ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1769 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 35361 - 35380 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35361 | ร่างพระราชบัญญัติยกเว้นความผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด หรือยุทธภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาต มามอบให้แก่ทางราชการ พ.ศ. .... | นร | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติยกเว้นความผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืน เครื่อง
กระสุนปืน วัตถุระเบิด หรือยุทธภัณฑ์ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาตมามอบให้แก่ทาง ราชการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ผู้ที่มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด หรือยุทธภัณฑ์ที่ไม่ได้รับ อนุญาต หรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาต และมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนำมามอบให้แก่ทาง ราชการภายในระยะเวลาที่กำหนด ได้รับยกเว้นความผิดทางอาญา ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
35362 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ แก้ไขกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับเงินเดือน พ.ศ. 2551 ในส่วนการให้ได้รับเงิน เดือนของผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับอาวุโส และตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ เพื่อให้ข้าราช การดังกล่าวได้รับเงินเดือนสอดคล้องกับการปรับเงินเดือนข้าราชการพลเรือนสามัญเข้าสู่อัตราในบัญชีเงินเดือนขั้น ต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนสามัญที่ปรับใหม่ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยให้แก้ไขตามข้อสังเกตของเลขาธิ การคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับกรณีคำปรารถของร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญได้รับ เงินเดือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้อ้างบทอาศัยอำนาจตามมาตรา 50 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราช การพลเรือน พ.ศ. 2551 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามแบบการร่างกฎหมาย สมควรระบุบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจไว้ในร่างกฎ ก.พ. ฉบับนี้ด้วย และให้ดำเนินการต่อไปได้ 2. กรณีมีการเสนอร่างกฎ ก.พ. ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นสม ควรแก้ไขเพิ่มเติมให้ประสานกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา
|
||||||||||||||||||||||||
35363 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์รับราชการต่อไป (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์
รับราชการต่อไป (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดกรณีที่ส่วนราชการใดไม่อาจดำเนินการได้ เพราะเหตุ ที่ตำแหน่งที่ประสงค์จะให้ข้าราชการพลเรือนสามัญรับราชการต่อไป ไม่ได้เป็นตำแหน่งที่ ก.พ. กำหนดให้ไว้ก่อน ให้ ส่วนราชการนั้นระบุตำแหน่งและตัวบุคคลที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวพร้อมทั้งจัดทำข้อมูลเสนอ อ.ก.พ.กรม หรือ อ.ก.พ. กระทรวง แล้วแต่กรณี และ ก.พ. เพื่อพิจารณาตามลำดับ โดยต้องเสนอให้ ก.พ. พิจารณาภายในเดือนมิถุนายนของปี งบประมาณนั้น ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
35364 | การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือนสามัญ และการปรับบัญชีเงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ | นร | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมีมติเกี่ยวกับการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือนสามัญ ดังนี้
1. อนุมัติให้ใช้งบประมาณในส่วนงบกลาง เพื่อการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือน สามัญและการปรับเงินเดือนเพื่อชดเชยข้าราชการผู้ได้รับผลกระทบ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 และกำหนดบทเฉพาะกาลให้เงินเดือนแรกบรรจุแบบช่วง ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 ตามที่สำนัก งาน ก.พ. เสนอ 2. เห็นชอบการปรับบัญชีเงินเดือน ค่าจ้าง และค่าตอบแทนรายเดือนของบุคลากรภาครัฐ โดยให้มีผลใช้ บังคับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 และให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติเสนอ 3. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 9 ฉบับ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.2 ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือน พ.