ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 6 จากทั้งหมด 20 หน้า แสดงรายการที่ 101 - 120 จากข้อมูลทั้งหมด 396 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
101 | ร่างปฏิญญาว่าด้วยนโยบายการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและทั่วถึง | อว. | 18/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาว่าด้วยนโยบายการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและทั่วถึง
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นผู้เข้าร่วมรับรองปฏิญญาดังกล่าว โดยร่างปฏิญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตจำนงร่วมกันในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ
กระตุ้นให้เกิดการวิจัยการพัฒนา และนวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบและความเท่าเทียมกัน
เพื่อการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพต่อความท้าทายของวิกฤตระดับโลก
รวมทั้งเพื่อเร่งความก้าวหน้าไปสู่การบรรลุเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และเพื่อเพิ่มความเป็นอยู่ที่ดีทั้งเชิงเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนโดยไม่จำกัดสาขาความร่วมมือ
ซึ่งครอบคลุม ๔ กิจกรรม เช่น การออกแบบและการขับเคลื่อนนโยบาย การเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม
การเสริมสร้างค่านิยมร่วมในความร่วมมือระหว่างประเทศและการกำกับดูแลเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
(สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ) รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
(หนังสือกระทรวงการต่างประเทศ ที่ กต ๐๗๐๓/๒๖๗ ลงวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗) เห็นว่าร่างปฏิญญาฯ
ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้ข้อบังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาว่าด้วยนโยบายการเปลี่ยนแปลงด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและทั่วถึง
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
102 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสถานีวิจัยดวงจันทร์ระหว่างประเทศ ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน | อว. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสถานีวิจัยดวงจันทร์ระหว่างประเทศ
ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน
และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเพื่อมุ่งส่งเสริมความร่วมมือที่ให้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (China National Space Administration - CNSA) ในการพัฒนาสถานีวิจัยดวงจันทร์ระหว่างประเทศ
โดยครอบคลุมทั้งด้านการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และการทำวิจัยในสาขาที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
เห็นว่าร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
103 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกเพื่อสันติ | อว. | 02/04/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกเพื่อสันติ (Memorandum of Understanding between the Ministry of Higher Education, Science, Research and Innovation of the Kingdom of Thailand and China National Space Administration on Cooperation in the Exploration and Use of Outer Space for Peaceful Purposes) และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อวางรากฐานสำหรับการพัฒนาและดำเนินความร่วมมือที่ก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันในการสำรวจและการใช้อวกาศส่วนนอกเพื่อสันติ โดยมีสาระสำคัญในการพัฒนาอย่างสันติในสาขาวิทยาศาสตร์อวกาศ เทคโนโลยีอวกาศ และการประยุกต์ใช้อวกาศเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมถึงเพื่อกระชับความร่วมมือไทย-จีนในด้านอวกาศอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรพิจารณาปรับแก้ถ้อยคำบางประการในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
104 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติทดแทนตำแหน่งที่ว่าง (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปฐมพร ศิรประภาศิริ) | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปฐมพร ศิรประภาศิริ
เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (สาขาแพทยศาสตร์) ในคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ มีนาคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ โดยผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
105 | ร่างกฎกระทรวงความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขความร่วมมือระหว่างสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชนในการจัดการศึกษา
การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม และด้านอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
106 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การนำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมาพัฒนาการศึกษาและมหาวิทยาลัยไทย ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การนำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมาพัฒนาการศึกษาและมหาวิทยาลัยไทย ของคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา โดยสรุปผลการพิจารณาว่า
เห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าว โดยกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้ดำเนินโครงการ Reinvention University เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัย
และได้มีการประยุกต์ใช้แนวคิดการประเมินในรูปแบบ U-Multirank
เพื่อกำหนดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ตามกฎกระทรวงการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๔ มีการกำหนดตัวชี้วัดการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกไว้ในแผน ด้านการอุดมศึกษาเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๐ และได้ยกร่างแผนการดำเนินงานการสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือของสถาบันอุดมศึกษาไทยกับเครือข่ายนานาชาติ
รวมทั้งได้ออกประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา เรื่อง แนวทางการดำเนินงานคลังหน่วยกิตในระดับอุดมศึกษา
