ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 366 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 7301 - 7320 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
7301 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย | มท. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย
มีสาระสำคัญเป็นการอนุญาตให้คนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อการพำนักระยะยาว
(Long-term resident visa : LTR Visa)
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามนโยบายรัฐบาลและมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์)
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าเมื่อได้ประกาศใช้ไประยะหนึ่งแล้ว
สมควรที่จะต้องมีการประเมินผลว่า บรรลุวัตถุประสงค์ในการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้ามาทำงานในประเทศหรือไม่
เพื่อที่จะได้ปรับปรุงประกาศดังกล่าวต่อไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราให้ยึดหยุ่นมากขึ้น และให้หน่วยงานพิจารณาและเสนอการกำหนดคุณสมบัติให้ชัดเจนในประกาศเพื่อที่คณะรัฐมนตรีจะได้พิจารณาไปในคราวเดียวกัน
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7302 | ขอความเห็นชอบในหลักการให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการทางธุรกิจ โดยวิธีการประมูล | นร. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
ขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับการให้บริการกระจายเสียง
ประเภทกิจการทางธุรกิจ โดยวิธีการประมูล เนื่องจากหน่วยงานที่ถือครองคลื่นความถี่ตามแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่
(พ.ศ. ๒๕๕๕) จะต้องคืนคลื่นความถี่ให้กับ กสทช. ภายในวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๕
เพื่อทำการจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่ และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
ถูกจัดอยู่ในประเภทกิจการธุรกิจที่ต้องขออนุญาตใช้คลื่นความถี่ ด้วยวิธีการประมูล
ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ให้บริษัท อสมท
จำกัด (มหาชน) มีการประเมินทิศทางธุรกิจในอนาคต
และกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงานของธุรกิจดังกล่าวให้ชัดเจน
รวมถึงถือปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๕
โดยเคร่งครัดต่อไป
จัดทำแผนการบริหารความเสี่ยงทั้งในกรณีที่ไม่สามารถประมูลคลื่นความถี่ให้อยู่ครบตามจำนวนการถือครองคลื่นที่มีอยู่เดิม
และกรณีผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามกฎหมาย รวมทั้งจัดทำแผนกลยุทธ์ด้านการตลาดในเชิงรุก
ศึกษา วิจัยและพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงแนวทางการให้บริการ
โดยปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจทที่สอดคล้องและเหมาะสมตามสถานการณ์ปัจจุบัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7303 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ 10) พ.ศ. 2562 - 2566 | มท. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรี
เรื่อง โครงการจัดส่งนักศึกษาชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้
เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย (ระยะที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๖ ในประเด็นปรับเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับทุนอุดหนุนการศึกษาจากนักศึกษาชาวไทยมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นกลุ่มผู้ได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดในจังหวัดชายแดนภาคใต้
และเปลี่ยนชื่อโครงการเป็น “โครงการจัดส่งนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าศึกษาต่อมหาวิทยาลัย”
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรถือปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
จัดให้มีระบบการติดตามประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบฐานข้อมูลและระบบติดตามประเมินผลผู้สำเร็จการศึกษาและโครงการในภาพรวม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7304 | รายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เรื่อง การป้องกันและลดอันตรายจากอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุจากการไม่สวมหมวกนิรภัย | สผผ. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานเสนอต่อคณะรัฐมนตรีกรณีที่หน่วยงานของรัฐยังมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องครบถ้วนตามหมวด
๕ หน้าที่ของรัฐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ เรื่อง
การป้องกันและลดอันตรายจากอุบัติเหตุทางถนนที่มีสาเหตุจากการไม่สวมหมวกนิรภัย สรุปได้
ดังนี้ (๑) ให้กระทรวงมหาดไทย
กำหนดให้นโยบายและมาตรการด้านความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระเร่งด่วนและสนับสนุนการผลักดันการจัดกิจกรรมต่าง
ๆ ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนนให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละจังหวัดและทุกจังหวัด
(๒) ให้กระทรวงคมนาคม
เร่งรัดพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดให้ผู้กระทำผิดกฎหมายจราจรและผู้ที่ได้รับใบสั่งต้องเข้ารับการอบรม
(๓) ให้กระทรวงศึกษาธิการ บรรจุหลักสูตรเรื่องความปลอดดภัยทางถนนและสร้างจิตสำนึกในการสวมหมวกนิรภัยให้แก่เด็กและเยาวชน
(๔) ให้กระทรวงสาธารณสุข
สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมในการรณรงค์ส่งเสริมการสร้างค่านิยมเรื่องการสวมหมวกนิรภัยในชุมชน
(๕) ให้กระทรวงแรงงาน ประสานผู้ประกอบกิจการจัดโครงการรณรงค์ “สวมหมวกนิรภัย ๑๐๐%”
และจัดกรอบแนวทางการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยภายในสถานประกอบกิจการ
และ (๖) ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย
และนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้การบังคับกฎหมายมีประสิทธิภาพ
ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน
กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง
ครบถ้วนตามหน้าที่และอำนาจต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7305 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางแค เขตบางแค และแขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... | มท. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงบางแค
เขตบางแค และแขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงบางแค
เขตบางแค และแขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร เพื่อขยายคลองและก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็กคลองพระยาราชมนตรีช่วงจากคลองหนองใหญ่ถึงคลองภาษีเจริญ
เพื่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมและระบบระบายน้ำอันเป็นกิจการเพื่อประโยชน์สาธารณะ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป
และรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และกระทรวงมหาดไทยควรประสานกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การบริหารจัดการการระบายน้ำในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร
ลงสู่โครงการแก้มลิงคลองมหาชัย-คลองสนามชัยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7306 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย | รง. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คนต่างด้าวและผู้ติดตามซึ่งเป็นคู่สมรสของคนต่างด้าวตามร่างประกาศกระทรวงแรงงาน
เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย
(ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทยฯ อยู่ระหว่างดำเนินการเสนอคณะรัฐมนตรี)
สามารถขออนุญาตทำงานในประเทศไทยได้ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรมอบหมายให้ กรมการจัดหางาน
กระทรวงแรงงาน
เร่งรัดออกประกาศการการจัดหางานเพื่อกำหนดสถานที่ยื่นคำขอและแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวที่ได้รับสิทธิ์ตามประกาศฉบับนี้
และหาแนวทางปรับปรุงระบบการยืนยันตัวตนในการยื่นคำขอใบอนุญาตทำงานตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
(สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7307 | ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา รวม 4 ฉบับ | อว. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา
โดยให้รวมทุนหมุนเวียนเพื่อสถาบันอุดมศึกษาเอกชนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่
รวมทั้งแก้ไขบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้มีความสอดคล้องกัน
ซึ่งการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเป็นไปเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษา
และส่งเสริมการผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
การวิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับมติของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา
และความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติ รวม ๔
ฉบับดังกล่าวเป็นร่างกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรพิจารณาความคุ้มค่า
ต้นทุนและผลประโยชน์ เสถียรภาพและความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
ตลอดจนความยั่งยืนทางการคลังของรัฐ ตามาตรา ๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ควรกำหนดกลไกและมาตรการรวมทั้งส่งเสริมการจัดการศึกษาร่วมกันระหว่างสถาบันอุดมศึกษา
หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สถาบันวิชาการ ทั้งในและต่างประเทศ
ควรพิจารณากำหนดเบี้ยประชุมหรือประโยชน์ตอบแทนอื่น ควรแก้ไขบทบัญญัติในร่างพระราชบัญญัติการอุดมศึกษา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และรูปแบบการดำเนินงานที่ควรได้รับการจัดสรรงบประมาณให้มีความชัดเจน
และให้ความสำคัญกับการกำหนดผลสัมฤทธิ์และตัวชี้วัดของการดำเนินงานของโครงการที่มีความท้าทาย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7308 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ รวม ๒ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการอื่นเดิมที่ขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มกราคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของประธานกรรมการหรือกรรมการซึ่งตนแทน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายพชร อนันตศิลป์ ประธานกรรมการ ๒. นายบุญชัย
จรัสแสงสมบูรณ์ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7309 | การพ้นจากตำแหน่งของกุงสุลกิตติมศักดิ์สหราชอาณาจักรประจำจังหวัดภูเก็ต (นายมาร์ติน ชาลส์ ริชาร์ด คาร์เพนเตอร์) | กต. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการพ้นจากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์สหราชอาณาจักรประจำจังหวัดภูเก็ตของ
นายมาร์ติน ชาลส์ ริชาร์ด
คาร์เพนเตอร์ (Mr. Martin Charies Carpenter) ตั้งแต่วันที่ ๑๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๔ เนื่องจากขอยุติการปฏิบัติหน้าที่เพื่อไปประกอบธุรกิจส่วนตัว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7310 | ผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ครั้งที่ 1/2565 | คค. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ครั้งที่ ๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๕ โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เป็นประธานกรรมการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นรองประธานกรรมการ พร้อมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม สรุปได้ ดังนี้ (๑) รับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑/๒๕๖๕ สั่ง ณ วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๕ เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการบูรณาการการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน (๒) รับทราบความก้าวหน้าโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (๓) รับทราบผลการประชุมไตรภาคีเพื่อหารือแนวทางการเชื่อมโยงรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ (๔) รับทราบสถานะการค้าและการขนส่ง ภายหลังรถไฟลาว-จีน เปิดให้บริการ (๕) เห็นชอบแผนการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน (๖) เห็นชอบในหลักการการกำกับติดตามเพื่อขับเคลื่อนดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป และ (๗) เห็นชอบในหลักการการจัดทำกรอบความตกลง (Framework Agreement) การขนส่งทางรถไฟระหว่างไทย ลาว และจีน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7311 | รัฐบาลจาเมกาเสนอขอแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์จาเมกาประจำประเทศไทย (นางสาววรัดดา รัตนิน) | กต. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาววรัดดา รัตนิน ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์จาเมกาประจำประเทศไทย สืบแทน
นายชิงชัย หาญเจนลักษณ์ ซึ่งขอลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๓๑ กรกฎาคม
๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7312 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวนุสรา กาญจนกูล และนางโสรดา เลิศอาภาจิตร์) | พณ. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑. นางสาวนุสรา กาญจนกูล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7313 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสราวุธ ชีวะประเสริฐ) | นร14 | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสราวุธ ชีวะประเสริฐ
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์น้ำ
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7314 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา (นางบุษกร ปราบณศักดิ์) | กษ. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางบุษกร
ปราบณศักดิ์ ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการองค์การสะพานปลา
แทนกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ มกราคม ๒๕๖๕) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7315 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (1. นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ฯลฯ จำนวน 6 คน) | ดศ. | 18/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวน ๖ ราย เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบบวาระสี่ปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๘ มกราคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายชัยชนะ มิตรพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๒. นายอุดมเกียรติ
บุญวรเศรษฐ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๓. นายพีรเดช ณ น่าน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๔. นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๕. นางสาวภัทรา โชติวิทยะกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๖. นายปกรณ์ นิลประพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7316 | ขอความเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน (นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย) | คค. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย
ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเดือนละ
๑๙๐,๐๐๐ บาท
ค่าตอบแทนพิเศษประจำปี รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ผู้รับจ้างจะได้รับ
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้นางสาวภัคณัฏฐ์ มากช่วย
ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7317 | แผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 | กสศ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖
ภายในกรอบวงเงิน ๗,๕๙๐.๓๔๔๘ ล้านบาท
ตามนัยมาตรา ๖ (๓) ของพระราชบัญญัติกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๑ โดยให้ กสศ จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
พร้อมรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายและค่าใช้จ่ายที่ชัดเจน ตามความจำเป็นอย่างเหมาะสม
และไม่ซ้ำซ้อนในการสนับสนุนเงินและค่าใช้จ่ายให้แก่เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส
ตลอดจนพิจารณานำเงินนอกงบประมาณหรือเงินอื่นใดของ กสศ. มาสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้ครอบคลุมทุกแหล่งทั้งเงินงบประมาณและเงินนอกงบประมาณ
เพื่อให้สอดคล้องตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายวิธีการงบประมาณ ซึ่งสำนักงบประมาณจะได้พิจารณารายละเอียดของแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของ
กสศ. ให้สอดคล้องกับแนวทางและหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ อีกครั้งหนึ่ง
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษารับความเห็นของกระทรวงการคลัง
ที่เห็นควรให้ผู้จัดการ กสศ. ในฐานะผู้บริหารทุนหมุนเวียน
ตามนัยพระราชการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘
ทำหน้าที่กำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนงานอย่างใกล้ชิด
พร้อมทั้งรายงานผลให้คณะกรรมการบริหาร กสศ. ทราบอย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7318 | ขออนุมัติขยายกรอบระยะเวลาและปรับรายละเอียดโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่ | กษ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒
พฤศจิกายน ๒๕๕๙ (เรื่อง ขออนุมัติโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่)
โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับรายละเอียดโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
รวมทั้งให้ขยายกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการดังกล่าว ดังนี้ ๑.๑ ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
จากเดิมตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๙-เมษายน ๒๕๗๐ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน
๒๕๗๕ ๑.๒ ระยะเวลาการจ่ายเงินกู้
จากเดิมตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๙-ธันวาคม ๒๕๖๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๗๔ ๑.๓ ระยะเวลาการชดเชยดอกเบี้ยจากภายใน
๕ ปี นับแต่วันกู้ จากเดิมไม่เกินเดือนธันวาคม ๒๕๖๙ เป็นไม่เกินเดือนธันวาคม ๒๕๗๔ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศ เช่น
ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่เกษตรกรเพื่อให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงโครงการอย่างเท่าเทียม
มีการทบทวนและประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการฯ และปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่รัฐชดเชยให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในโครงการฯ
จากเดิมร้อยละ ๓ คงเหลือร้อยละ ๒.๘๗๕ (ตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในปัจจุบัน) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ติดตาม ประเมินผล และพิจารณาความจำเป็นและเหมาะสมในการดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาการเกษตรแบบแปลงใหญ่ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ (เรื่อง ขออนุมัติวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ปี ๒๕๖๔/๖๕ เพิ่มเติม) โดยหากการดำเนินโครงการฯ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายให้พิจารณายุติการดำเนินโครงการ
เพื่อให้สามารถนำวงเงินเหลือจ่ายมาใช้ในการดำเนินโครงการอื่นที่มีความจำเป็นต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7319 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 | นร.11 สศช | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๑/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๕ ประกอบด้วย (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้ (๑)
โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชาชนในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๒๐,๐๐๑,๑๕๐ โดส (Pfizer) โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงิน จากเดิม
สิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็น สิ้นสุดภายในเดือนมกราคม ๒๕๖๕ และ (๒)
โครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด ๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย
เพิ่มเติม จำนวน ๙,๙๙๘,๘๒๐ โดส (Pfizer) โดยขยายระยะเวลาดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงิน จากเดิม
สิ้นสุดภายในเดือนธันวาคม ๒๕๖๔ เป็น สิ้นสุดภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจรับวัคซีน
และรวบรวมเอกสารสำหรับประกอบการเบิกจ่าย
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้
เห็นควรมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดให้กรมควบคุมโรค เร่งรัดการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ขอขยายอย่างเคร่งครัด รวมถึงดำเนินการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการฯ
ในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการฯ
โดยเร็วต่อไป และ (๒) อนุมัติให้กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงานในธุรกิจ
SMEs โดยปรับปรุงเงื่อนไขการจ่ายเงินอุดหนุนตามโครงการฯ ในเดือนธันวาคม
๒๕๖๔-มกราคม ๒๕๖๕
ภายใต้เงื่อนไขการลงทะเบียนและนำส่งข้อมูลเงินสมทบผ่านระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์
(ระบบ e-Service)
เพื่อให้กลุ่มนายจ้างเป้าหมายของโครงการฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ได้รับความช่วยเหลือตามโครงการฯ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้ความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
ทั้งนี้ เห็นควรให้กรมการจัดหางานเร่งดำเนินโครงการฯ ให้แล้วเสร็จในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการฯ แล้ว
ให้กรมการจัดหางานเร่งปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดโครงการฯ ในระบบ eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการฯ โดยเร็ว ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดกำกับดูแลให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนด
และติดตามการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วน
และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม
พ.ศ. ๒๕๖๔ เร่งดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
และในกรณีที่ไม่สามารถดำเนินการได้แล้วเสร็จตามเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้
เห็นควรให้เร่งเสนอยกเลิกโครงการต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาตามขั้นตอนของข้อ ๑๙
ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อให้การบริหารเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
7320 | การยกเลิกเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าหอมหัวใหญ่ตามพันธกรณีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย - นิวซีแลนด์ (TNZCEP) | กษ. | 11/01/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเลิกหลักเกณฑ์ตามพันธกรณีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์
(Thailand-New
Zealand Closer Economic Partnership : TNZCEP)
ข้อ ๓) “ให้นำเข้าเฉพาะกรณีที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการผลิตและแปรรูปในกิจการของตนเอง
และห้ามจำหน่ายจ่ายโอน” เฉพาะสินค้าหอมหัวใหญ่ ส่วนเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่และมันฝรั่ง
ให้คงเงื่อนไขไว้เหมือนเดิม ตามที่คณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่ควรติดตามและกำกับดูแลการนำเข้าสินค้าหอมหัวใหญ่อย่างใกล้ชิด
รวมทั้งรายงานผลการนำเข้าสินค้าดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ทราบเป็นระยะ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|