ศ. .... 1.3 ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และ นักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหม พ.ศ. .... 1.4 ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.5 ร่างพระราชกฤษีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการตุลาการ และดะโต๊ะยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.6 ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการอัยการ พ.ศ. .... 1.7 ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นของสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... 1.8 ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรม นูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานกรรม การและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. .... 1.9 ร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. .... 4. กรณีค่าตอบแทนของประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการพิจารณา เงินเดือนแห่งชาติ เสนอให้ปรับ โดยเสนอบัญชีค่าตอบแทนของประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่ง ชาติ เป็นบัญชี 4 ท้ายร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประธานกรรมการ กรรม การ และอนุกรรมการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลัก การเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 นั้น เนื่องจากร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่นของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการ การเลือกตั้ง ฯลฯ เมื่อผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว ดังนั้น เพื่อให้ประธานกรรมการและกรรมการสิทธิมนุษย ชนแห่งชาติได้รับการปรับค่าตอบแทนในครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 เช่นเดียวกับบุคลากรภาครัฐประเภท อื่น จึงอนุมัติตามที่คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติเสนอ และให้ส่งร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวพร้อมกับ บัญชี 4 ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ 5. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานรับไปหารือร่วมกันเกี่ยวกับการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของ ลูกจ้าง แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||
35365 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่มีข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นการเฉพาะ | สช | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 มติที่ 6 โรคติดต่ออุบัติใหม่ ซึ่งคณะกรรมการ สุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2553 พิจารณาเห็นชอบให้คณะ กรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกันควบคุม และแก้ไขสถานการณ์โรคไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ และโรคระบาดร้ายแรงในมนุษย์ เป็นกลไกดำเนินการตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 พ.ศ. 2552 โดยให้ คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ นำมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินการทั้ง เรื่ององค์ประกอบของคณะกรรมการ บทบาทการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เพื่อการบริหารจัดการโรคติดต่ออุบัติใหม่ แบบบูรณาการภายในระยะเวลา 1 ปี และการจัดทำข้อเสนอจัดตั้งกลไกระดับชาติเพื่อจัดการปัญหาโรคติดต่ออุบัติ ใหม่ที่มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีส่วนร่วมต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติที่เกี่ยวข้อง ต่อไป ตามที่สำนักงาน คสช. เสนอ 2. ให้คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เห็นควรเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมฯ ในส่วนของผู้แทนองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ผู้แทนภาคประชาสังคม และผู้แทนสื่อมวลชน ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาไปสู่ การปฏิบัติได้รวดเร็ว สามารถหยุดยั้งปัญหาไม่ให้ลุกลามบานปลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
||||||||||||||||||||||||
35366 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลห้วยสะแก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลห้วยสะแก อำเภอเมือง
เพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลห้วย สะแก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจ พิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