พ.ศ. ๒๕๖๕ และประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการเทียบโอนหน่วยกิตและผลการศึกษาในระดับอุดมศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๕
เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับผู้ที่ไม่มีสถานภาพเป็นนักศึกษาสามารถนำผลการเรียนและผลลัพธ์การเรียนรู้จากวิชาและหลักสูตรต่าง
ๆ หรือนำประสบการณ์ทำงานมาเทียบโอนและสะสมหน่วยกิตไว้ที่คลังหน่วยกิตแห่งชาติ
แล้วสามารถนำมาขอรับปริญญาบัตร จากสถาบันอุดมศึกษาของไทยได้ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
107 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
แนวทางการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิดภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ของคณะกรรมาธิการการศาสนา
คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแล้วสรุปผลการพิจารณาว่าการจัดตั้งสถาบันภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน
(องค์การมหาชน) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูล ค้นคว้า เผยแพร่
ส่งเสริมและสนับสนุนเกี่ยวกับภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน รวมทั้งทำหน้าที่บูรณาการขับเคลื่อนงานกับภาคส่วนต่าง
ๆ เพื่อวางกรอบนโยบายเกี่ยวกับภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน ซึ่งปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่มีภารกิจดังกล่าว
เช่น กระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย)
สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยภาษาและนวัตกรรมเอเชีย
มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันภาษาไทยสิรินธรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนั้น
เพื่อไม่ให้เกิดความทับซ้อนของภารกิจ
จึงเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นในการจัดตั้งสถาบันภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดินเป็นองค์การมหาชน
อย่างไรก็ตาม ควรจัดตั้งสถาบันฯ ให้เป็นหนึ่งในสถาบันภายใต้วิทยสถานด้านสังคมศาสตร์
มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (Thailand Academy of Social Sciences, Humanities and Art :
TASSHA) หรือ “ธัชชา” ร่วมกับสถาบันที่มีอยู่แล้ว ได้แก่
สถาบันสุวรรณภูมิศึกษา สถาบันโลกคดีศึกษา สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง
สถาบันพิพิธภัณฑ์ศิลปกรรมแห่งชาติ และสถาบันช่างศิลป์ท้องถิ่น เนื่องจากบทบาทและพันธกิจของธัชชาเป็นไปในลักษณะเดียวกับบทบาทของสถาบันฯ
เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาวอันเนื่องมาจากการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจากการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงาน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
108 | ขอความเห็นชอบแผนความต้องการอัตรากำลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2572 | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแผนความต้องการอัตรากำลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์
ศูนย์พัทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒ จำนวน ๖๖๒ อัตรา
งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒๓๗,๙๘๖,๔๐๐ บาท ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน
ก.พ.ร. รวมทั้งข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การขอกรอบอัตรากำลังเพิ่มใหม่ควรดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลังที่กำหนดไว้ในมาตรฐานการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ
(พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) การจ้างบุคลากรในสายสนับสนุนควรพิจารณาตามความจำเป็นและความเหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ
โดยใช้รายได้ของมหาวิทยาลัยมาสมทบเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับงบประมาณรองรับแผนอัตรากำลังดังกล่าวให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยพิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจหลักอย่างประหยัดและคุ้มค่า
และคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน
โดยใช้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นลำดับแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
109 | การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว. | 26/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามความในมาตรา ๔๒
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
110 | ขอความเห็นชอบแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2571 | อว. | 19/03/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแผนอัตรากำลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๑ ของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน ๗๓๑ งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๒๐๘,๐๗๕,๓๒๐ บาท และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและมหาวิทยาลัยพะเยารับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
และข้อสังเกตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักการและแนวทางการบริหารจัดการอัตรากำลัง
การจ้างงานบุคลากรในสายสนับสนุนควรพิจารณารูปแบบตามความจำเป็นและความเหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจ
โดยใช้เงินรายได้ของมหาวิทยาลัยมาสมทบเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรดังกล่าวให้สอดคล้องกับศักยภาพในการจัดการศึกษาและรายได้ของมหาวิทยาลัย
การขยายศักยภาพของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยาในการให้บริการจาก ๕๖ เตียง เป็น ๒๖๔
เตียง ภายในปี ๒๕๗๑ ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การจัดตั้งและปรับศักยภาพของหน่วยบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับงบประมาณรองรับแผนอัตรากำลังดังกล่าว
ให้มหาวิทยาลัยพะเยาขอรับการจัดสรรงบประมาณโดยพิจารณาดำเนินการเท่าที่จำเป็นตามภารกิจหลักอย่างประหยัดและคุ้มค่า
และคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่าย
โดยเฉพาะรายได้หรือเงินนอกงบประมาณอื่นใดที่มหาวิทยาลัยมีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายเป็นลำดับแรก
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ
และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐอย่างยั่งยืน
