ที่ได้รับอนุมัติจัดสรรเงินไปแล้ว หากโครงการใดยังมิได้ดำเนินการใด  ๆ  และยังไม่มีการเบิกจ่ายเงิน
โดยไม่มีเหตุผลจำเป็นก็ให้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรเป็นอันพับไป  และให้นำเงินงบประมาณดังกล่าวมารวมไว้ที่
สำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมและจำเป็นอีกครั้งหนึ่งต่อไป  ทั้งนี้ ให้รายงานข้อ
มูลให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย  สำหรับโครงการที่ขอใช้งบกลาง ฯ  จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ โครงการวิจัยและ
พัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน : สินค้ายุทธศาสตร์หลักทางการเกษตร 4 ราย
การ วงเงิน 464 ล้านบาท โครงการศึกษาวิธีการฉายรังสีแมลงในผลิตผลการเกษตรด้วยรังสีแกมมาในทางการ
ค้า วงเงิน  0.574  ล้านบาท  โครงการสร้างภาคีในการผลิตบัณฑิตระดับปริญญาโท-เอก  ระหว่างสถาบันวิจัย
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยกับสถาบันการศึกษาวงเงิน 25 ล้านบาท และโครงการเผยแพร่เพื่อ
การพัฒนาใช้ประโยชน์ข้อมูลดาวเทียมและภูมิสารสนเทศระดับท้องถิ่น วงเงิน  6.741  ล้านบาท  ของกระทรวง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โครงการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีชีวภาพด้านการแพทย์และสาธารณสุขวงเงิน 77.965
ล้านบาท ของกระทรวงสาธารณสุข และโครงการเที่ยวเมืองงามยามราตรี (City Night Tour) วงเงิน  50.0  ล้าน
บาท ของกรุงเทพมหานคร

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน
2536, 12 กันยายน 2538, 4 กุมภาพันธ์ 2540  และ  24  พฤศจิกายน  2541  เกี่ยวกับการพิจารณาให้ความช่วย
เหลือพม่าในการปรับปรุงถนนท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง จำนวน 4 มติ  โดยเปลี่ยนจากการให้ความช่วยเหลือพม่าด้านการ
ปรับปรุงถนนท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง เป็นให้ความช่วยเหลือพม่าด้านการปรับปรุงเส้นทางเมียวดี-กอกะเร็ก-ผาอัน โดย
นำเงินจำนวน  300  ล้านบาท  จากกองทุนให้ความช่วยเหลือพัฒนาเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้านในโครงการปรับ
ปรุงถนนสายท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง มาใช้ในการให้ความช่วยเหลือปรับปรุงเส้นทางเมียวดี-กอกะเร็ก-ผาอัน แทน

             คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอแผนงาน/โครงการที่เสนอขอใช้งบกลาง ราย
การค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคม ประกอบด้วย 1 แผนงาน และ 2 โครงการ ได้แก่
(1) แผนงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 3 โครงการ  วงเงินรวม 39.2 ล้านบาท  ประกอบ
ด้วย  โครงการการพัฒนากระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมเพื่อให้ได้มาตรฐานสากล
วงเงิน 30 ล้านบาท โครงการพัฒนาเครื่องจักร เครื่องมือ  และอุปกรณ์แปรรูปของอาหารไทย วงเงิน  7. 1 ล้าน
บาท  และโครงการเพิ่มศักยภาพบุคลากรเพื่อโรงงานเครื่องเคลือบดินเผา จังหวัดราชบุรี  วงเงิน  2.1  ล้านบาท 
ทั้งนี้   ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์  ฯ   สามารถปรับปรุงวงเงินงบประมาณในแต่ละโครงการได้ตามความเหมาะสม
และจำเป็น  โดยไม่เกินวงเงินรวมที่ได้รับจัดสรรทั้ง 3 โครงการ  (2)  โครงการจัดเก็บภาษีอากรเพื่อเพิ่มขีดความ
สามารถในการแข่งขัน (ระยะที่ 2) กรมสรรพากร วงเงิน  334.732  ล้านบาท  และ (3) โครงการพัฒนาสภาพ
แวดล้อมชุมชนและบูรณาการที่อยู่อาศัย และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนผู้มีรายได้น้อย  และชุมชนเมือง  (การ
เคหะแห่งชาติ)  วงเงิน 439.950 ล้านบาท

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (คกก.7) ที่มี
มติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้มีการลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงรับโอนกรรมสิทธิ์เครื่องจักรและ
อุปกรณ์ทั้ง 2 โครงการ คือ โครงการโรงงานกระดาษ และโครงการโรงงานเหล็ก จากองค์การ NEDO และให้ยกเว้น
การขึ้นทะเบียนครุภัณฑ์เครื่องจักรและอุปกรณ์ของโครงการโรงงานเหล็ก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย
การพัสดุ พ.ศ. 2535  โดยให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของ คกก.7 ที่เห็นควรพิจารณาปรับปรุงระเบียบสำนัก
นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ ฯ ให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการบริหารงานภาครัฐและการบริการประชาชนใน
รูปแบบของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government) และสอดคล้องกับร่างพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และ
วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการและอยู่ระหว่างการพิจารณาของ
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา  และโดยที่ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีหลักการที่สำคัญในการจัดซื้อหรือจัด
จ้าง โดยให้ส่วนราชการดำเนินการโดยเปิดเผยและเที่ยงธรรม โดยพิจารณาถึงประโยชน์และผลเสียต่อสังคม ภาระ
ต่อประชาชน  คุณภาพ   วัตถุประสงค์ที่จะใช้   ราคาและประโยชน์ระยะยาวของส่วนราชการที่จะได้รับประกอบกัน
นอกจากนี้   ในการปรับปรุงระเบียบดังกล่าว ควรกำหนดให้มีองค์กรเพื่อทำหน้าที่พิจารณายกเว้นการปฏิบัติตาม
ระเบียบโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นรายกรณี ไปพิจารณาดำเนินการด้วย