35367 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน และตำบลหนองป่าก่อ ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน
ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน และตำบลหนองป่าก่อ ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ให้เป็น เขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน ตำบลท่าข้าว เปลือก อำเภอแม่จัน และตำบลหนองป่าก่อ ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ ดิน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนิน การต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
35368 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำลำฉมวก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำลำฉมวก เป็น
ทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำ ลำฉมวก ในท้องที่ตำบลหลุ่งประดู่ อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่า ชลประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
35369 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำขุดใหม่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำขุดใหม่ เป็นทาง
น้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำขุดใหม่ จากกิโลเมตรที่ 0.000 ในท้องที่ตำบลพระยาบันลือ อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถึงกิโลเมตรที่ 23.500 ในท้องที่ตำบลบางบัวทอง อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชล ประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้ว ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
35370 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่บางส่วน ในท้องที่ตำบลตบหู อำเภอเดชอุดม ตำบลโนนสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย ตำบลยาง ตำบลยางใหญ่ ตำบลเก่าขาม ตำบลบุเปือย ตำบลสีวิเชียร ตำบลโซง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลไพบูลย์ ตำบลตาเกา และตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ออกจากป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วน พ.ศ. .... | ทส | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ บางส่วน
ในท้องที่ตำบลตบหู อำเภอเดชอุดม ตำบลโนนสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย ตำบลยาง ตำบลยางใหญ่ ตำบลเก่าขาม ตำบลบุเปือย ตำบลสีวิเชียร ตำบลโซง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลไพบูลย์ ตำบลตาเกา และตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ออกจากป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอได้
|
||||||||||||||||||||||||
35371 | รัฐบาลสาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์เสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายรูเบน อี. ซาโมรา (Mr. Ruben I. Zamora)] | กต | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายรูเบน อี. ซาโมรา (Mr. Ruben I. Zamora) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัคร
ราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐเอลซัลวาดอร์ประจำประเทศไทยคนใหม่ สืบแทน นางแพทริเชีย ฟิเก โรอา (Mrs. Patricia Figueroa) โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
35372 | ข้อมูลข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร | นร | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อมูลบัญชีรายชื่อและประวัติบุคคลของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหาร ในสายงานบริหาร (นักบริหาร) สายงานบริหารงานปกครอง (นักปกครอง) สายงานตรวจราชการ กระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง) และสายงานบริหารการทูต (นักบริหารการทูต) ของส่วนราชการ จำแนกตาม ส่วนราชการและความเชี่ยวชาญพิเศษในรูปแบบ CD-Rom ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
35373 | รายงานผลความก้าวหน้าในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง (ครั้งที่ 7) | นร | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลความก้าวหน้าการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่
ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการเมือง ตามที่คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากการชุมนุมทางการ เมือง (คชส.) เสนอ ดังนี้ 1. คชส. ได้เห็นชอบให้มีการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนฯ ไปแล้ว 6 ครั้ง และได้กำหนดจ่ายเงินช่วยเหลือครั้งที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2553 เป็นต้นไป และจะเร่งรัดให้ผู้ที่มีรายชื่อมา รับเงินช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 27 สิงหาคม 2553 รวมจ่ายเงินช่วยเหลือทั้งสิ้นจำนวน 3,061 ราย เป็นเงิน 153,050,000 บาท 2. สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ทรัพย์สินเสียหายที่มีคุณสมบัติเข้าตามหลักเกณฑ์ที่คณะ รัฐมนตรีกำหนดให้จ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นเพิ่มเติม เนื่องจากหลังเกิดเหตุทางราชการไม่อนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบ ทรัพย์สินในอาคาร เกรงว่าจะได้รับอันตรายนั้น ที่ประชุม คชส. ครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2553 ได้มีมติ 2.1 ให้กรุงเทพฯ รับเรื่องขอความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ได้รับความเสียหาย เป็นการเฉพาะรายที่เพิ่งสามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุได้ในภายหลัง รวมทั้งกลุ่มที่ยื่นร้องเรียนใหม่และร้องขอ อุทธรณ์ ณ ศูนย์บริการประชาชน (1111) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และให้นำเสนอ คชส. เพื่อพิจารณา ในการประชุมครั้งต่อไป 2.2 จัดส่งข้อมูลของผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชนที่ได้รับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นจาก คชส. ทั้ง 7 ครั้ง รวม 3,061 ราย และข้อมูลของผู้ที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ คชส. กำหนด ให้แก่คณะกรรมการชุดอื่น ๆ หรือหน่วย งานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
35374 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย - อินโดนีเซีย ครั้งที่ 4 | กห | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูงไทย-
อินโดนีเซีย ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยมีผู้บัญชาการทหาร สูงสุดไทย และผู้บัญชาการทหารสูงสุดอินโดนีเซีย เป็นประธานร่วม สรุปได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมรับทราบการดำเนินการที่สำคัญตามผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ 3 ได้แก่ 1.1 ข้อเสนอเพื่อความร่วมมือของฝ่ายไทย ทั้งสองฝ่ายสามารถหารือและดำเนินงานแล้ว 4 ประเด็น ได้แก่ การขยายความร่วมมือด้านการรักษาสันติภาพ การขยายภารกิจของการร่วมลาดตระเวนในช่องแคบมะละ กาเพื่อแก้ปัญหาโรฮิงญา การส่งเสริมความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัย พิบัติ (HA/DR) และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการแพทย์ทางทหาร และเห็นชอบให้ระงับการนำประเด็นเข้าสู่ ที่ประชุม จำนวน 2 ประเด็น ได้แก่ การศึกษาความร่วมมือระหว่างอินโดนีเซียกับออสเตรเลียในการแก้ปัญหาการ ค้ามนุษย์ และการให้ความช่วยเหลืออินโดนีเซียในการซ่อมเรือ 120 ลำ 1.2 การประชุมคณะอนุกรรมการร่วมด้านการข่าว ครั้งที่ 2 โดยฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 22-24 พฤศจิกายน 2552 ฝ่ายไทยได้เสนอเรื่อง “แนวโน้มและผลกระทบจากการขยายบทบาทด้านความมั่นคง ของจีนและสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ส่วนฝ่ายอินโดนีเซียเสนอเรื่อง “การก่อการร้ายในอินโดนีเซีย” เพื่อเป็นกรณีศึกษาในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดทั้งสองประเทศเห็นชอบ ให้มีการแลกเปลี่ยนข่าวกรองครั้งที่ 3 โดยอินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพในห้วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2553 รวม ทั้งให้เพิ่มการประชุมและแลกเปลี่ยนการเยือนระดับเจ้าหน้าที่มากขึ้น และให้มีการพัฒนาระบบการติดต่อสื่อสาร ระหว่างงานด้านการข่าวและในระดับกองทัพให้มากยิ่งขึ้น 1.3 การประชุมคณะอนุกรรมการร่วมด้านยุทธการ ครั้งที่ 2 โดยฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ 2553 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศเห็นชอบให้เร่งจัดทำระเบียบปฏิบัติประจำ การร่วมลาดตระเวนในช่องแคบมะละกาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนความร่วมมือด้าน HA/DA ควรดำเนินการในกรอบ ของอาเซียน สำหรับการรักษาสันติภาพร่วม เห็นชอบให้เร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรม และได้เสนอให้มีการแลก เปลี่ยนการเยือน และการดำเนินกิจกรรมของกองบัญชาการกองทัพไทยและเหล่าทัพร่วมอินโดนีเซียให้สอดคล้อง กับเที่ยวบินของเครื่องบินกองทัพอากาศของทั้งสองประเทศที่บินไป-มา ระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย เพื่อประหยัด ค่าใช้จ่าย 1.4 การประชุมคณะอนุกรรมการร่วมด้านการฝึกและศึกษา ครั้งที่ 2 โดยฝ่ายอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-4 มีนาคม 2553 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดทั้งสองประเทศเห็นชอบให้เร่งรัดการฝึก ผสมด้านการต่อต้านการก่อการร้ายสากลและการแพทย์ รวมทั้งให้ศึกษาความเป็นไปได้และจัดการฝึกร่วม/ผสม ระหว่างกองทัพไทยกับอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ได้สนับสนุนการแลกเปลี่ยนหลักสูตรและการสัมมนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนการศึกษาระดับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรเพื่อให้นายทหารระดับสูงระหว่างกองทัพ ทั้งสองมีความคุ้นเคยกันมากขึ้น 2. รับทราบแผนการประชุมในห้วงปี พ.