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
111 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการด้านความปลอดภัยของผู้รับใบอนุญาต กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงมาตรฐานเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | อว. | 27/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการด้านความปลอดภัยของผู้รับใบอนุญาตกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
พ.ศ. ๒๕๕๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ในการจัดทำและดำเนินการให้เป็นไปตามแผนป้องกันอันตรายจากรังสี กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
และร่างกฎกระทรวงมาตรฐานเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรงและความปลอดภัยในการก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักความปลอดภัยทางนิวเคลียร์สำหรับก่อสร้างสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และสถานที่ให้บริการจัดการกากกัมมันตรังสี
รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าควรพิจารณาดำเนินการให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดโครงการ กิจการ หรือการดำเนินการที่อาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ของประชาชนในชุมชนอย่างรุนแรง ซึ่งต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
ในลำดับที่ ๑๑.๔ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ทุกขนาด โดยให้เสนอรายงานฯ
ในขั้นขออนุญาตก่อสร้างเพื่อประกอบกิจการ หรือในขั้นขออนุญาตประกอบกิจการ
แล้วแต่กรณี และควรพิจารณากำหนดแนวทางในการบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผน
๓ ด้าน ได้แก่ (๑) แผนป้องกันอันตรายจากรังสี (๒) แผนฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี
และ (๓) แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และควรพิจารณาเร่งกำหนดระเบียบประกาศ
หรือคู่มือในการดำเนินงานอย่างชัดเจน เพื่อเป็นการป้องกันมิให้เกิดข้อโต้แย้งในทางปฏิบัติรวมถึงประเด็นการกำหนดมาตรฐานในการติดตั้งและใช้อุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อความปลอดภัยในสถานประกอบการทางนิวเคลียร์ต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานสากล
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติต้องพิจารณาในแง่ของมาตรฐานสากลที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน
เพื่อนำมากำหนดเป็นระเบียบหรือคู่มือเกี่ยวกับมาตรฐานสำหรับสถานประกอบการฯ
สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมต่อไป ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
112 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและเนื้อที่ที่ดิน ที่จะใช้เป็นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... | อว. | 20/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและเนื้อที่ที่ดิน
ที่จะใช้เป็นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกกฎกระทรวงกำหนดลักษณะและเนื้อที่ที่ดิน
ที่จะใช้เป็นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙
เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดลักษณะและเนื้อที่ที่ดินที่จะใช้เป็นที่จัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาเอกชนจากการกำหนดเนื้อที่ที่ดินขั้นต่ำที่สถาบันอุดมศึกษาเอกชนในแต่ละประเภทพึงมี
เป็นการกำหนด “พื้นที่ใช้สอย” ตามลักษณะการใช้ประโยชน์บนเนื้อที่ที่ดินของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแทน
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
113 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะและครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 06/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ (ฉบับที่.. พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อ และประจำสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์
และกำหนดปริญญาชั้นปริญญาโทเพิ่มขึ้นในสาขาวิชาเทคโนโลยี ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
114 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | อว. | 06/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้
ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย
ขอให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือในสาขาวิชาการ วิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี ระหว่างสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของความเสมอภาค ผลประโยชน์ร่วมกันและความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-กัมพูชา
โดยเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับที่มีอยู่ของแต่ละประเทศ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านวิชาการ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
115 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะและครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 06/02/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา
และสีประจำสาขาวิชาสำหรับสาขาวิชารัฐศาสตร์ที่ได้เปิดสอนเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
116 | รายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ประจำปี 2565 | อว. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
ประจำปี ๒๕๖๕ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ (๑) การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
พ.ศ. ๒๕๕๘ เช่น ๑ การจัดทำกฎหมายลำดับรองประกอบการบังคับใช้พระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ฯ
จำนวน ๓๑ ฉบับ ๒) รับคำขอใบอนุญาตใช้-ผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ๓) จัดทำระบบการให้บริการแบบออนไลน์
และ ๔) จัดทำแผนกลยุทธ์ว่าด้วยการพัฒนางานสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๙
และแผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๖๙ (๒) ผลการดำเนินการที่สำคัญ เช่น ๑) มีสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์
๓๐๓ แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการวิจัยมากที่สุด ๒)
มีการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ๑๖๒.๘๐ ล้านตัว
โดยหนูเมาส์เป็นสัตว์ทดลองที่นิยมใช้มากที่สุด ๓)
มีผู้ใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ยื่นขอรับใบอนุญาต ๑,๒๘๒ คน ๔)
