ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 92 จากทั้งหมด 513 หน้า แสดงรายการที่ 1821 - 1840 จากข้อมูลทั้งหมด 10242 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1821 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... | มท | 28/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลอรัญประเทศ บางส่วนของตำบลบ้านใหม่หนองไทร บางส่วนของตำบลป่าไร่ บางส่วนของตำบลฟากห้วย และบางส่วนของตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1822 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2524 มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. 2555 พ.ศ. .... | มท | 28/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๕ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้นำราคาปานกลางของที่ดินที่ใช้อยู่ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ ซึ่งใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1823 | รายงานการแก้ไขปัญหาการเล่นการพนัน "หวยหุ้น" | มท | 22/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานความคืบหน้าการดำเนินการปราบปรามการเล่นการพนัน “หวยหุ้น” โดยจังหวัดต่าง ๆ ได้รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการปราบปรามการเล่นการพนัน “หวยหุ้น” แล้ว จำนวน ๓๕ จังหวัด ซึ่งในจำนวนนี้มี ๒๒ จังหวัด (จังหวัดขอนแก่น ชุมพร เชียงใหม่ นครนายก นครพนม น่าน บึงกาฬ ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี เพชรบุรี แพร่ พระนครศรีอยุธยา แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ราชบุรี เลย ลำพูน สระบุรี สิงห์บุรี และอ่างทอง) ไม่มีผู้มีพฤติการณ์ต้องสงสัยว่าเล่นการพนัน “หวยหุ้น” ส่วนอีก ๑๓ จังหวัด (จังหวัดกระบี่ กาญจนบุรี ชลบุรี ชัยภูมิ ตาก ภูเก็ต ศรีสะเกษ สกลนคร สระแก้ว สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี อุดรธานี และอุตรดิตถ์) มีผู้มีพฤติการณ์ต้องสงสัยในฐานะเจ้ามือ จำนวน ๑๐๒ คน ในฐานะผู้เดินโพย จำนวน ๒๙๒ คน จับกุมดำเนินคดีในฐานะเจ้ามือ จำนวน ๔ คน ในฐานะผู้เดินโพย จำนวน ๔๔ คน และเลิกพฤติการณ์แล้วในฐานะเจ้ามือ จำนวน ๒๔ คน ในฐานะผู้เดินโพย จำนวน ๕๓ คน
|
|||||||||||||||||||||||||||
1824 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทย) | มท | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรชัย ศรีสารคาม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ๒. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ๓. นางสาวจิตรา พรหมชุติมา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี
|
|||||||||||||||||||||||||||
1825 | โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะกูด เกาะหมาก จังหวัดตราด) | มท | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะกูด และเกาะหมาก จังหวัดตราด) ในวงเงินลงทุนรวม ๑,๔๑๓ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ จำนวน ๑,๐๕๙ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟภ. จำนวน ๓๕๔ ล้านบาท รวมทั้งการกู้เงินในประเทศ จำนวน ๑,๐๕๙ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓ - ๒๕๕๗ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑.๑ วัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าให้สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของเกาะกูด และเกาะหมาก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง ๑.๑.๒ เป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ เชื่อมโยงระบบจำหน่าย ๒๒ กิโลโวลต์ ด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะกูด เกาะหมาก จังหวัดตราด ๑.๑.๓ ปริมาณงาน ก่อสร้างเชื่อมโยงระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำระบบ ๒๒ กิโลโวลต์ ไปยังเกาะกูด เกาะหมาก จังหวัดตราด รวมระยะทางประมาณ ๕๐ วงจร - กิโลเมตร พร้อมก่อสร้างระบบจำหน่ายแรงสูง หม้อแปลง และระบบจำหน่ายแรงต่ำ ๑.๑.๔ ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการฯ ได้แก่ เพิ่มขีดความสามารถและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าบนเกาะให้สามารถจ่ายไฟได้อย่างเพียงพอและมีคุณภาพเชื่อถือได้ รวมทั้งลดค่าใช้จ่ายในส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับโรงจักรไฟฟ้าดีเซลทั้งของ กฟภ. และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟ ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ตามนโยบายของรัฐบาล ๑.