ศ. 2553-2554 ที่สำคัญ ได้แก่ การประชุมคณะกรรมการระดับ สูง ไทย-อินโดนีเซีย ครั้งที่ 5 ในเดือนเมษายน 2554 การประชุมคณะกรรมการอนุกรรมการร่วมด้านการข่าว ครั้ง ที่ 3 ในเดือนมิถุนายน 2553 การประชุมคณะกรรมการร่วมด้านยุทธการ และการประชุมคณะอนุกรรมการร่วม ด้านการฝึกและศึกษา ครั้งที่ 3 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 รวมทั้งกำหนดการประชุมคณะกรรมการระดับสูง ไทย- อินโดนีเซีย ครั้งที่ 5 ในห้วงเดือนเมษายน 2554 โดยไทยเป็นเจ้าภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
35375 | สรุปผลการประชุมรัฐมนตรีด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 2 | ทส | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอสรุปผลการประชุม
รัฐมนตรีด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 2 ณ เกาะเจจู สาธารณรัฐเกาหลี สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1. ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างผู้แทนระดับสูง ของกระทรวงด้านสิ่งแวดล้อมและกระทรวงสาธารณสุขของ 14 ประเทศ 2. ที่ประชุมให้ความเห็นชอบต่อแผนงานของคณะทำงานวิชาการระดับภูมิภาคในปี ค.ศ. 2010-2013 ของคณะทำงาน 6 สาขา และเห็นชอบให้มีการเพิ่มคณะทำงานใหม่ในสาขาที่ 7 การประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (Health Impact Assessment : HIA) โดยมีสาธารณรัฐเกาหลี เป็นประธาน และเห็นชอบแผนงานในปี ค.ศ. 2010 -2013 ของคณะทำงานสาขาที่ 7 3. ที่ประชุมรับรองปฏิญญาเจจูด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยไม่มีการลงนาม และใช้เป็นกรอบการ ดำเนินงานความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก รวมทั้ง สนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประเทศสมาชิกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยได้ปรับ แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างปฏิญญาฯ อาทิ การให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม และการมีสุขภาพที่ดีของประชาชน รวมทั้งการมีสุขภาพดีของเด็ก การเปลี่ยนแปลงชื่อคณะทำงานวิชาการระดับภูมิภาค จากสาขาน้ำสะอาดสุขอนา มัย และการสุขาภิบาล เป็นสาขาน้ำสะอาด การสุขาภิบาลและสุขอนามัย และเสนอให้ Forum ด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก เป็นเวทีหลักที่จะเอื้ออำนวยให้เกิด ความร่วมมือการดำเนินงานในด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขให้ครอบคลุมทุกสาขา เพื่อเอื้ออำนวยให้เกิดความ ร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
35376 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซีย ประจำปี 2552 | พน | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานประจำปี (Annual Report) และรายงาน
งบการเงิน (Audited Account) ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย (Malaysia-Thailand Joint Authority : MTJA) ประจำ ปี พ.ศ. 2552 ดังนี้ 1. รายงานประจำปี (Annual Report) 1.1 กิจกรรมที่สำคัญ ประกอบด้วย กิจกรรมด้านการสำรวจ การประเมินปริมาณสำรอง การพัฒนา แหล่งปิโตรเลียม และการผลิตปิโตรเลียมในแปลง A-18 แปลง B-17 และแปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมฯ โดยในปี พ.ศ. 2552 มีการผลิตก๊าซธรรมชาติจากแปลง A-18 รวมทั้งสิ้น 304.66 พันล้านลูกบาศก์ฟุต ในอัตรา เฉลี่ยวันละ 434.7 ล้านลูกบาศก์ฟุต ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2552 มีก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ส่งให้ประเทศไทย จำนวน 185 พันล้านลูกบาศก์ฟุต โดยผ่านท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ไปยังโรงไฟฟ้าจะนะที่จังหวัดสงขลา และผ่านท่อ ประธานเส้นที่ 3 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ขึ้นไปที่จังหวัดระยอง 1.2 ผลประกอบการปี พ.