มีผู้ผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ยื่นขอรับใบอนุญาต ๓ คน และ ๕) มีการแจ้งนำเข้าสัตว์จากต่างประเทศ
๕๕๓ ตัว และแจ้งส่งออกสัตว์ไปยังต่างประเทศ ๘๖,๔๑๖ ตัว และ (๓)
การพัฒนางานการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ในระยะต่อไป เช่น
พัฒนาคุณภาพสัตว์ทดลองทั้งชนิดและปริมาณให้หลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้สัตว์พัฒนาสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ให้ได้มาตรฐาน
พัฒนาบุคลากร พัฒนาหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ฯ
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
117 | กรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 และระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ | สอวช. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ รวมทั้งระบบการจัดสรร และบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษาในความรับผิดชอบของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๑๐๘,๑๔๙,๗๒๗,๓๐๐ บาท และกรอบวงเงินงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ จำนวน ๔๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท นั้น
สำนักงบประมาณจะพิจารณาตามประมาณการรายรับและฐานะการคลังของประเทศ
โดยคำนึงถึงภารกิจและความจำเป็นในการดำเนินการให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ และนโยบายสำคัญของรัฐบาล
รวมทั้งการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโดยผ่านกลไกของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และเกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการภาครัฐ
ตามนัยพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
118 | ขออนุมัติรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม | อว. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการการยื่นคำของบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป
ตามนัยมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โครงการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ภูเก็ต (พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๑)
ในวงเงินงบประมาณ ๓,๑๔๐,๓๑๓,๐๐๐ บาท ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๑) และโครงการผลิตนักฉุกเฉินการแพทย์ด้วยการจัดการศึกษาที่แตกต่างจากมาตรฐานการอุดมศึกษา
ระยะที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๘-๒๕๗๒ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ในวงเงินงบประมาณ ๒,๙๘๐ ล้านบาท และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด พิจารณาถึงความจำเป็นและภารกิจของหน่วยงานของรัฐที่ขอรับจัดสรรงบประมาณ
ฐานะเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานของรัฐที่สามารถใช้จ่ายได้
รวมตลอดถึงรายได้หรือเงินอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐนั้นมีอยู่หรือสามารถนำมาใช้จ่ายได้
และความสามารถในการใช้จ่าย และการก่อหนี้ผูกพันของหน่วยงานของรัฐภายในปีงบประมาณนั้น
รวมทั้งพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการให้เหมาะสมกับความจำเป็นเร่งด่วน
ศักยภาพในการดำเนินการตลอดจนสถานะการเงินการคลังของประเทศ
และคำนึงถึงภาระผูกพันงบประมาณในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
119 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (1. นายสิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ฯลฯ รวม 5 คน) | อว. | 30/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม รวม ๕ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๐ มกราคม ๒๕๖๗) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นายสิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการ ๒. นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ๓. นายวีระพงษ์ แพสุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์ ๔. นายปังปอนด์ รักอำนวยกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ ๕. นายอาร์ม ตั้งนิรันดร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านมนุษยศาสตร์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
120 | ข้อเสนอนโยบายการกำหนดเงื่อนไขว่าด้วยการสร้างความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมในประเทศอันเกิดจากการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศของภาครัฐ (Offset) | อว. | 16/01/2567 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการข้อเสนอนโยบายการกำหนดเงื่อนไขว่าด้วยการสร้างความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมในประเทศอันเกิดจากการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศของภาครัฐ (Offset) และมอบหมายให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงการคลังร่วมกันจัดทำกฎกระทรวงหรือปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งกำหนดแนวปฏิบัติตามข้อเสนอนโยบายดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมใช้ข้อเสนอนโยบายการกำหนดเงื่อนไขว่าด้วยการสร้างความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมในประเทศอันเกิดจากการจัดซื้อจัดจ้างจากต่างประเทศของภาครัฐ (Offset)
เป็นกรอบแนวทางสำหรับการเจรจาทำความตกลงการค้าระหว่างประเทศ Free
Trade Agreement (FTA “European Union-Thailand Free Trade Agreement : EU-THAILAND
FTA” ครั้งที่ ๒
โดยไม่ถือว่าข้อเสนอนโยบายในครั้งนี้เป็นข้อจำกัดในการเจรจา FTA กับ EU ในเรื่องอื่น ๆ ที่จะมีขึ้นในโอกาสต่อ ๆ ไป
เช่น ความตกลงด้านการเกษตร ด้านพาณิชย์ และให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนักงบประมาณและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า
รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบในทุกมิติ และภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการกำหนดโครงสร้างและขอบเขตการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดต่าง
ๆ ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนและบริหารนโยบาย Offset ให้มีความสอดคล้องและบูรณาการการทำงานระหว่างกันอย่างเป็นระบบ
รวมทั้งกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักที่มีกลไกและอำนาจหน้าที่อย่างชัดเจน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|