๒ ผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๓๕ (เรื่อง แผนแม่บทการจัดการปะการังของประเทศ ในการดำเนินโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสาเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะกูด เกาะหมาก จังหวัดตราด) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการพิจารณาแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินงานอย่างรอบคอบและเหมาะสมเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของ กฟภ. ในอนาคต การพิจารณาจัดทำแผนและเส้นทางการวางสายเคเบิลใต้น้ำที่ชัดเจน การกำหนดมาตรการป้องกันการเกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในระหว่างการก่อสร้างและระบุไว้เป็นเงื่อนไขสำคัญในขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) ของโครงการฯ เพื่อลดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในระหว่างการก่อสร้าง การดำเนินการตามมาตรการและแผนปฏิบัติการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลในพื้นที่เกาะกูด และเกาะหมาก ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่าของประเทศ การพิจารณากำหนดอัตราค่าไฟฟ้าพิเศษสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และบังกะโล บนเกาะต่าง ๆ รวมถึงเกาะกูด และเกาะหมาก จังหวัดตราด โดยกำหนดค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ประกอบการให้มีอัตราที่สูงกว่าผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย เพื่อให้สะท้อนต้นทุนโครงการฯ ที่เกิดขึ้นจริง และค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวไม่ให้เกินขีดความสามารถในการรองรับการพัฒนาของพื้นที่ การศึกษาขีดความสามารถในการรองรับการพัฒนา (Carrying Capacity) ของเกาะกูด และเกาะหมาก การจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ แผนการจัดการสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ เพื่อกำหนดทิศทางและควบคุมการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และธุรกิจท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต เป็นต้น ไปดำเนินการด้วย ๓. ให้ กฟภ. ดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลโดยเฉพาะแนวปะการังให้น้อยที่สุด รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมดูแลและรักษาทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่อย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับการพัฒนาของพื้นที่ การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคมและธุรกิจท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ให้ กฟภ. พิจารณากำหนดอัตราค่าใช้ไฟฟ้าให้เกิดความเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าเดิมประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ควรรับภาระในอัตราที่ต่ำกว่าผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทผู้ประกอบการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1826 | การปรับอัตราเงินค่าตอบแทนและค่าเบี้ยเลี้ยงสนามของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน | มท | 13/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้ปรับอัตราค่าตอบแทนและค่าเบี้ยเลี้ยงสนามของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ปรับอัตราค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๔ เป็นต้นไป สำหรับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก จำนวน ๙๐,๙๑๔,๕๐๐ บาท ให้กรมการปกครองโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายที่กันเงินไว้เหลื่อมปี ในส่วนที่ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์และหมดความจำเป็นก่อน และหากไม่เพียงพอให้เจียดจ่ายหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มาดำเนินการตามลำดับ ๒. ปรับค่าเบี้ยเลี้ยงสนาม จากอัตราเดิม ๕๕ บาท ต่อคนต่อวัน เป็นอัตรา ๑๒๐ บาท ต่อคนต่อวัน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เป็นต้นไป สำหรับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ รายการค่าเบี้ยเลี้ยงสนามของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ที่ได้เสนอตั้งงบประมาณไว้แล้ว จำนวน ๒๖๕,๖๗๙,๗๐๐ บาท |
|||||||||||||||||||||||||||
1827 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดหลักเกณฑ์การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในเรื่องไถ่ถอนและมรดก ฯ) | มท | 07/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ทบวงการเมือง” ให้หมายความรวมถึงหน่วยงานอื่นของรัฐด้วย แต่ไม่รวมถึงรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกรมที่ดินที่ประสงค์จะให้หน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการขอใช้ประโยชน์ตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ ๒. แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจดทะเบียนไถ่ถอนจากจำนอง ไถ่ถอนจากการขายฝาก การจดทะเบียนสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางมรดก และการจดทะเบียนลงชื่อผู้จัดการมรดกในหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน โดยให้รวมถึงอสังหาริมทรัพย์อื่นนอกจากที่ดินด้วย เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่เกิดความชัดเจนและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในปัจจุบันที่มีการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อื่นนอกจากที่ดินด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1828 | การพิจารณาแต่งตั้งกรรมการสภาสถาปนิกแทนตำแหน่งที่ว่างลง | มท | 07/02/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุวิทย์ ดิษยวงศ์ เป็นกรรมการในคณะกรรมการสภาสถาปนิก แทนนายสมชาย วัฒนะวีระชัย กรรมการในคณะกรรมการสภาสถาปนิกเดิมที่ลาออก และให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1829 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตเทศบาลตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลนิเวศน์ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1830 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตเทศบาลตำบลเขาเจียก อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลเขาเจียก อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลเขาเจียก อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1831 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลทาสบชัย อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลทาสบชัย อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในเขตเทศบาลตำบลทาสบชัย อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1832 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. .... | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลหนองหาร บางส่วนของตำบลป่าไผ่ ตำบลหนองจ๊อม ตำบลสันทรายหลวง ตำบลสันนาเม็ง ตำบลสันทรายน้อย ตำบลสันพระเนตร อำเภอสันทราย ตำบลเหมืองแก้ว บางส่วนของตำบลริมใต้ บางส่วนของตำบลแม่สา บางส่วนของตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม ตำบลสันผีเสื้อ ตำบลช้างเผือก ตำบลป่าตัน ตำบลฟ้าฮ่าม ตำบลสุเทพ ตำบลหนองป่าครั่ง ตำบลศรีภูมิ ตำบลช้างม่อย ตำบลวัดเกต ตำบลพระสิงห์ ตำบลช้างคลาน ตำบลท่าศาลา ตำบลหายยา ตำบลหนองหอย ตำบลป่าแดด บางส่วนของตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ต ตำบลสันกลาง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง ตำบลไชยสถาน ตำบลท่าวังตาล ตำบลหนองผึ้ง ตำบลป่าบง ตำบลยางเนิ้ง ตำบลชมภู ตำบลดอนแก้ว ตำบลหนองแฝก ตำบลสารภี บางส่วนของตำบลขัวมุง บางส่วนของตำบลท่ากว้าง อำเภอสารภี บางส่วนของตำบลหนองควาย ตำบลสันผักหวาน บางส่วนของตำบลน้ำแพร่ ตำบลบ้านแหวน ตำบลหางดง ตำบลสบแม่ข่า ตำบลหนองแก๋ว และบางส่วนของตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคม และการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1833 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน 12 ฉบับ) | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปี จำนวน ๑๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองนครนายก พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนอ้อมใหญ่ จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๖ ๓. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองสุรินทร์ พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๖ ๔. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๕. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองฉะเชิงเทรา พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๖. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองระยอง พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๗. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองมุกดาหาร พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๘. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๙. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. ๒๕๔๙ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๒ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๑๐. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองหนองเสือ - คลองหลวง - ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. ๒๕๕๐ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๑ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ๑๑. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนหินกอง - โคกแย้ จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๑ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๑๒. ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนทับกวาง จังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๐ มีสาระสำคัญคือ ขยายระยะเวลา ครั้งที่ ๑ วันสิ้นสุดการใช้บังคับ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