ศ. 2552 ขององค์กรร่วมฯ ได้จากการขายปิโตรเลียมโดยการผลิตจากแปลง A-17 และแปลง B-17 ก่อให้เกิดรายได้ขององค์กรร่วมฯ ในรูปของค่าภาคหลวง 153,319,760 ดอลลาร์สหรัฐ ปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไร 326,274,192 ดอลลาร์สหรัฐ และรายได้อื่น 3,376,211 ดอลลาร์สหรัฐ และได้นำส่ง ให้แก่รัฐบาลทั้งสอง ทำให้สถานะของกองทุนองค์กรร่วมฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มียอดรวม 58,429,111 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2552 องค์กรร่วมฯ ได้นำส่งรายได้จากการผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วมฯ ให้ แก่รัฐบาลไทย 234,177,472 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 7,979 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับรายได้ที่ส่งให้แก่รัฐบาล มาเลเซีย 2. รายงานงบการเงิน (Audited Account) บริษัท M/s Ernst & Young ผู้สอบบัญชีมีความเห็นว่ารายงาน งบการเงินประจำปี พ.ศ. 2552 ขององค์กรร่วมฯ แสดงข้อมูลโดยถูกต้องตามที่ควรสอดคล้องกับสถานะการดำเนิน งาน รายรับและรายจ่าย และงบกระแสเงินสดขององค์กรร่วมฯ ณ สิ้นปี พ.ศ. 2552
|
||||||||||||||||||||||||
35377 | การดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (การทบทวนประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน) | รง | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการ
นำเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน จำนวน 100 ล้านบาท ส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน โดยกรมการจัดหา งานได้ดำเนินการนำเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน จำนวน 100 ล้านบาท ส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดินใน ระบบ GFMIS เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2553
|
||||||||||||||||||||||||
35378 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานบุรีรัมย์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 3 ฉบับ | กษ | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียก เก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยสวาย ในท้องที่ตำบล สองชั้น อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาเขียว เป็นทางน้ำชลประทานที่จะ เรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตาเขียว ในท้องที่ ตำบลบึงเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน 3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำลำตะโคง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียก เก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำลำตะโคง ในท้องที่ตำบล นิคม อำเภอสตึก และตำบลหัวฝาย อำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชล ประทาน
|
||||||||||||||||||||||||
35379 | ขออนุมัติชำระเงินค่าบำรุงประจำปีองค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา และเงินค่าบำรุงศาลประจำอนุญาโตตุลาการ | กต | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1.1 เห็นชอบการเบิกจ่ายค่าบำรุงประจำปีองค์การที่ปรึกษากฎหมายแห่งเอเชียและแอฟริกา (Asian-African Legal Consultative Organization-AALCO) ในอัตรา 10,970 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับค่าบำรุงประจำปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) และอนุมัติในหลักการที่จะจ่ายค่าบำรุงประจำปี AALCO ในปีต่อ ๆ ไป ตามอัตราที่เรียกเก็บโดยสำนักเลขาธิการ AALCO 1.2 เห็นชอบการเบิกจ่ายค่าบำรุงศาลประจำอนุญาโตตุลาการประจำปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) ในอัตรา 3,237 ยูโร และอนุมัติในหลักการที่จะจ่ายค่าบำรุงประจำปีในปีต่อ ๆ ไป ตามอัตราที่เรียกเก็บโดยสำนักเลขาธิการศาลประจำอนุญาโตตุลาการ 2. ส่วนรายละเอียดของการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
35380 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันก่อสร้างอาคารบริการ 3 ชั้น และชั้นใต้ดิน 1 ชั้น (อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน ผู้ป่วยหนัก ไตเทียม และผ่าตัด) โรงพยาบาลหนองคาย | สธ | 16/08/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โรงพยาบาลหนองคายก่อหนี้ผูกพันก่อสร้างอาคารบริการ 3 ชั้น และชั้นใต้ดิน
1 ชั้น (อาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน ผู้ป่วยหนัก ไตเทียม และผ่าตัด) แบบเลขที่ 10530 พื้นที่ใช้สอย 8,505 ตารางเมตร จำนวน 1 หลัง ในวงเงิน 138,589,000 บาท ที่โรงพยาบาลหนองคาย จังหวัดหนองคาย ด้วยเงินบำรุงโรงพยาบาล หนองคาย โดยผูกพันตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-พ.ศ. 2556 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|