1834 | การพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ 5,000 บาท (เพิ่มเติม) ในพื้นที่ 53 จังหวัด และขออนุมัติงบกลาง เพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ตามมติการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก สถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ครั้งที่ 1/2555 | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ในจังหวัดที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ จำนวน ๒๗๓,๔๒๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๓๖๗,๑๑๐,๐๐๐ บาท และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน ๔๖๗,๘๘๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๒,๓๓๙,๔๓๕,๐๐๐ บาท รวมจำนวนครัวเรือน ๗๔๑,๓๐๙ ครัวเรือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๓,๗๐๖,๕๔๕,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้กรอบวงเงินเดิม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ [เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ของประชาชน (กศอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔] ที่เหลืออยู่ เป็นเงิน ๓,๘๔๙,๐๖๕,๐๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ รายละเอียดการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท (เพิ่มเติม) ในจังหวัดที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ จำนวน ๒๗๓,๔๒๒ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๓๖๗,๑๑๐,๐๐๐ บาท มีดังนี้ ๑.๑ จังหวัดที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ จำนวน ๘ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส จำนวน ๑๔,๓๒๑ ครัวเรือน เป็นเงิน ๗๑,๖๐๕,๐๐๐ บาท ๑.๒ จังหวัดหนองบัวลำภูขอรับการช่วยเหลือกรอบครัวเรือน จำนวน ๖๒๙ ครัวเรือน และจังหวัดสมุทรปราการขอรับการช่วยเหลือกรอบครัวเรือน จำนวน ๙๐๘ ครัวเรือน รวม ๑,๕๓๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๗,๖๘๕,๐๐๐ บาท ๑.๓ ขออนุมัติหลักการให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท โดยเพิ่มหลักเกณฑ์กรณีวาตภัย และคลื่นลมแรง ทำให้บ้านพักอาศัยและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ และวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี สงขลา และจันทบุรี จำนวน ๑,๘๙๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๙,๔๘๕,๐๐๐ บาท ๑.๔ จังหวัดนครศรีธรรมราช ชุมพร ปัตตานี ยะลา สงขลา พัทลุง สุราษฎร์ธานี ตรัง นราธิวาส และระนอง ขอรับการช่วยเหลือครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท กรณีเกิดอุทกภัยเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ จำนวน ๒๕๕,๖๖๗ ครัวเรือน เป็นเงิน ๑,๒๗๘,๓๓๕,๐๐๐ บาท ๒. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท ในพื้นที่ ๕๓ จังหวัด จากเดิมที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ ออกไปอีก ๓๐ วัน และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากเดิมที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ออกไปอีก ๔๕ วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๓. ให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ครัวเรือนละ ๕,๐๐๐ บาท รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยเกี่ยวกับการกำหนดกรอบระยะเวลาให้หน่วยงานต่าง ๆ ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยแล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นเพียงระยะเวลาเร่งรัดให้หน่วยงานต่าง ๆ จัดเตรียมขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือให้พร้อมเพื่อมิให้เกิดความล่าช้า เช่น การสำรวจรายชื่อ การตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่าง ๆ การประกาศรายชื่อ การนำรายชื่อส่งธนาคารออมสิน เป็นต้น และเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้วให้ดำเนินการจ่ายได้ทันที มิได้หมายความถึงกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยแต่ประการใด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ การช่วยเหลือให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๔ [เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (กรณีอุทกภัย)] โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้การเบิกจ่ายเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกรุงเทพมหานครตรวจสอบข้อมูลรับรองความถูกต้อง และตรวจสอบความซ้ำซ้อนของครัวเรือนและแจ้งรายละเอียดข้อมูลจำนวนครัวเรือนให้ธนาคารออมสินโดยตรงด้วย โดยหากไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบก่อนสิ้นสุดระยะเวลาที่กำหนด ๑๕ วัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
1835 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) | มท | 31/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัชพร จารุจินดา เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการประปานครหลวง (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1836 | รายงานผลการจัดงาน OTOP ทั่วไทย รวมใจช่วยภัยน้ำท่วม | มท | 24/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงาน OTOP ทั่วไทย รวมใจช่วยภัยน้ำท่วม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการจัดงาน OTOP ทั่วไทย รวมใจช่วยภัยน้ำท่วม ระหว่างวันที่ ๒๔ - ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนเป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานดังกล่าว ได้รับความสำเร็จและตอบรับจากประชาชนผู้เข้าชมงานและผู้ผลิต ผู้ประกอบการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าชมงาน จำนวน ๔๙๘,๕๖๔ คน และมียอดจำหน่ายสินค้า จำนวน ๓๖๖,๔๔๕,๔๑๕ บาท ๒. กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ระดับ ๓ - ๕ ดาว จากภูมิปัญญาของชาวบ้านทุกจังหวัด และผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จากกรุงเทพมหานคร จำนวน ๘๘๕ บูธ รวม ๑,๓๘๐ กลุ่ม จำแนกเป็น ๕ ประเภทผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้ ของตกแต่ง ของที่ระลึก และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร พร้อมทั้งมีการจำหน่ายสินค้าของสภาคนพิการ การจำหน่ายสินค้าสภาวัฒนธรรม และการจำหน่ายสินค้าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) การจัดการแสดง เช่น การแสดงดนตรี การแสดงศิลปวัฒนธรรมของภาคต่าง ๆ รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสินค้า OTOP การฟื้นฟูผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP หลังน้ำท่วม การสร้างมาตรฐานสินค้า OTOP และการเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการดำเนินงาน OTOP ระหว่างผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ด้านต่าง ๆ กับกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP แต่ละประเภท เพื่อให้ผู้ผลิต ผู้ประกอบการได้ตระหนักถึงการพัฒนาสินค้า OTOP ให้มีคุณภาพได้มาตรฐานให้เป็นสินค้าพิเศษโดดเด่น คงความเป็นเอกลักษณ์ และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ๓. ผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้เข้าชมงาน OTOP ทั่วไทย รวมใจช่วยภัยน้ำท่วม ร้อยละ ๘๒.๗๓ มีความพอใจต่อการจัดงานดังกล่าว และผลการสำรวจความพึงพอใจของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ร้อยละ ๘๓.๙๐ มีความพึงพอใจต่อการจัดงานดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
1837 | ร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 24/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนำร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยกรน้ำ (กยน.) พิจารณา เพื่อให้บทบัญญัติของร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งได้กำหนดกลไกทางกฎหมายเพื่อรองรับการวางและจัดทำผังเมืองรวมให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการผังเมือง และการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการผังเมือง สอดคล้องกับการวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) พิจารณาความเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำกับผังเมืองทั้งระบบ รวมถึงการจัดระเบียบคู คลอง เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
1838 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นกรณีที่มีความจำเป็น โดยเร่งด่วน | มท | 24/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1839 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่ง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย | มท | 24/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้นายอารี ไกรนรา ออกจากตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และแต่งตั้งให้
นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1840 | สรุปผลการพิจารณาแผนงาน/โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐาน ของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ร่วมกับคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (กคฐ.) | มท | 24/01/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแผนงาน/โครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยด้านโครงสร้างพื้นฐาน ในกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๔,๙๙๕.๘๕๖ ล้านบาท ประกอบด้วย แผนงาน/โครงการ ด้านคมนาคมขนส่ง วงเงินรวม ๕๕๙.๐๐๐ ล้านบาท แผนงาน/โครงการ ด้านสถานที่ราชการและระบบสาธารณูปโภค วงเงินรวม ๔,๑๐๖.๒๖๗ ล้านบาท แผนงาน/โครงการ ด้านศาสนสถานและโบราณสถาน วงเงินรวม ๑,๕๒๐.๒๕๙ ล้านบาท แผนงาน/โครงการ ด้านสถานศึกษา วงเงินรวม ๒,๘๓๔.๘๐๕ ล้านบาท แผนงาน/โครงการ ด้านแหล่งน้ำและระบบชลประทาน วงเงินรวม ๕,๗๘๐.๘๑๔ ล้านบาท และแผนงาน/โครงการ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงินรวม ๑๙๔.๗๑๑ ล้านบาท ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ประธานกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยเสนอ ๒. ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) รับไปพิจารณาทบทวนในรายละเอียดของโครงการต่าง ๆ ร่วมกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง โดยคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน ความพร้อม และความเหมาะสมในการดำเนินโครงการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๕ [เรื่อง สรุปผลการพิจารณาแผนงาน/โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานของคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.)] ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
.....